ASTVผู้จัดการรายวัน - แบงก์ชาติกำชับแบงก์พาณิชย์ เร่งหามาตรการรองรับเหตุฉุกเฉิน หลังกลุ่มคนเสื้อแดงก่อกวนสาขาแบงก์ สั่งอย่างน้อยสถาบันการเงินทุกแห่งควรมีฐานข้อมูลสำรอง เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเข้มงวดมากขึ้น พร้อมทั้งควรเพิ่มมาตรการดูแลความปลอดภัยพนักงาน หวังให้ธุรกรรมทางการเงินเดินหน้าต่อไปได้และลูกค้า พนักงานได้รับความปลอดภัย
รายงานข่าวจากธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) แจ้งว่า ในการประชุมของคณะกรรมการนโยบายสถาบันการเงิน (กนส.) ครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 17 เม.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการประชุมวาระปกติ โดยประเด็นสำคัญที่กรรมการกนส.ได้มีความเป็นห่วงและสอบถามมากคือ เหตุการณ์ชุมนุมทางการเมืองส่งผลกระทบต่อธุรกรรมหรือสาขาธนาคารพาณิชย์ โดยเฉพาะเครือข่ายสาขาธนาคารที่อยู่ใกล้กับพื้นที่ชุมนุมอย่างไรบ้าง ซึ่งธปท.ได้ชี้แจ้งว่าตลอดที่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวธนาคารพาณิชย์ทุกแห่งได้รายงานสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง และโดยรวมไม่ได้รับความเสียหายมากนักในแง่มูลค่าทรัพย์สิน
สำหรับบางสาขาธนาคารพาณิย์ที่ได้รับผลกระทบบ้าง อาทิ ถูกทุบกระจกแตก ตู้เอทีเอ็มถูกทุบทำลาย แต่ไม่ได้มีการนำเงินที่บรรจุในตู้เอทีเอ็มออกไปแต่อย่างใด บางสาขาธนาคารมีธุรกรรมน้อยเกินไป เนื่องจากลูกค้ากังวลกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นส่งผลให้ไม่กล้ามาใช้บริการในช่วงดังกล่าว รวมถึงบางแห่งพนักงานอาจกังวลถึงความปลอดภัย อย่างไรก็ตาม ธนาคารพาณิชย์กลับมองว่า แม้ความเสียหายไม่มากนักถึงขั้นต้องสั่งปิดสาขาบางแห่งเป็นกรณีพิเศษ แต่ในทางตรงกันข้ามหากปิดสาขา เพื่อหยุดทำการต่อเนื่องหลายวันอาจจะเสียหายมากกว่า เนื่องจากประชาชนอาจเดือดร้อนที่ไม่สามารถทำธุรกรรมทางการเงินได้
อย่างไรก็ตาม กรรมการในบอร์ดกนส.กำชับให้ธปท.ประสานงานกับธนาคารพาณิชย์ทุกแห่งให้เตรียมมาตรการรองรับหากเกิดเหตุฉุกเฉินหรือความวุ่นวายดังกล่าว เพื่อความปลอดภัยของลูกค้า พนักงานและไม่ให้ธุรกรรมหรือบริการต่างๆ ทางการเงินของธนาคารพาณิชย์ต้องสะดุดโดยประเด็นแรกให้ธนาคารพาณิชย์รักษาข้อมูลไว้เป็นอย่างดี โดยธนาคารทุกแห่งควรมีระบบศูนย์ข้อมูลสำรอง ในกรณีที่ศูนย์ข้อมูลหลักมีปัญหา เพื่อให้ธุรกรรมและลูกค้าสามารถใช้บริการต่อไปได้ ซึ่งเรื่องนี้ธปท.ได้มีการสั่งให้ธนาคารพยายามมีฐานข้อมูลสำรองมาก่อนหน้านี้แล้วเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา
ประเด็นที่สอง คือ กำชับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของธนาคารให้เข้มงวดมากขึ้น และประเด็นสุดท้ายให้ธนาคารแต่ละแห่งไปพิจารณาเพิ่มมาตรการดูแลความปลอดภัยแก่พนักงานของธนาคารให้มากขึ้น
ด้านนายสรสิทธิ์ สุนทรเกศ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน ธปท. กล่าวว่า ในขณะนี้ปัจจัยความเสี่ยงที่เกิดขึ้นทั้งจากปัญหาเศรษฐกิจโลกและปัจจัยภายในประเทศ โดยเฉพาะปัญหาการเมืองไม่ได้ส่งผลต่อการดำเนินธุรกิจของธนาคารพาณิชย์มากนัก และธนาคารพาณิชย์ส่วนใหญ่ในระบบยังมีฐานะที่ดี เนื่องจากสถาบันการเงินทุกแห่งต่างมีระบบดูแลความเสี่ยงและการดำเนินธุรกิจที่ดี ซึ่งเห็นได้จากเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง(บีไอเอส เรโช)ของธนาคารพาณิชย์โดยเฉลี่ยยังอยู่ในระดับสูงและสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานที่ธปท.กำหนด คือ 8.5% จึงเชื่อว่าจะสามารถรองรับผลกระทบต่างๆ ในอนาคตได้
รายงานข่าวจากธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) แจ้งว่า ในการประชุมของคณะกรรมการนโยบายสถาบันการเงิน (กนส.) ครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 17 เม.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการประชุมวาระปกติ โดยประเด็นสำคัญที่กรรมการกนส.ได้มีความเป็นห่วงและสอบถามมากคือ เหตุการณ์ชุมนุมทางการเมืองส่งผลกระทบต่อธุรกรรมหรือสาขาธนาคารพาณิชย์ โดยเฉพาะเครือข่ายสาขาธนาคารที่อยู่ใกล้กับพื้นที่ชุมนุมอย่างไรบ้าง ซึ่งธปท.ได้ชี้แจ้งว่าตลอดที่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวธนาคารพาณิชย์ทุกแห่งได้รายงานสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง และโดยรวมไม่ได้รับความเสียหายมากนักในแง่มูลค่าทรัพย์สิน
สำหรับบางสาขาธนาคารพาณิย์ที่ได้รับผลกระทบบ้าง อาทิ ถูกทุบกระจกแตก ตู้เอทีเอ็มถูกทุบทำลาย แต่ไม่ได้มีการนำเงินที่บรรจุในตู้เอทีเอ็มออกไปแต่อย่างใด บางสาขาธนาคารมีธุรกรรมน้อยเกินไป เนื่องจากลูกค้ากังวลกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นส่งผลให้ไม่กล้ามาใช้บริการในช่วงดังกล่าว รวมถึงบางแห่งพนักงานอาจกังวลถึงความปลอดภัย อย่างไรก็ตาม ธนาคารพาณิชย์กลับมองว่า แม้ความเสียหายไม่มากนักถึงขั้นต้องสั่งปิดสาขาบางแห่งเป็นกรณีพิเศษ แต่ในทางตรงกันข้ามหากปิดสาขา เพื่อหยุดทำการต่อเนื่องหลายวันอาจจะเสียหายมากกว่า เนื่องจากประชาชนอาจเดือดร้อนที่ไม่สามารถทำธุรกรรมทางการเงินได้
อย่างไรก็ตาม กรรมการในบอร์ดกนส.กำชับให้ธปท.ประสานงานกับธนาคารพาณิชย์ทุกแห่งให้เตรียมมาตรการรองรับหากเกิดเหตุฉุกเฉินหรือความวุ่นวายดังกล่าว เพื่อความปลอดภัยของลูกค้า พนักงานและไม่ให้ธุรกรรมหรือบริการต่างๆ ทางการเงินของธนาคารพาณิชย์ต้องสะดุดโดยประเด็นแรกให้ธนาคารพาณิชย์รักษาข้อมูลไว้เป็นอย่างดี โดยธนาคารทุกแห่งควรมีระบบศูนย์ข้อมูลสำรอง ในกรณีที่ศูนย์ข้อมูลหลักมีปัญหา เพื่อให้ธุรกรรมและลูกค้าสามารถใช้บริการต่อไปได้ ซึ่งเรื่องนี้ธปท.ได้มีการสั่งให้ธนาคารพยายามมีฐานข้อมูลสำรองมาก่อนหน้านี้แล้วเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา
ประเด็นที่สอง คือ กำชับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของธนาคารให้เข้มงวดมากขึ้น และประเด็นสุดท้ายให้ธนาคารแต่ละแห่งไปพิจารณาเพิ่มมาตรการดูแลความปลอดภัยแก่พนักงานของธนาคารให้มากขึ้น
ด้านนายสรสิทธิ์ สุนทรเกศ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน ธปท. กล่าวว่า ในขณะนี้ปัจจัยความเสี่ยงที่เกิดขึ้นทั้งจากปัญหาเศรษฐกิจโลกและปัจจัยภายในประเทศ โดยเฉพาะปัญหาการเมืองไม่ได้ส่งผลต่อการดำเนินธุรกิจของธนาคารพาณิชย์มากนัก และธนาคารพาณิชย์ส่วนใหญ่ในระบบยังมีฐานะที่ดี เนื่องจากสถาบันการเงินทุกแห่งต่างมีระบบดูแลความเสี่ยงและการดำเนินธุรกิจที่ดี ซึ่งเห็นได้จากเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง(บีไอเอส เรโช)ของธนาคารพาณิชย์โดยเฉลี่ยยังอยู่ในระดับสูงและสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานที่ธปท.กำหนด คือ 8.5% จึงเชื่อว่าจะสามารถรองรับผลกระทบต่างๆ ในอนาคตได้