xs
xsm
sm
md
lg

“นายกฯ” พร้อมคุย “นช.แม้ว” แทงกั๊กห้ามต่อรอง ย้ำทำผิดต้องรับโทษ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“อภิสิทธิ์” ลั่นพร้อมเจรจา “นช.แม้ว” แต่แทงกั๊กห้ามต่อรองด้วยเงื่อนไขที่ทำให้บ้านเมืองเสียหาย แม้ข้อแลกเปลี่ยนจะทำให้รัฐบาลยังคงอยู่ ระบุ ยังข้องใจไม่เห็นท่าทีจะยอมเจรจาด้วย ย้ำชัดคนผิดต้องรับโทษ ปัดรัฐบาลไม่มีอำมาตยาธิปไตยหนุนหลัง ซัดใครทำลายสถาบันองคมนตรีถือว่าทำลายความมั่นคง เผย ประชุม ครม.สัปดาห์หน้าที่เมืองพัทยา อ้างตรวจความพร้อมประชุมอาเซียน +3 และอาเซียน +6

วันนี้ (3 เม.ย.) วันนี้(3 เม.ย.) ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังเดินทางกลับจากการประชุมกลุ่มประเทศเศรษฐกิจ จี20 ที่อังกฤษ ถึงสถานการณ์การชุมนุมของคนเสื้อแดงว่า ตอนที่ไปประชุมจี 20 ได้ติดตามสถานการณ์ตลอด และขณะนี้รัฐบาลอาศัยกระบวนการของศาลเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาและการกระทบกระทั่งกัน ซึ่งแม้จะมีการดาวกระจายเคลื่อนไหวไปชุมนุมแสดงออกที่ไหน ก็ไม่เป็นปัญหา หากอยู่ในกรอบของกฎหมายก็ทำได้ เพียงแต่รัฐบาลไม่ต้องการให้เกิดความรุนแรงและกระทบกับการทำงานของรัฐบาล และการจะใช้ทำเนียบรัฐบาลก็จะให้ผ่านกระบวนการของศาล เพื่อจะเป็นแนวทางที่ทำให้ทุกฝ่ายยอมรับได้

สำหรับกรณีที่จะมีคนกลางมาเจรจาระหว่าง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และแกนนำคนเสื้อแดงกับรัฐบาลนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนไม่มีอะไร หากจะพบปะกันที่ไหนตนบอกได้เพียงว่ารัฐบาลให้ความเป็นธรรมและทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย แต่คิดว่าต้องขึ้นอยู่กับว่าการพูดคุยที่ว่าจะเป็นไปในลักษณะไหน อย่างไร เพราะจุดยืนของรัฐบาลไม่มีการเอาเรื่องอะไรไปต่อรองเพื่อให้เกิดปัญหาต่อไปในอนาคต หรือไม่รักษาหลักของบ้านเมือง หรือไม่รักษาความถูกต้อง ซึ่งทั้งตนและนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงเข้าใจกันดีว่า ความถูกต้องและความมั่นคงของสถาบันหลักของชาติอยู่เหนือสิ่งอื่นใด ไม่สามารถต่อรองได้ แต่หากจะพูดคุยเพื่อที่จะให้เกิดความเข้าใจว่ารัฐบาลไม่มีเจตนาไปกลั่นแกล้งใคร และจะให้ความเป็นธรรม รวมทั้งจะให้เกิดความมั่นใจในเรื่องความปลอดภัยอย่างไร ก็พูดคุยกันได้

ส่วนผู้ชุมนุม หรือแกนนำผู้ชุมนุม หรือพรรคฝ่ายค้าน ถ้าจะพูดคุยในกรอบการปฏิรูปการเมือง และแก้ไขรัฐธรรมนูญ ก็สามารถพูดคุยกันได้ ซึ่งกรอบก็มีอยู่เท่านี้ แต่ถ้าจะต่อรอง บอกว่าให้ทำอะไรที่ไม่ถูกต้อง เสียหลักของบ้านเมือง เพียงเพื่อรัฐบาลอยู่ได้ พวกผมไม่ทำ อย่างไรก็ตามยังไม่มีความพยายามที่จะมาพูดคุยจากฝ่ายผู้ชุมนุมหรือใคร แต่เป็นการแสดงออกของรัฐบาลว่าเราไม่ได้มองใครเป็นศัตรู

ชี้ “แม้ว” ทำผิดต้องรับผิดก่อน

“คำว่าตั้งโต๊ะเจรจา จะเจรจาอะไร ทำได้ก็คือทำความเข้าใจเท่านั้นเอง ข้อเรียกร้องก็สามารถยื่นมาได้อยู่แล้ว แต่ข้อเรียกร้องใดที่กระทบต่อความถูกต้อง ต่อหลักของกฎหมาย ต่อความมั่นคงของชาติ ไม่ใช่สิ่งที่รัฐบาลอยู่ในฐานะที่จะไปต่อรองอะไรทั้งสิ้น คดีก็คือคดี ไม่อย่างนั้นเราจะรักษาหลักของการเมืองได้อย่างไร คนทำผิดแล้วไม่ต้องยอมรับผิดคงไม่ได้ ส่วนถ้ารับผิดแล้วต่อไปวันข้างหน้า กระบวนการในการที่จะให้อภัยกันต่าง ๆ ในสังคมเราก็มีอยู่แล้ว นั่นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ต้องรับผิดก่อน ทำผิดแล้วไม่ยอมรับผิดไม่ได้ และเราได้แสดงออกชัดเจนว่าเราพร้อมที่จะทำความเข้าใจ พร้อมที่จะรับฟังว่าปัญหามันมีอยู่ตรงไหน อย่างไร”นายกรัฐมนตรี กล่าว

เมื่อถามว่า ปล่อยให้นานเกินกว่าที่จะเจรจาหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ถ้าถามว่านานเกินไปหรือไม่ ต้องบอกว่า ปัญหานี้ยืดเยื้อมา และถ้าเรามองว่าการจะจบลงของปัญหาเพียงแค่ยอม ๆ กันไป ตนก็ตั้งคำถามว่า ถ้าวันนี้เราไม่คิดถึงหลัก และยอม ๆ กันไป คิดว่าวันพรุ่งนี้จะไม่มีกลุ่มอื่นออกมาเรียกร้องหรือ ดังนั้น ในที่สุดต้องอยู่ที่กระบวนการที่ทุกฝ่ายยอมรับ เช่นผิดหรือถูก จะต้องยอมรับคำตัดสินของศาล ไม่ใช่ว่าศาลตัดสินเป็นคุณกับเรา เราก็เรียกร้องให้เคารพศาล แต่พอศาลตัดสินไม่เป็นคุณกับเรา เราจะบอกว่ากระบวนการของศาลเชื่อถือไม่ได้นั้น หากเป็นเช่นนี้บ้านเมืองก็อยู่ไม่ได้

ยันแนวทางเดินหน้าทำงานแก้เศรษฐกิจ

นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า จะสามารถดูแลสถานการณ์ไม่ให้เกิดความรุนแรงได้ เพราะรัฐบาลมีหน้าที่ดูแลไม่ให้เกิดความรุนแรง ไม่ให้เกิดการหยุดชะงักของการทำงานแก้ไขปัญหา ดังนั้นตนจึงได้ยืนยันว่าเวลาของตนก็จะเดินหน้าทำงานในสิ่งที่เป็นปัญหาใหญ่ และความจริงขณะนี้ทั่วโลกก็ชัดเจนว่าปัญหาใหญ่ของทั่วโลกคือการดูแลไม่ให้คนตกงาน การประคับประคองเศรษฐกิจ และทั่วโลกก็เรียกร้องให้ทุกคนร่วมมือกัน เราจะต้องถือแนวทางนี้ แต่เมื่อมีคนกลุ่มหนึ่งอยากจะแสดงออกก็สามารถทำได้ แต่ต้องไม่กระทบกับการทำงานและต้องไม่ทำให้เกิดความรุนแรงและเกิดความเสียหายต่อส่วนรวม

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตอนไปประชุมจี 20 เมื่อผู้ชุมนุมพยายามจะเข้าไปสถานที่ราชการที่นั่น เขาก็ต้องสลายการชุมนุม และตอนนี้มีการประชุมนาโต้ ก็สลายการชุมนุม แต่ในส่วนของไทย รัฐบาลพยายามหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดการปะทะ และถ้าจะบอกว่าให้ไปสลายการชุมนุมเพื่อหวังจะให้จบก็คงไม่ได้ ฉะนั้นถ้ามีข้อเรียกร้อง ก็สามารถชุมนุมได้ แต่รัฐบาลต้องรักษากฎหมาย และขณะนี้พยายามใช้กระบวนการของศาลเพื่อให้เป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย

เมื่อถามว่า การชุมนุมกระทบกับเศรษฐกิจหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลเดินหน้าแก้ปัญหาเศรษฐกิจ และตนชี้แจงกับต่างประเทศตลอดเวลาว่า ปัญหาทางการเมืองอยู่ในภาวะซึ่งไม่กระทบกับการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ และถ้ารัฐบาลทำรุนแรง จึงจะกระทบ หรือถ้ารัฐบาลไปจำนนกับความไม่ถูกต้องจะกระทบกับปัญหาในระยะยาว

ไม่ขัดข้องใครเสนอตัวเป็นคนกลาง

ส่วนกรณีที่นายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภาระบุว่าจะมีคนกลางมาเจรจาให้ปัญหาคลี่คลายนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนไม่ขัดข้องหากใครจะเสนอตัวมาเป็นคนกลาง แต่จะต้องดู หากมาแล้วจะช่วยคลี่คลายสถานการณ์ได้บนความถูกต้อง เราก็ยินดี
สำหรับการดูแลการชุมนุมในวันที่ 8 เม.ย.ที่ผู้ชุมนุมประกาศเป็นวันแตกหัก ได้กำชับเจ้าหน้าที่อย่างไร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้คุยกับผู้เกี่ยวข้องแล้ว ถือว่าใช้แนวปฏิบัติที่ได้ปฏิบัติมาเมื่อครั้งที่มีการเรียกชุมนุมใหญ่ ซึ่งในรัฐบาลนี้ได้มีการระดมใหญ่ 3 ครั้งแล้ว ทั้งนี้มั่นใจว่าจะสามารถดูแลสถานการณ์ให้เรียบร้อยได้ และที่ผ่านมา 3 เดือนก็เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ซึ่งแนวทางและจุดยืนของรัฐบาลชัดเจน จึงเชื่อว่าประชาชนส่วนใหญ่เกือบจะทั้งหมดในสังคมเข้าใจถึงการรักษาแนวทางที่รัฐบาลคิดว่าจะไม่สร้างปัญหาเพิ่มเติมขึ้นมา ทั้งนี้รัฐบาลได้วางแผนเรียบร้อยในเรื่องที่จะให้เจ้าหน้าที่ที่ดูแลความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงไม่ให้เกิดปัญหา

ย้ำรัฐบาลมาถูกต้องตามระบอบประชาธิปไตย

เมื่อถามว่า จุดยืนของคนเสื้อแดงคือเรียกร้องให้รัฐบาลชุดนี้ออกไปจะทำความเข้าใจกับประชาชนอย่างไร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนบอกแล้วว่า ขณะนี้ไม่มีสิ่งที่คนเสื้อแดงพูดถึง ระบอบอมาตยาธิปไตย โดยทุกอย่างอยู่ในกระบวนการของสภา ตนก็ได้รับการเลือกโดยสภา เลือกตั้งซ่อมส.ส. 27 เขตแข่งขันกันตามปกติ ไม่ไว้วางใจก็ทำในสภา และรัฐบาลมีเสียงข้างมากสนับสนุนเพิ่มเข้ามาอีก เมื่อเทียบกับตอนเลือกนายกรัฐมนตรีและก่อนหน้าที่จะมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งตรงนี้เป็นไปตามระบบรัฐสภาทุกอย่าง ฉะนั้นจึงไม่มีเหตุผลอะไรว่าขณะนี้มีบุคคลอื่นนอกระบบการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง และขอถามว่านโยบายที่รัฐบาลกำลังทำอยู่ เกี่ยวข้องกับคนที่เขาอ้างว่ามามีอิทธิพลในขณะนี้หรือ อยากถามว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งหมด มีใครคิดว่ามีองคมนตรีหรือใครเข้ามาเกี่ยวข้อง ขอยืนยันว่า ไม่มี ส่วนกองทัพก็ทำงานกับรัฐบาลภายใต้นโยบาย แต่สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นความพยายามที่จะหยิบยกเรื่องเก่า ๆ หรือปลุกระดมให้เกิดความรู้สึกว่าจะต้องมาเผชิญหน้ากัน ซึ่งตนขอยืนยันว่าไม่มีเงื่อนไขเช่นนั้น รัฐบาลชุดนี้ทำงานให้คนทุกกลุ่ม และนโยบายเน้นไปที่คนที่ด้อยโอกาสที่สุด คนตกงาน และผู้ใช้แรงงาน ฉะนั้นขอถามหน่อยว่ามีนโยบายรัฐบาลตรงไหนที่มุ่งเน้นบอกว่าสนับสนุนเฉพาะคนบางกลุ่มซึ่งมีฐานะดีอยู่แล้ว หรือระบบอมาตฯ ไม่มีแน่นอน เพราะฉะนั้นเป็นเรื่องที่เขามีสิทธิจะพูด แต่ตนเชื่อว่าคนส่วนใหญ่เข้าใจ

ซัดไม่พอใจถูกยุบพรรค ลั่นอย่ากล่าวหาองคมนตรี

“จะเห็นว่ามีบุคคลที่ถูกกระบวนการยุติธรรมลงโทษตัดสิน ที่ไม่ยอมรับคำตัดสินนั้น ที่ไม่ยอมมารับผิด ไม่รับผิดชอบกับการกระทำในอดีตของตัวเอง ผมเข้าใจได้ในบางส่วนของความผิดที่เห็นว่าอาจจะเป็นปัญหาที่ว่า กฎหมายเป็นธรรมหรือไม่เป็นธรรม แต่ต้องแก้ด้วยกระบวนการของกฎหมาย ไม่ใช่ไปสร้างการเผชิญหน้า และดึงเอาผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมือง ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเมือง หรือสถาบันหลักของชาติ เข้ามาอยู่ในความขัดแย้ง ผมพูดเสมอว่าประเด็นเรื่องกฎหมาย ยุบพรรค ถ้าคิดว่าไม่เป็นธรรมก็มาคุยกัน แต่ไม่ใช่ไปกล่าวหาประธานองคมนตรี ไม่ใช่ไปกล่าวหาคนนั้นคนนี้ เรื่องต่าง ๆ ที่เอามาพูด เราจะเห็นว่าไม่ได้สอดคล้องกับข้อเท็จจริงในหลายเรื่อง และได้ต้องเข้าใจว่าตัวผู้พูดเองกำลังหลบหนีกฎหมายอยู่”นายกรัฐมนตรี กล่าว

ส่วนนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี มาพบได้รายงานอะไรบ้างนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า มารายงานสถานการณ์ทั่วไป เพราะนายสุเทพรักษาการนายกรัฐมนตรี และเมื่อตนเดินทางมาถึงนายสุเทพก็หมดสภาพการรักษาการ

ย้ำ “เสื้อแดง”ชุมนุมสงบไม่มีปัญหา อย่าทำงานรัฐบาลชะงัก

เมื่อถามว่า จะลงเอยอย่างไร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนขอย้ำว่า การชุมนุมเรียกร้องนี้ถ้าไม่มีความรุนแรง ถ้าไม่ทำให้งานของรัฐบาลชะงัก เราอย่าไปกังวล และสองอะไรก็ตาม ระหว่างการชุมนุม ซึ่งกระทบกระเทือนกับความมั่นคงของประเทศ ขณะนี้มีการดำเนินการทางกฎหมายอยู่ ซึ่งบ้านเมืองต้องรักษาหลักเช่นนี้ รัฐบาลก็อดทน เพราะถ้าหลวมตัวนำไปสู่ความรุนแรง เกิดการปะทะกัน บ้านเมืองจะเสียหาย หรือถ้าคิดมักง่ายว่าใครเรียกร้องอะไร ก็ยอมตามไป ปัญหาจะไม่จบ เพราะว่ามีคนอีกจำนวนมากที่มีความเห็นไม่ตรงกับคนที่มาชุมนุมอยู่ ซึ่งมีความเห็นอย่างรุนแรงสะท้อนออกมาหลาย ๆ สื่อ รวมทั้งส่งมาถึงตนด้วย ซึ่งตนเข้าใจความรู้สึกของทุกฝ่าย

เมื่อถามว่าการชุมนุมที่ปิดทำเนียบรัฐบาลส่งผลกระทบต่อการทำงานของรัฐบาลหรือยัง นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีนโยบายอะไรที่ได้รับผลกระทบ หรือการปฏิบัติภารกิจอะไรของตนที่ได้รับผลกระทบเลย พรุ่งนี้ (4 เม.ย.)ก็ทำงานต่อ จึงเชื่อว่าดูแลความเรียบร้อยได้

มั่นใจรัฐบาลคุมสถานการณ์ได้

“มั่นใจครับ ผมเชื่อในความเป็นคนไทย ผมเชื่อในเสียงส่วนใหญ่ที่ต้องการให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อย ผมเชื่อในการเคารพเทิดทูนสถาบันหลักของชาติ และผมมั่นใจว่า ใครที่พยายามจะดึงบ้านเมืองไปในทิศทางที่ไม่ถูกต้อง ในที่สุด เมื่อเข้าใจก็จะต้องจำนนต่อความถูกต้อง”นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรีกล่าวด้วยว่า จนถึงขณะนี้ยังไม่มีความคิดที่จะใช้พรก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน และยังเชื่อว่าการใช้กำลังตำรวจ และตำรวจสามารถร้องขอกองทัพหรือบุคลากรจากฝ่ายอื่น ๆ ให้มาเป็นผู้ช่วยเจ้าพนักงานได้ น่าจะเพียงพอในการดูแลสถานการณ์

เมื่อถามว่า รัฐบาลจะปกป้องสถาบันองคมนตรีอย่างไร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนได้ใช้บางโอกาสในการชี้แจง แต่ขณะเดียวกันเราจะต้องเข้าใจว่าถ้ามีการละเมิดกฎหมาย จะต้องใช้กระบวนการของกฎหมาย เพียงแต่สถานะของผู้ใหญ่ในบ้านเมืองคงไม่ประสงค์ที่จะเป็นคู่กรณีและคู่ขัดแย้ง ซึ่งรัฐบาลจะพยายามทำความเข้าใจในความถูกต้องที่เกิดขึ้น

เผยเตรียมยกครม.ประชุม เมืองพัทยา สัปดาห์หน้า

ส่วนการประชุมคณะรัฐมนตรีในสัปดาห์หน้าจะประชุมที่ทำเนียบรัฐบาลได้หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สัปดาห์หน้าคงต้องไปดูเรื่องการประชุมอาเซียนบวก3 และบวก 6 ที่พัทยา ก็คงไปประชุมที่นั่นไปเลย

เมื่อถามว่ามองปรากฎการณ์ที่องคมนตรีหลายคนออกมาตอบโต้ พ.ต.ท.ทักษิณ อย่างไร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คนที่ถูกพาดพิงจะต้องชี้แจง เพราะเมื่อถูกพาดพิงคนจะเข้าใจผิดได้ และไม่มีใครชี้แจงได้ดีเท่าตัวเอง เพราะนั่นคือข้อเท็จจริงที่สามารถยืนยันได้ แต่ตนสังเกตว่าความเป็นผู้ใหญ่ของบุคคลเหล่านี้พยายามชี้แจงน้อยที่สุดเพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้ง ไม่ให้ร้ายใคร ซึ่งตรงนี้ยิ่งตอกย้ำถึงความน่าเคารพน่าเชื่อถือของผู้ใหญ่ทุกคน ที่ไม่ไปตอบโต้ขยายวงให้บ้านเมืองมากขึ้น และต้องตั้งคำถามกับคนที่พยายามดึงบุคคลเหล่านี้ลงมาสู่ความขัดแย้งว่าทำเพื่ออะไร ทำเพื่อใคร

เมื่อถามย้ำว่าได้วิเคราะห์หรือไม่ว่าเหตุใดพ.ต.ท.ทักษิณ จึงโฟนอินโจมตีองคมนตรี นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าตนได้เรียนแล้วว่าเมื่อเดินแนวทางที่จะแก้ปัญหาของตัวเองไม่ได้ ก็พยายามที่จะสร้างความขัดแย้งเพิ่มเติม โดยการไปดึงองค์กรอื่น เข้ามา ซึ่งถือเป็นเรื่องธรรมดา

เมื่อถามว่าจะทำให้คนสับสนระหว่างสถาบันองคมนตรีกับสถาบันเบื้องสูงหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่ควรมีความสับสน เพราะรัฐธรรมนูญจะเขียนชัด จะบอกว่าการโจมตีสถาบันองคมนตรีจะเท่ากับสถาบันเบื้องสูงไม่ได้ แต่ขณะเดียวกันต้องดูว่าโจมตีในลักษณะไหนอย่างไร ซึ่งบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญจะมีอยู่ในเรื่องของความสัมพันธ์ระหว่างองค์พระมหากษัตริย์ กับองคมนตรี เช่นการแต่งตั้งการให้พ้นจากตำแหน่งเป็นไปตามพระราชอัธยาศัย เป็นต้น ซึ่งตรงนี้ก็ต้องทราบ ขณะเดียวกันก็ไม่ได้หมายความว่าสถานะทางกฎหมายเป็นอย่างไรแล้วแปลว่าความเหมาะสม ตนคิดว่าเรามีสถาบันที่ดำรงความเป็นกลางอยู่ ซึ่งเป็นหลักให้เกิดความมั่นคงของบ้านเมือง ใครพยายามที่จะโจมตีสถาบันที่มีความเป็นกลางและต้องเป็นหลักของบ้านเมือง คือทำลายความมั่นคง ซึ่งตรงนี้รัฐบาลจึงได้ดูข้อกฎหมายอยู่ในการที่จะดำเนินการ

ส่วนจะชัดเจนเมื่อไหร่นั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่ง่าย เพราะความเป็นนามธรรมของคำว่าความมั่นคงจะต้องรัดกุม ถ้ารัฐบาลดำเนินการไปแล้วไม่รัดกุม แทนที่จะเป็นผลดี ก็เป็นผลเสีย เพราะฉะนั้นจึงต้องดูและทบทวนอยู่หลายรอบให้รัดกุมที่สุด

เมื่อถามว่ามีข่าวว่าพรรคประชาราชและพรรคเพื่อแผ่นดินที่เหลือจะเข้าร่วมรัฐบาล ได้มีการพูดคุยกันบ้างหรือยัง นายกรัฐมนตรี ไม่ได้ตอบและย้อนถามว่าใครเป็นคนแถลงเรื่องนี้ นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคใช่หรือไม่







กำลังโหลดความคิดเห็น