xs
xsm
sm
md
lg

แก๊ง"สูทแดง"ถูกจับผิดพาลด่าสื่อ ไอ้ตู่โบ้ยเสื้อน้ำเงินจัดฉากรถแก๊ส

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - "อภิสิทธิ์"ไม่ปิดประตูข้อเสนอยุบสภา ชี้ต้องมีเหตุผล และจังหวะเวลา เผยยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินเร็วๆ นี้ ส่วนการอภิปรายของรัฐสภาวันที่สอง รัฐบาล-ฝ่ายค้าน งัดภาพเหตุการณ์สลายม็อบเสื้อแดงพิสูจน์กันว่อน "เพื่อไทย" ส่งส.ส.หญิง โชว์คลิป ทหารดึงผมหญิงแดงถ่อย เจอ "เทพเทือก" งัดหลักฐานจับโกหกกลางสภา แนะเจ้าของชื่อตัวจริงฟ้องหมิ่น ส่วน ส.ส.เพื่อไทย พาคนที่ถูกกระชากผมแถลงข่าว แต่ถูกซักถ่มน้ำลายใส่ก่อน กลับพาลด่ากราดสื่อไม่เป็นกลาง ด้าน"ไอ้ตู่" ปากกล้าขาสั่น ไม่คิดพึ่งเอกสิทธิ์ ส.ส.พร้อมโบ้ย "เสื้อน้ำเงิน" จัดฉากรถแก๊ส

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงข้อเสนอแนะของสมาชิกรัฐสภาที่อภิปราย เมื่อวันที่ 22 เม.ย.ที่ผ่านมาเพื่อเป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาวิกฤติของชาติ ว่า ตนได้รวบรวมข้อเสนอต่างๆ ที่เกี่ยวกับการเดินไปข้างหน้า เหตุการณ์ที่ผ่านมา จะถูกผิดอย่างจะผิดอย่างไรก็ตาม ถือเป็นเสียงสะท้อนที่เราต้องนำมาแก้ไข ชี้แจง หรือรับไปดำเนินการในอนาคต เพื่อให้เกิดความปรองดองในชาติ

ส่วนที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วนพรรคเพื่อไทย ประกาศในสภาว่า เลยจุดสมานฉันท์แล้วนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เป็นความคิดเห็นของร.ต.อ.เฉลิม แต่สำหรับหลายๆ ท่านที่อภิปราย หลังอภิปรายตนได้มีโอกาสคุยด้วย ส่วนใหญ่ยังมองว่า อยากเห็นบ้านเมืองเดินไปข้างหน้ามากกว่า

สำหรับข้อเสนอของฝ่ายค้านเรื่องการยุบสภานั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนไม่เคยบปิดประตูข้อไหน แต่เรื่องของจังหวะเวลา และเหตุผลต้องมีการพูดคุยกัน ตนได้อธิบายมาตลอดเรื่องของการยุบสภาว่า ตนไม่ได้ปิดช่องทางนี้ แต่แลกเปลี่ยนในเรื่องความเหมาะสม ในจังหวะเวลา และสถานการณ์ อย่างไรก็ตาม คิดว่ามีช่องทางที่น่าจะเป็นแนวทางที่พูดคุยกันได้ต่อไป เช่นเดียวกับเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ก็ให้พรรคร่วมรัฐบาล หรือทุกพรรคการเมือง ส่งแนวคิดเกี่ยวกับการแก้ไขมาภายใน 2 สัปดาห์

เมื่อถามถึงกรณีที่ผู้ใหญ่ในพรรคไม่เห็นด้วยกับการออกกฎหมายนิรโทษกรรม อย่าง นายชวน หลักภัย และนายบัญญัติ บรรทัดฐาน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าประเด็นนี้มีทั้งคนที่เห็นด้วย และไม่เห็นด้วย ตนบอกทุกอย่างก็เอามาวางไว้ ยังมีอะไรที่เป็นปมความขัดแย้งอยู่ และมาดูวิธีการในการคลี่คลาย คืออะไร แต่เราปฏิสธไม่ได้ว่า มันเป็นประเด็นหนึ่ง ซึ่งมีข้อเรียกร้องมาและสะท้อนมาหลายฝ่าย เราก็ต้องเอามาดู เพียงแต่บางเรื่องที่ตนขีดเส้นไว้ว่า ไม่น่าทำคือ เรื่องของคีดอาญาเท่านั้นเอง

ส่วนที่มีการมองกันว่า พรรคประชาธิปัตย์ อาจโดนยุบพรรคในวันข้างหน้า จึงไม่คัดค้านเรื่องนิรโทษกรรม นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าไม่มีเรื่องนั้นเด็ดขาด อย่างไรก็ตาม หากมีข้อสรุปประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ถึงเวลาจะต้องมีคำอธิบายที่ชัดเจนว่า การแก้ไขเพิ่มเติมนี้เพื่อประโยชน์ส่วนรวมอย่างไร

เมื่อถามถึงการยกเลิกประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เร็วๆ ใกล้ที่จะอยู่ในฐานะที่จะยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ซึ่งเวลานี้ฟังรอบด้านอยู่ และเร่งรัดให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการทุกอย่างให้เรียบร้อย

2 ฝ่ายงัดหลักฐานหักล้างกัน

สำหรับการประชุมร่วมของรัฐสภาเมื่อวานนี้ (23 เม.ย.) ซึ่งเป็นวันที่สอง บรรดาสมาชิกพรรคเพื่อไทย ยังคงเดินหน้าโจมตีรัฐบาล และทหารว่าเป็นปฏิบัติการมือเปื้อนเลือด และยังคงเรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ยุบสภา ซึ่งบรรยากาศในการอภิปรายค่อนข้างเข้มข้น โดยแต่ละฝ่ายได้นำภาพหลักฐาน และคลิปเหตุการณ์ต่างๆ มาหักล้างกันชนิดประเด็นต่อประเด็น

โดยนายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล ส.ส.แพร่ พรรคเพื่อไทย ได้อภิปรายและขอใช้สิทธิ ในการนำภาพผู้เสียชีวิต ภาพเหตุการณ์ และญาติผู้ชีวิต มาชี้แจงในสภา โดยโชว์ภาพศพ การ์ดนปช. ที่ถูกฆ่าโยนน้ำมาประกอบ โดยนายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา ได้วินิจฉัย โดยให้นำภาพที่นายวรวัจน์ เตรียมมาประกอบการอภิปรายในสภาได้บางรายการ ประกอบด้วย ภาพเหตุการณ์ ทหารทำร้ายประชาชน ภาพทหารนั่งดูกลุ่มผู้ชุมนุมถูกมัดมือ แต่คำสัมภาษณ์ผู้ที่ทำหน้าที่เป็นการ์ด ไม่อนุญาตให้เปิด เพราะไม่มีความชัดเจนจึงไม่อนุญาตให้นำมาประกอบ

หลังจากที่มีการถกเถียงกันเป็นเวลานาน ประธานจึงอนุญาตให้นายวรวจน์ เปิดคลิปวีดีโอ ภาพเหตุการณ์ โดยเริ่มจากการรายงานข่าวจากช่อง 7 กรณีพบผู้เสียชีวิตในแม่น้ำเจ้าพระยา 1 ราย ที่ถูกมัดแล้วโยนทิ้งแม่น้ำ จากนั้นเป็นภาพเจ้าหน้าที่ทหาร ใช้กำลังสลายการชุมนุมในช่วงเช้ามืด และเป็นภาพทหารใช้เชือกมัดชายร่างท้วมคนหนึ่ง พร้อมกับเข้ามาเตะ และใช้ไม้หวดหลายครั้ง ก่อนที่จะตัดมาเป็นภาพชายไม่สวมเสื้อ ถูกมัดมือไพล่หลัง และจบลงด้วยภาพนิ่งของชายที่อ้างว่า เสียชีวิตแล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังจากฉายคลิปวีดีโอเสร็จ นายวรวัจน์ ได้นำรูปชาย 1 คน โดยอ้างว่าบุคคลดังกล่าว อยู่ในเหตุการณ์ อยู่บนรถยีเอ็มซี ที่ขนศพผู้เสียชีวิตประมาณ 10 คน ที่เตรียมไป จ.ลพบุรี และชายคนดังกล่าวได้กระโดดหนีออกมาได้ และมาให้ข้อมูลกับตน พร้อมทั้งถามว่า ถึงเวลาหรือยังที่สื่อมวลชน และกรรมการสิทธิฯจะเข้ามาตรวจสอบเรื่องนี้

แจงคนตายไม่เกี่ยวสลายชุมนุม

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่า การปฎิบัติของเจ้าหน้าที่ทุกจุด ได้เริ่มเมื่อเวลาเช้าตรู่ของวันที่ 13 เม.ย. ซึ่งได้เข้าดำเนินการตลอดทั้งวัน และเลิกปฏิบัติการในเวลา17.00 น.

ส่วนที่มีการะบุผู้เสียชีวิต 2 รายนั้น ภรรยาผู้ตายให้การยืนยันว่าไม่เกี่ยวกับเหตุการณ์ชุมนุม ซึ่งเรื่องนี้มีหลักฐานวันเวลาชัดเจน สามารถตรวจสอบได้ ตนพร้อมที่จะให้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบในทุกกรณี ในการปฏิบัติการครั้งนี้

จากนั้นนายวรวัจน์ ได้นำภาพผู้เสียชีวิตจากเหตุการ์มาโชว์ในห้องประชุม ซึ่งเป็นภาพชายถูกมัดมือไพล่หลัง ด้วยเชือกที่ใช้ในราชการทหาร โดยยืนยันว่า จนถึงวันนี้มีการทำลายหลักฐานหมดแล้ว ซึ่งเชือกที่มัดมือผู้ตายมีใช้เฉพาะในวงการทหารเท่านั้น แต่มีการเผาเชือกทำลายหลักฐานไปแล้วจึงไม่สามารถหาหลักฐานได้ แต่หากอยากรู้ว่ามีคนตายจริงหรือไม่ ตนพร้อมที่จะเปิดคลิปวีดีโอให้ดู รัฐบาลอย่าปิดกั้นข้อมูลข่าวสาร เพราะรัฐบาลพูดมาตลอดว่าไม่มีคนตาย

ช่วงนี้ นายสุเทพ ลูกขึ้นชี้แจงว่า พร้อมที่จะให้ความร่วมมือพิสูจน์ความเป็นจริงทุกประการด้วยการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบ รัฐบาลพร้อมที่จะให้ความกระจ่าง และยืนยันว่า ไม่มีคนเสียชีวิตจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแม้แต่คนเดียว

ส่วนที่บอกว่าคนตายคนเป็นการ์ดนปช. จากบันทึกคำให้การของภรรยาผู้ตาย เมื่อวันที่ 21 เม.ย.ที่ สน.จตุจักร ยืนยันว่าตั้งแต่อยู่กินกันมา ผู้ตายไม่เคยไปเป็นการ์ด หรือมาร่วมชุมนุมให้กับสีใด เพราะไม่สนใจเรื่องการเมือง และในบ้านยังไม่มีสัญลักษณ์ที่บ่งบอกว่าเป็นคนเสื้อเหลืองหรือแดง

ตัดต่อคลิปดึงผมหญิงเสื้อแดง

ต่อมาน.ส.อรุณี ชำนาญยา ส.ส.พะเยา พรรคเพื่อไทย ได้อภิปราย โดยเปิดภาพคลิป 2 ชุด ชุดแรกเป็นภาพผู้หญิงเสื้อแดง ทั้งคนแก่ และเด็ก นำดอกไม้ไปให้ทหาร ที่บริเวณหน้าทำเนียบรัฐบาล ส่วนชุดที่สอง เป็นภาพหญิงเสื้อแดง 2 คน คนหนึ่งถอดเสื้อจนเหลือแต่ชุดชั้นใน อีกคนถูกกระชากผมโดยชายฉกรรจ์ คนหนึ่งสวมเสื้อสีเขียวคล้ายทหาร แต่ถือกล้อง และสะพายกระเป๋า ซึ่งเหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นหน้าแถวทหาร ที่ถือโล่ และมีอาวุธ โดยอ้างว่าสาเหตุที่ไม่มีทหารคนใดออกมาห้ามปราม เพราะชายคนดังกล่าวเป็นหัวหน้าของกองทหารเหล่านั้น ที่แต่งกายนอกเครื่องแบบ

รัฐบาลงัดหลักฐานจับผิดกลางสภา

นายสุเทพ ได้ชี้แจงเรื่องนี้ โดยเปิดภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเวลาเดียวกัน ทันควัน แต่มีความยาวมากกว่าที่ น.ส.อรุณี นำมาเปิด ก็ปรากฏภาพ ผู้หญิงใส่เสื้อแดง 2 คน กำลังยืนด่าทหารอย่างดุเดือด ว่ายิงประชาชน พร้อมด่ากราดไปยังช่างภาพ สื่อมวลชน ที่รุมทำข่าวอยู่ขณะนั้นด้วย ว่า ลำเอียงนำเสนอข่าวไม่ถูกต้อง จนมีการโต้เถียงกันขึ้น สาวเสื้อแดงคนหนึ่งจึงถ่มน้ำลายไปทางชายเสื้อเขียว ก่อนที่หญิงเสื้อแดงทั้ง 2 คน จะกระโจนผ่านกลุ่มผู้สื่อข่าวไปยังกลุ่มทหารที่ตั้งแถวอยู่ โดยผู้หญิงคนหนึ่งได้ถอดเสื้อออก พร้อมกับตีชายเสื้อสีเขียว ขณะที่ชายคนหนึ่งได้ฉุดกระชากผมกับผู้หญิงเสื้อแดงออกไป

ทั้งนี้นายสุเทพ อธิบายเพิ่มเติมว่า ภาพที่เห็นจะทำให้ทุกคนตอบอย่างที่ตนจะตอบว่า ชายคนดังกล่าว ไม่ใช่หัวหน้าของกองทหารตามที่น.ส.อรุณี อ้าง และทหารไม่ได้นิ่งดูดาย แต่กลับเป็นคนมาห้ามชายคนดังกล่าวด้วยซ้ำว่า อย่าทำร้ายผู้หญิง

ด้านนายสมคิด บาลไธสง ส.ส.หนองคาย พรรคเพื่อไทย จึงลุกขึ้นสวนทันทีว่า ชายคนดังกล่าวเป็นทหารจริง มีชื่อว่าพ.ท.เกรียงศักดิ์ นันทะโพธิเดช เป็นนายทหาร จปร.รุ่น 38 แต่ นายสุเทพไม่ได้ตอบโต้ นายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภาจึงได้สั่งให้ลงบันทึกการประชุมไว้

ต่อมานายสุเทพ ได้ลุกขึ้นชี้แจงว่า ชายที่ถูกอ้างเป็นทหารนั้น แท้จริงแล้วเป็นประชาชนทั่วไป พร้อมกับโชว์รูป พ.ท.เกรียงศักดิ์ นันทะโพธิเดช ขึ้นมากลางสภา และบอกว่าหน้าตาคนละคนกับชายเสื้อเขียว ขณะที่ พ.ท.เกรียงศักดิ์ เวลานั้นกำลังปฏิบัติภารกิจอยู่ คงไม่สามารถถอดชุดทหาร แล้วมาใส่กางเกงยีนส์ได้ ซึ่งตนได้บอกให้ พ.ท.เกรียงศักดิ์ ไปดำเนินการแจ้งความข้อหาหมิ่นประมาทได้ เนื่องจากเป็นผู้เสียหาย ที่ถูกพาดพิงถึง

เมื่อนายสุเทพ ชี้แจงเสร็จ น.ส.อรุณี ถึงกับแสดงสีหน้า เหรอหรา อย่างเห็นได้ชัด และหันรีหันขวาง คุยกับเพื่อนส.ส.ที่นั่งอยู่ใกล้ๆ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง จึงลุกขึ้นกล่าวตัดบทว่า หากผู้พันคนดังกล่าวจะฟ้องก็แค่คดีหมิ่นประมาท ที่สามารถยอมความกันได้ ไม่ถึงกับต้องให้รองนายกฯ มาสั่ง เป็นเรื่องส่วนตัวของนายพันคนดังกล่าว

ขณะที่นายสมคิด กล่าวว่าที่ตนพูดชื่อนายทหารคนดังกล่าวไป เป็นการพูดตามเอกสารที่ได้มาเท่านั้น จริงไม่จริงตนไม่ทราบ แต่พร้อมที่จะรับผิดชอบ

เจอสื่อจับผิดซ้ำเลยพาลแหลก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 15.00 น. หลังจากที่น.ส.อรุณี ชำนาญยา ส.ส.พะเยา พรรคเพื่อไทย ได้อภิปรายในสภาว่า มีผู้หญิงเสื้อแดงถูกชายฉกรรจ์ทำร้ายกระชากผม จากเหตุการณ์สลายการชุมนุม เมื่อ 13 เม.ย. เสร็จสิ้น น.ส.อรุณี พร้อมด้วยนายพร้อมพงษ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย และส.ส.พรรคเพื่อไทยจำนวนหนึ่ง นำตัวหญิงที่ปรากฏในภาพ คือ นางมินตรา โสฬส มาแถลงข่าว

นายพร้อมพงษ์ กล่าวว่า น.ส.มินตรา เป็นผู้ได้รับบาดเจ็บจากการกระทำของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายรัฐนตรี พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผบ.สส. พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. รวมทั้งชายที่กระทำความรุนแรง ซึ่งการกระทำดังกล่าว นายกฯจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบ โดยทางพรรคและทีมกฎหมายของพรรคจะนำตัวนางมินตรา ไปแจ้งความที่ สน.ดุสิต เพื่อเอาผิดกับบุคคลทั้ง 5 คน ตามกฎหมาย มาตรา 157

ด้านนางมินตรา เล่าว่า ในวันเกิดเหตุบริเวณอนุเสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ตนถือธงไปกับผู้หญิงอีกคนหนึ่ง เพื่อไปขอร้องทหาร ไม่ให้ทำร้ายประชาชน แต่ชายคนดังกล่าวในภาพได้ถามว่า “ใครให้มึงมา ทักษิณใช่ไหม” ตนจึงได้ตอบไปว่า “มาเพื่อประชาธิปไตย เพราะทหารทำร้ายประชาชนมือเปล่า ฆ่าประชาชน” แล้วชายคนเดิม ได้โต้ตอบว่า “ทหารไม่มีปืน ไม่ฆ่าคน” ตนจึงเถียงว่า “ทหารฆ่าคน เพราะตนอยู่ในเหตุการณ์” ชายคนดังกล่าว กล่าวว่า “มีหลักฐานหรือไม่” ตนจึงบอกว่า “เห็นทั้งปืน ระเบิด มีดสปาต้า” ชายคนดังกล่าวจึงกล่าวว่า “ปากดีนัก” พร้อมกับกระชากผมตนอย่างแรง

ผู้สื่อข่าวถามว่า ถามว่าก่อนหน้านี้เคยมีเรื่องบาดหมางกับชายคนดังกล่าวมาก่อนหรือไม่ นางมินตรา กล่าวว่า ไม่เคย ไม่เคยรู้จัก และไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน ไม่ทราบว่าเป็นใคร แต่ชายคนนี้แต่งกายคล้ายสื่อมวลชน และอยู่ในกลุ่มสื่อมวลชนด้วย

ผู้สื่อข่าวถามนางมินตราว่า ได้ถ่มน้ำลายใส่หน้าชายคนนั้นหรือไม่ นางมินตรา กล่าวว่า ไม่ได้ทำเช่นนั้น อย่างไรก็ตาม ช่างภาพและผู้สื่อข่าว ที่อยู่ในเหตุการณ์วันนั้นได้แย้งว่า มีพยาน และหลักฐานที่เป็นบุคคล และภาพถ่าย ว่านางมินตราได้ถ่มน้ำลายใส่ผู้ชายคนดังกล่าวก่อน นางมินตรา ยืนกรานว่า ไม่ได้ถ่มน้ำลายใส่

ผู้สือข่าวรายงานว่า ในระหว่างการแถลงข่าวของนางมินตรา ที่ประชุมร่วมรัฐสภา โดยฝ่ายรัฐบาลได้นำภาพเหตุการณ์ฉบับเต็มมาเปิด ซึ่งปรากฏชัดว่านางมินตรา ได้ด่าทอทหาร และถ่มน้ำลายใส่จริง ผู้สื่อข่าวจึงถามว่าทำไมไม่รอให้รัฐบาลชี้แจงให้เสร็จก่อน แล้วจึงมาชี้แจงข้อเท็จจริงกัน

ขณะนั้นนางนฤมล ธารดำรง ส.ส.สมุทรปราการ ได้ตะโกนด่าสื่อมวลชนด้วยความไม่พอใจว่า คุณเป็นใคร มาโกรธอะไรพวกเรา เราแค่มาแถลงข่าว ผู้สื่อข่าวหลายคนได้พยายามชี้แจงข้อเท็จจริงว่า เป็นอย่างไร แต่ทางส.ส.พรรคเพื่อไทย ก็ไม่ยอมรับฟัง ซึ่งทำให้เกิดความวุ่นวายขึ้น และเมื่อผู้สื่อข่าวคนดังกล่าวได้เดินออกจากห้องแถลงข่าว เพื่อยุติการโต้เถียง แต่นางนฤมล ยังเดินตามออกมา แล้วถามว่า “มันเป็นใคร มันอยู่ไหน” ซึ่งนางนฤมลได้เดินตามหาผู้สื่อข่าวคนดังกล่าว และมายืนมองหน้า

ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่พรรคเพื่อไทย นำบุคคลดังกล่าวมาแถลง หากไม่เป็นความจริง จะรับผิดชอบอย่างไร นายพร้อมพงษ์ ไม่ตอบว่าจะรับผิดชอบอย่างไร แต่ได้เลี่ยงไปพูดเรื่องอื่น และบอกว่าจะเดินทางไปแจ้งความ

ขณะนั้นได้มีผู้สื่อข่าวหญิงรายหนึ่งบอกว่า เป็นสถานที่ที่ควรไปที่สุด ทำให้นางเปล่งมณี เร่งสมบูรณ์สุข ส.ส.เลย พรรคเพื่อไทย แสดงความไม่พอใจเป็นอย่างมาก พูดเสียงดังว่า “พูดอย่างนี้ได้อย่างไร สื่อไม่เป็นกลาง เข้าข้างกัน” จากนั้นจึงได้เดินตามผู้สื่อข่าวมา พร้อมกับพูดว่า “ทุเรศ นักข่าวไม่เป็นกลาง จะเขียนเข้าข้างก็เขียนไป”

"ไอ้ตู่"โยนเสื้อน้ำเงินจัดฉากรถแก๊ส

ต่อมา นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย หนึ่งในแกนนำ นปช. ที่ถูกหมายจับ ผูกเนคไทสีแดง อภิปรายว่าตนไม่ได้เรียกร้องขอเอกสิทธิ์ แต่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 131ได้ระบุไว้ชัดเจนอยู่แล้ว เป็นหน้าที่ของศาลที่จะทำเรื่องประสานมายังประธานสภาผู้แทนราษฎรเอง ที่ผ่านมา นายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ ก็ใช้เอกสิทธิ์คุ้มครองเหมือนกัน

นายจตุพรอ้างว่าการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงที่พัทยา จะไม่ทำไม่ได้ เพราะมี 2 ชีวิต ถูกยิงโดยไม่มีใครรับผิดชอบ ส่วนการที่นายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง ขัดขืนระหว่างอยู่บนเฮลิคอปเตอร์ ซึ่งตนอยู่ในเหตุการณ์ด้วย เป็นเพราะเกิดอาการเครียด เพราะไม่ทราบว่าจะถูกนำตัวไปที่ใดกันแน่ และกลัวถูกนำไปฆ่า

การที่นายสุเทพ ต้องการจะโยงรถแก๊ส ว่าเป็นรถของบริษัทสยามแก๊ส และเกี่ยวข้องกับพล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร นั้น จากตรวจสอบพบว่า เป็นรถที่มีเจ้าของเดียวกัน แต่ต่างบริษัท คือ คันแรก หมายเลขทะเบียน 819629 นนทบุรี เป็นของบริษัท ธนวินบริการ และอีกคัน หมายเลขทะเบียน966747 กทม. เป็นของบริษัท ตึกช้างบริการ ซึ่งถูกยึดหลังจากเติมแก๊สเหมือนกัน แต่น่าสนใจตรงที่ คันที่นำไปจอดหน้าโรงแรมพลูแมน คิงเพาเวอร์ จอดอยู่เฉยๆ โดยไม่มีคนเสื้อแดงแม้แต่คนเดียว ตรงนี้ ถือเป็นกระบวนการจัดฉากใส่ร้ายคนเสื้อแดง ทั้งที่ก่อนหน้านี้ก็มีความพยายามจะนำไปจอดที่หน้ารพ.สงฆ์ แต่ไม่ได้รับความสนใจ เลยขนกลับไปจอดที่ คิงเพาเวอร์

นายจตุพรยังอ้างว่าคืนวันที่13 เม.ย. ได้รับรายงานว่าการ์ดของนปช. ถูกยิงตาย 3 คนและถูกย้ายศพหนี ซึ่งผู้เสียชีวิตคนหนึ่งเป็นใบ้ มาจากจ.เลย พี่ชายผู้เสียชีวิตระบุว่า ผู้ตายอยู่ห่างจากที่ชุมนุม 300 เมตร และกระสุนก็ถูกยิงมาจากด้านข้าง ระหว่างนี้ ศพอยู่ระหว่างการชันสูตร เหตุที่ไม่มีญาติผู้บาดเจ็บ และสูญหายมาแจ้งความกับรัฐบาล เพราะเขามองว่ารัฐบาลไม่มีความเป็นธรรม จึงขอเรียกร้องให้รัฐสภาตั้งคณะกรรมการอิสระขึ้นมาสอบสวน

"สุเทพ"งัดวีดีโอตอกย้ำ"แดงถ่อย"

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ได้ตอบโต้นายจตุพร โดยฉายวิดิโอ กลุ่มคนเสื้อแดงขับรถแท็กซี่ และขับรถเมล์พุ่งเข้าชนทหาร และเหตุการณ์ล้อม และทุบตีรถของนายกฯ ที่กระทรวงมหาดไทย และช่วงที่มีการขว้างแก๊สน้ำตา และระเบิดขวดใส่ทหาร โดยระบุว่า สิ่งที่นายจตุพร พูดว่าคนเสื้อแดงไม่ได้ทำความรุนแรงจึงไม่เป็นความจริง เพราะคนที่ทำล้วนเป็นคนเสื้อแดงทั้งสิ้น ซึ่งตนกำลังแกะภาพทีละคน เพื่อนำไปสู่การดำเนินคดี รวมถึงคนที่ไปปิดล้อมที่ศาลอาญาด้วย แล้วยังมีหน้ามาปฏิเสธ และบิดเบือนให้สังคมเข้าใจผิด

นอกจากนี้ยังมีภาพที่คนของ นายจตุพร นำปืนของรปภ. นายกฯไปชูบนเวทีหรา จึงอยากถามว่านายจตุพร มีสิทธิอะไรนำ รปภ.นายกฯไปกักขัง มีสิทธิอะไร ถือปืนของ รปภ.นายกฯ ขนาด รปภ.ของนายกฯยังถูกคนของ นปช.ทุบตี และใช้อำนาจสอบสวนทั้งที่ไม่มีอำนาจ

ด้านนายโสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคม ชี้แจงว่า ตนก็ตั้งรางวัลนำจับคนที่กระทำการเผารถเมล์ขสมก. เช่นกัน โดยใช้เงินส่วนตัวพร้อมให้กับคนที่แจ้งเบาะแส ผู้กระทำผิด 1 แสนบาท ขณะที่นายจตุพร ได้ลุกขึ้นสวนทันควันว่า เหตุใดจึงให้เจ้าหน้าที่ตำรวจและชาวบ้านจำนวนมากไปซ่องสุมกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ และทำเพื่ออะไร นายโสภณ ชี้แจงว่า มีชาวบ้านไปที่สนามบินสุวรรณภูมิจริง เพื่อจะปกป้องสนามบิน แต่ไม่มีการทำผิดกฎหมายแน่ เช่นเดียวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวนหนึ่ง ที่ไปอารักขาสนามบินสุวรณภูมิเอาไว้ เพราะเกรงว่าม็อบเสื้อแดง จะเข้าไปล้อมปิดสนามบิน

ผบ.ตร.สั่งตรวจสอบตำรวจเสื้อน้ำเงิน

วานนี้ (23 เม.ย.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. กล่าวถึงกรณีที่มีการพาดพิงว่า ตำรวจสังกัดบช.ภ.3 แฝงตัวเป็นกลุ่มคนเสื้อน้ำเงิน ที่ไปก่อกวนวิวาทกับกลุ่มคนเสื้อแดง ในการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ที่พัทยา จ.ชลบุรี ว่า กรณีนี้มีที่มาจากกองบังคับการตำรวจจังหวัดสมุทรปราการ ต้องการกำลังมาช่วยเสริมที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ แต่กำลังตำรวจจากพื้นที่ใกล้ๆ ไม่มี ตนก็ให้ลองตรวจสอบกำลังจากที่อื่นก็มีการนำกำลังจากบช.ภ.3 มา โดยในการดูแลความปลอดภัยท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ

ส่วนจะแต่งเครื่องแบบก็อาจทำให้ผู้โดยสารที่อยู่ในสนามบินตกใจ เสียบรรยากาศ ก็มีรายงานมายังตนว่าจะหาเสื้อสีอื่นมาใส่กัน ตนก็ไม่ได้สอบถามรายละเอียด แต่หลังจากนั้นกำลังส่วนนี้จะไปที่อื่นหรือไม่ก็ต้องตรวจสอบ อย่างไรก็ตามก็ตาม มีการสั่งการให้ตรวจสอบเรื่องนี้ และกรณีที่กลุ่มเสื้อน้ำเงินวิวาทกับกลุ่มคนเสื้อแดงทราบว่า บช.ภ.2 มีการดำเนินคดีกับกลุ่มคนเสื้อน้ำเงินแล้ว 3-5 คดี
กำลังโหลดความคิดเห็น