ชุมพร - เหยื่อแก๊งโจรกรรมข้อมูลบัตรเอทีเอ็ม ธนาคารกรุงเทพ เข้าพบผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร แสดงความขอบคุณที่ช่วยเหลือประสานงาน จนธนาคารยินยอมจ่ายเงินที่สูญหายไปให้ครบตามจำนวนทุกคน มูลค่ากว่า 2 ล้านบาท
วันนี้ (13 มี.ค.) นายอาหามะ มอลอ อายุ 40 ปี พ่อค้าส่งออกทุเรียน พร้อมพ่อค้า แม่ค้าส่งออกผลไม้ รวม 10 คน ที่เป็นลูกค้าธนาคารกรุงเทพ (มหาชน) จำกัด ที่ตกเป็นเหยื่อ นายเตียว เก๊ก หลิง ชาวมาเลเซีย โจรกรรมข้อมูลบัตรเอทีเอ็ม จากตู้เอทีเอ็ม หน้าตลาดอวยชัย 3 ถ.เอเชีย 41 หมู่ 4 ต.วังตะกอ อ.หลังสวน จ.ชุมพร แล้วโอนเงินออกจากบัญชีรวมเกือบ 3 ล้านบาท เข้าพบ นายการันต์ ศุภกิจวิเลขการ ผวจ.ชุมพร และมอบกระเช้าของขวัญเป็นกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ช่วยเหลือประชาชนต่อไป
นายอาหามะ มอลอ แกนนำผู้เสียหายจากการถูกโจรกรรมข้อมูลบัตรเอทีเอ็ม กล่าวว่า ที่ผ่านมาบรรดาพ่อค้า แม่ค้าส่งออกผลไม้ได้รับความเดือดร้อนอย่างมาก เนื่องจากบัญชีเงินฝากในธนาคารหายไปจนหมด จึงทำให้หมดเงินลงทุน โดยเฉพาะเงินทุนหมุนเวียนซื้อผลไม้แต่ละวันจะต้องใช้จำนวนนับแสนบาท
“พวกเราทั้งหมดที่ได้รับความเสียหาย ต้องขอขอบคุณผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพรอย่างมาก ที่ช่วยแก้ไขปัญหาประสานงานกับธนาคารกรุงเทพฯ จนธนาคารยินยอมชดใช้จ่ายเงินที่ถูกโจรกรรมไปให้กับผู้เดือดร้อนอย่างรวดเร็ว โดยมีผู้เสียหายทั้งหมด 18 ราย รวมเป็นเงิน 2.1 ล้านบาท”
ด้าน นายการันต์ ศุภกิจวิเลขการ ผวจ.ชุมพร กล่าวว่า ถือเป็นบทเรียนที่ต่อไปผู้ใช้บัตรเครดิต บัตรเอทีเอ็ม ต้องมีความระมัดระวังมากขึ้น โดยเฉพาะธนาคารจะต้องมีมาตรการป้องกันปัญหาให้กับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นมาจากการที่คนร้ายนำเครื่องมืออิเลกทรอนิกส์ เข้าไปติดตั้งที่ตู้เอทีเอ็ม ซึ่งเป็นสมบัติของธนาคาร
ดังนั้น ธนาคารจะต้องรับผิดชอบต่อลูกค้า และต้องมีมาตรการตรวจสอบป้องกันปัญหาให้กับลูกค้าของตนเองอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นตนก็ได้ช่วยเหลือประสานงานกับธนาคารมาตลอด จึงถือว่า ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องให้ความร่วมมือกันเป็นอย่างดี
ขณะที่ นายเกรียงศักดิ์ คำรณฤทธิศร เจ้าหน้าที่ช่วยบริหารงานในเขตจังหวัดชุมพร– ระนอง ศูนย์ธุรกิจการเงิน ธนาคารกรุงเทพ (มหาชน ) จำกัด กล่าวว่า ทางธนาคารยินดีชำระเงินคืนกับลูกค้าผู้เสียหายทุกรายที่มาร้องเรียนครบเต็มตามจำนวนที่หายไป มีทั้งหมด 18 ราย เงินกว่า 2 ล้านบาท
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถือเป็นบทเรียนสำคัญของธนาคารที่จะต้องหามาตรการป้องกันมิจฉาชีพให้มากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ขอแจ้งเตือนให้ลูกค้าได้เพิ่มความระมัดระวังในการใช้บัญชีหรือการใช้บัตรเอทีเอ็ม
ทั้งนี้ หากพบเห็นสิ่งผิดปกติให้รีบแจ้งทางธนาคารทราบโดยด่วน แต่อย่างไรก็ตาม ขอให้ประชาชนหรือลูกค้ามั่นใจว่า ตู้เอทีเอ็ม หรือระบบบัญชีทุกธนาคาร ยังมีความปลอดภัยในการให้บริการลูกค้า เพราะทุกธนาคารมีระบบป้องกันอยู่แล้ว
วันนี้ (13 มี.ค.) นายอาหามะ มอลอ อายุ 40 ปี พ่อค้าส่งออกทุเรียน พร้อมพ่อค้า แม่ค้าส่งออกผลไม้ รวม 10 คน ที่เป็นลูกค้าธนาคารกรุงเทพ (มหาชน) จำกัด ที่ตกเป็นเหยื่อ นายเตียว เก๊ก หลิง ชาวมาเลเซีย โจรกรรมข้อมูลบัตรเอทีเอ็ม จากตู้เอทีเอ็ม หน้าตลาดอวยชัย 3 ถ.เอเชีย 41 หมู่ 4 ต.วังตะกอ อ.หลังสวน จ.ชุมพร แล้วโอนเงินออกจากบัญชีรวมเกือบ 3 ล้านบาท เข้าพบ นายการันต์ ศุภกิจวิเลขการ ผวจ.ชุมพร และมอบกระเช้าของขวัญเป็นกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ช่วยเหลือประชาชนต่อไป
นายอาหามะ มอลอ แกนนำผู้เสียหายจากการถูกโจรกรรมข้อมูลบัตรเอทีเอ็ม กล่าวว่า ที่ผ่านมาบรรดาพ่อค้า แม่ค้าส่งออกผลไม้ได้รับความเดือดร้อนอย่างมาก เนื่องจากบัญชีเงินฝากในธนาคารหายไปจนหมด จึงทำให้หมดเงินลงทุน โดยเฉพาะเงินทุนหมุนเวียนซื้อผลไม้แต่ละวันจะต้องใช้จำนวนนับแสนบาท
“พวกเราทั้งหมดที่ได้รับความเสียหาย ต้องขอขอบคุณผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพรอย่างมาก ที่ช่วยแก้ไขปัญหาประสานงานกับธนาคารกรุงเทพฯ จนธนาคารยินยอมชดใช้จ่ายเงินที่ถูกโจรกรรมไปให้กับผู้เดือดร้อนอย่างรวดเร็ว โดยมีผู้เสียหายทั้งหมด 18 ราย รวมเป็นเงิน 2.1 ล้านบาท”
ด้าน นายการันต์ ศุภกิจวิเลขการ ผวจ.ชุมพร กล่าวว่า ถือเป็นบทเรียนที่ต่อไปผู้ใช้บัตรเครดิต บัตรเอทีเอ็ม ต้องมีความระมัดระวังมากขึ้น โดยเฉพาะธนาคารจะต้องมีมาตรการป้องกันปัญหาให้กับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นมาจากการที่คนร้ายนำเครื่องมืออิเลกทรอนิกส์ เข้าไปติดตั้งที่ตู้เอทีเอ็ม ซึ่งเป็นสมบัติของธนาคาร
ดังนั้น ธนาคารจะต้องรับผิดชอบต่อลูกค้า และต้องมีมาตรการตรวจสอบป้องกันปัญหาให้กับลูกค้าของตนเองอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นตนก็ได้ช่วยเหลือประสานงานกับธนาคารมาตลอด จึงถือว่า ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องให้ความร่วมมือกันเป็นอย่างดี
ขณะที่ นายเกรียงศักดิ์ คำรณฤทธิศร เจ้าหน้าที่ช่วยบริหารงานในเขตจังหวัดชุมพร– ระนอง ศูนย์ธุรกิจการเงิน ธนาคารกรุงเทพ (มหาชน ) จำกัด กล่าวว่า ทางธนาคารยินดีชำระเงินคืนกับลูกค้าผู้เสียหายทุกรายที่มาร้องเรียนครบเต็มตามจำนวนที่หายไป มีทั้งหมด 18 ราย เงินกว่า 2 ล้านบาท
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถือเป็นบทเรียนสำคัญของธนาคารที่จะต้องหามาตรการป้องกันมิจฉาชีพให้มากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ขอแจ้งเตือนให้ลูกค้าได้เพิ่มความระมัดระวังในการใช้บัญชีหรือการใช้บัตรเอทีเอ็ม
ทั้งนี้ หากพบเห็นสิ่งผิดปกติให้รีบแจ้งทางธนาคารทราบโดยด่วน แต่อย่างไรก็ตาม ขอให้ประชาชนหรือลูกค้ามั่นใจว่า ตู้เอทีเอ็ม หรือระบบบัญชีทุกธนาคาร ยังมีความปลอดภัยในการให้บริการลูกค้า เพราะทุกธนาคารมีระบบป้องกันอยู่แล้ว