นักการเมืองที่ถูกฆ่าตัดตอน111 ศพ เมื่อพรรคไทยลักไทยถูกยุบ รวมทั้งคนตายทีหลังเพราะยุบพรรคอื่นๆ เป็นข้ออ้างของทักษิณ
ทักษิณดูถูก ส.ส.ปัจจุบันทุกพรรค และพรรคเพื่อไทย ซึ่งก็เป็นขี้ข้าของทักษิณ ด้วยการพูดว่า การตัดสิทธิทางการเมือง 111+ศพนั้น ทำให้นักการเมืองดีมีฝีมือที่รู้จักแก้ปัญหาประเทศชาติไม่มีเหลืออยู่ในเมืองไทย สาธุ
ไม่แน่ว่าเมื่อ 111+ นั้นคืนชีพ จะเป็นการปลดชนวนนองเลือดจริงหรือไม่ ถ้าจริงก็แปลว่าเหตุแห่งกลียุคที่ยิ่งกว่า “วิกฤตที่สุดในโลก” เวลานี้ เกิดขึ้นและลุกลามเพราะฝีมือกดปุ่มของเจ้าพ่อและการปลุกระดมของกากเดนพรรคไทยลักไทยนี่เอง
เสนาะ เทียนทอง กำนันแห่งการเมืองไทยที่อ้างว่ามีส่วนบันดาลให้บรรหาร-ชวลิต-และทักษิณได้เป็นนายกฯ เคยยืนยันข้อเท็จจริงว่า ผู้แทนราษฎรมีสภาพไม่ต่างอะไรกับ “คนคุก” เพราะจะทำอะไรด้วยตนเองไม่ได้เลย จนกว่าทักษิณจะสั่ง
ผมเคยอธิบายว่า พรรคหัวหน้าตั้ง (ไม่ยั่งยืนทุกพรรค) คำนึงถึงประโยชน์หัวหน้าและพวกพ้องชั้นนำเป็นหลัก จึงปกครองพรรคแบบ “รวมศูนย์-รวบอำนาจ-เป็นทาสหัวหน้า”
ตราบใดที่ผู้แทนเมืองไทยยังเป็นแค่ “คนคุกบรรดาศักดิ์” การเมืองไทยก็จะต่ำต้อยด้อยพัฒนาอยู่ตราบนั้น
วิธีเปิดคุกให้ผู้แทนในวันนี้ จะปลดล็อก และปลดชนวนด้วย ทั้ง 3 เชื่อมโยงเป็นคนละเรื่องเดียวกัน
มีวิธีที่จะ “ยิงนัดเดียว-ได้นก 3 ตัว” ในขณะที่วิธีนิรโทษกรรมและพ.ร.บ.ปรองดองสมานฉันท์ในสภาฯ ขณะนี้เป็นเรื่องของความมักง่าย ทำลายหลักการออกกฎหมาย หากรัฐบาลสมยอม นอกจากจะเป็นกระสุนนัดเดียวที่ฆ่าทั้งนกทั้งคนยิงแล้ว คนดู คือศาลและบ้านเมืองจะพลอยถูกลูกหลงด้วย
เข้าใจนิรโทษกรรมตามหลักกฎหมาย คำว่านิรโทษกรรมจากหลักกฎหมายสากลเรื่อง amnesty ต่างกับอโหสิกรรม หรือ forgiveness ซึ่งเป็นหลักของทุกศาสนา ที่คนไทยเข้าใจดีเวลามีคนบวชหรือตาย ก็จะต้องอโหสิกรรมกันทั้งสองฝ่าย ต่างกับอภัยโทษหรือ pardon
นิรโทษกรรมกับอภัยโทษนั้นตามปกติเป็นอำนาจของประมุขประเทศตามคำขอของฝ่ายบริหาร อันมีผลให้ผู้กระทำผิดไม่ต้องรับโทษหรือพ้นโทษทั้งสองกรณี แต่นิรโทษกรรมนั้นให้ถือเสมือนว่ามิเคยกระทำผิดเลย ในบางกรณี หากฝ่ายบริหารหรือประมุขไม่นิรโทษกรรมให้ ก็สามารถต่อสู้ให้ศาลสั่งได้
การกระทำผิดตามกฎหมายนั้นมีอยู่ 2 ประเภท ประเภทแรกเรียกว่า Mala In Se คือ การกระทำผิดที่ชั่วร้ายในตัว เช่น การปล้น ฆ่า ข่มขืน ฯลฯ และ Mala Prohibita คือการกระทำผิดที่อาจจะไม่ชั่วร้ายในตัวแต่ผิดเพราะกฎหมายห้าม เช่น การฝ่าไฟแดง การแจ้งทรัพย์สินผิด การซื้อเสียง การเปลือยกายในที่สาธารณะ ฯลฯ
หลักการให้นิรโทษกรรมโดยศาลก็คือ เมื่อต้นเหตุแห่งการห้ามนั้นหมดไป เมื่อพยานหลักฐานคลุมเครือ เมื่อมีเหตุเชื่อได้ว่าจะไม่กระทำผิดซ้ำอีก ทั้งหมดอาจจะยกเว้น ไม่นิรโทษกรรมให้ก็ได้ หากเป็นกรณี moral turpitude คือการกระทำที่เสื่อมเสียศีลธรรมและจริยธรรมของผู้กระทำที่มีผลกระทบต่อส่วนรวม
การกระทำผิดของเศษ 111+ เป็นการกระทำผิด mala prohibita
เข้าใจหลักการออกกฎหมายการออกกฎหมายนิรโทษกรรมที่จะมีผลเพื่อประโยชน์ของคนกลุ่มหนึ่งกลุ่มใด อันเนื่องมาแต่การกระทำผิดใด แต่จะยังผลไปคุ้มครองการกระทำผิดของคนกลุ่มอื่นๆ ทั้งที่เกิดขึ้นแล้วและยังไม่เกิด ทั้งที่เป็น mala in se และ mala prohibita โดยมีเงื่อนไขและเงื่อนเวลาที่ไม่มีเหตุผล และหรือจะยังผลให้เป็นการทำลายกฎหมาย แทรกแซงอำนาจอธิปไตยของศาล และทำลายล้างการตัดสินของศาล ย่อมจะกระทำมิได้
ถ้าหากรัฐบาลออกกฎหมายสมานฉันท์ซึ่งมีลักษณะดังกล่าว เพื่อความสะดวกทางการเมืองของตน จะถือว่าเป็นการทำลายหลักการปกครองโดยกฎหมายและประชาธิปไตยโดยชัดแจ้ง
เข้าใจปลดชนวนกลียุค คือ เข้าใจ “วิกฤตที่สุดในโลก” ที่จะนำไปสู่สงครามกลางเมืองนองเลือด วิกฤตที่เกิดระหว่าง 7 เมษายน จนถึงบัดนี้ ทำลายล้างภาพลักษณ์และโอกาสของประเทศไทยหมดสิ้น เกือบสังเวยด้วยชีวิตนายกรัฐมนตรี ชีวิตสนธิ ลิ้มทองกุล และเกือบกลืนชีวิตชาวบ้านที่บริสุทธิ์นับล้านๆ (หากรถแก๊สถูกระเบิด) ต้นเหตุของวิกฤตนี้ยังอยู่
ผมได้พูด เขียน และเตือนรัฐบาลสุรยุทธ์กับ คมช.แล้วว่าอย่าด่วนเลือกตั้งในเดือนธันวาคม 2551 เพราะขืนเลือกตั้ง บ้านเมืองจะเกิดกลียุคขั้นสงครามกลางเมืองอย่างที่เห็นอยู่ทุกวันนี้ เพราะพรรคการเมืองจะขาดสภาพตามหลักกฎหมายและจะต่อสู้กันทุกรูปแบบ จนประชาชนจะแตกแยกกันเป็นสองฝ่าย
ประถมเหตุก็คือการเมืองที่หมุนเวียนระหว่างวงจรอุบาทว์และวัฏจักรน้ำเน่า เต็มไปด้วยการคดโกงคอร์รัปชันและละเมิดกฎหมายโดยนักการเมืองและข้าราชการ อันเป็นปัญหาด้านโครงสร้างที่นำมาสู่องค์ประกอบและพฤติกรรมทรามของนักการเมืองที่อยู่ในอำนาจมาตั้งแต่การรัฐประหารปี 2490 ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องหมุนเวียนชั่วคราวแบบสมบัติผลัดกันชม จนกระทั่งทักษิณอาศัยการเลือกตั้งยึดอำนาจเหนือระบบการเมืองและราชการได้อย่างเบ็ดเสร็จ และใช้ประชานิยมดึงดูดประชาชนรากหญ้าเข้ามาเป็นฐานอย่างกว้างขวางเกือบจะสถาปนาระบอบทักษิณอย่างถาวรได้สำเร็จ
รากฐานทางอุดมการณ์ของระบอบทักษิณเป็นเผด็จการที่บูชาหัวหน้า และเห็นว่าคนที่ไม่เอาด้วยไม่ยอมเป็นพวกเป็นศัตรู พฤติกรรมของทักษิณ นปก. นปช. ตลอดจนลูกพรรคเพื่อไทยและบริวารเป็นเยี่ยงนี้ทั้งสิ้น ความแตกร้าวในสังคมยากที่จะสมานได้ แม้แต่ในรัฐสภา ผู้ที่ดูการประชุมในวันที่ 22 เมษายน ก็คงสรุปได้ว่าสิ้นหวัง แม้จะสวมสูทในสภาหรือใส่เสื้อแดงกลางถนนก็สันดานเดียวกันทั้งสิ้น
หากทักษิณละเลิกและสั่งยุติการต่อสู้ ชนวนของกลียุคและการนองเลือดก็อาจจะบรรเทาลง แต่ในที่สุดทักษิณและจักรภพตัวเอ้ก็ประกาศสู้จนถึงที่สุด แม้กระทั่งด้วยอาวุธ
เข้าใจเปิดคุกปลดโซ่ตรวนผู้แทนราษฎร แท้ที่จริงคุกและโซ่ตรวนที่คุมขังผู้แทนก็คือคุกที่คุมขังระบบการเมืองไทย ทำให้ต่ำต้อยและด้อยพัฒนาอยู่ตลอดกาล นั่นก็คือ การทำให้พรรคการเมืองมีลักษณะชั่วคราว เพราะเกิดขึ้นและแตกดับพร้อมกับหัวหน้า และเพราะพรรคการเมืองถูกบังคับให้จดทะเบียนเหมือนๆ กันหมด ไม่ต่างอะไรกับบริษัทรับเหมาก่อสร้างถนนของกรมทางฯ ผู้แทนจึงต้องอยู่ในคุกของระบบ “รวมศูนย์-รวบอำนาจ-เป็นทาสหัวหน้า” และต้องแย่งกันทำมาหากินและแย่งตำแหน่งเพื่อจะเป็นหลักประกันเลือกตั้งครั้งต่อไป ทักษิณจับจุดอ่อนอันนี้ได้จึงซื้อผู้แทน ซื้อพรรค ขู่พรรค ควบพรรคเข้ามาอยู่ใต้อำนาจของตนทั้งสิ้น แต่ยังคงองค์ประกอบและพฤติกรรมของการเมืองทรามไว้อย่างบริบูรณ์ ต่างกันแต่เลวมากขึ้น
การยกเลิกการบังคับให้จดทะเบียนพรรคและบังคับให้ ส.ส.สังกัดพรรคจะเป็นการทลายพรรคและปลดโซ่ตรวนดังกล่าว แต่ยังจะไม่ตอบปัญหาว่าเราจะพัฒนาระบบพรรคได้อย่างไร จึงจะมีพรรคการเมืองที่แท้จริง มิใช่แก๊งเลือกตั้งอย่างที่เป็นอยู่ ในขณะเดียวกัน ก็เปิดให้มีเสรีภาพสำหรับคนส่วนน้อยที่เป็นอัจฉริยะหรือเป็นกลุ่มผลประโยชน์หรือภูมิภาคที่ไม่สามารถหรือไม่มีโอกาสแข่งขันในพรรคได้ ให้สามารถสมัครได้โดยไม่สังกัดพรรค ซึ่งก็ควรจะเป็นจำนวนน้อยไม่เกิน 5-10% ของทั้งหมดที่สังกัดพรรค
หากเราแก้กฎหมายประกอบเรื่องการเลือกตั้งและพรรคการเมือง ไม่บังคับให้ส.ส.สังกัดพรรค ก็จะนำไปสู่การแก้รัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยมากขึ้น และเป็นการทำให้ต้นเหตุแห่งการยุบพรรคหมดไป ทำให้บุคคลผู้ถูกตัดสิทธิสามารถร้องขอนิรโทษกรรมจากศาลได้
เรื่องนี้มีรายละเอียดที่ประณีตแต่ไม่ซับซ้อน สามารถเข้าใจและปฏิบัติได้ และเปิดโอกาสให้การเมืองไทยค่อยๆ พัฒนาได้อย่างสงบและสามัคคีต่อไป และในที่สุดจะมีผลทำให้กระสุนนัดเดียวยิงนกได้ 3 ตัว
ทักษิณดูถูก ส.ส.ปัจจุบันทุกพรรค และพรรคเพื่อไทย ซึ่งก็เป็นขี้ข้าของทักษิณ ด้วยการพูดว่า การตัดสิทธิทางการเมือง 111+ศพนั้น ทำให้นักการเมืองดีมีฝีมือที่รู้จักแก้ปัญหาประเทศชาติไม่มีเหลืออยู่ในเมืองไทย สาธุ
ไม่แน่ว่าเมื่อ 111+ นั้นคืนชีพ จะเป็นการปลดชนวนนองเลือดจริงหรือไม่ ถ้าจริงก็แปลว่าเหตุแห่งกลียุคที่ยิ่งกว่า “วิกฤตที่สุดในโลก” เวลานี้ เกิดขึ้นและลุกลามเพราะฝีมือกดปุ่มของเจ้าพ่อและการปลุกระดมของกากเดนพรรคไทยลักไทยนี่เอง
เสนาะ เทียนทอง กำนันแห่งการเมืองไทยที่อ้างว่ามีส่วนบันดาลให้บรรหาร-ชวลิต-และทักษิณได้เป็นนายกฯ เคยยืนยันข้อเท็จจริงว่า ผู้แทนราษฎรมีสภาพไม่ต่างอะไรกับ “คนคุก” เพราะจะทำอะไรด้วยตนเองไม่ได้เลย จนกว่าทักษิณจะสั่ง
ผมเคยอธิบายว่า พรรคหัวหน้าตั้ง (ไม่ยั่งยืนทุกพรรค) คำนึงถึงประโยชน์หัวหน้าและพวกพ้องชั้นนำเป็นหลัก จึงปกครองพรรคแบบ “รวมศูนย์-รวบอำนาจ-เป็นทาสหัวหน้า”
ตราบใดที่ผู้แทนเมืองไทยยังเป็นแค่ “คนคุกบรรดาศักดิ์” การเมืองไทยก็จะต่ำต้อยด้อยพัฒนาอยู่ตราบนั้น
วิธีเปิดคุกให้ผู้แทนในวันนี้ จะปลดล็อก และปลดชนวนด้วย ทั้ง 3 เชื่อมโยงเป็นคนละเรื่องเดียวกัน
มีวิธีที่จะ “ยิงนัดเดียว-ได้นก 3 ตัว” ในขณะที่วิธีนิรโทษกรรมและพ.ร.บ.ปรองดองสมานฉันท์ในสภาฯ ขณะนี้เป็นเรื่องของความมักง่าย ทำลายหลักการออกกฎหมาย หากรัฐบาลสมยอม นอกจากจะเป็นกระสุนนัดเดียวที่ฆ่าทั้งนกทั้งคนยิงแล้ว คนดู คือศาลและบ้านเมืองจะพลอยถูกลูกหลงด้วย
เข้าใจนิรโทษกรรมตามหลักกฎหมาย คำว่านิรโทษกรรมจากหลักกฎหมายสากลเรื่อง amnesty ต่างกับอโหสิกรรม หรือ forgiveness ซึ่งเป็นหลักของทุกศาสนา ที่คนไทยเข้าใจดีเวลามีคนบวชหรือตาย ก็จะต้องอโหสิกรรมกันทั้งสองฝ่าย ต่างกับอภัยโทษหรือ pardon
นิรโทษกรรมกับอภัยโทษนั้นตามปกติเป็นอำนาจของประมุขประเทศตามคำขอของฝ่ายบริหาร อันมีผลให้ผู้กระทำผิดไม่ต้องรับโทษหรือพ้นโทษทั้งสองกรณี แต่นิรโทษกรรมนั้นให้ถือเสมือนว่ามิเคยกระทำผิดเลย ในบางกรณี หากฝ่ายบริหารหรือประมุขไม่นิรโทษกรรมให้ ก็สามารถต่อสู้ให้ศาลสั่งได้
การกระทำผิดตามกฎหมายนั้นมีอยู่ 2 ประเภท ประเภทแรกเรียกว่า Mala In Se คือ การกระทำผิดที่ชั่วร้ายในตัว เช่น การปล้น ฆ่า ข่มขืน ฯลฯ และ Mala Prohibita คือการกระทำผิดที่อาจจะไม่ชั่วร้ายในตัวแต่ผิดเพราะกฎหมายห้าม เช่น การฝ่าไฟแดง การแจ้งทรัพย์สินผิด การซื้อเสียง การเปลือยกายในที่สาธารณะ ฯลฯ
หลักการให้นิรโทษกรรมโดยศาลก็คือ เมื่อต้นเหตุแห่งการห้ามนั้นหมดไป เมื่อพยานหลักฐานคลุมเครือ เมื่อมีเหตุเชื่อได้ว่าจะไม่กระทำผิดซ้ำอีก ทั้งหมดอาจจะยกเว้น ไม่นิรโทษกรรมให้ก็ได้ หากเป็นกรณี moral turpitude คือการกระทำที่เสื่อมเสียศีลธรรมและจริยธรรมของผู้กระทำที่มีผลกระทบต่อส่วนรวม
การกระทำผิดของเศษ 111+ เป็นการกระทำผิด mala prohibita
เข้าใจหลักการออกกฎหมายการออกกฎหมายนิรโทษกรรมที่จะมีผลเพื่อประโยชน์ของคนกลุ่มหนึ่งกลุ่มใด อันเนื่องมาแต่การกระทำผิดใด แต่จะยังผลไปคุ้มครองการกระทำผิดของคนกลุ่มอื่นๆ ทั้งที่เกิดขึ้นแล้วและยังไม่เกิด ทั้งที่เป็น mala in se และ mala prohibita โดยมีเงื่อนไขและเงื่อนเวลาที่ไม่มีเหตุผล และหรือจะยังผลให้เป็นการทำลายกฎหมาย แทรกแซงอำนาจอธิปไตยของศาล และทำลายล้างการตัดสินของศาล ย่อมจะกระทำมิได้
ถ้าหากรัฐบาลออกกฎหมายสมานฉันท์ซึ่งมีลักษณะดังกล่าว เพื่อความสะดวกทางการเมืองของตน จะถือว่าเป็นการทำลายหลักการปกครองโดยกฎหมายและประชาธิปไตยโดยชัดแจ้ง
เข้าใจปลดชนวนกลียุค คือ เข้าใจ “วิกฤตที่สุดในโลก” ที่จะนำไปสู่สงครามกลางเมืองนองเลือด วิกฤตที่เกิดระหว่าง 7 เมษายน จนถึงบัดนี้ ทำลายล้างภาพลักษณ์และโอกาสของประเทศไทยหมดสิ้น เกือบสังเวยด้วยชีวิตนายกรัฐมนตรี ชีวิตสนธิ ลิ้มทองกุล และเกือบกลืนชีวิตชาวบ้านที่บริสุทธิ์นับล้านๆ (หากรถแก๊สถูกระเบิด) ต้นเหตุของวิกฤตนี้ยังอยู่
ผมได้พูด เขียน และเตือนรัฐบาลสุรยุทธ์กับ คมช.แล้วว่าอย่าด่วนเลือกตั้งในเดือนธันวาคม 2551 เพราะขืนเลือกตั้ง บ้านเมืองจะเกิดกลียุคขั้นสงครามกลางเมืองอย่างที่เห็นอยู่ทุกวันนี้ เพราะพรรคการเมืองจะขาดสภาพตามหลักกฎหมายและจะต่อสู้กันทุกรูปแบบ จนประชาชนจะแตกแยกกันเป็นสองฝ่าย
ประถมเหตุก็คือการเมืองที่หมุนเวียนระหว่างวงจรอุบาทว์และวัฏจักรน้ำเน่า เต็มไปด้วยการคดโกงคอร์รัปชันและละเมิดกฎหมายโดยนักการเมืองและข้าราชการ อันเป็นปัญหาด้านโครงสร้างที่นำมาสู่องค์ประกอบและพฤติกรรมทรามของนักการเมืองที่อยู่ในอำนาจมาตั้งแต่การรัฐประหารปี 2490 ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องหมุนเวียนชั่วคราวแบบสมบัติผลัดกันชม จนกระทั่งทักษิณอาศัยการเลือกตั้งยึดอำนาจเหนือระบบการเมืองและราชการได้อย่างเบ็ดเสร็จ และใช้ประชานิยมดึงดูดประชาชนรากหญ้าเข้ามาเป็นฐานอย่างกว้างขวางเกือบจะสถาปนาระบอบทักษิณอย่างถาวรได้สำเร็จ
รากฐานทางอุดมการณ์ของระบอบทักษิณเป็นเผด็จการที่บูชาหัวหน้า และเห็นว่าคนที่ไม่เอาด้วยไม่ยอมเป็นพวกเป็นศัตรู พฤติกรรมของทักษิณ นปก. นปช. ตลอดจนลูกพรรคเพื่อไทยและบริวารเป็นเยี่ยงนี้ทั้งสิ้น ความแตกร้าวในสังคมยากที่จะสมานได้ แม้แต่ในรัฐสภา ผู้ที่ดูการประชุมในวันที่ 22 เมษายน ก็คงสรุปได้ว่าสิ้นหวัง แม้จะสวมสูทในสภาหรือใส่เสื้อแดงกลางถนนก็สันดานเดียวกันทั้งสิ้น
หากทักษิณละเลิกและสั่งยุติการต่อสู้ ชนวนของกลียุคและการนองเลือดก็อาจจะบรรเทาลง แต่ในที่สุดทักษิณและจักรภพตัวเอ้ก็ประกาศสู้จนถึงที่สุด แม้กระทั่งด้วยอาวุธ
เข้าใจเปิดคุกปลดโซ่ตรวนผู้แทนราษฎร แท้ที่จริงคุกและโซ่ตรวนที่คุมขังผู้แทนก็คือคุกที่คุมขังระบบการเมืองไทย ทำให้ต่ำต้อยและด้อยพัฒนาอยู่ตลอดกาล นั่นก็คือ การทำให้พรรคการเมืองมีลักษณะชั่วคราว เพราะเกิดขึ้นและแตกดับพร้อมกับหัวหน้า และเพราะพรรคการเมืองถูกบังคับให้จดทะเบียนเหมือนๆ กันหมด ไม่ต่างอะไรกับบริษัทรับเหมาก่อสร้างถนนของกรมทางฯ ผู้แทนจึงต้องอยู่ในคุกของระบบ “รวมศูนย์-รวบอำนาจ-เป็นทาสหัวหน้า” และต้องแย่งกันทำมาหากินและแย่งตำแหน่งเพื่อจะเป็นหลักประกันเลือกตั้งครั้งต่อไป ทักษิณจับจุดอ่อนอันนี้ได้จึงซื้อผู้แทน ซื้อพรรค ขู่พรรค ควบพรรคเข้ามาอยู่ใต้อำนาจของตนทั้งสิ้น แต่ยังคงองค์ประกอบและพฤติกรรมของการเมืองทรามไว้อย่างบริบูรณ์ ต่างกันแต่เลวมากขึ้น
การยกเลิกการบังคับให้จดทะเบียนพรรคและบังคับให้ ส.ส.สังกัดพรรคจะเป็นการทลายพรรคและปลดโซ่ตรวนดังกล่าว แต่ยังจะไม่ตอบปัญหาว่าเราจะพัฒนาระบบพรรคได้อย่างไร จึงจะมีพรรคการเมืองที่แท้จริง มิใช่แก๊งเลือกตั้งอย่างที่เป็นอยู่ ในขณะเดียวกัน ก็เปิดให้มีเสรีภาพสำหรับคนส่วนน้อยที่เป็นอัจฉริยะหรือเป็นกลุ่มผลประโยชน์หรือภูมิภาคที่ไม่สามารถหรือไม่มีโอกาสแข่งขันในพรรคได้ ให้สามารถสมัครได้โดยไม่สังกัดพรรค ซึ่งก็ควรจะเป็นจำนวนน้อยไม่เกิน 5-10% ของทั้งหมดที่สังกัดพรรค
หากเราแก้กฎหมายประกอบเรื่องการเลือกตั้งและพรรคการเมือง ไม่บังคับให้ส.ส.สังกัดพรรค ก็จะนำไปสู่การแก้รัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยมากขึ้น และเป็นการทำให้ต้นเหตุแห่งการยุบพรรคหมดไป ทำให้บุคคลผู้ถูกตัดสิทธิสามารถร้องขอนิรโทษกรรมจากศาลได้
เรื่องนี้มีรายละเอียดที่ประณีตแต่ไม่ซับซ้อน สามารถเข้าใจและปฏิบัติได้ และเปิดโอกาสให้การเมืองไทยค่อยๆ พัฒนาได้อย่างสงบและสามัคคีต่อไป และในที่สุดจะมีผลทำให้กระสุนนัดเดียวยิงนกได้ 3 ตัว
