กกร.นัดถก 7 เม.ย.นี้ นำประเด็นชุมนุมใหญ่กลุ่มเสื้อแดงมาหารือ พร้อมเกาะติดสถานการณ์ ระบุไม่เห็นด้วยข้อเสนอให้รัฐบาลยุบสภา และลาออก เพระาจะยิ่งกระทบเศรษฐกิจจนแก้ไขไม่ได้ “ประสพสุข” เผยมีคนกลางช่วยไกล่เกลี่ยก่อนสงกรานต์ ด้าน"อภิสิทธิ์"ย้ำหากมีการเจรจาต้องอยู่ภายใต้กรอบกฎหมาย ย้ำ"แม้ว"ทำผิดต้องมารับโทษก่อน ด้าน"แม้ว"วิดีโอลิงก์ปลุกประชาชนปฏิวัติ 8 เม.ย. ลั่นไม่มีการเจรจา
นายสันติ วิลาสศักดานนท์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า การประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน ซึ่งประกอบด้วย ส.อ.ท. สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย (กกร.) ในวันที่ 7 เม.ย.นี้ จะมีการนำประเด็นการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง ที่จะนัดรวมพลใหญ่วันที่ 8 ก.พ. มาประมวลแนวโน้มว่าจะยืดเยื้อและมีความรุนแรงหรือไม่ ซึ่งคงจะต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด หากยืดเยื้อและรุนแรง จะกำหนดมาตรการร่วมกันอีกครั้ง
ทั้งนี้ ข้อเสนอของกลุ่มคนเสื้อแดง ที่มีเป้าหมายให้รัฐบาลยุบสภา หรือลาออกนั้น ส.อ.ท.ไม่เห็นด้วยเนื่องจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร( ส.ส.)ไม่มีความผิดอะไร และที่สำคัญรัฐบาลปัจจุบันเพิ่งเข้ามาบริหารบ้านเมืองแค่ 3 เดือนเท่านั้น หากต้องมีการเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง ต้องใช้เวลาในการเลือกตั้งอีกระยะหนึ่ง การแก้ไขเศรษฐกิจของไทยให้ผ่านพ้นวิกฤติจากเศรษฐกิจโลกจะยิ่งชะงักงัน และล่าช้าออกไปอีก และการแก้ไขปัญหาจะยากขึ้นกว่าเดิม ท้ายสุดผลเสียหายนี้จะเกิดขึ้นกับประเทศชาติไม่ใช่กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง
นายสันติ กล่าวว่า สิ่งที่กังวลคือ การชุมนุมมีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นที่ลดต่ำลง จากเดิมก็ต่ำอยู่แล้ว ซึ่งจะมีผลกระทบต่อการท่องเที่ยว ภาวะการลงทุน รวมไปถึงความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ที่ปัจจุบันรัฐบาลได้ออกมาตรการมากระตุ้นกำลังซื้อ ในการประคองเศรษฐกิจไทย เมื่อความเชื่อมั่นลดลงการบริโภคก็อาจลดต่ำลง เท่ากับว่ามาตรการของรัฐที่ทำไปอาจสูญเปล่าได้ จึงต้องการวิงวอนทุกฝ่ายหาวิธียุติความขัดแย้งทางการเมือง แล้วหันมาร่วมมือกันแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของชาติจะดีกว่า
"การชุมนุมกระทำได้ภายใต้กรอบกฏหมาย แต่ต้องไม่สร้างความเดือดร้อน และนำไปสู่ความรุนแรง หากเลือกได้ต้องการให้ยุติความขัดแย้ง แล้วมาแก้ไขเศรษฐกิจ ให้ผ่อนหนักเป็นเบาจะดีกว่า เพราะการชุมนุมทุกครั้งที่เกิดขึ้น กระทบต่อความเชื่อมั่นให้ลดลงต่ำไปอีก ทุกประเทศทั่วโลกเขาต่างก็พยายามเร่งแก้ไขเศรษฐกิจกันอยู่ แต่ไทยกลับต้องมาทะเลาะกันเองแบบนี้ การแก้ไขเศรษฐกิจจะเป็นเอกภาพได้อย่างไร" นายสันติกล่าว
นายสันติกล่าวว่าวันที่ 8 เม.ย. ภาคเอกชนจะหารือกับนายกรัฐมนตรี ในเวทีคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน (กรอ.) เพื่อที่จะดูมาตรการแก้ไขอุปสรรคต่อการลงทุนของภาคเอกชน และประเมินมาตรการทางด้านเศรษฐกิจที่ผ่านมาร่วมกัน
จะไล่รัฐบาลควรมีเหตุผล
นายสมมาต ขุนเศรษฐ รองเลขาธิการ ส.อ.ท.กล่าวว่า อยากถามว่า การชุมนุมใหญ่ของกลุ่มคนเสื้อแดงวันที่ 8 เม.ย.นั้น ต้องการเรียกร้องอะไร การจะให้รัฐบาลยุบสถา และลาออกนั้น ก็ควรจะต้องมีเหตุผลที่ชัดเจน เอาข้อมูลที่แท้จริงออกมาให้ประชาชนได้รับทราบ ซึ่งประชาชนจะตัดสินใจเอง
"เราในฐานะเอกชนก็เห็นว่ารัฐบาลชุดนี้ทำงานแค่ 3 เดือน การทุจริตคอร์รัปชั่น การบริหารล้มเหลว ก็ยังไม่เห็นเลย แต่ถ้ากลุ่มคัดค้านเห็น ก็นำเอาข้อมูลเหล่านั้นออกมาแฉเลย ส่วนตัวเห็นว่า ส.ส.เขาก็ไม่มีความผิดที่จะต้องยุบสภา หรือลาออก ไม่อยากให้มองเสื้อแดง และเสื้อเหลือง เวลานี้เศรษฐกิจแย่อยู่แล้ว อย่าซ้ำเติมเลย" นายสมมาตกล่าว
คาดไกล่เกลี่ยก่อนสงกรานต์
นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา กล่าวว่า ขณะนี้ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองมีความเป็นห่วงในสถานการณ์การเมือง และไม่ได้นิ่งนอนใจ เท่าที่ทราบขณะนี้กำลังดำเนินการอยู่ โดยได้มีการประสานกับคนกลางที่จะทำหน้าที่ไกล่เกลี่ยแล้ว โดยคนกลางคนนี้ ทั้ง 2 ฝ่ายให้ความเคารพ และเชื่อถือ เชื่อว่าคงเจรจากันได้ แต่ตนคงบอกไม่ได้ว่าเป็นใคร และเรื่องแบบนี้คงจะพูดรายละเอียดไม่ได้ อย่างไรก็ตาม การเจรจาไกล่เกลี่ยปัญหาจะเกิดขึ้นก่อนวันที่ 8 เม.ย. ที่เป็นวันชุมนุมใหญ่ของกลุ่มคนเสื้อแดง คาดว่าจะเรียบร้อยก่อนวันสงกรานต์ ซึ่งได้มีการประสานกันเป็นภายในแล้ว
การเจรจาต้องอยู่ภายใต้หลักกม.
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงสถานการณ์การชุมนุมของคนเสื้อแดงว่า ตอนที่ไปประชุมจี20 ที่อังกฤษ ได้ติดตามสถานการณ์ตลอด และขณะนี้รัฐบาลอาศัยกระบวนการของศาลเพื่อไม่ให้เกิดปัญหา และการกระทบกระทั่งกัน ซึ่งแม้จะมีการดาวกระจายเคลื่อนไหวไปชุมนุมแสดงออกที่ไหนก็ไม่เป็นปัญหา หากอยู่ในกรอบของกฎหมายก็ทำได้ เพียงแต่รัฐบาลไม่ต้องการให้เกิดความรุนแรงและกระทบกับการทำงานของรัฐบาล และการจะใช้ทำเนียบรัฐบาล ก็จะให้ผ่านกระบวนการของศาล เพื่อจะเป็นแนวทางที่ทำให้ทุกฝ่ายยอมรับได้
สำหรับกรณีที่จะมีคนกลางมาเจรจา ระหว่าง พ.ต.ท.ทักษิณ กับรัฐบาลนั้น ตนไม่มีปัญหาอะไร หากจะพบปะกันที่ไหน แต่บอกได้เพียงว่ารัฐบาลให้ความเป็นธรรม และทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย ซึ่งคิดว่าต้องขึ้นอยู่กับว่า การพูดคุยที่ว่าจะเป็นไปในลักษณะไหน อย่างไร เพราะจุดยืนของรัฐบาลไม่มีการเอาเรื่องอะไรไปต่อรองเพื่อให้เกิดปัญหาต่อไปในอนาคต หรือไม่รักษาหลักของบ้านเมือง หรือไม่รักษาความถูกต้อง ซึ่งทั้งตน และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ เข้าใจกันดีว่า ความถูกต้องและความมั่นคงของสถาบันหลักของชาติ อยู่เหนือสิ่งอื่นใด ไม่สามารถต่อรองได้ แต่หากจะพูดคุยเพื่อที่จะให้เกิดความเข้าใจว่า รัฐบาลไม่มีเจตนาไปกลั่นแกล้งใคร และจะให้ความเป็นธรรม รวมทั้งจะให้เกิดความมั่นใจในเรื่องความปลอดภัยอย่างไร ก็พูดคุยกันได้
ส่วนผู้ชุมนุม หรือแกนนำผู้ชุมนุม หรือพรรคฝ่ายค้าน ถ้าจะพูดคุยในกรอบการปฏิรูปการเมือง และแก้ไขรัฐธรรมนูญ ก็สามารถพูดคุยกันได้ ซึ่งกรอบก็มีอยู่เท่านี้ แต่ถ้าจะต่อรอง บอกว่าให้ทำอะไรที่ไม่ถูกต้อง เสียหลักของบ้านเมือง เพียงเพื่อรัฐบาลอยู่ได้ พวกตนไม่ทำ
อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีความพยายามที่จะมาพูดคุยจากฝ่ายผู้ชุมนุมหรือใคร แต่เป็นการแสดงออกของรัฐบาลว่า เราไม่ได้มองใครเป็นศัตรู
"แม้ว"ทำผิดต้องรับโทษก่อน
"คำว่าตั้งโต๊ะเจรจา จะเจรจาอะไร ทำได้ก็คือ ทำความเข้าใจเท่านั้นเอง ข้อเรียกร้องก็สามารถยื่นมาได้อยู่แล้ว แต่ข้อเรียกร้องใดที่กระทบต่อความถูกต้อง ต่อหลักของกฎหมาย ต่อความมั่นคงของชาติ ไม่ใช่สิ่งที่รัฐบาลอยู่ในฐานะที่จะไปต่อรองอะไรทั้งสิ้น คดีก็คือคดี ไม่อย่างนั้นเราจะรักษาหลักของการเมืองได้อย่างไร คนทำผิดแล้วไม่ต้องยอมรับผิดคงไม่ได้ ส่วนถ้ารับผิดแล้วต่อไปวันข้างหน้า กระบวนการในการที่จะให้อภัยกันต่าง ๆ ในสังคมเราก็มีอยู่แล้ว นั่นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ต้องรับผิดก่อน ทำผิดแล้วไม่ยอมรับผิดไม่ได้ และเราได้แสดงออกชัดเจนว่า เราพร้อมที่จะทำความเข้าใจ พร้อมที่จะรับฟังว่าปัญหามันมีอยู่ตรงไหน อย่างไร" นายกรัฐมนตรีกล่าว
เมื่อถามว่า ปล่อยให้นานเกินกว่าที่จะเจรจาหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ถ้าถามว่านานเกินไปหรือไม่ ต้องบอกว่าปัญหานี้ยืดเยื้อมา และถ้าเรามองว่าการจะจบลงของปัญหาเพียงแค่ยอมๆ กันไป ตนก็ตั้งคำถามว่า ถ้าวันนี้เราไม่คิดถึงหลัก และยอมๆกันไป คิดว่าวันพรุ่งนี้จะไม่มีกลุ่มอื่นออกมาเรียกร้องหรือ ดังนั้น ในที่สุดต้องอยู่ที่กระบวนการที่ทุกฝ่ายยอมรับ เช่น ผิดหรือถูก จะต้องยอมรับคำตัดสินของศาล ไม่ใช่ว่าศาลตัดสินเป็นคุณกับเรา เราก็เรียกร้องให้เคารพศาล แต่พอศาลตัดสินไม่เป็นคุณกับเรา เราจะบอกว่ากระบวนการของศาลเชื่อถือไม่ได้นั้น หากเป็นเช่นนี้บ้านเมืองก็อยู่ไม่ได้
ยันแนวทางเดินหน้าทำงานแก้ศก.
นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่าจะสามารถดูแลสถานการณ์ไม่ให้เกิดความรุนแรงได้ เพราะรัฐบาลมีหน้าที่ดูแลไม่ให้เกิดความรุนแรง ไม่ให้เกิดการหยุดชะงักของการทำงานแก้ไขปัญหา ดังนั้นตนจึงได้ยืนยันว่า เวลาของตนก็จะเดินหน้าทำงานในสิ่งที่เป็นปัญหาใหญ่ และความจริงขณะนี้ทั่วโลกก็ชัดเจนว่า ปัญหาใหญ่ของทั่วโลกคือการดูแลไม่ให้คนตกงาน การประคับประคองเศรษฐกิจ และทั่วโลกก็เรียกร้องให้ทุกคนร่วมมือกัน เราจะต้องถือแนวทางนี้ แต่เมื่อมีคนกลุ่มหนึ่งอยากจะแสดงออก ก็สามารถทำได้ แต่ต้องไม่กระทบกับการทำงานและต้องไม่ทำให้เกิดความรุนแรง และเกิดความเสียหายต่อส่วนรวม
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตอนไปประชุมจี 20 เมื่อผู้ชุมนุมพยายามจะเข้าไปสถานที่ราชการ ที่นั่น เขาก็ต้องสลายการชุมนุม และตอนนี้มีการประชุมนาโต้ ก็สลายการชุมนุม แต่ในส่วนของไทย รัฐบาลพยายามหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดการปะทะ และถ้าจะบอกว่าให้ไปสลายการชุมนุม เพื่อหวังจะให้จบก็คงไม่ได้ ฉะนั้นถ้ามีข้อเรียกร้อง ก็สามารถชุมนุมได้ แต่รัฐบาลต้องรักษากฎหมาย และขณะนี้พยายามใช้กระบวนการของศาลเพื่อให้เป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย
เมื่อถามว่า การชุมนุมกระทบกับเศรษฐกิจหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลเดินหน้าแก้ปัญหาเศรษฐกิจ และตนชี้แจงกับต่างประเทศตลอดเวลาว่า ปัญหาทางการเมืองอยู่ในภาวะซึ่งไม่กระทบกับการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ และถ้ารัฐบาลทำรุนแรง จึงจะกระทบ หรือถ้ารัฐบาลไปจำนนกับความไม่ถูกต้อง จะกระทบกับปัญหาในระยะยาว
ไม่ขัดข้องใครเสนอตัวเป็นคนกลาง
ส่วนกรณีที่นายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา ระบุว่าจะมีคนกลางมาเจรจาให้ปัญหาคลี่คลายนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนไม่ขัดข้องหากใครจะเสนอตัวมาเป็นคนกลาง แต่จะต้องดู หากมาแล้วจะช่วยคลี่คลายสถานการณ์ได้บนความถูกต้อง เราก็ยินดี
สำหรับการดูแลการชุมนุมในวันที่ 8 เม.ย. ได้คุยกับผู้เกี่ยวข้องแล้ว ถือว่าใช้แนวปฏิบัติที่ได้ปฏิบัติมาเมื่อครั้งที่มีการเรียกชุมนุมใหญ่ ซึ่งในรัฐบาลนี้ ได้มีการระดมใหญ่ 3 ครั้งแล้ว ทั้งนี้มั่นใจว่าจะสามารถดูแลสถานการณ์ให้เรียบร้อยได้
ย้ำรัฐบาลมาถูกต้องตามระบอบปชต.
เมื่อถามว่า จุดยืนของคนเสื้อแดงคือ เรียกร้องให้รัฐบาลชุดนี้ออกไป จะทำความเข้าใจกับประชาชนอย่างไร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนบอกแล้วว่าขณะนี้ไม่มีสิ่งที่คนเสื้อแดงพูดถึง ระบอบอำมาตยาธิปไตย โดยทุกอย่างอยู่ในกระบวนการของสภา ตนก็ได้รับการเลือกโดยสภา เลือกตั้งซ่อม ส.ส. 27 เขต แข่งขันกันตามปกติ ไม่ไว้วางใจก็ทำในสภา และรัฐบาลมีเสียงข้างมากสนับสนุนเพิ่มเข้ามาอีก เมื่อเทียบกับตอนเลือกนายกรัฐมนตรี ซึ่งตรงนี้เป็นไปตามระบบรัฐสภาทุกอย่าง ฉะนั้นจึงไม่มีเหตุผลอะไรว่า ขณะนี้มีบุคคลอื่นนอกระบบการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง และขอถามว่านโยบายที่รัฐบาลกำลังทำอยู่ เกี่ยวข้องกับคนที่เขาอ้างว่ามามีอิทธิพลในขณะนี้หรือ อยากถามว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งหมด มีใครคิดว่ามีองคมนตรี หรือใครเข้ามาเกี่ยวข้อง ขอยืนยันว่า ไม่มี ส่วนกองทัพก็ทำงานกับรัฐบาล ภายใต้นโยบาย แต่สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นความพยายามที่จะหยิบยกเรื่องเก่า ๆ หรือปลุกระดมให้เกิดความรู้สึกว่า จะต้องมาเผชิญหน้ากัน ซึ่งตนขอยืนยันว่า ไม่มีเงื่อนไขเช่นนั้น รัฐบาลชุดนี้ทำงานให้คนทุกกลุ่ม และนโยบายเน้นไปที่คนที่ด้อยโอกาสที่สุด คนตกงาน และผู้ใช้แรงงาน ฉะนั้น ขอถามหน่อยว่ามีนโยบายรัฐบาลตรงไหนที่มุ่งเน้นบอกว่าสนับสนุน เฉพาะคนบางกลุ่มซึ่งมีฐานะดีอยู่แล้ว หรือระบบอำมาตยาธิปไตย ไม่มีแน่นอน เพราะฉะนั้นเป็นเรื่องที่เขามีสิทธิจะพูด แต่ตนเชื่อว่าคนส่วนใหญ่เข้าใจ
ถูกยุบพรรคอย่าโทษองคมนตรี
"จะเห็นว่ามีบุคคลที่ถูกกระบวนการยุติธรรมลงโทษตัดสิน ที่ไม่ยอมรับคำตัดสินนั้น ที่ไม่ยอมมารับผิด ไม่รับผิดชอบกับการกระทำในอดีตของตัวเอง ผมเข้าใจได้ในบางส่วนของความผิดที่เห็นว่าอาจจะเป็นปัญหาที่ว่า กฎหมายเป็นธรรมหรือไม่เป็นธรรม แต่ต้องแก้ด้วยกระบวนการของกฎหมาย ไม่ใช่ไปสร้างการเผชิญหน้า และดึงเอาผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมือง ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเมือง หรือสถาบันหลักของชาติ เข้ามาอยู่ในความขัดแย้ง ผมพูดเสมอว่า ประเด็นเรื่องกฎหมายยุบพรรค ถ้าคิดว่าไม่เป็นธรรม ก็มาคุยกัน แต่ไม่ใช่ไปกล่าวหาประธานองคมนตรี ไม่ใช่ไปกล่าวหาคนนั้นคนนี้ เรื่องต่างๆ ที่เอามาพูด เราจะเห็นว่าไม่ได้สอดคล้องกับข้อเท็จจริง และต้องเข้าใจว่าตัวผู้พูดเองกำลังหลบหนีกฎหมายอยู่" นายกรัฐมนตรีกล่าว
ย้ำ“เสื้อแดง”อย่าทำให้งานรัฐบาลชงัก
เมื่อถามว่าปัญหาจะลงเอยอย่างไร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การชุมนุมเรียกร้องนี้ ถ้าไม่มีความรุนแรง ถ้าไม่ทำให้งานของรัฐบาลชะงัก เราอย่าไปกังวล และสองอะไรก็ตาม ระหว่างการชุมนุม ซึ่งกระทบกระเทือนกับความมั่นคงของประเทศ ขณะนี้มีการดำเนินการทางกฎหมายอยู่ ซึ่งบ้านเมืองต้องรักษาหลักเช่นนี้ รัฐบาลก็อดทน เพราะถ้าหลวมตัวนำไปสู่ความรุนแรง เกิดการปะทะกัน บ้านเมืองจะเสียหาย หรือถ้าคิดมักง่ายว่า ใครเรียกร้องอะไร ก็ยอมตามไป ปัญหาจะไม่จบ เพราะว่ามีคนอีกจำนวนมากที่มีความเห็นไม่ตรงกับคนที่มาชุมนุมอยู่ ซึ่งมีความเห็นอย่างรุนแรงสะท้อนออกมาหลายๆ สื่อ รวมทั้งส่งมาถึงตนด้วย ซึ่งตนเข้าใจความรู้สึกของทุกฝ่าย
“มั่นใจครับ ผมเชื่อในความเป็นคนไทย ผมเชื่อในเสียงส่วนใหญ่ที่ต้องการให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อย ผมเชื่อในการเคารพเทิดทูนสถาบันหลักของชาติ และผมมั่นใจว่า ใครที่พยายามจะดึงบ้านเมืองไปในทิศทางที่ไม่ถูกต้อง ในที่สุด เมื่อเข้าใจก็จะต้องจำนนต่อความถูกต้อง" นายกรัฐมนตรีกล่าว
ไม่คิดใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน
นายกรัฐมนตรีกล่าวด้วยว่า จนถึงขณะนี้ยังไม่มีความคิดที่จะใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน และยังเชื่อว่า การใช้กำลังตำรวจ และตำรวจสามารถร้องขอกองทัพ หรือบุคลากรจากฝ่ายอื่นๆ ให้มาเป็นผู้ช่วยเจ้าพนักงานได้ น่าจะเพียงพอในการดูแลสถานการณ์
ส่วนการปกป้องสถาบันองคมนตรีนั้น ตนได้ใช้บางโอกาสในการชี้แจง แต่ขณะเดียวกันเราจะต้องเข้าใจว่า ถ้ามีการละเมิดกฎหมาย จะต้องใช้กระบวนการของกฎหมาย เพียงแต่สถานะของผู้ใหญ่ในบ้านเมืองคงไม่ประสงค์ที่จะเป็นคู่กรณี และคู่ขัดแย้ง ซึ่งรัฐบาลจะพยายามทำความเข้าใจในความถูกต้องที่เกิดขึ้น
ส่วนการประชุมครม.ในสัปดาห์หน้านั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คงต้องไปดูเรื่องการประชุมอาเซียนบวก 3 และบวก 6 ที่พัทยา ก็คงไปประชุมที่นั่นเลย
เทพเทือกไม่ให้ราคา3หัวขวด
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง กล่าวภายหลังการเข้าประชุมร่วมกับกองทัพ เพื่อประเมินการเคลื่อนไหวของกลุ่มเสื้อแดงว่า ทางกองทัพไม่มีภาระหน้าที่ต้องไปรับผิดชอบในการจัดการกับคนกลุ่มโน้น กลุ่มนั้น แต่ภารกิจของกองทัพเป็นภารกิจของประเทศชาติโดยส่วนรวม เรื่องเสื้อแดง เป็นการชุมนุมของประชาชน ซึ่งรัฐบาลให้ความเคารพในสิทธิของประชาชนอยู่แล้ว เพียงแต่ต้องเรียนว่า พี่น้องประชาชนเหล่านั้น ต้องเคารพในสิทธิของคนอื่นๆด้วย และจะต้องไม่ปฏิบัติอะไรที่ผิดกฎหมาย
เมื่อถามว่า ความคืบหน้าในการเจรจากับ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร ดำเนินไปถึงไหนแล้ว เพราะลิ่วล้อของพ.ต.ท.ทักษิณ ไม่เชื่อว่าจะมีการเจรจาจริง นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่เป็นปัญหา ตนรู้จักพ.ต.ท.ทักษิณ ดี และท่านก็รู้จักตนดี ส่วนลูกน้องจะเชื่อ ไม่เชื่อ ก็ไม่เป็นไร แต่ตนยังยืนยันว่าพร้อมจะเจรจาด้วย แต่ไม่ใช่เจรจากับแกนนำนปช.ทั้ง 3 คน เพราะคนตัดสินใจจริงๆ คือพ.ต.ท.ทักษิณ และพรรคประชาธิปัตย์ ก็ไม่มีการส่งใครไปเจรจากับแกนนำนปช.
ส่วนเงื่อนไขในการเจรจาของตนมีอย่างเดียวคือ ต้องให้ประเทศชาติปลอดภัย และคำว่า ปลอดภัย หมายความว่า ขณะนี้มีปัญหาวิกฤติการเศรษฐกิจทั้งโลก ประเทศทั้งหลายในโลกนี้เดือดร้อนกันไปหมด ประเทศไทยก็เดือดร้อนด้วย ถ้าเรายังมีปัญหาการเมือง ปัญหาสังคมภายในมาซ้ำเติม เท่ากับว่าจะป่วยหนักกว่าคนอื่นเป็น 2- 3 เท่า เป้าหมายของตนคือ การเจรจาใดๆ ก็ตาม ที่จะทำให้ประเทศชาติ ประชาชนของเราปลอดภัย ได้ทั้งนั้น
เมื่อถามว่า เงื่อนไขที่ให้พ.ต.ท.ทักษิณ พ้นผิด และกลับมาเข้าสู่การเมือง รับได้หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ทั้งหมดต้องเป็นไปตามหลักการกฎหมาย คิดว่าอย่าตั้งข้อสมมุติอย่างโน้นอย่างนี้เลย ไม่งั้นจะวิจารณ์กันไปใหญ่ ตอนนี้ยังไม่เริ่มการเจรจา ถ้าตั้งป้อมกันจะทำให้การพูดคุยกันลำบาก
ส่วนการรับมือกับชุมนุมใหญ่วันที่ 8 เม.ย. นี้ รัฐบาลก็คงทำเหมือนอย่างที่ทำอยู่ในตอนนี้ รัฐบาลยึดหลักเคารพสิทธิประชาชน ยึดหลักกฎหมาย ไม่ได้คิดว่ากลุ่มเสื้อแดงเป็นศัตรูรัฐบาล เราเป็นคนไทยเหมือนกัน มีปัญหาอะไรคุยกันได้
เสื้อแดงปัดเจรจาปชป.- กลุ่มอำมาตย์
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำนปช. กล่าวถึงมาตรการการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดงก่อนจะมีการชุมนุมใหญ่ในวันที่ 8 เม.ย.ว่า จะมีการสัญจรโดยมุ่งปิดล้อมและกดดันกลุ่มอำมาตย์ จะเดินทางออกรณรงค์และให้ความรู้กับประชาชน รวมถึงแนวทางโค่นล้มระบอบอำมาตยาธิปไตย จะมีการทำใบปลิวแจกจ่ายให้กับประชาชน ในย่านสีลม เยาวราช พื้นที่ กทม. และปริมณฑล โดยอาจจะมีการเคลื่อนวันละ 2-3 แห่ง ส่วนการจะไปปิดล้อมบริษัทเอกชนที่ให้การสนับสนุนรัฐบาลนั้น ต้องขอดูท่าทีก่อน ซึ่งการเคลื่อนการชุมนุมไปที่คิงเพาเวอร์ เปรียบเสมือนส่งสัญญาณเตือน แต่ยังไม่มีการแบล็กลิสต์บริษัทใด
ส่วนกรณีที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง บอกว่าพร้อมจะเจรจากับพ.ต.ท.ทักษิณนั้น ขณะนี้ยังไม่มีการเจรจา ตนได้โทรศัพท์พูดคุยกับพ.ต.ท.ทักษิณ ท่านไม่เคยพูดคุยถึงเรื่องการเจรจา จึงคิดว่าการเจรจาคงยังไม่เกิด เพราะขณะนี้เลยจุดเจรจามาแล้ว ที่ผ่านมารัฐบาลพยายามจับกุมตัวพ.ต.ท.ทักษิณ แต่พอรัฐบาลเข้าไปทำงานในทำเนียบฯไม่ได้ จึงคิดจะเจรจากับกลุ่มเสื้อแดง
ส่วนกรณีที่นายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา อ้างว่าจะมีผู้มีบารมีเข้ามาเจรจาในช่วงหลังสงกรานต์ นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ไม่ทราบว่านายชัย หมายถึงใคร และผู้มีบารมีขณะนี้ ทำตัวเป็นผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ หากเชิญมาเป็นคนกลางในการเจรจา จะเกิดปัญหากับระบอบประชาธิปไตย และหากจะเชิญบุคคลที่อยู่ในการเมืองมาเป็นคนกลาง ตนคิดว่าขณะนี้ยังไม่มีคนนั้น
นายณัฐวุฒิ ยังกล่าวด้วยว่าไม่เห็นด้วยกัยแนวทางการตั้งรัฐบาลแห่งชาติที่นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราชเสนอมา เพราะเลยจุดนั้นมาแล้ว อีกทั้ง ระบอบอำมาตยาธิปไตยได้มีการเปิดตัวอย่างชัดเจน เมื่อมีการเปิดตัวก็ต้องมีการหักล้างกับผู้ขัดแย้ง ว่าจะให้ประชาชนเป็นใหญ่ หรือ พล.อ.เปรม เป็นใหญ่ ถ้าระบอบอำมาตยาธิปไตยยังอยู่ พรรคการเมืองก็จะอยู่ในการควบคมของอำมาตย์ ซึ่งเปรียบได้กับ ถ้าฝีจะแตก ก็ต้องปล่อยให้แตก อย่ามากลบเกลื่อนฝี เหมือนแค่การเปลี่ยนผ่านจากระบอบอำมาตยาธิปไตย มาเป็นประชาธิปไตย แต่กลุ่มอำมาตย์ยังอยู่
"กลุ่มคนเสื้อแดงยังไม่พร้อมเจรจากับกลุ่มอำมาตย์ทุกกรณี เนื่องจากเราต้องการโค่นล้มระบอบอำมาตยาธิปไตย เพราะที่ผ่านมระบอบอำมาตย์ไม่เคยปล่อยอำนาจ จึงทำให้เห็นว่าระบอบอำมาตยาธิปไตยและประชาธิปไตย ไปด้วยกันไม่ได้ และถ้าเจ้าหน้าที่ใช้กำลังในการปราบปรามกลุ่มผู้ชุมนุม เราก็ต้องใช้กำลังในการป้องกันตัวเช่นเดียวกัน" นายณัฐวุฒิ กล่าว
"เสื้อแดง"ดาวกระจายบุกคิงเพาเวอร์
เมื่อเวลา 12.00 น.บรรยากาศ บริเวณห้างสรรพสินค้า คิงเพาเวอร์ ซึ่งกลุ่มเสื้อแดงประกาศจะเดินทางไปชุมนุม แสดงจุดยืนต่อต้านบริษัทเอกชน ที่ให้การสนับสนุนกลุ่มการเมืองที่เปลี่ยนขั้วไปสนับสนุน ระบอบอำมาตยาธิปไตย ได้มีการเตรียมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 กองร้อย จากกองบัญชาการตำรวจนครบาล 1 ดูแลความสงบเรียบร้อย อยู่โดยรอบบริเวณ และ อีก 1 กองร้อย ประจำการอยู่ ณ ที่ตั้ง
ต่อมาเวลา 13.20 น. กลุ่มนปช.ประมาณ 1,000 คน ขับขี่รถจักรยานยนต์กว่า 50 คัน และรถสองแถว รถบรรทุกหลายคัน พร้อมติดเครื่องขยายเสียง ปิดซอยรางน้ำบริเวณด้านหน้าคิงเพาเวอร์ โดยกลุ่มนปช. อ้างว่า คิงเพาเวอร์ ร่วมกับนาย เนวิน ชิดชอบ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ให้เงินสนับสนุนรัฐบาลของพรรคประชาธิปัตย์ โดยกลุ่มผู้ชุมนุม ขึ้นรถกระจายเสียงกล่าวโจมตีคิงเพาเวอร์ ด้วยถ้อยคำรุนแรง พร้อมโห่ร้องขับไล่ ทั้งนี้การชุมนุมใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ก่อนที่จะสลายตัว
"แม้ว"ปลุกประชาชนปฏิวัติ
เมื่อเวลา 20.00 น.วานนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้กล่าวปราศรัยผ่านวีดีโอลิงก์ โดยเริ่มต้นชี้แจงกระแสข่าวลือว่า เสียชีวิตไม่เป็นความจริง และปฏิเสธข่าวลือว่าขณะนี้ตนอยู่ที่ประเทศกัมพูชา
"ช่วงที่ผมหายไป เพราะอยากดูว่าช่วงที่หายไปมีใครพูดอะไรบ้าง ข่าวลืออะไรบ้าง มีคนเสื้อแดง ส่งหนังสือหมวดเจี๊ยบให้ผม ผมน้ำตาซึมเลย มันเป็นอะไรที่มีค่าที่สุด ซึ้งใจจริงๆ ข่าวว่าผมอยู่กัมพูชา คงเป็นการปล่อยข่าว เพราะตั้งแต่เมื่อคืนมีการปะทะกัน ตามเขตแดนที่มีปัญหา ต้องขอแสดงความเสียใจกับญาติทหารหาญ จริงๆแล้วถ้าจะเดาอยู่ไหน ให้เดาว่า ผมอยู่สตูดิโอในกรุงเทพฯดีกว่า ขอให้สบายใจได้ว่าผมเชิญชวนประชาชนออกมาสู้ ไม่ใช่เพื่อตนเอง เพราะตลอดทำงานทำงานเพื่อลูกหลานตลอดเวลา"
พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวอีกว่า มีสองครั้งในประวัติศาสตร์ คือ 14 ตุลา16 และ17 พฤษภา 35 เป็นการปฏิวัติโดยประชาชน ไม่รู้ว่า 8 เม.ย. จะใช่ด้วยหรือเปล่า จากประวิตศาสตร์ เฉลี่ยเรามีการเลือกตั้ง 2 ครั้งปฏิวัติครั้งหนึ่ง จึงมีแต่นักการเมืองประเภทที่เอาการเมืองไว้ทำมาหากิน นักการเมืองมีอุดมการณ์อยู่ไม่ได้ ถามว่าประเทศจะไปไหวหรือ
พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า ประชาชนที่รักความยุติธรรม อยากเห็นบ้านเมืองเป็นประชาธิปไตย ขอเชิญพี่น้องที่ตกงานล้านกว่าคน คนที่ทำการค้ามืดมน เพื่อนข้าราชการ ตำรวจ ที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม เชิญมาวันที่ 8 เม.ย. เพื่อได้ประชาธิปไตยที่แท้จริง เสมอภาคจริงๆ ถามว่ามาเยอะอยู่ไหนกัน ขอเชิญที่อยู่ใกล้เคียง อยู่ถนนราชดำเนิน ลานพระบรมรูป เพื่อแสดงให้เห็นว่าพลังครั้งนี้มากยิ่งกว่า14 ตุลา มากยิ่งกว่า 17 พฤษภา ส่วนที่มาไม่ได้ ขอให้ชุมนุมที่ศาลากลางจังหวัด ให้แสดงให้เห็นว่า ต้องการเปลี่ยนแปลงประชาธิปไตยในทางที่ดี ไม่ใช่เพื่อการเมืองของนักการเมืองอาชีพ
พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่าวันที่ 8 เม.ย. ประชาธิปไตยที่แท้จริง มีเสรีภาพ เอารัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 คืนมา มีข้อบกพร่องแก้ได้ แต่วันนี้เพื่อจะได้แก้ปัญหา 2. ยุบสภาเลือกตั้งใหม่ คัดสรร สส.-ส.ว.ใหม่ 3. คืนสิทธินักการเมืองที่ถูกแบน
"สิ่งที่ผมต้องการคือประชาธิปไตยที่แท้จริง เรื่องผมเป็นเรื่องเล็ก ประชาธิปไตยที่แท้จริงเรื่องใหญ่กว่า และได้ประชาธิปไตยที่แท้จริง เนรมิตได้ทุกอย่าง" พ.ต.ท.ทักษิณกล่าว และว่า อย่าใส่ความว่าตนจะเปลี่ยนแปลงการปกครอง ตนต้องการประชาธิปไตยที่แท้จริงเท่านั้น ไม่ใช่อำมาตยาธิปไตย
พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า วันที่ 8 เม.ย. ขอให้ประชาชนเดินเป็นคาราวาน จากจังหวัดหนึ่งสมทบกับอีกจังหวัดหนึ่ง เจ้าหน้าที่รัฐ กรุณาอย่าขวาง ให้รู้ว่าเรารักประชาธิปไตย เราเกลียดความอยุติธรรม จะร่วมประวัติศาสตร์กัน อะไรสีแดงก็มาเลย หัวใจสีแดง เนคไทสีแดง ก็เอามาเลย
พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า ขอย้ำไม่ต้องห่วงตน ตนมีชีวิตอยู่ ไม่มีใครจับตนแน่ ไม่ต้องห่วง และตนไม่เจรจา เพราะวันนี้เป็นเรื่องของชาติ ไม่ใช่เรื่องของตน ที่มีคนพูดว่า มีคนโทรหาตน ราคาคุย ข้อเท็จจริงแล้ว กำลังร่วมกับพี่น้อง เพื่อให้ได้มาซึ่งประชาธิปไตย และเพื่อแก้ไขปัญหานี้เป็นไปได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด จะได้ไม่มีปัญหาอีก
ผูสื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านั้น เมื่อเวลา19.28 น. นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี นายพงศ์เทพ เทพกาญจนาโฆษกประจำตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ขึ้นเวทีปราศรัย โดยนายสมชาย กล่าวว่า กลุ่มผู้บริหารพรรคไทยรักไทย และพลังประชาชนได้นัดหมายกันมาวันนี้มามากๆ แต่ที่มาไม่ครบ เพราะกลัวเวทีหัก เกรงว่าจะเกิดเหตุร้าย เราตกลงกันว่าต่อไปนี้ สมาชิก 111 อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยและ 37 อดีตกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชนจะมาปราศรัยทุกคน
นายสันติ วิลาสศักดานนท์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า การประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน ซึ่งประกอบด้วย ส.อ.ท. สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย (กกร.) ในวันที่ 7 เม.ย.นี้ จะมีการนำประเด็นการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง ที่จะนัดรวมพลใหญ่วันที่ 8 ก.พ. มาประมวลแนวโน้มว่าจะยืดเยื้อและมีความรุนแรงหรือไม่ ซึ่งคงจะต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด หากยืดเยื้อและรุนแรง จะกำหนดมาตรการร่วมกันอีกครั้ง
ทั้งนี้ ข้อเสนอของกลุ่มคนเสื้อแดง ที่มีเป้าหมายให้รัฐบาลยุบสภา หรือลาออกนั้น ส.อ.ท.ไม่เห็นด้วยเนื่องจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร( ส.ส.)ไม่มีความผิดอะไร และที่สำคัญรัฐบาลปัจจุบันเพิ่งเข้ามาบริหารบ้านเมืองแค่ 3 เดือนเท่านั้น หากต้องมีการเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง ต้องใช้เวลาในการเลือกตั้งอีกระยะหนึ่ง การแก้ไขเศรษฐกิจของไทยให้ผ่านพ้นวิกฤติจากเศรษฐกิจโลกจะยิ่งชะงักงัน และล่าช้าออกไปอีก และการแก้ไขปัญหาจะยากขึ้นกว่าเดิม ท้ายสุดผลเสียหายนี้จะเกิดขึ้นกับประเทศชาติไม่ใช่กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง
นายสันติ กล่าวว่า สิ่งที่กังวลคือ การชุมนุมมีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นที่ลดต่ำลง จากเดิมก็ต่ำอยู่แล้ว ซึ่งจะมีผลกระทบต่อการท่องเที่ยว ภาวะการลงทุน รวมไปถึงความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ที่ปัจจุบันรัฐบาลได้ออกมาตรการมากระตุ้นกำลังซื้อ ในการประคองเศรษฐกิจไทย เมื่อความเชื่อมั่นลดลงการบริโภคก็อาจลดต่ำลง เท่ากับว่ามาตรการของรัฐที่ทำไปอาจสูญเปล่าได้ จึงต้องการวิงวอนทุกฝ่ายหาวิธียุติความขัดแย้งทางการเมือง แล้วหันมาร่วมมือกันแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของชาติจะดีกว่า
"การชุมนุมกระทำได้ภายใต้กรอบกฏหมาย แต่ต้องไม่สร้างความเดือดร้อน และนำไปสู่ความรุนแรง หากเลือกได้ต้องการให้ยุติความขัดแย้ง แล้วมาแก้ไขเศรษฐกิจ ให้ผ่อนหนักเป็นเบาจะดีกว่า เพราะการชุมนุมทุกครั้งที่เกิดขึ้น กระทบต่อความเชื่อมั่นให้ลดลงต่ำไปอีก ทุกประเทศทั่วโลกเขาต่างก็พยายามเร่งแก้ไขเศรษฐกิจกันอยู่ แต่ไทยกลับต้องมาทะเลาะกันเองแบบนี้ การแก้ไขเศรษฐกิจจะเป็นเอกภาพได้อย่างไร" นายสันติกล่าว
นายสันติกล่าวว่าวันที่ 8 เม.ย. ภาคเอกชนจะหารือกับนายกรัฐมนตรี ในเวทีคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน (กรอ.) เพื่อที่จะดูมาตรการแก้ไขอุปสรรคต่อการลงทุนของภาคเอกชน และประเมินมาตรการทางด้านเศรษฐกิจที่ผ่านมาร่วมกัน
จะไล่รัฐบาลควรมีเหตุผล
นายสมมาต ขุนเศรษฐ รองเลขาธิการ ส.อ.ท.กล่าวว่า อยากถามว่า การชุมนุมใหญ่ของกลุ่มคนเสื้อแดงวันที่ 8 เม.ย.นั้น ต้องการเรียกร้องอะไร การจะให้รัฐบาลยุบสถา และลาออกนั้น ก็ควรจะต้องมีเหตุผลที่ชัดเจน เอาข้อมูลที่แท้จริงออกมาให้ประชาชนได้รับทราบ ซึ่งประชาชนจะตัดสินใจเอง
"เราในฐานะเอกชนก็เห็นว่ารัฐบาลชุดนี้ทำงานแค่ 3 เดือน การทุจริตคอร์รัปชั่น การบริหารล้มเหลว ก็ยังไม่เห็นเลย แต่ถ้ากลุ่มคัดค้านเห็น ก็นำเอาข้อมูลเหล่านั้นออกมาแฉเลย ส่วนตัวเห็นว่า ส.ส.เขาก็ไม่มีความผิดที่จะต้องยุบสภา หรือลาออก ไม่อยากให้มองเสื้อแดง และเสื้อเหลือง เวลานี้เศรษฐกิจแย่อยู่แล้ว อย่าซ้ำเติมเลย" นายสมมาตกล่าว
คาดไกล่เกลี่ยก่อนสงกรานต์
นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา กล่าวว่า ขณะนี้ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองมีความเป็นห่วงในสถานการณ์การเมือง และไม่ได้นิ่งนอนใจ เท่าที่ทราบขณะนี้กำลังดำเนินการอยู่ โดยได้มีการประสานกับคนกลางที่จะทำหน้าที่ไกล่เกลี่ยแล้ว โดยคนกลางคนนี้ ทั้ง 2 ฝ่ายให้ความเคารพ และเชื่อถือ เชื่อว่าคงเจรจากันได้ แต่ตนคงบอกไม่ได้ว่าเป็นใคร และเรื่องแบบนี้คงจะพูดรายละเอียดไม่ได้ อย่างไรก็ตาม การเจรจาไกล่เกลี่ยปัญหาจะเกิดขึ้นก่อนวันที่ 8 เม.ย. ที่เป็นวันชุมนุมใหญ่ของกลุ่มคนเสื้อแดง คาดว่าจะเรียบร้อยก่อนวันสงกรานต์ ซึ่งได้มีการประสานกันเป็นภายในแล้ว
การเจรจาต้องอยู่ภายใต้หลักกม.
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงสถานการณ์การชุมนุมของคนเสื้อแดงว่า ตอนที่ไปประชุมจี20 ที่อังกฤษ ได้ติดตามสถานการณ์ตลอด และขณะนี้รัฐบาลอาศัยกระบวนการของศาลเพื่อไม่ให้เกิดปัญหา และการกระทบกระทั่งกัน ซึ่งแม้จะมีการดาวกระจายเคลื่อนไหวไปชุมนุมแสดงออกที่ไหนก็ไม่เป็นปัญหา หากอยู่ในกรอบของกฎหมายก็ทำได้ เพียงแต่รัฐบาลไม่ต้องการให้เกิดความรุนแรงและกระทบกับการทำงานของรัฐบาล และการจะใช้ทำเนียบรัฐบาล ก็จะให้ผ่านกระบวนการของศาล เพื่อจะเป็นแนวทางที่ทำให้ทุกฝ่ายยอมรับได้
สำหรับกรณีที่จะมีคนกลางมาเจรจา ระหว่าง พ.ต.ท.ทักษิณ กับรัฐบาลนั้น ตนไม่มีปัญหาอะไร หากจะพบปะกันที่ไหน แต่บอกได้เพียงว่ารัฐบาลให้ความเป็นธรรม และทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย ซึ่งคิดว่าต้องขึ้นอยู่กับว่า การพูดคุยที่ว่าจะเป็นไปในลักษณะไหน อย่างไร เพราะจุดยืนของรัฐบาลไม่มีการเอาเรื่องอะไรไปต่อรองเพื่อให้เกิดปัญหาต่อไปในอนาคต หรือไม่รักษาหลักของบ้านเมือง หรือไม่รักษาความถูกต้อง ซึ่งทั้งตน และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ เข้าใจกันดีว่า ความถูกต้องและความมั่นคงของสถาบันหลักของชาติ อยู่เหนือสิ่งอื่นใด ไม่สามารถต่อรองได้ แต่หากจะพูดคุยเพื่อที่จะให้เกิดความเข้าใจว่า รัฐบาลไม่มีเจตนาไปกลั่นแกล้งใคร และจะให้ความเป็นธรรม รวมทั้งจะให้เกิดความมั่นใจในเรื่องความปลอดภัยอย่างไร ก็พูดคุยกันได้
ส่วนผู้ชุมนุม หรือแกนนำผู้ชุมนุม หรือพรรคฝ่ายค้าน ถ้าจะพูดคุยในกรอบการปฏิรูปการเมือง และแก้ไขรัฐธรรมนูญ ก็สามารถพูดคุยกันได้ ซึ่งกรอบก็มีอยู่เท่านี้ แต่ถ้าจะต่อรอง บอกว่าให้ทำอะไรที่ไม่ถูกต้อง เสียหลักของบ้านเมือง เพียงเพื่อรัฐบาลอยู่ได้ พวกตนไม่ทำ
อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีความพยายามที่จะมาพูดคุยจากฝ่ายผู้ชุมนุมหรือใคร แต่เป็นการแสดงออกของรัฐบาลว่า เราไม่ได้มองใครเป็นศัตรู
"แม้ว"ทำผิดต้องรับโทษก่อน
"คำว่าตั้งโต๊ะเจรจา จะเจรจาอะไร ทำได้ก็คือ ทำความเข้าใจเท่านั้นเอง ข้อเรียกร้องก็สามารถยื่นมาได้อยู่แล้ว แต่ข้อเรียกร้องใดที่กระทบต่อความถูกต้อง ต่อหลักของกฎหมาย ต่อความมั่นคงของชาติ ไม่ใช่สิ่งที่รัฐบาลอยู่ในฐานะที่จะไปต่อรองอะไรทั้งสิ้น คดีก็คือคดี ไม่อย่างนั้นเราจะรักษาหลักของการเมืองได้อย่างไร คนทำผิดแล้วไม่ต้องยอมรับผิดคงไม่ได้ ส่วนถ้ารับผิดแล้วต่อไปวันข้างหน้า กระบวนการในการที่จะให้อภัยกันต่าง ๆ ในสังคมเราก็มีอยู่แล้ว นั่นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ต้องรับผิดก่อน ทำผิดแล้วไม่ยอมรับผิดไม่ได้ และเราได้แสดงออกชัดเจนว่า เราพร้อมที่จะทำความเข้าใจ พร้อมที่จะรับฟังว่าปัญหามันมีอยู่ตรงไหน อย่างไร" นายกรัฐมนตรีกล่าว
เมื่อถามว่า ปล่อยให้นานเกินกว่าที่จะเจรจาหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ถ้าถามว่านานเกินไปหรือไม่ ต้องบอกว่าปัญหานี้ยืดเยื้อมา และถ้าเรามองว่าการจะจบลงของปัญหาเพียงแค่ยอมๆ กันไป ตนก็ตั้งคำถามว่า ถ้าวันนี้เราไม่คิดถึงหลัก และยอมๆกันไป คิดว่าวันพรุ่งนี้จะไม่มีกลุ่มอื่นออกมาเรียกร้องหรือ ดังนั้น ในที่สุดต้องอยู่ที่กระบวนการที่ทุกฝ่ายยอมรับ เช่น ผิดหรือถูก จะต้องยอมรับคำตัดสินของศาล ไม่ใช่ว่าศาลตัดสินเป็นคุณกับเรา เราก็เรียกร้องให้เคารพศาล แต่พอศาลตัดสินไม่เป็นคุณกับเรา เราจะบอกว่ากระบวนการของศาลเชื่อถือไม่ได้นั้น หากเป็นเช่นนี้บ้านเมืองก็อยู่ไม่ได้
ยันแนวทางเดินหน้าทำงานแก้ศก.
นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่าจะสามารถดูแลสถานการณ์ไม่ให้เกิดความรุนแรงได้ เพราะรัฐบาลมีหน้าที่ดูแลไม่ให้เกิดความรุนแรง ไม่ให้เกิดการหยุดชะงักของการทำงานแก้ไขปัญหา ดังนั้นตนจึงได้ยืนยันว่า เวลาของตนก็จะเดินหน้าทำงานในสิ่งที่เป็นปัญหาใหญ่ และความจริงขณะนี้ทั่วโลกก็ชัดเจนว่า ปัญหาใหญ่ของทั่วโลกคือการดูแลไม่ให้คนตกงาน การประคับประคองเศรษฐกิจ และทั่วโลกก็เรียกร้องให้ทุกคนร่วมมือกัน เราจะต้องถือแนวทางนี้ แต่เมื่อมีคนกลุ่มหนึ่งอยากจะแสดงออก ก็สามารถทำได้ แต่ต้องไม่กระทบกับการทำงานและต้องไม่ทำให้เกิดความรุนแรง และเกิดความเสียหายต่อส่วนรวม
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตอนไปประชุมจี 20 เมื่อผู้ชุมนุมพยายามจะเข้าไปสถานที่ราชการ ที่นั่น เขาก็ต้องสลายการชุมนุม และตอนนี้มีการประชุมนาโต้ ก็สลายการชุมนุม แต่ในส่วนของไทย รัฐบาลพยายามหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดการปะทะ และถ้าจะบอกว่าให้ไปสลายการชุมนุม เพื่อหวังจะให้จบก็คงไม่ได้ ฉะนั้นถ้ามีข้อเรียกร้อง ก็สามารถชุมนุมได้ แต่รัฐบาลต้องรักษากฎหมาย และขณะนี้พยายามใช้กระบวนการของศาลเพื่อให้เป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย
เมื่อถามว่า การชุมนุมกระทบกับเศรษฐกิจหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลเดินหน้าแก้ปัญหาเศรษฐกิจ และตนชี้แจงกับต่างประเทศตลอดเวลาว่า ปัญหาทางการเมืองอยู่ในภาวะซึ่งไม่กระทบกับการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ และถ้ารัฐบาลทำรุนแรง จึงจะกระทบ หรือถ้ารัฐบาลไปจำนนกับความไม่ถูกต้อง จะกระทบกับปัญหาในระยะยาว
ไม่ขัดข้องใครเสนอตัวเป็นคนกลาง
ส่วนกรณีที่นายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา ระบุว่าจะมีคนกลางมาเจรจาให้ปัญหาคลี่คลายนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนไม่ขัดข้องหากใครจะเสนอตัวมาเป็นคนกลาง แต่จะต้องดู หากมาแล้วจะช่วยคลี่คลายสถานการณ์ได้บนความถูกต้อง เราก็ยินดี
สำหรับการดูแลการชุมนุมในวันที่ 8 เม.ย. ได้คุยกับผู้เกี่ยวข้องแล้ว ถือว่าใช้แนวปฏิบัติที่ได้ปฏิบัติมาเมื่อครั้งที่มีการเรียกชุมนุมใหญ่ ซึ่งในรัฐบาลนี้ ได้มีการระดมใหญ่ 3 ครั้งแล้ว ทั้งนี้มั่นใจว่าจะสามารถดูแลสถานการณ์ให้เรียบร้อยได้
ย้ำรัฐบาลมาถูกต้องตามระบอบปชต.
เมื่อถามว่า จุดยืนของคนเสื้อแดงคือ เรียกร้องให้รัฐบาลชุดนี้ออกไป จะทำความเข้าใจกับประชาชนอย่างไร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนบอกแล้วว่าขณะนี้ไม่มีสิ่งที่คนเสื้อแดงพูดถึง ระบอบอำมาตยาธิปไตย โดยทุกอย่างอยู่ในกระบวนการของสภา ตนก็ได้รับการเลือกโดยสภา เลือกตั้งซ่อม ส.ส. 27 เขต แข่งขันกันตามปกติ ไม่ไว้วางใจก็ทำในสภา และรัฐบาลมีเสียงข้างมากสนับสนุนเพิ่มเข้ามาอีก เมื่อเทียบกับตอนเลือกนายกรัฐมนตรี ซึ่งตรงนี้เป็นไปตามระบบรัฐสภาทุกอย่าง ฉะนั้นจึงไม่มีเหตุผลอะไรว่า ขณะนี้มีบุคคลอื่นนอกระบบการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง และขอถามว่านโยบายที่รัฐบาลกำลังทำอยู่ เกี่ยวข้องกับคนที่เขาอ้างว่ามามีอิทธิพลในขณะนี้หรือ อยากถามว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งหมด มีใครคิดว่ามีองคมนตรี หรือใครเข้ามาเกี่ยวข้อง ขอยืนยันว่า ไม่มี ส่วนกองทัพก็ทำงานกับรัฐบาล ภายใต้นโยบาย แต่สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นความพยายามที่จะหยิบยกเรื่องเก่า ๆ หรือปลุกระดมให้เกิดความรู้สึกว่า จะต้องมาเผชิญหน้ากัน ซึ่งตนขอยืนยันว่า ไม่มีเงื่อนไขเช่นนั้น รัฐบาลชุดนี้ทำงานให้คนทุกกลุ่ม และนโยบายเน้นไปที่คนที่ด้อยโอกาสที่สุด คนตกงาน และผู้ใช้แรงงาน ฉะนั้น ขอถามหน่อยว่ามีนโยบายรัฐบาลตรงไหนที่มุ่งเน้นบอกว่าสนับสนุน เฉพาะคนบางกลุ่มซึ่งมีฐานะดีอยู่แล้ว หรือระบบอำมาตยาธิปไตย ไม่มีแน่นอน เพราะฉะนั้นเป็นเรื่องที่เขามีสิทธิจะพูด แต่ตนเชื่อว่าคนส่วนใหญ่เข้าใจ
ถูกยุบพรรคอย่าโทษองคมนตรี
"จะเห็นว่ามีบุคคลที่ถูกกระบวนการยุติธรรมลงโทษตัดสิน ที่ไม่ยอมรับคำตัดสินนั้น ที่ไม่ยอมมารับผิด ไม่รับผิดชอบกับการกระทำในอดีตของตัวเอง ผมเข้าใจได้ในบางส่วนของความผิดที่เห็นว่าอาจจะเป็นปัญหาที่ว่า กฎหมายเป็นธรรมหรือไม่เป็นธรรม แต่ต้องแก้ด้วยกระบวนการของกฎหมาย ไม่ใช่ไปสร้างการเผชิญหน้า และดึงเอาผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมือง ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเมือง หรือสถาบันหลักของชาติ เข้ามาอยู่ในความขัดแย้ง ผมพูดเสมอว่า ประเด็นเรื่องกฎหมายยุบพรรค ถ้าคิดว่าไม่เป็นธรรม ก็มาคุยกัน แต่ไม่ใช่ไปกล่าวหาประธานองคมนตรี ไม่ใช่ไปกล่าวหาคนนั้นคนนี้ เรื่องต่างๆ ที่เอามาพูด เราจะเห็นว่าไม่ได้สอดคล้องกับข้อเท็จจริง และต้องเข้าใจว่าตัวผู้พูดเองกำลังหลบหนีกฎหมายอยู่" นายกรัฐมนตรีกล่าว
ย้ำ“เสื้อแดง”อย่าทำให้งานรัฐบาลชงัก
เมื่อถามว่าปัญหาจะลงเอยอย่างไร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การชุมนุมเรียกร้องนี้ ถ้าไม่มีความรุนแรง ถ้าไม่ทำให้งานของรัฐบาลชะงัก เราอย่าไปกังวล และสองอะไรก็ตาม ระหว่างการชุมนุม ซึ่งกระทบกระเทือนกับความมั่นคงของประเทศ ขณะนี้มีการดำเนินการทางกฎหมายอยู่ ซึ่งบ้านเมืองต้องรักษาหลักเช่นนี้ รัฐบาลก็อดทน เพราะถ้าหลวมตัวนำไปสู่ความรุนแรง เกิดการปะทะกัน บ้านเมืองจะเสียหาย หรือถ้าคิดมักง่ายว่า ใครเรียกร้องอะไร ก็ยอมตามไป ปัญหาจะไม่จบ เพราะว่ามีคนอีกจำนวนมากที่มีความเห็นไม่ตรงกับคนที่มาชุมนุมอยู่ ซึ่งมีความเห็นอย่างรุนแรงสะท้อนออกมาหลายๆ สื่อ รวมทั้งส่งมาถึงตนด้วย ซึ่งตนเข้าใจความรู้สึกของทุกฝ่าย
“มั่นใจครับ ผมเชื่อในความเป็นคนไทย ผมเชื่อในเสียงส่วนใหญ่ที่ต้องการให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อย ผมเชื่อในการเคารพเทิดทูนสถาบันหลักของชาติ และผมมั่นใจว่า ใครที่พยายามจะดึงบ้านเมืองไปในทิศทางที่ไม่ถูกต้อง ในที่สุด เมื่อเข้าใจก็จะต้องจำนนต่อความถูกต้อง" นายกรัฐมนตรีกล่าว
ไม่คิดใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน
นายกรัฐมนตรีกล่าวด้วยว่า จนถึงขณะนี้ยังไม่มีความคิดที่จะใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน และยังเชื่อว่า การใช้กำลังตำรวจ และตำรวจสามารถร้องขอกองทัพ หรือบุคลากรจากฝ่ายอื่นๆ ให้มาเป็นผู้ช่วยเจ้าพนักงานได้ น่าจะเพียงพอในการดูแลสถานการณ์
ส่วนการปกป้องสถาบันองคมนตรีนั้น ตนได้ใช้บางโอกาสในการชี้แจง แต่ขณะเดียวกันเราจะต้องเข้าใจว่า ถ้ามีการละเมิดกฎหมาย จะต้องใช้กระบวนการของกฎหมาย เพียงแต่สถานะของผู้ใหญ่ในบ้านเมืองคงไม่ประสงค์ที่จะเป็นคู่กรณี และคู่ขัดแย้ง ซึ่งรัฐบาลจะพยายามทำความเข้าใจในความถูกต้องที่เกิดขึ้น
ส่วนการประชุมครม.ในสัปดาห์หน้านั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คงต้องไปดูเรื่องการประชุมอาเซียนบวก 3 และบวก 6 ที่พัทยา ก็คงไปประชุมที่นั่นเลย
เทพเทือกไม่ให้ราคา3หัวขวด
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง กล่าวภายหลังการเข้าประชุมร่วมกับกองทัพ เพื่อประเมินการเคลื่อนไหวของกลุ่มเสื้อแดงว่า ทางกองทัพไม่มีภาระหน้าที่ต้องไปรับผิดชอบในการจัดการกับคนกลุ่มโน้น กลุ่มนั้น แต่ภารกิจของกองทัพเป็นภารกิจของประเทศชาติโดยส่วนรวม เรื่องเสื้อแดง เป็นการชุมนุมของประชาชน ซึ่งรัฐบาลให้ความเคารพในสิทธิของประชาชนอยู่แล้ว เพียงแต่ต้องเรียนว่า พี่น้องประชาชนเหล่านั้น ต้องเคารพในสิทธิของคนอื่นๆด้วย และจะต้องไม่ปฏิบัติอะไรที่ผิดกฎหมาย
เมื่อถามว่า ความคืบหน้าในการเจรจากับ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร ดำเนินไปถึงไหนแล้ว เพราะลิ่วล้อของพ.ต.ท.ทักษิณ ไม่เชื่อว่าจะมีการเจรจาจริง นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่เป็นปัญหา ตนรู้จักพ.ต.ท.ทักษิณ ดี และท่านก็รู้จักตนดี ส่วนลูกน้องจะเชื่อ ไม่เชื่อ ก็ไม่เป็นไร แต่ตนยังยืนยันว่าพร้อมจะเจรจาด้วย แต่ไม่ใช่เจรจากับแกนนำนปช.ทั้ง 3 คน เพราะคนตัดสินใจจริงๆ คือพ.ต.ท.ทักษิณ และพรรคประชาธิปัตย์ ก็ไม่มีการส่งใครไปเจรจากับแกนนำนปช.
ส่วนเงื่อนไขในการเจรจาของตนมีอย่างเดียวคือ ต้องให้ประเทศชาติปลอดภัย และคำว่า ปลอดภัย หมายความว่า ขณะนี้มีปัญหาวิกฤติการเศรษฐกิจทั้งโลก ประเทศทั้งหลายในโลกนี้เดือดร้อนกันไปหมด ประเทศไทยก็เดือดร้อนด้วย ถ้าเรายังมีปัญหาการเมือง ปัญหาสังคมภายในมาซ้ำเติม เท่ากับว่าจะป่วยหนักกว่าคนอื่นเป็น 2- 3 เท่า เป้าหมายของตนคือ การเจรจาใดๆ ก็ตาม ที่จะทำให้ประเทศชาติ ประชาชนของเราปลอดภัย ได้ทั้งนั้น
เมื่อถามว่า เงื่อนไขที่ให้พ.ต.ท.ทักษิณ พ้นผิด และกลับมาเข้าสู่การเมือง รับได้หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ทั้งหมดต้องเป็นไปตามหลักการกฎหมาย คิดว่าอย่าตั้งข้อสมมุติอย่างโน้นอย่างนี้เลย ไม่งั้นจะวิจารณ์กันไปใหญ่ ตอนนี้ยังไม่เริ่มการเจรจา ถ้าตั้งป้อมกันจะทำให้การพูดคุยกันลำบาก
ส่วนการรับมือกับชุมนุมใหญ่วันที่ 8 เม.ย. นี้ รัฐบาลก็คงทำเหมือนอย่างที่ทำอยู่ในตอนนี้ รัฐบาลยึดหลักเคารพสิทธิประชาชน ยึดหลักกฎหมาย ไม่ได้คิดว่ากลุ่มเสื้อแดงเป็นศัตรูรัฐบาล เราเป็นคนไทยเหมือนกัน มีปัญหาอะไรคุยกันได้
เสื้อแดงปัดเจรจาปชป.- กลุ่มอำมาตย์
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำนปช. กล่าวถึงมาตรการการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดงก่อนจะมีการชุมนุมใหญ่ในวันที่ 8 เม.ย.ว่า จะมีการสัญจรโดยมุ่งปิดล้อมและกดดันกลุ่มอำมาตย์ จะเดินทางออกรณรงค์และให้ความรู้กับประชาชน รวมถึงแนวทางโค่นล้มระบอบอำมาตยาธิปไตย จะมีการทำใบปลิวแจกจ่ายให้กับประชาชน ในย่านสีลม เยาวราช พื้นที่ กทม. และปริมณฑล โดยอาจจะมีการเคลื่อนวันละ 2-3 แห่ง ส่วนการจะไปปิดล้อมบริษัทเอกชนที่ให้การสนับสนุนรัฐบาลนั้น ต้องขอดูท่าทีก่อน ซึ่งการเคลื่อนการชุมนุมไปที่คิงเพาเวอร์ เปรียบเสมือนส่งสัญญาณเตือน แต่ยังไม่มีการแบล็กลิสต์บริษัทใด
ส่วนกรณีที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง บอกว่าพร้อมจะเจรจากับพ.ต.ท.ทักษิณนั้น ขณะนี้ยังไม่มีการเจรจา ตนได้โทรศัพท์พูดคุยกับพ.ต.ท.ทักษิณ ท่านไม่เคยพูดคุยถึงเรื่องการเจรจา จึงคิดว่าการเจรจาคงยังไม่เกิด เพราะขณะนี้เลยจุดเจรจามาแล้ว ที่ผ่านมารัฐบาลพยายามจับกุมตัวพ.ต.ท.ทักษิณ แต่พอรัฐบาลเข้าไปทำงานในทำเนียบฯไม่ได้ จึงคิดจะเจรจากับกลุ่มเสื้อแดง
ส่วนกรณีที่นายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา อ้างว่าจะมีผู้มีบารมีเข้ามาเจรจาในช่วงหลังสงกรานต์ นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ไม่ทราบว่านายชัย หมายถึงใคร และผู้มีบารมีขณะนี้ ทำตัวเป็นผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ หากเชิญมาเป็นคนกลางในการเจรจา จะเกิดปัญหากับระบอบประชาธิปไตย และหากจะเชิญบุคคลที่อยู่ในการเมืองมาเป็นคนกลาง ตนคิดว่าขณะนี้ยังไม่มีคนนั้น
นายณัฐวุฒิ ยังกล่าวด้วยว่าไม่เห็นด้วยกัยแนวทางการตั้งรัฐบาลแห่งชาติที่นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราชเสนอมา เพราะเลยจุดนั้นมาแล้ว อีกทั้ง ระบอบอำมาตยาธิปไตยได้มีการเปิดตัวอย่างชัดเจน เมื่อมีการเปิดตัวก็ต้องมีการหักล้างกับผู้ขัดแย้ง ว่าจะให้ประชาชนเป็นใหญ่ หรือ พล.อ.เปรม เป็นใหญ่ ถ้าระบอบอำมาตยาธิปไตยยังอยู่ พรรคการเมืองก็จะอยู่ในการควบคมของอำมาตย์ ซึ่งเปรียบได้กับ ถ้าฝีจะแตก ก็ต้องปล่อยให้แตก อย่ามากลบเกลื่อนฝี เหมือนแค่การเปลี่ยนผ่านจากระบอบอำมาตยาธิปไตย มาเป็นประชาธิปไตย แต่กลุ่มอำมาตย์ยังอยู่
"กลุ่มคนเสื้อแดงยังไม่พร้อมเจรจากับกลุ่มอำมาตย์ทุกกรณี เนื่องจากเราต้องการโค่นล้มระบอบอำมาตยาธิปไตย เพราะที่ผ่านมระบอบอำมาตย์ไม่เคยปล่อยอำนาจ จึงทำให้เห็นว่าระบอบอำมาตยาธิปไตยและประชาธิปไตย ไปด้วยกันไม่ได้ และถ้าเจ้าหน้าที่ใช้กำลังในการปราบปรามกลุ่มผู้ชุมนุม เราก็ต้องใช้กำลังในการป้องกันตัวเช่นเดียวกัน" นายณัฐวุฒิ กล่าว
"เสื้อแดง"ดาวกระจายบุกคิงเพาเวอร์
เมื่อเวลา 12.00 น.บรรยากาศ บริเวณห้างสรรพสินค้า คิงเพาเวอร์ ซึ่งกลุ่มเสื้อแดงประกาศจะเดินทางไปชุมนุม แสดงจุดยืนต่อต้านบริษัทเอกชน ที่ให้การสนับสนุนกลุ่มการเมืองที่เปลี่ยนขั้วไปสนับสนุน ระบอบอำมาตยาธิปไตย ได้มีการเตรียมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 กองร้อย จากกองบัญชาการตำรวจนครบาล 1 ดูแลความสงบเรียบร้อย อยู่โดยรอบบริเวณ และ อีก 1 กองร้อย ประจำการอยู่ ณ ที่ตั้ง
ต่อมาเวลา 13.20 น. กลุ่มนปช.ประมาณ 1,000 คน ขับขี่รถจักรยานยนต์กว่า 50 คัน และรถสองแถว รถบรรทุกหลายคัน พร้อมติดเครื่องขยายเสียง ปิดซอยรางน้ำบริเวณด้านหน้าคิงเพาเวอร์ โดยกลุ่มนปช. อ้างว่า คิงเพาเวอร์ ร่วมกับนาย เนวิน ชิดชอบ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ให้เงินสนับสนุนรัฐบาลของพรรคประชาธิปัตย์ โดยกลุ่มผู้ชุมนุม ขึ้นรถกระจายเสียงกล่าวโจมตีคิงเพาเวอร์ ด้วยถ้อยคำรุนแรง พร้อมโห่ร้องขับไล่ ทั้งนี้การชุมนุมใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ก่อนที่จะสลายตัว
"แม้ว"ปลุกประชาชนปฏิวัติ
เมื่อเวลา 20.00 น.วานนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้กล่าวปราศรัยผ่านวีดีโอลิงก์ โดยเริ่มต้นชี้แจงกระแสข่าวลือว่า เสียชีวิตไม่เป็นความจริง และปฏิเสธข่าวลือว่าขณะนี้ตนอยู่ที่ประเทศกัมพูชา
"ช่วงที่ผมหายไป เพราะอยากดูว่าช่วงที่หายไปมีใครพูดอะไรบ้าง ข่าวลืออะไรบ้าง มีคนเสื้อแดง ส่งหนังสือหมวดเจี๊ยบให้ผม ผมน้ำตาซึมเลย มันเป็นอะไรที่มีค่าที่สุด ซึ้งใจจริงๆ ข่าวว่าผมอยู่กัมพูชา คงเป็นการปล่อยข่าว เพราะตั้งแต่เมื่อคืนมีการปะทะกัน ตามเขตแดนที่มีปัญหา ต้องขอแสดงความเสียใจกับญาติทหารหาญ จริงๆแล้วถ้าจะเดาอยู่ไหน ให้เดาว่า ผมอยู่สตูดิโอในกรุงเทพฯดีกว่า ขอให้สบายใจได้ว่าผมเชิญชวนประชาชนออกมาสู้ ไม่ใช่เพื่อตนเอง เพราะตลอดทำงานทำงานเพื่อลูกหลานตลอดเวลา"
พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวอีกว่า มีสองครั้งในประวัติศาสตร์ คือ 14 ตุลา16 และ17 พฤษภา 35 เป็นการปฏิวัติโดยประชาชน ไม่รู้ว่า 8 เม.ย. จะใช่ด้วยหรือเปล่า จากประวิตศาสตร์ เฉลี่ยเรามีการเลือกตั้ง 2 ครั้งปฏิวัติครั้งหนึ่ง จึงมีแต่นักการเมืองประเภทที่เอาการเมืองไว้ทำมาหากิน นักการเมืองมีอุดมการณ์อยู่ไม่ได้ ถามว่าประเทศจะไปไหวหรือ
พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า ประชาชนที่รักความยุติธรรม อยากเห็นบ้านเมืองเป็นประชาธิปไตย ขอเชิญพี่น้องที่ตกงานล้านกว่าคน คนที่ทำการค้ามืดมน เพื่อนข้าราชการ ตำรวจ ที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม เชิญมาวันที่ 8 เม.ย. เพื่อได้ประชาธิปไตยที่แท้จริง เสมอภาคจริงๆ ถามว่ามาเยอะอยู่ไหนกัน ขอเชิญที่อยู่ใกล้เคียง อยู่ถนนราชดำเนิน ลานพระบรมรูป เพื่อแสดงให้เห็นว่าพลังครั้งนี้มากยิ่งกว่า14 ตุลา มากยิ่งกว่า 17 พฤษภา ส่วนที่มาไม่ได้ ขอให้ชุมนุมที่ศาลากลางจังหวัด ให้แสดงให้เห็นว่า ต้องการเปลี่ยนแปลงประชาธิปไตยในทางที่ดี ไม่ใช่เพื่อการเมืองของนักการเมืองอาชีพ
พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่าวันที่ 8 เม.ย. ประชาธิปไตยที่แท้จริง มีเสรีภาพ เอารัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 คืนมา มีข้อบกพร่องแก้ได้ แต่วันนี้เพื่อจะได้แก้ปัญหา 2. ยุบสภาเลือกตั้งใหม่ คัดสรร สส.-ส.ว.ใหม่ 3. คืนสิทธินักการเมืองที่ถูกแบน
"สิ่งที่ผมต้องการคือประชาธิปไตยที่แท้จริง เรื่องผมเป็นเรื่องเล็ก ประชาธิปไตยที่แท้จริงเรื่องใหญ่กว่า และได้ประชาธิปไตยที่แท้จริง เนรมิตได้ทุกอย่าง" พ.ต.ท.ทักษิณกล่าว และว่า อย่าใส่ความว่าตนจะเปลี่ยนแปลงการปกครอง ตนต้องการประชาธิปไตยที่แท้จริงเท่านั้น ไม่ใช่อำมาตยาธิปไตย
พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า วันที่ 8 เม.ย. ขอให้ประชาชนเดินเป็นคาราวาน จากจังหวัดหนึ่งสมทบกับอีกจังหวัดหนึ่ง เจ้าหน้าที่รัฐ กรุณาอย่าขวาง ให้รู้ว่าเรารักประชาธิปไตย เราเกลียดความอยุติธรรม จะร่วมประวัติศาสตร์กัน อะไรสีแดงก็มาเลย หัวใจสีแดง เนคไทสีแดง ก็เอามาเลย
พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า ขอย้ำไม่ต้องห่วงตน ตนมีชีวิตอยู่ ไม่มีใครจับตนแน่ ไม่ต้องห่วง และตนไม่เจรจา เพราะวันนี้เป็นเรื่องของชาติ ไม่ใช่เรื่องของตน ที่มีคนพูดว่า มีคนโทรหาตน ราคาคุย ข้อเท็จจริงแล้ว กำลังร่วมกับพี่น้อง เพื่อให้ได้มาซึ่งประชาธิปไตย และเพื่อแก้ไขปัญหานี้เป็นไปได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด จะได้ไม่มีปัญหาอีก
ผูสื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านั้น เมื่อเวลา19.28 น. นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี นายพงศ์เทพ เทพกาญจนาโฆษกประจำตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ขึ้นเวทีปราศรัย โดยนายสมชาย กล่าวว่า กลุ่มผู้บริหารพรรคไทยรักไทย และพลังประชาชนได้นัดหมายกันมาวันนี้มามากๆ แต่ที่มาไม่ครบ เพราะกลัวเวทีหัก เกรงว่าจะเกิดเหตุร้าย เราตกลงกันว่าต่อไปนี้ สมาชิก 111 อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยและ 37 อดีตกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชนจะมาปราศรัยทุกคน