นายจิตรพงษ์ กว้างสุขสถิตย์ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นต้นและก๊าซธรรมชาติ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการ ปตท. วันที่ 20 มีนาคมนี้ จะรายงานให้ที่ประชุมรับทราบถึงการลงทุนในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จ.ระยอง โดยยืนยันว่า โครงการที่มีการลงทุนไปแล้วจะไม่ได้รับผลกระทบหลังมีการประกาศเป็นเขตควบคุมมลพิษ รวมถึงการลงทุนใหม่กว่า 100,000 ล้านบาท ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง เพราะได้รับการเห็นชอบรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) แล้ว โดยการดำเนินการที่ผ่านมามีการดำเนินการในหลักเกณฑ์ที่สูงกว่ามาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมกำหนด
อย่างไรก็ตาม โครงการลงทุนใหม่ๆ ในอนาคต เช่น โรงแยกก๊าซธรรมชาติโรงที่ 7 และโครงการต่อเนื่องที่คาดว่าอาจจะมีลงทุนนับแสนล้านบาท อาจได้รับผลกระทบหากมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมใหม่ไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์สากล ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นด้านลงทุนต่างๆ ตามมาอีกด้วย
ทั้งนี้ ตามแผน ปตท. เตรียมโครงการลงทุนโรงแยกก๊าซฯ โรงที่ 7 มูลค่าการลงทุนกว่า 20,000 ล้านบาท กำลังแยกก๊าซฯ ประมาณ 600–700 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน โดยอาจจะเริ่มก่อสร้างในอีก 2–3 ปีข้างหน้า ซึ่งในขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบว่าก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยมีเพียงพอคุ้มค่าต่อการลงทุนระยะยาวหรือไม่ เพราะต้องการสำรองก๊าซฯ นาน 25 ปี ต้องมีสำรองเพิ่มอีก 3-4 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุต จากที่ปัจจุบันรายงานสำรองก๊าซฯ ของอ่าวไทย มีกว่า 10 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุต สำรองนาน 20 ปีเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม โครงการลงทุนใหม่ๆ ในอนาคต เช่น โรงแยกก๊าซธรรมชาติโรงที่ 7 และโครงการต่อเนื่องที่คาดว่าอาจจะมีลงทุนนับแสนล้านบาท อาจได้รับผลกระทบหากมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมใหม่ไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์สากล ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นด้านลงทุนต่างๆ ตามมาอีกด้วย
ทั้งนี้ ตามแผน ปตท. เตรียมโครงการลงทุนโรงแยกก๊าซฯ โรงที่ 7 มูลค่าการลงทุนกว่า 20,000 ล้านบาท กำลังแยกก๊าซฯ ประมาณ 600–700 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน โดยอาจจะเริ่มก่อสร้างในอีก 2–3 ปีข้างหน้า ซึ่งในขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบว่าก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยมีเพียงพอคุ้มค่าต่อการลงทุนระยะยาวหรือไม่ เพราะต้องการสำรองก๊าซฯ นาน 25 ปี ต้องมีสำรองเพิ่มอีก 3-4 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุต จากที่ปัจจุบันรายงานสำรองก๊าซฯ ของอ่าวไทย มีกว่า 10 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุต สำรองนาน 20 ปีเท่านั้น
