ASTVผู้จัดการรายวัน - ผบ.ทบ.จำนนหลักฐานกระสุนยิง “สนธิ ลิ้มทองกุล” มาจากพล.ร.9 แต่ปัดความรับผิดชอบ อ้างรั่วไหลได้ ขณะที่แม่ทัพภาคที่ 1 โบ้ยมีกระจายอยู่ทั่วประเทศ แต่จะให้ความร่วมมือในการตรวจสอบ "สุริยะใส" เผย "สนธิ" เตรียมแถลงเปิดใจเหตุลอบสังหารสัปดาห์หน้า ยันจำเหตุการณ์ได้ทั้งหมด มั่นใจคนมีสีลงมือ ส่วนอาการ “อดุลย์” คนขับรถมีอาการคงที่ คาดออกจากห้องไอซียูได้ภายใน 1-2 วัน ด้าน “คำนูณ” เป็นตัวแทน 40 ส.ว.เข้าเยี่ยม เชื่อคดีลอบยิงจะคลี่คลายในไม่ช้า
วานนี้ (23 เม.ย.) เวลา 07.00 น.ที่กองการบินกรมขนส่งทหารบก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.)กล่าวถึงกรณีที่มีข่าวว่า กระสุนที่คนร้ายใช้ลอบยิงนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อนประชาธิปไตย (พธม.)เป็นกระสุนปืนเอ็ม 16 จากกองทัพภาคที่ 1 ว่าเป็นเรื่องของการประสานงานกันระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจ และกองทัพ สำหรับรายละเอียดหนังสือตนยังไม่ได้รับ อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ของกรมสรรพาวุธทหารบก และทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้คุยกัน และรู้ว่ามีกระสุน 20 นัด ที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุ โดยเป็นกระสุนจากปืน เอชเค จำนวน 17 นัด และกระสุนปืนจาก เอ็ม 16 จำนวน 3 นัด
"จากการตรวจสอบทราบกระสุนปืนเอ็ม 16 ทั้ง 3 นัด เป็นกระสุนที่แจกจ่ายจากกองทัพภาคที่ 1 ที่แจกจ่ายให้กองพลทหารราบที่ 9 (พล.ร.9) อย่างไรก็ตาม กองพลทหารราบที่ 9 มีหน่วยทหารมาก ซึ่งขณะนี้เมื่อรับทราบรายละเอียด จะตรวจสอบภายในว่ามีกระสุนเล็ดรอดออกมาได้อย่างไร แต่เป็นเรื่องที่ลำบาก เพราะกระสุนที่จ่ายไปมีจำนวนเป็นพัน เป็นหมื่นนัด หากสมมติว่า แจกจ่ายกระสุนไป 10 หน่วย การเล็ดรอดจึงยากต่อการตรวจสอบว่า เป็นหน่วยไหน และเท่าที่ทราบ เป็นกระสุนที่มาจากการฝึกของกองพลทหารราบที่ 9” ผบ.ทบ.กล่าว และว่า จากหลักฐานก็ยืนยันได้ว่า มีการรั่วไหลออกไป ในส่วนกำลังพลก็มีกฎระเบียบอยู่แล้วในการดำเนินการ ซึ่งผู้มีส่วนที่เกี่ยวข้องจะต้องได้รับโทษตามระเบียบ
มทภ.1โบ้ยมีกระจายอยู่ทั่วประเทศ
ด้าน พล.ท.คณิต สาพิทักษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 กล่าวยอมรับเช่นกันว่า กระสุนที่มีตราประทับดังกล่าวนั้น มีใช้ในหน่วยงานทางทหาร ซึ่งกระจายอยู่ทั่วประเทศ แต่จะมีการเล็ดรอดนำออกไปภายนอกหรือไม่นั้น คงตอบได้ยาก ขณะที่ก็ยืนยันว่าหน่วยงานทางทหารนั้นก็มีขั้นตอนในการควบคุมดูแลการใช้เครื่องกระสุนต่างๆ อยู่เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม พล.ท.คณิต กล่าวว่า หากมีการประสานงานมาจากหน่วยงานด้านการสืบสวนก็พร้อมที่จะให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่อยู่แล้ว เพราะทหารก็ถือเป็นเจ้าหน้าที่หน่วยงานหนึ่ง หากพบว่าใครกระทำความผิด ก็ต้องว่าไปตามนั้น ไม่มีการปกป้อง
"สรรเสริญ"ชี้ยังไม่มีข้อมูลกระสุน
พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก เปิดเผยถึงเรื่องเดียวกันว่า ยังไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนในเรื่องของกระสุน แต่ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ได้ประสานรายละเอียดมาอย่างเป็นทางการ แต่ถ้าได้รับการประสานมาก็ยินดีตรวจสอบให้ ส่วนทางกองทัพก็คงตรวจสอบคู่ขนานกันไป
ส่วนกรณีการรั่วไหลของกระสุน พ.อ.สรรเสริญ เห็นว่า มีโอกาสเป็นไปได้หลายทาง เช่น หน่วยทหารที่มีการฝึกทางยุทธวิธีที่ใช้กระสุนจริงในพื้นที่ หรืออาจสูญหายจากการออกปฏิบัติภารกิจในการป้องกันประเทศ ทั้งนี้ สามารถตรวจสอบได้ แต่ต้องใช้เวลา
"สุเทพ"ชี้เป็นหน้าที่ทีมสืบสวน
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง กล่าวถึงคดีลอบยิงนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และกระสุนที่ใช้ในการยิงนั้นมีอยู่ในกองทัพภาคที่ 1 เท่านั้นว่า เรื่องนี้ยังไม่ได้รับรายงาน และรอให้เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบสำนวนดำเนินการ ส่วนจะพุ่งเป้าไปที่กองทัพหรือไม่นั้น นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่ได้คิดถึงเรื่องนั้น คิดเพียงใครที่เป็นผู้กระทำการ ก็ต้องสอบสวน สืบสวน หาตัวมาให้ได้ เชื่อว่าทีมสอบสวนจะพยายามสืบสวนให้เร็วที่สุด
หวั่นมือปืนถูกฆ่าตัดตอน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ชุดสืบสวนได้พยานปากสำคัญซึ่งเห็นเหตุการณ์ขณะคนร้ายก่อเหตุยิงนายสนธิ โดยพยานได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับรูปพรรณสันฐานของคนร้ายได้อย่างชัดเจน และขณะนี้พยานคนดังกล่าวได้อยู่ในความดูแลของเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้วเนื่องจากเกรงว่าพยานจะได้รับอันตราย
สำหรับกลุ่มมือปืน ทางชุดสืบสวนได้มีการพูดถึงว่ามีความเป็นไปได้สูงที่อาจจะถูกฆ่าตัดตอน เนื่องจากทางสืบสวนเชื่อว่าการลอบสังหารนายสนธิในครั้งนี้ บิ๊กทหารในราชการมีส่วนเกี่ยวข้องอย่างแน่นอน
"พัชรวาท"สั่งตรวจเข้มอาวุธปืน
วันเดียวกันที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.)ได้มีคำสั่งด่วนที่สุดผ่านทางวิทยุในราชการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ 008.3/00155 ให้กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1-9 ( บช.ภ.1-9) กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) กองบัญชาการตำรวจสันติบาล(บช.ส.) กองบัญชาการตำรวจตระเวรชายแดน (บช.ตชด.) และ กองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.)
1.เพิ่มความเข้มในการตรวจค้นยานพาหนะ หากตรวจพบอาวุธปืนโดยผิดกฎหมายให้ดำเนินการตามกฎหมายพร้อมขยายผลอย่างเคร่งครัด 2. ให้สอดส่องดูแลร้านค้าอาวุธปืนในพื้นที่รับผิดชอบและร่วมวางแผนป้องกันมิให้เกิดการโจรกรรมอาวุธปืนโดยเด็ดขาด 3.ให้หน่วยงานในสังกัด ตร.ระมัดระวังการพกพาอาวุธปืนและการเก็บรักษาอาวุธปืนให้เป็นไปตามระเบียบอย่างเคร่งครัดโดยเฉพาะจุดตรวจ ด่านตรวจ ตู้ยาม สถานีตำรวจที่ห่างไกลและมีเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานน้อยรวมทั้งในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ให้ระมัดระวังดูแลรักษาอาวุธปืน เครื่องกระสุนตลอดจนวัตถุระเบิดเป็นกรณีพิเศษ
4.ให้ผู้บังคับบัญชาทุกระดับชั้นควบคุม กำกับ ดูแลการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจในปกครองอย่างใกล้ชิด หากเกิดเหตุตามข้อ 2และ3 อันเนื่องมาจากความประมาทเลินเล่อ จะถือว่าเป็นความรับผิดชอบของหัวหน้าหน่วย 5.กรณีมีเหตุสำคัญให้รายงาน ตร.โดยด่วนที่สุด
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า คำสั่งดังกล่าวเป็นผลมาจากที่คณะรัฐมนตรีได้ประกาศ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตพื้นที่ กทม. และปริมณฑล ตั่งแต่วันที่ 12 เม.ย. แต่ทางการข่าวพบว่ามีความเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ชุมนุมอยู่ในหลายพื้นที่ นอกจากนี้ในพื้นที่จังหวัดสงขลา ยะลา นราธิวาสและปัตตานี มีผู้ก่อความไม่สงบ ทำร้ายเจ้าหน้าที่และประชาชนอยู่อย่างต่อเนื่องและปรากฎเหตุการแย่งชิงอาวุธปืนจากเจ้าหน้าที่ไปก่ออาชญากรรมอีกด้วย
”คำนูณ”นำทีม40ส.ว.เข้าเยี่ยม
วานนี้ (23 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานจากใต้โถงอาคารชั้นล่างตึก สก.โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ อันเป็นจุดที่ทางโรงพยาบาลเปิดให้ลงชื่อเยี่ยมนายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งสื่อเครือเอเอสทีวี และแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่ถูกกลุ่มคนร้ายลอบใช้อาวุสงครามยิงกระหน่ำรถตู้ส่วนตัว จนนายสนธิรวมถึงนายอดุลย์ แดงประดับ คนขับรถ และนายวาร์ยุภักดิ์ มังคละสินธุ์ ผู้ติดตามได้รับบาดเจ็บว่า เวลา 09.30 น. นายคำนูณ สิทธิสมาน ในฐานะตัวแทนกลุ่ม 40 ส.ว. พร้อมด้วยนายอนุศาสน์ สุวรรณมงคล, ทพ.อนุศักดิ์ คงมาลัย, นายประสาร มฤคพิทักษ์, ศ.นพ.วิรัตน์ พานิชพงศ์, นายไพบูลย์ นิติตะวัน, นายวริน เทียมจรัส และ ศ.ตรึงใจ บูรณสมภพ ได้เข้าเยี่ยมนายสนธิ ที่ห้องพักผู้ป่วย ใช้เวลาเยี่ยมราว 30 นาที
นายคำนูณ เปิดเผยว่า มาในฐานะตัวแทนของกลุ่ม 40 ส.ว.เพื่อมาเยี่ยมนายสนธิ โดยนายสนธิบ่นว่า เบื่อที่ต้องนอนเฉยๆ เพราะตลอดชีวิตของนายสนธิ อย่างที่หลายคนทราบกัน คือไม่เคยนอนอยู่นิ่งๆ และบ่นว่าเหนียวตัว อยากสระผม ส่วนเรื่องประเด็นคดีหรือกรณีการเมืองต่างๆ ไม่ได้นำเข้าไปพูดคุยหารือกับนายสนธิ เพราะอยากให้พักผ่อน
“โดยส่วนตัวผมแล้ว คุณสนธิเป็นทั้งพี่ ทั้งครู และทั้งนาย ถึงแม้วันนี้ผมจะเป็น ส.ว. แต่ก็ไม่เคยลืมสิ่งที่คุณสนธิทำ คุณสนธิอาการดีขึ้นมาก สบายดี เพราะได้รับการดูแลอย่างดีจากโรงพยาบาลและคณะแพทย์ ตอนนี้ก็ฝากความหวังไว้กับรัฐบาล และเจ้าหน้าที่ตำรวจในการปฏิบัติหน้าที่คลี่คลายคดีนี้ได้ สำหรับรัฐบาลโดยท่านนายกฯ อภิสิทธิ์และทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่กังวลเรื่องเอามือลูบหน้าปะจมูก คดีนี้ก็จะคลี่คลายลงได้ รวมถึงเรื่องอื่นๆ ในสังคมไทยก็จะชัดเจนมากขึ้น”
นอกจากนี้ นายคำนูณ กล่าวว่า กลุ่ม 40 ส.ว.จะมีการหารือเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญและการแก้ไขกฎหมายนิรโทษกรรม
แพทย์คาด1-2 วัน“อดุลย์”ออกไอซียู
เวลา 10.15 น. ทางโรงพยาบาลได้ออกแถลงการณ์อาการของนายสนธิ พร้อมคนขับรถและผู้ติดตามว่า “วันนี้ รศ.นพ.อดิศร ภัทราดูลย์ ผอ.โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ และคณบดีคณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ ได้แจ้งอาการทั่วไปของนายสนธิ ลิ้มทองกุล ว่าผู้ป่วยรู้สึกตัวดี ช่วยเหลือตัวเองได้ บาดแผลดีไม่ติดเชื้อ รับประทานอาหารได้ นายวาร์ยุภักดิ์ มังคละสินธุ์ ผู้ป่วยรายนี้บาดแผลดี ไม่มีไข้ อาการทั่วไปดี
สำหรับนายอดุลย์ แดงประดับ ขณะนี้ผู้ป่วยมีอาการคงที่ รู้สึกตัวดี หายใจเองได้ปกติ รับประทานอาหารได้ พูดคุยได้ แขนขายังอ่อนแรงเหมือนเดิม แผลแขนขวามีเลือดซึมออกมาเล็กน้อย สัญญาณชีพปกติ ไม่มีไข้ คาดว่าจะออกจากห้องไอซียูได้ภายใน 1-2 วัน
"สนธิ"นัดแถลงเหตุยิงถล่มสัปดาห์หน้า
เวลา 12.40 น.กลุ่มกรรมการบริหารสหภาพรัฐวิสาหกิจการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค นำโดยนายกิตติชัย ใสสะอาด กรรมการบริหารสหภาพรัฐวิสาหกิจการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค นำสมาชิกประมาณ 20 คน เดินทางมาลงชื่อและเข้าเยี่ยมนายสนธิ จากนั้นในเวลาไล่เลี่ยกัน นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย พร้อมด้วย นายศิริชัย ไม้งาม ก็ได้เดินทางมาสมทบ
จนเวลา 13.30 น.คณะดังกล่าวได้ลงจากห้องนายสนธิ โดยนายสุริยะใส เผยว่า เป็นตัวแทนพี่น้องสมาพันธ์รัฐวิสาหกิจสัมพันธ์มาเยี่ยมนายสนธิ พร้อมทั้งมอบเงินจำนวนหนึ่งเป็นค่ารักษาพยาบาลนายอดุลย์ด้วย ทั้งนี้ ในสัปดาห์หน้าหลังนายสนธิ ออกจากโรงพยาบาลและอาการดีขึ้น แกนนำจะประชุมและแถลงข่าวถึงสถานการณ์ทางการเมืองและท่าทีของกลุ่มพันธมิตรฯและสมมติฐานของกลุ่มพันธมิตร ยังเชื่อว่ากลุ่มที่ลงมือคือกลุ่มคนมีสี เพราะเป็นการกระทำที่อุกอาจ ในภาวะสถานการณ์ฉุกเฉิน ประชาชนทั่วไปไม่น่าจะมีศักยภาพลงมือได้ถึงขนาดนี้
นอกจากนั้น ในสัปดาห์หน้านายสนธิจะเปิดใจบอกเล่าเกี่ยวกับเหตุการณ์ลอบสังหารอย่างตรงไปตรงมา โดยนายสุริยะใสเปิดเผยว่า นายสนธิยืนยันว่าจำรายละเอียดเหตุการณ์ได้ทั้งหมด ว่าเกิดขึ้นอย่างไร ตอนไหน ยิงอย่างไร และรูปพรรณสัณฐานอย่าง
“ส่วนเรื่องของคดี ก็ต้องรอทาง สตช.โดย พล.ต.อ.ธานี และเนื่องจากคุณสนธิเป็นบุคคลสาธารณะ อยากเรียกร้องให้ตำรวจแถลงความคืบหน้าของคดีเป็นระยะๆ ไม่ต้องรอผู้สื่อข่าว เพราะพี่น้องประชาชนอยากทราบความคืบหน้าของคดี เมื่อตำรวจแถลงความคืบหน้า ประชาชนจะได้สบายใจ”
”สนธิ” แนะจับตาเกมนิรโทษกรรม
เมื่อถามต่อถึงการยกเลิกพรก.ฉุกเฉิน นายสุริยะใสกล่าวว่า ขณะนี้ยังยกเลิกไม่ได้ จะยกเลิกได้ก็ต่อเมื่อเหตุการณ์สงบ ขณะนี้สถานการณ์ยังไม่สงบ ควรยกเลิกหลังจากจับกุลผู้ร้ายที่ก่อเหตุจลาจลที่พัทยาและสองคนร้ายที่หลบหนีอยู่ในต่างประเทศ ที่ประกาศจะติดอาวุธสู้กับรัฐบาลเสียก่อน เพราะในยามที่บ้านเมืองไม่สงบ พรก.ฉุกเฉินถือเป็นเครื่องมือของรัฐบาล
“คุณสนธิได้ฝากประเด็นนิรโทษกรรมด้วยว่า ขอให้จับตามองให้ดีว่าเป็นเกมการเมืองของใคร ทำเพื่อใคร ให้มองยาวๆ เพราะแม้กระทั่งท่านนายกฯ เองก็มีท่าทีเปลี่ยนไปจากสองเดือนก่อนโดยสิ้นเชิง นิรโทษกรรมนี้ต้องนิรโทษกรรมการเมืองก่อน เมื่อ220คนได้นิรโทษกรรมการเมือง ก็จะลงเลือกตั้ง เข้ามาในรัฐบาลและแก้กฎหมายอาญา เพราะที่สุดของทักษิณก็คือคดีอาญา เรื่องยึดทรัพย์ คิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องลับ ลวง พราง ของคน 220 คน” นายสุริยะใสกล่าว
วานนี้ (23 เม.ย.) เวลา 07.00 น.ที่กองการบินกรมขนส่งทหารบก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.)กล่าวถึงกรณีที่มีข่าวว่า กระสุนที่คนร้ายใช้ลอบยิงนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อนประชาธิปไตย (พธม.)เป็นกระสุนปืนเอ็ม 16 จากกองทัพภาคที่ 1 ว่าเป็นเรื่องของการประสานงานกันระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจ และกองทัพ สำหรับรายละเอียดหนังสือตนยังไม่ได้รับ อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ของกรมสรรพาวุธทหารบก และทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้คุยกัน และรู้ว่ามีกระสุน 20 นัด ที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุ โดยเป็นกระสุนจากปืน เอชเค จำนวน 17 นัด และกระสุนปืนจาก เอ็ม 16 จำนวน 3 นัด
"จากการตรวจสอบทราบกระสุนปืนเอ็ม 16 ทั้ง 3 นัด เป็นกระสุนที่แจกจ่ายจากกองทัพภาคที่ 1 ที่แจกจ่ายให้กองพลทหารราบที่ 9 (พล.ร.9) อย่างไรก็ตาม กองพลทหารราบที่ 9 มีหน่วยทหารมาก ซึ่งขณะนี้เมื่อรับทราบรายละเอียด จะตรวจสอบภายในว่ามีกระสุนเล็ดรอดออกมาได้อย่างไร แต่เป็นเรื่องที่ลำบาก เพราะกระสุนที่จ่ายไปมีจำนวนเป็นพัน เป็นหมื่นนัด หากสมมติว่า แจกจ่ายกระสุนไป 10 หน่วย การเล็ดรอดจึงยากต่อการตรวจสอบว่า เป็นหน่วยไหน และเท่าที่ทราบ เป็นกระสุนที่มาจากการฝึกของกองพลทหารราบที่ 9” ผบ.ทบ.กล่าว และว่า จากหลักฐานก็ยืนยันได้ว่า มีการรั่วไหลออกไป ในส่วนกำลังพลก็มีกฎระเบียบอยู่แล้วในการดำเนินการ ซึ่งผู้มีส่วนที่เกี่ยวข้องจะต้องได้รับโทษตามระเบียบ
มทภ.1โบ้ยมีกระจายอยู่ทั่วประเทศ
ด้าน พล.ท.คณิต สาพิทักษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 กล่าวยอมรับเช่นกันว่า กระสุนที่มีตราประทับดังกล่าวนั้น มีใช้ในหน่วยงานทางทหาร ซึ่งกระจายอยู่ทั่วประเทศ แต่จะมีการเล็ดรอดนำออกไปภายนอกหรือไม่นั้น คงตอบได้ยาก ขณะที่ก็ยืนยันว่าหน่วยงานทางทหารนั้นก็มีขั้นตอนในการควบคุมดูแลการใช้เครื่องกระสุนต่างๆ อยู่เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม พล.ท.คณิต กล่าวว่า หากมีการประสานงานมาจากหน่วยงานด้านการสืบสวนก็พร้อมที่จะให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่อยู่แล้ว เพราะทหารก็ถือเป็นเจ้าหน้าที่หน่วยงานหนึ่ง หากพบว่าใครกระทำความผิด ก็ต้องว่าไปตามนั้น ไม่มีการปกป้อง
"สรรเสริญ"ชี้ยังไม่มีข้อมูลกระสุน
พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก เปิดเผยถึงเรื่องเดียวกันว่า ยังไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนในเรื่องของกระสุน แต่ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ได้ประสานรายละเอียดมาอย่างเป็นทางการ แต่ถ้าได้รับการประสานมาก็ยินดีตรวจสอบให้ ส่วนทางกองทัพก็คงตรวจสอบคู่ขนานกันไป
ส่วนกรณีการรั่วไหลของกระสุน พ.อ.สรรเสริญ เห็นว่า มีโอกาสเป็นไปได้หลายทาง เช่น หน่วยทหารที่มีการฝึกทางยุทธวิธีที่ใช้กระสุนจริงในพื้นที่ หรืออาจสูญหายจากการออกปฏิบัติภารกิจในการป้องกันประเทศ ทั้งนี้ สามารถตรวจสอบได้ แต่ต้องใช้เวลา
"สุเทพ"ชี้เป็นหน้าที่ทีมสืบสวน
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง กล่าวถึงคดีลอบยิงนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และกระสุนที่ใช้ในการยิงนั้นมีอยู่ในกองทัพภาคที่ 1 เท่านั้นว่า เรื่องนี้ยังไม่ได้รับรายงาน และรอให้เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบสำนวนดำเนินการ ส่วนจะพุ่งเป้าไปที่กองทัพหรือไม่นั้น นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่ได้คิดถึงเรื่องนั้น คิดเพียงใครที่เป็นผู้กระทำการ ก็ต้องสอบสวน สืบสวน หาตัวมาให้ได้ เชื่อว่าทีมสอบสวนจะพยายามสืบสวนให้เร็วที่สุด
หวั่นมือปืนถูกฆ่าตัดตอน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ชุดสืบสวนได้พยานปากสำคัญซึ่งเห็นเหตุการณ์ขณะคนร้ายก่อเหตุยิงนายสนธิ โดยพยานได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับรูปพรรณสันฐานของคนร้ายได้อย่างชัดเจน และขณะนี้พยานคนดังกล่าวได้อยู่ในความดูแลของเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้วเนื่องจากเกรงว่าพยานจะได้รับอันตราย
สำหรับกลุ่มมือปืน ทางชุดสืบสวนได้มีการพูดถึงว่ามีความเป็นไปได้สูงที่อาจจะถูกฆ่าตัดตอน เนื่องจากทางสืบสวนเชื่อว่าการลอบสังหารนายสนธิในครั้งนี้ บิ๊กทหารในราชการมีส่วนเกี่ยวข้องอย่างแน่นอน
"พัชรวาท"สั่งตรวจเข้มอาวุธปืน
วันเดียวกันที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.)ได้มีคำสั่งด่วนที่สุดผ่านทางวิทยุในราชการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ 008.3/00155 ให้กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1-9 ( บช.ภ.1-9) กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) กองบัญชาการตำรวจสันติบาล(บช.ส.) กองบัญชาการตำรวจตระเวรชายแดน (บช.ตชด.) และ กองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.)
1.เพิ่มความเข้มในการตรวจค้นยานพาหนะ หากตรวจพบอาวุธปืนโดยผิดกฎหมายให้ดำเนินการตามกฎหมายพร้อมขยายผลอย่างเคร่งครัด 2. ให้สอดส่องดูแลร้านค้าอาวุธปืนในพื้นที่รับผิดชอบและร่วมวางแผนป้องกันมิให้เกิดการโจรกรรมอาวุธปืนโดยเด็ดขาด 3.ให้หน่วยงานในสังกัด ตร.ระมัดระวังการพกพาอาวุธปืนและการเก็บรักษาอาวุธปืนให้เป็นไปตามระเบียบอย่างเคร่งครัดโดยเฉพาะจุดตรวจ ด่านตรวจ ตู้ยาม สถานีตำรวจที่ห่างไกลและมีเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานน้อยรวมทั้งในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ให้ระมัดระวังดูแลรักษาอาวุธปืน เครื่องกระสุนตลอดจนวัตถุระเบิดเป็นกรณีพิเศษ
4.ให้ผู้บังคับบัญชาทุกระดับชั้นควบคุม กำกับ ดูแลการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจในปกครองอย่างใกล้ชิด หากเกิดเหตุตามข้อ 2และ3 อันเนื่องมาจากความประมาทเลินเล่อ จะถือว่าเป็นความรับผิดชอบของหัวหน้าหน่วย 5.กรณีมีเหตุสำคัญให้รายงาน ตร.โดยด่วนที่สุด
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า คำสั่งดังกล่าวเป็นผลมาจากที่คณะรัฐมนตรีได้ประกาศ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตพื้นที่ กทม. และปริมณฑล ตั่งแต่วันที่ 12 เม.ย. แต่ทางการข่าวพบว่ามีความเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ชุมนุมอยู่ในหลายพื้นที่ นอกจากนี้ในพื้นที่จังหวัดสงขลา ยะลา นราธิวาสและปัตตานี มีผู้ก่อความไม่สงบ ทำร้ายเจ้าหน้าที่และประชาชนอยู่อย่างต่อเนื่องและปรากฎเหตุการแย่งชิงอาวุธปืนจากเจ้าหน้าที่ไปก่ออาชญากรรมอีกด้วย
”คำนูณ”นำทีม40ส.ว.เข้าเยี่ยม
วานนี้ (23 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานจากใต้โถงอาคารชั้นล่างตึก สก.โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ อันเป็นจุดที่ทางโรงพยาบาลเปิดให้ลงชื่อเยี่ยมนายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งสื่อเครือเอเอสทีวี และแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่ถูกกลุ่มคนร้ายลอบใช้อาวุสงครามยิงกระหน่ำรถตู้ส่วนตัว จนนายสนธิรวมถึงนายอดุลย์ แดงประดับ คนขับรถ และนายวาร์ยุภักดิ์ มังคละสินธุ์ ผู้ติดตามได้รับบาดเจ็บว่า เวลา 09.30 น. นายคำนูณ สิทธิสมาน ในฐานะตัวแทนกลุ่ม 40 ส.ว. พร้อมด้วยนายอนุศาสน์ สุวรรณมงคล, ทพ.อนุศักดิ์ คงมาลัย, นายประสาร มฤคพิทักษ์, ศ.นพ.วิรัตน์ พานิชพงศ์, นายไพบูลย์ นิติตะวัน, นายวริน เทียมจรัส และ ศ.ตรึงใจ บูรณสมภพ ได้เข้าเยี่ยมนายสนธิ ที่ห้องพักผู้ป่วย ใช้เวลาเยี่ยมราว 30 นาที
นายคำนูณ เปิดเผยว่า มาในฐานะตัวแทนของกลุ่ม 40 ส.ว.เพื่อมาเยี่ยมนายสนธิ โดยนายสนธิบ่นว่า เบื่อที่ต้องนอนเฉยๆ เพราะตลอดชีวิตของนายสนธิ อย่างที่หลายคนทราบกัน คือไม่เคยนอนอยู่นิ่งๆ และบ่นว่าเหนียวตัว อยากสระผม ส่วนเรื่องประเด็นคดีหรือกรณีการเมืองต่างๆ ไม่ได้นำเข้าไปพูดคุยหารือกับนายสนธิ เพราะอยากให้พักผ่อน
“โดยส่วนตัวผมแล้ว คุณสนธิเป็นทั้งพี่ ทั้งครู และทั้งนาย ถึงแม้วันนี้ผมจะเป็น ส.ว. แต่ก็ไม่เคยลืมสิ่งที่คุณสนธิทำ คุณสนธิอาการดีขึ้นมาก สบายดี เพราะได้รับการดูแลอย่างดีจากโรงพยาบาลและคณะแพทย์ ตอนนี้ก็ฝากความหวังไว้กับรัฐบาล และเจ้าหน้าที่ตำรวจในการปฏิบัติหน้าที่คลี่คลายคดีนี้ได้ สำหรับรัฐบาลโดยท่านนายกฯ อภิสิทธิ์และทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่กังวลเรื่องเอามือลูบหน้าปะจมูก คดีนี้ก็จะคลี่คลายลงได้ รวมถึงเรื่องอื่นๆ ในสังคมไทยก็จะชัดเจนมากขึ้น”
นอกจากนี้ นายคำนูณ กล่าวว่า กลุ่ม 40 ส.ว.จะมีการหารือเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญและการแก้ไขกฎหมายนิรโทษกรรม
แพทย์คาด1-2 วัน“อดุลย์”ออกไอซียู
เวลา 10.15 น. ทางโรงพยาบาลได้ออกแถลงการณ์อาการของนายสนธิ พร้อมคนขับรถและผู้ติดตามว่า “วันนี้ รศ.นพ.อดิศร ภัทราดูลย์ ผอ.โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ และคณบดีคณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ ได้แจ้งอาการทั่วไปของนายสนธิ ลิ้มทองกุล ว่าผู้ป่วยรู้สึกตัวดี ช่วยเหลือตัวเองได้ บาดแผลดีไม่ติดเชื้อ รับประทานอาหารได้ นายวาร์ยุภักดิ์ มังคละสินธุ์ ผู้ป่วยรายนี้บาดแผลดี ไม่มีไข้ อาการทั่วไปดี
สำหรับนายอดุลย์ แดงประดับ ขณะนี้ผู้ป่วยมีอาการคงที่ รู้สึกตัวดี หายใจเองได้ปกติ รับประทานอาหารได้ พูดคุยได้ แขนขายังอ่อนแรงเหมือนเดิม แผลแขนขวามีเลือดซึมออกมาเล็กน้อย สัญญาณชีพปกติ ไม่มีไข้ คาดว่าจะออกจากห้องไอซียูได้ภายใน 1-2 วัน
"สนธิ"นัดแถลงเหตุยิงถล่มสัปดาห์หน้า
เวลา 12.40 น.กลุ่มกรรมการบริหารสหภาพรัฐวิสาหกิจการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค นำโดยนายกิตติชัย ใสสะอาด กรรมการบริหารสหภาพรัฐวิสาหกิจการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค นำสมาชิกประมาณ 20 คน เดินทางมาลงชื่อและเข้าเยี่ยมนายสนธิ จากนั้นในเวลาไล่เลี่ยกัน นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย พร้อมด้วย นายศิริชัย ไม้งาม ก็ได้เดินทางมาสมทบ
จนเวลา 13.30 น.คณะดังกล่าวได้ลงจากห้องนายสนธิ โดยนายสุริยะใส เผยว่า เป็นตัวแทนพี่น้องสมาพันธ์รัฐวิสาหกิจสัมพันธ์มาเยี่ยมนายสนธิ พร้อมทั้งมอบเงินจำนวนหนึ่งเป็นค่ารักษาพยาบาลนายอดุลย์ด้วย ทั้งนี้ ในสัปดาห์หน้าหลังนายสนธิ ออกจากโรงพยาบาลและอาการดีขึ้น แกนนำจะประชุมและแถลงข่าวถึงสถานการณ์ทางการเมืองและท่าทีของกลุ่มพันธมิตรฯและสมมติฐานของกลุ่มพันธมิตร ยังเชื่อว่ากลุ่มที่ลงมือคือกลุ่มคนมีสี เพราะเป็นการกระทำที่อุกอาจ ในภาวะสถานการณ์ฉุกเฉิน ประชาชนทั่วไปไม่น่าจะมีศักยภาพลงมือได้ถึงขนาดนี้
นอกจากนั้น ในสัปดาห์หน้านายสนธิจะเปิดใจบอกเล่าเกี่ยวกับเหตุการณ์ลอบสังหารอย่างตรงไปตรงมา โดยนายสุริยะใสเปิดเผยว่า นายสนธิยืนยันว่าจำรายละเอียดเหตุการณ์ได้ทั้งหมด ว่าเกิดขึ้นอย่างไร ตอนไหน ยิงอย่างไร และรูปพรรณสัณฐานอย่าง
“ส่วนเรื่องของคดี ก็ต้องรอทาง สตช.โดย พล.ต.อ.ธานี และเนื่องจากคุณสนธิเป็นบุคคลสาธารณะ อยากเรียกร้องให้ตำรวจแถลงความคืบหน้าของคดีเป็นระยะๆ ไม่ต้องรอผู้สื่อข่าว เพราะพี่น้องประชาชนอยากทราบความคืบหน้าของคดี เมื่อตำรวจแถลงความคืบหน้า ประชาชนจะได้สบายใจ”
”สนธิ” แนะจับตาเกมนิรโทษกรรม
เมื่อถามต่อถึงการยกเลิกพรก.ฉุกเฉิน นายสุริยะใสกล่าวว่า ขณะนี้ยังยกเลิกไม่ได้ จะยกเลิกได้ก็ต่อเมื่อเหตุการณ์สงบ ขณะนี้สถานการณ์ยังไม่สงบ ควรยกเลิกหลังจากจับกุลผู้ร้ายที่ก่อเหตุจลาจลที่พัทยาและสองคนร้ายที่หลบหนีอยู่ในต่างประเทศ ที่ประกาศจะติดอาวุธสู้กับรัฐบาลเสียก่อน เพราะในยามที่บ้านเมืองไม่สงบ พรก.ฉุกเฉินถือเป็นเครื่องมือของรัฐบาล
“คุณสนธิได้ฝากประเด็นนิรโทษกรรมด้วยว่า ขอให้จับตามองให้ดีว่าเป็นเกมการเมืองของใคร ทำเพื่อใคร ให้มองยาวๆ เพราะแม้กระทั่งท่านนายกฯ เองก็มีท่าทีเปลี่ยนไปจากสองเดือนก่อนโดยสิ้นเชิง นิรโทษกรรมนี้ต้องนิรโทษกรรมการเมืองก่อน เมื่อ220คนได้นิรโทษกรรมการเมือง ก็จะลงเลือกตั้ง เข้ามาในรัฐบาลและแก้กฎหมายอาญา เพราะที่สุดของทักษิณก็คือคดีอาญา เรื่องยึดทรัพย์ คิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องลับ ลวง พราง ของคน 220 คน” นายสุริยะใสกล่าว