ส.ส.เพื่อแม้ว สุมหัววัดวิชามารกู้หน้านายใหญ่ในสภา ตั้งเป้ากุเรื่อง “มาร์ค” มือเปื้อนเลือด ออก พ.ร.ก.ขัดรัฐธรรมนูญ นำทหารออกมายิงประชาชน อ้างที่นางเลิ้งมีคนเสื้อแดงถูกยิง 3 คน เสแสร้งกลัว “ปู่ชัย” ห้ามแพร่ภาพในที่ประชุม “ไอ้ตู่” เตรียมสร้างเรื่องแบบศพคนตายมาที่สภา โม้อีกมีข้อมูลทหารขนศพทิ้งสิงห์บุรี
รายงานข่าวแจ้งว่า ในการประชุม ส.ส.ของพรรคเพื่อไทย เมื่อวันที่ 21 เม.ย. ส.ส.ของพรรคได้อภิปรายแสดงความเห็นถึงการประชุมร่วมกันของ 2 สภา ในวันที่ 22 เม.ย. ซึ่งจะมีวาระการพิจารณากรณีการชุมนุมของคนเสื้อแดงในวันสงกรานต์ที่ผ่านมาด้วย โดย ส.ส.พรรคเพื่อไทยได้หาทางพลิกเกม หลังจากที่ตกเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำกรณีคนเสื้อแดงที่ พรรคเพื่อไทยหนุนหลังอยู่ ภายใต้การบงการของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่หลบหนีคดีอยู่ต่างประเทศ ได้ก่อการจลาจล กีดขวางการจรจร เผารถเมล์หลายสิบคัน นำรถแก๊สมาข่มขู่ประชาชน ทุบทำลายมัสยิด และยิงชาวบ้านนางเลิ้งเสียชีวิตไป 2 คน
ทั้งนี้ ส.ส.พรรคเพื่อไทยส่วนใหญ่ต่างเห็นว่าจะหยิบยกกรณีการประกาศใช้ พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการฉุกเฉิน ของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ไปเป็นประเด็นอภิปรายว่าไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ เพราะการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ จะต้องผ่านมติคณะรัฐมนตรี แต่การประกาศใช้ พ.ร.ก.ครั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้ประชุมร่วมกับรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี เพียง 3-4 คนที่กระทรวงมหาดไทยเท่านั้น นอกจากนี้จะอภิปรายว่า การประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ครั้งนี้มีการนำทหารพร้อมกำลังอาวุธปืนออกมาปราบปรามและยิงประชาชน
ส.ส.ส่วนใหญ่ในพรรคเพื่อไทยสรุปตรงกันว่า จะเน้นย้ำอภิปรายว่านายอภิสิทธิ์ หมดความชอบธรรมไปแล้วและถือเป็นนายกฯ ที่มือเปื้อนเลือด ที่ใช้กำลังทหารยิงประชาชน ส่วนจะตายกี่คนไม่สำคัญและมีคนตายเกิดขึ้นแล้ว
อย่างไรก็ตาม ส.ส.พรรคเพื่อไทยไม่ได้ระบุชัดว่าคนตายเป็นใคร จะหมายถึงชาวบ้านในชุมชนนางเลิ้ง 2 คนที่ถูกคนเสื้อแดงยิงเสียชีวิตในตอนเย็นวันที่ 13 เม.ย.หรือไม่ หรือจะหมายถึง รปภ. 2 คนที่อ้างว่าเป็นการ์ดของ นปช.ซึ่งเสียชีวิตในช่วงที่ไม่มีปฏิบัติการสลายการชุมนุม
นอกจากนี้ ที่ประชุม ส.ส.พรรคเพื่อไทยยังพากันแสดงความมั่นใจว่าจะมีภาพเหตุการณ์ไปเปิดเผยกลางที่ประชุมสภา เพื่อตอบโต้คำพูดที่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.ได้ประกาศเอาตำแหน่งเป็นประกันว่าไม่มีคนตาย ซึ่งจะได้เห็นในที่ประชุม
ส.ส.ภายใต้การบงการโดยอดีตนายกฯ ที่เป็นนักโทษหนีคดี ยังอ้างว่าที่แยกนางเลิ้ง มีคนเสื้อแดงถูกยิง 3 ราย ทั้งๆ ที่การต่อสู้ของกลุ่มเสื้อแดง เป็นประชาชนที่ต่อสู้ด้วยมือเปล่า
อย่างไรก็ตาม จากรายงานข่าวที่ปรากฏตามสื่อต่างๆ กรณีที่นางเลิ้งคนเสื้อแดงได้ใช้ระเบิดเพลิงปาเข้าใส่และเผายางรถยนต์หน้าบ้านของชาวบ้าน จนต้องออกมารวมตัวกันต่อต้านคนเสื้อแดง และในที่สุดกลุ่มคนเสื้อแดงได้ใช้ปืนยิงเข้าใส่ชาวบ้านจนมีผู้เสียชีวิต 2 ราย คือนายป้อม ผลพันบัว อายุ 54 ปี และนางยุทธการ ต้อยช้อยชด อายุ 19 ปี นอกจากนี้ ส.ส.พรรคเพื่อไทยจะชี้ให้เห็นว่ากลุ่มคนสีน้ำเงิน ที่ออกมา มีเบื้องหน้าเบื้องหลัง ที่มาอย่างไร ซึ่งจะมีภาพที่เกี่ยวโยงกับ “งูเห่าปากห้อย”ที่คอยบงการ
อย่างไรก็ตาม ที่ประชุม ส.ส.พรรคเพื่อไทย ยังอ้างว่ามีความเป็นห่วงกรณีจะมีการถ่ายทอดสดการประชุมรัฐสภาทางสถานีโทรทัศน์ช่อง เอ็นบีที ซึ่งเกรงว่านายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะประธานรัฐสภา จะอ้าง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แล้วขอตรวจสอบหลักฐานข้อมูลต่างๆที่จะใช้อภิปราย ซึ่งอาจไม่ยอมให้มีการเปิดเผยข้อมูล หรือภาพต่างๆ ตรงนี้ พรรคกลัวจะเป็นการปิดหูปิดตาประชาชนให้รับรู้ข้อเท็จจริงจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แล้วการแก้ปัญหาจะทำได้อย่างไร อีกทั้งขอให้นายกรัฐมนตรี รัฐบาล ควรเปิดโอกาสให้ฝ่ายค้านได้อภิปรายชี้แจงอย่างเต็มที่อย่างปิดกั้นในการนำเสนอ
ในที่ประชุม นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน ในฐานะแกนนำ นปช.ยังได้เสนอให้มีการแบกศพผู้ที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์สลายม็อบเสื้อแดง มาที่บริเวณหน้ารัฐสภาซึ่งขอให้ทุกฝ่ายรอติดตามด้วย อีกทั้งยังข้อมูลสำคัญกรณีที่ทหารขนประชาชนหรือศพไปทาง จ.สิงห์บุรี ที่ยังไม่มีใครรับรู้ที่ต้องนำมาตีแผ่ด้วย
นอกจากนี้ ในส่วนของผู้อภิปรายครั้งนี้จะมี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย ร่วมด้วยแต่ไม่เป็นผู้เริ่มต้น แต่ได้ขออภิปรายช่วงท้ายในวันพฤหัสบดีที่ 23 เม.ย.แทน และ จะมีนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน นายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ พ.ต.ท.สมชาย เพศประเสริฐ ส.ส.นครราชสีมา นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ นายไพจิต ศรีวรขาน ส.ส.นครพนม พร้อมด้วย ส.ส.หญิงทีมอภิปราย ซึ่งจะใช้ผู้อภิปรายให้น้อยและเน้นข้อมูลหลักฐานเป็นหลัก พร้อมกำชับไม่ให้ใช้ถ้อยคำที่รุนแรง แต่เบื้องต้นเชื่อว่าจะมีการอภิปรายค่อนข้างดุเดือดกว่าทุกครั้งและอาจถึงขั้นแตกหักหลังจากที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ และพรรคประชาธิปัตย์ ได้ออกมาระบุว่าเพื่อไทยมีแผนบันได 4 ขั้นในการล้มรัฐบาล
ก่อนหน้านั้น เมื่อเวลา 16.00 น.ที่พรรคเพื่อไทย นายพร้อมพงศ์ นพฤทธ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงถึงความคืบหน้าของศูนย์รับเรื่องร้องทุกข์และเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการสลายการชุมนุม ของพรรคเพื่อไทย โดยอ้างว่า มียอดรับเรื่องร้องทุกข์ระหว่างวันที่ 16-21 เม.ย.เป็น ผู้บาดเจ็บ 34 ราย สูญหาย 10 ราย เสียชีวิต 2 ราย ทรัพย์สินเสียหาย 6 ราย แจ้งเบาะแสพร้อมรูปถ่าย 21 ราย อยู่ในระหว่างควบคุมตัว 9 ราย ขอความช่วยเหลือ 3 ราย และให้ความช่วยเหลือด้านข้อมูล 1 ราย รวมทั้งสิ้น 86 ราย
นายพร้อมพงศ์กล่าวว่า เมื่อเวลา 13.30 น. วันเดียวกัน ได้เดินทางไปยัง สน.ลุมพินี แจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี น.พ.วรงค์ เดชกิจวิกรม รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคประชาธิปัตย์ ในข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา การกระทำของบุคคลทั้ง 3 เป็นการร่วมกันใส่ความผู้อื่น ทำให้ผู้อื่นเสื่อมเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชัง ส่งผลให้ตนและพรรคเพื่อไทยได้รับความเสียหาย บุคคลที่ได้รับฟัง รับรู้การแถลงข่าวของพรรคประชาธิปัตย์ที่กล่าวหาพรรคเพื่อไทยเตรียม 4 แผน ล้มรัฐบาล ย่อมรู้สึกเกลียดชังและเห็นว่าพรรคเพื่อไทยและกรรมการบริหารพรรคเป็นพรรคการเมืองที่มีวัตถุประสงค์ไปในทางที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่ดำเนินการตามหลักการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ซึ่งเป็นการก่อให้เกิดความเสียหายร้ายแรงทั้งทางแพ่งและอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 , 328 ประกอบมาตรา 83 และประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 423
“ประเกียรติ” โชว์โง่ จี้กรรมการสิทธิฯ ส่งเรื่องให้ ป.ป.ช.ทันที
ด้าน นายประเกียรติ นาสิมมา ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย และทีมกฎหมายของพรรค กล่าวว่า วันนี้กรณี 2 มาตรฐานเกิดขึ้นหลายอย่าง การที่นายอภิสิทธิ์ ประกาศอยู่ตลอดว่าต้องการความสมานฉันท์ แต่เบื้องหลังกลับมีความเคลื่อนไหวเพื่อทำลายพรรคเพื่อไทย สมัยรัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ มีคนไปร้องคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน กรณีสลายชุมนุม 7 ต.ค.ให้ส่งเรื่องต่อไปยัง ป.ป.ช.จนมีการชี้มูลว่ารัฐบาลทำผิด แต่ขณะนี้อยากทราบว่าคณะกรรมการสิทธิ์ทำอะไรอยู่ เพราะทราบว่ามีประชาชนส่งเรื่องร้องเรียนไปหลายวันแล้ว แต่ทำไมไม่ส่งเรื่องให้ ป.ป.ช.
ทั้งนี้ คำกล่าวของนายประเกียรติดังกล่าวแสดงว่าไม่เข้าใจขั้นตอนการตรวจสอบของคณะกรรมการสิทธิฯ ซึ่งเมื่อมีคนไปยื่นร้องเรียนจะต้องมีการตั้งกรรมการขึ้นมาสอบสวนก่อน ได้ผลสรุปย่างไร จึงจะส้งเรื่องให้ ป.ป.ช.ดำเนินการต่อ โดยกรณี 7 ตุลาฯ นั้น คณะกรรมการสิทธิฯ ได้ใช้เวลาในการตรวจสอบ 2 เดือนเศษ จนวันที่ 19 ธ.ค.51 จึงมีข้อสรุปว่าเจ้าหน้าที่รัฐกระทำผิดและส่งเรื่องให้ ป.ป.ช. (อ่านข่าว กก.สิทธิฯ สรุปชัด 7 ตุลา ตร.ฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน)
นายประเกียรติยังกล่าวอ้างอย่างเลื่อนลอยว่า รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ใช้ทหารถือปืนเอ็ม 16 มาจัดการกับม็อบมือเปล่า และปรากฏว่ามีคนตาย แต่รัฐบาลเอาแต่แก้ตัวไปวันๆ ว่าเกิดจากสิ่งอื่น การประชุมสภาฯ ในวันที่ 22 เม.ย. จะชี้แจงข้อเท็จจริงทุกประเด็นในสภา และหาทางออกวิกฤติ โดยจะแบ่งเป็น 3 ประเด็นใหญ่ คือ สาเหตุการเรียกร้องประชาธิปไตยของประชาชน เรียกร้องความยุติธรรมความเสมอภาคให้เกิดขึ้นในสังคม เรียกร้องให้ขจัดสองมาตรฐาน โดยจะมีการหลักฐานภาพวีดิโอคลิปไปเปิดประกอบการอภิปรายในสภาที่มีการยิง การทำร้ายประชาชน การละเมิดสิทธิประชาชน
อ้าง 2 การ์ดเสื้อแดงตายเพราะฝีมือทหาร
นายประเกียรติกล่าวอีกว่า พรรคเพื่อไทยจะมีข้อเสนอแนะให้รัฐบาล 3 ข้อ คือ 1.จะทำอย่างไรให้ประชาชนพอใจทันทีและหลุดพ้นจากวิกฤติด้วยการยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ทันที 2.ยกเลิกการจับกุมแกนนำทั้งหมดและปล่อยตัวผู้ที่ถูกขังออกมา 3.การแก้ไขรัฐธรรมนูญและการสร้างความปรองดองโดยนำร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการปรองดองแห่งชาติออกมาใช้เพราะหากไม่สามารถสร้างความปรองดองได้ก็ไม่สามารถแก้วิกฤติได้และปัญหาต่างๆ และปัญหาปากท้องได้
นายประเกียรติกล่าวว่า สำหรับกรณีผู้เสียชีวิต 2 ราย ที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งอ้างว่าเป็นการ์ดอาสาของ นปช.นั้น พรรคจะนำข้อมูลที่ตรวจสอบจากหลายส่วนมาเปิดเผยในสภา มีข้อมูลว่า มีทหารแต่งชุดดำ ผูกผ้าขาวที่แขน เป็นผู้ทำให้การ์ดอาสาทั้ง 2 เสียชีวิต โดยจะมีผู้อภิปรายชี้แจงรายละเอียด ซึ่งมีข้อมูลแล้วว่าคนกลุ่มนั้นเป็นใคร รวมทั้งมีเสียงของญาติผู้ตายด้วย เราจะให้ดูข้อเท็จจริงอีกด้านหนึ่งที่รัฐบาลกำลังบิดเบือนอยู่
นายพร้อมพงศ์อ้างอีกว่า ภาพที่จะนำมาเปิดกลางที่ประชุมสภา จะไม่ใช่ภาพตัดต่อแต่เป็นภาพที่ได้จากประชาชนและสื่อต่างประเทศบันทึกไว้ ซึ่งจะมีการเปิดภายหลังอภิปรายถึงสาเหตุของวิกฤติ โดยจะชี้ให้เห็นว่ารัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ใช้กำลังปราบปรามเข่นฆ่าประชาชนเกินกว่า พ.ร.ก.กำหนดไว้ ซึ่งทีมอภิปรายครั้งนี้จะมีไม่เกิน 15 คน เบื้องต้นแบ่งเป็นทีมอภิปรายสาเหตุ 3 คน ทีมเนื้อหา 7 คนและทีมสรุปอีก 2 คนโดยนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน และแกนนำ นปช.จะอยู่ในทีมสรุป พรรคได้เตรียมข้อมูลไว้หมดแล้ว ทุกอย่างขอให้รอฟังในสภา รวมทั้งได้เตรียมข้อมูลเรื่องมือที่สามเพื่อโต้แย้งกับรัฐบาล
ส่วนที่ทาง นปช.ได้นำภาพมาเปิดเผยอ้างว่าทหารยิงประชาชนเสียชีวิตแต่เมื่อสื่อนำภาพอีกมุมหนึ่งมาเปิดเพื่อหักล้างจะลดความน่าเชื่อถือในการนำเสนอหรือไม่ นายพร้อมพงศ์อ้างว่า ตนไม่ห่วง เพราะเป็นคนละส่วนกับ นปช.ซึ่งไม่ใช่ภาพตัดต่อ โดยผู้อภิปรายทุกคน จะรับผิดชอบข้อมูลในการอภิปรายทุกอย่าง