นายสันติ วิลาสศักดานนท์ ประธานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) กล่าวว่า การที่พื้นที่มาบตาพุดถูกประกาศให้เป็นเขตควบคุมมลพิษ ส่งผลกระทบต่อโครงการลงทุนภาคอุตสาหกรรมในพื้นที่ดังกล่าวแล้ว
นายสันติ กล่าวว่า จากการสำรวจเบื้องต้นมีโครงการที่ชะลอการลงทุนในจังหวัดระยอง 3 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 40,000 ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการโรงแยกก๊าซของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) มูลค่าลงทุน 20,000 ล้านบาท ซึ่งแม้ ปตท.มีที่ดินแล้ว แต่ตัดสินใจชะลอการลงทุนออกไปก่อน โครงการน้ำมันยูโร 4 บริษัท เอสพีอาร์ซี โรงกลั่นสตาร์ วงเงินลงทุนประมาณ 18,000 ล้านบาท และโครงการอีพร็อคซี เลซิน ของกลุ่มเบอร์รากรุ๊ป มูลค่าที่ชะลอลงทุน 2,000 ล้านบาท เป็นโครงการที่จะลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมเหมราช โดยจะลงทุนเพื่อเพิ่มการผลิต
ประธาน ส.อ.ท.กล่าวอีกว่า ขณะนี้ภาคเอกชนที่ลงทุนในมาบตาพุด ได้รับผลกระทบจากการประกาศดังกล่าว โดยกลุ่มที่ผ่านการอนุมัติผลกระทบสิ่งแวดล้อมมูลค่าลงทุนรวมประมาณ 300,000 ล้านบาท ส่วนใหญ่เดินหน้าลงทุนไปแล้วกว่า 200,000 ล้านบาท เหลือเพียงไม่กี่หมื่นล้านบาทที่ยังไม่ได้ลงทุน สำหรับกลุ่มนี้กังวลว่าเมื่อประกาศเป็นเขตควบคุมมลพิษแล้ว การกำหนดค่ามาตรฐานต่างๆ เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม จะไปอยู่ในการดูแลของจังหวัดและองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) และหวั่นว่าจะกำหนดมาตรฐานการปล่อยมลพิษเปลี่ยนไปจากปัจจุบันอีกหรือไม่ เช่น หากต้องทำตามมาตรฐานใหม่ภายใน 1-2 ปี ก็จะยากต่อการปรับเปลี่ยน เนื่องจากลงทุนเครื่องจักรไปแล้ว
นายสันติ กล่าวว่า จากการสำรวจเบื้องต้นมีโครงการที่ชะลอการลงทุนในจังหวัดระยอง 3 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 40,000 ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการโรงแยกก๊าซของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) มูลค่าลงทุน 20,000 ล้านบาท ซึ่งแม้ ปตท.มีที่ดินแล้ว แต่ตัดสินใจชะลอการลงทุนออกไปก่อน โครงการน้ำมันยูโร 4 บริษัท เอสพีอาร์ซี โรงกลั่นสตาร์ วงเงินลงทุนประมาณ 18,000 ล้านบาท และโครงการอีพร็อคซี เลซิน ของกลุ่มเบอร์รากรุ๊ป มูลค่าที่ชะลอลงทุน 2,000 ล้านบาท เป็นโครงการที่จะลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมเหมราช โดยจะลงทุนเพื่อเพิ่มการผลิต
ประธาน ส.อ.ท.กล่าวอีกว่า ขณะนี้ภาคเอกชนที่ลงทุนในมาบตาพุด ได้รับผลกระทบจากการประกาศดังกล่าว โดยกลุ่มที่ผ่านการอนุมัติผลกระทบสิ่งแวดล้อมมูลค่าลงทุนรวมประมาณ 300,000 ล้านบาท ส่วนใหญ่เดินหน้าลงทุนไปแล้วกว่า 200,000 ล้านบาท เหลือเพียงไม่กี่หมื่นล้านบาทที่ยังไม่ได้ลงทุน สำหรับกลุ่มนี้กังวลว่าเมื่อประกาศเป็นเขตควบคุมมลพิษแล้ว การกำหนดค่ามาตรฐานต่างๆ เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม จะไปอยู่ในการดูแลของจังหวัดและองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) และหวั่นว่าจะกำหนดมาตรฐานการปล่อยมลพิษเปลี่ยนไปจากปัจจุบันอีกหรือไม่ เช่น หากต้องทำตามมาตรฐานใหม่ภายใน 1-2 ปี ก็จะยากต่อการปรับเปลี่ยน เนื่องจากลงทุนเครื่องจักรไปแล้ว