xs
xsm
sm
md
lg

แม่บ้านกระเป๋าฉีกหมูพุ่งโลละ130“พาณิชย์”มุขเดิมเรียกคุยหาสาเหตุ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน-แม่บ้านร้อง หมูแพงโลละ 130 บาท พ่อค้าอ้างเหตุผลเดิม ต้นทุนขึ้น หน้าร้อนหมูโตช้า คาดราคาแพงต่อเนื่องอีก 1-2 เดือนจนกว่าจะเข้าหน้าฝน “พาณิชย์”เตรียมเรียกทุกฝ่ายในวงจรหมูหารือ พร้อมหาทางปรับสูตรคำนวณราคาใหม่

รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่า จากการสำรวจราคาเนื้อสุกรในตลาดสดทั่วกรุงเทพฯ และราคากลางของกรมการค้าภายใน พบว่าปรับราคาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเฉลี่ยที่กก.ละ 120-130 บาท โดยราคา ณ วันที่ 23 เม.ย. หมูเนื้อแดงไหล่ กก.ละ 120-125 บาท เนื้อแดงสะโพก 120-130 บาท เนื้อสันนอก 120-130 บาท และเนื้อสามชั้น 120-125 บาท โดยสาเหตุที่ขึ้นราคา เพราะต้นทุนราคาส่งจากโรงเชือดและพ่อค้าคนกลางแพงขึ้นทำให้เขียงหมูต้องขยับราคาเพิ่มขึ้นตาม

รายงานข่าวจากวงการค้าสุกร แจ้งว่า ราคาหมูเป็น และเนื้อหมูหน้าเขียง ทยอยปรับขึ้นราคาหลังจากจบเทศกาลตรุษจีนแล้ว โดยหมูเป็นทยอยขึ้นราคาจาก กก.ละ 52 บาท ถึงช่วงหลังเทศกาลสงกรานต์เฉลี่ยที่ กก.ละ 62-64 บาท ทำให้ราคาหมูเนื้อแดงหน้าเขียงขยับขึ้นต่อเนื่องจาก กก.ละ 105-110 บาท มาอยู่ที่ปัจจุบันกก.ละ 125-130 บาท

ขณะนี้เนื้อหมูอยู่ในช่วงขาดตลาด มีการผลิตออกมาน้อยกว่าความต้องการของผู้บริโภค ส่งผลให้ราคาแพงขึ้น โดยปัจจุบันความต้องการบริโภคเนื้อหมูทั่วประเทศเฉลี่ยต่อวันที่ 38,000-40,000 ตัว แต่ผู้ประกอบการผลิตได้แค่วันละ 35,000-36,000 ตัวเท่านั้น

สำหรับสาเหตุที่ทำให้เนื้อหมูออกสู่ตลาดลดลง มาจากเมื่อ 2 ปีก่อนผู้เลี้ยงหมูต้องขาดทุนมาก ทำให้บางส่วนโดยเฉพาะรายย่อยเลิกกิจการและหันไปประกอบอาชีพอื่นแทน ประกอบกับเมื่อปลายปีที่แล้ว เกิดโรคท้องร่วงติดต่อในสุกร หรือโรคพีอีดีระบาดในฟาร์มเลี้ยงเปิดอย่างรุนแรง ทำให้หมูตายเพิ่มขึ้นถึงเท่าตัว จากปกติตายเฉลี่ย 15% เพิ่มเป็น 30% ต่อหมู 100 ตัวและขณะนี้เข้าสู่ฤดูร้อน ทำให้หมูโตช้า ซึ่งเกิดขึ้นทุกปี ส่งผลให้เนื้อหมูออกสู่ตลาดไม่เพียงพอ และมีราคาแพง

ส่วนแนวโน้มราคาเนื้อหมูในอนาคตยังคาดการณ์ได้ยาก ขึ้นอยู่กับว่าจะมีการสูญเสียมากน้อยแค่ไหน แต่ในช่วง 1-2 เดือน ราคาหมูยังทรงตัวระดับสูงที่ กก.ละ 130 บาท หรือขยับแพงขึ้นได้อีกหากยอดบริโภคไม่ลดลง แต่ถ้าถึงฤดูฝน เดือน มิ.ย.-ก.ค. ราคาน่าจะลดลง เพราะอากาศเย็นทำให้หมูโตไวขึ้น และความต้องการบริโภคเนื้อหมูจะลดลง เพราะมีพืช ผัก ผลไม้และเนื้อสัตว์ตามฤดูกาลออกมาเพิ่มทางเลือกให้ผู้บริโภค ส่งผลให้การบริโภคและการผลิตสมดุลกันมากขึ้น

“ตอนนี้ยังคาดการณ์ไม่ได้ ว่าหมูจะกลับไป กก.ละ 120 บาท เมื่อไร แต่แนวโน้มหมูยังราคาแพงต่อ เนื่องจากผู้เลี้ยงหมูไม่กล้าเลี้ยงเพิ่ม เพราะกลัวขาดทุนหลังจากตอนนี้หมูเป็นราคาขึ้นมาค่อนข้างมาก เว้นแต่คนจะกินลดลง ราคาก็น่าจะกลับมาถูกได้ ส่วนการเพิ่มกำลังการผลิตทั้งวงจร ยังต้องรอ เพราะผู้เลี้ยงเองกลัวว่า หากผลิตมากจะกลับมาขาดทุนอีกครั้งแต่หากจะเพิ่มจริงต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 1 ปี เพราะวงจรชีวิตหมูตั้งแต่เกิดจนถึงโรงเชือดใช้เวลานาน”รายงานข่าวระบุ

นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า จะเรียกผู้เกี่ยวข้องในวงจรหมูตั้งแต่ผู้เลี้ยงลูกหมู หมูเป็น โรงชำแหละ และผู้ขายหน้าเขียง มาประชุมในเดือน เม.ย.นี้ เพื่อหารือโครงสร้างราคาและต้นทุนการผลิตของแต่ละส่วนว่า มีต้นทุนจากไหน เพื่อนำมาพิจารณาสูตรคำนวณราคา และหากพบว่าสูตรปัจจุบัน คือ ราคาหมูเป็น คูณสอง บวกลบสอง เท่ากับราคาเนื้อหมูหน้าเขียงไม่เป็นธรรมอาจปรับสูตรการคำนวณใหม่ให้เหมาะยิ่งขึ้น เพราะขณะนี้ได้รับร้องเรียนว่ามีส่วนต่างกำไรของโรงชำแหละ และผู้ขายหน้าเขียงสูงมาก โดยเมื่อได้ข้อมูลชัดเจนจะช่วยให้ทราบต้นทุนผลิต และสามารถกำหนดราคาให้ลดลงได้

“ตอนนี้ คงจะไม่จัดโครงการหมูธงฟ้า เพราะถูกโจมตีว่าเป็นการบิดเบือนกลไกตลาด แต่จะเข้าไปแก้ปัญหาที่ต้นตอ ที่สูตรการคำนวณราคา เพื่อให้ราคายุติธรรมกับทุกฝ่าย รวมถึงผู้บริโภค แต่ราคาที่ขึ้นขณะนี้ถือว่า เป็นไปตามฤดูกาล เชื่อว่าหากเลยฤดูร้อนไป ราคาน่าจะลดกลับมาเท่าเดิมได้”นายยรรยง
กำลังโหลดความคิดเห็น