ชุมพร - ผบช.ภาค 8 แถลงข่าวจับกุม แก๊งชาวต่างชาติปลอมบัตรเอทีเอ็มของแม่ค้าทุเรียน ตลาดหลังสวน รูดเงินไปกว่า 3 ล้านบาทและจังหวัดใกล้เคียงในระยะ 4-5 เดือนที่ผ่านมา รูดเงินไปแล้วประมาณ 40-50 ล้านบาท ได้ผู้ต้องหา พร้อมเงินของกลางติดสินบนตำรวจ 1.2 ล้านบาท
วันนี้ (9 มี.ค.) พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 พร้อม พล.ต.ต.อภิชาติ เชื้อเทศ ผบก.ภ.จว.ชุมพร ได้นำตัว นายเตียว เก็ก หลิง อายุ 43 ปี สัญชาติมาเลเซีย ผู้ต้องหาคดีฉ้อโกง ปลอมแปลงบัตรเอทีเอ็ม พร้อมของกลางจำนวนหลายรายการมาแถลงข่าวที่สำนักงานตำรวจภูธรภาค 8 อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี โดยมีผู้เสียหายจากอำเภอหลังสวนประมาณ 7 ราย ติดตามมาดูตัวผู้ต้องหา
พล.ต.ท.สัณฐาน กล่าวว่า เมื่อเวลา 10.00 น.วานนี้ (8 มี.ค.) เจ้าหน้าที่ตำรวจจากจังหวัดชุมพรได้นำกำลังเข้าควบคุมตัว นายเตียว เก็ก หลิง ผู้ต้องหา ขณะนำรถไปส่งให้บริษัทเช่ารถในพื้นที่อำเภอหาดใหญ่ จ.สงขลา พร้อมเงินติดสินบนจำนวน 1.2 ล้านบาท เพื่อให้ตำรวจปล่อยตัว แต่เจ้าหน้าที่ไม่ยินยอม พร้อมด้วยของกลางหลายรายการประกอบด้วย บัตร ATM ของธนาคารต่างๆ จำนวน 3 ใบ และสอบสวนขยายผลจับกุม นายโก ชิน เฮง ผู้ร่วมขบวนการที่คาดว่ายังหลบหนีอยู่ภายในประเทศไทยต่อไป
การจับกุมตนร้ายครั้งนี้เกิดขึ้นจากกลุ่มคนร้ายได้ก่อเหตุกดเงินของแม่ค้าขายทุเรียนในอำเภอหลังสวน จ.ชุมพร จนเจ้าหน้าที่สืบสวนขยายผลจับกุมผู้ต้องหาได้ดังกล่าว และคาดว่า ยังมีผู้ร่วมขบวนการที่หลบหนีไปได้บางส่วน ทางสำนักงานตำรวจภูธรภาค 8 ประสานกับกองบังคับการสืบสวนสอบสวนคดีเศรษฐกิจ (บก.สศก.) เพื่อกวาดล้างจับกุมเครือข่ายที่ยังหลบหนีต่อไป
ผู้บัญชาการภาค 8 ยังระบุว่า ผู้ต้องหา ได้ใช้เครื่องมือที่มีเทคโนโลยี่อันทันสมัย หรือเครื่องบันทึกข้อมูล (สกิมเมอร์) ไปติดตั้งที่ตู้เอทีเอ็มของธนาคารต่างๆ แล้วทำการโจรกรรมข้อมูลของลูกค้า แล้วนำข้อมูลที่ได้ไปทำการปลอมแปลงบัตรเอทีเอ็ม และนำไปใช้ด้วยวิธีการเข้าโอนเงินจากตู้เอทีเอ็ม ไปยังบัญชีอื่นๆ ตามที่ตนต้องการ และสามารถโอนได้ครั้งละ 100,000 บาท มากกว่าวิธีการถอนเงินครั้งละ 20,000 บาท
เมื่อดูจากพฤติกรรมของแก๊งนี้ทราบว่าเข้ามาดำเนินการปลอมแปลงบัตรเอทีเอ็มหรือดูดข้อมูล ของลูกค้าธนาคารต่างๆ ในพื้นที่จังหวัดชุมพร, สุราษฎร์ธานี, เพชรบุรี, ตรัง, กระบี่, สงขลา แล้วมากกว่า 4-5 เดือน มีการทำงานกันเป็นทีมก่อนที่จะเข้ามาดำเนินการในพื้นที่ อ.หลังสวน ได้เงินสดไปกว่า 3 ล้านบาท และคาดว่า ในช่วงที่ผ่านมาก่อเหตุได้เงินไปกว่า 40-50 ล้านบาท แล้วจะนำเงินเข้าไปฝากยังด่านปาดังเบซาเพื่อให้พรรคพวกในมาเลเซียจากนั้นก็จะเข้ามาดำเนินการต่อ
ด้าน พล.ต.ต.อภิชาติ เชื้อเทศ ผบก.ภ.จว.ชุมพร กล่าวว่า จากการสอบสวน นายเถา เป็ก เฮง อายุ 43 ปี คนร้ายให้การรับสารภาพว่า ได้ร่วมมือกับ นายโก ชิน เฮง ชาวมาเลเซีย นำเครื่องโจรกรรมข้อมูลจากบัตรเอทีเอ็ม หรือ สกริมเมอร์ มาติดที่ช่องเสียบบัตรตู้เอทีเอ็มของธนาคารกรุงเทพฯ บริเวณตลาดอวยชัย พร้อมติดตั้งกล้อง CCTV แบบไร้สายขนาดเล็กซ่อนไว้ในกล่องไว้เพื่อดูรหัส
จากนั้นจะเอากระดาษไปสอดใส่ตู้เอทีเอ็มของธนาคารทหารไทย และกสิกรไทย ที่อยู่ใกล้เคียงกัน เพื่อให้ไม่สามารถให้บริการได้ จะได้มาใช้บริการเพียงตู่เอทีเอ็มของธนาคารกรุงเทพฯเพียงเครื่องเดียว โดยคนร้ายจะจอดรถอยู่ห่างจากตู้เอทีเอ็มไม่เกิน 200 เมตร เพื่อดูข้อมูลรหัสบัตรเอทีเอ็มแต่ละใบ จากนั้นจะใช้ข้อมูลบัตรจากเครื่องสกริมเมอร์มาทำการปลอมบัตรภายในรถยนต์แล้วทำไปกดเงินสดทันที
จากการตรวจสอบประวัติการเข้าออกประเทศ พบว่า คนร้ายได้เข้าประเทศมา 3 ครั้ง ประกอบด้วย วันที่ 6 ก.พ., 20 ก.พ.และวันที่ 6 มี.ค.ที่ผ่านมา โดยเข้ามาเพื่อนำเครื่องสกิมเมอร์ มาติดตั้งเพื่อดูดข้อมูลไปไว้ก่อน กระทั่งล่าสุดได้เข้ามาดูดข้อมูลอีกครั้ง และเมื่อได้ข้อมูลมากพอจึงได้เดินทางไป จ.สุราษฎร์ธานี เพื่อกดเงินสดออกมาโดยเลือกตู้ที่ไม่มีกล้องวงจรปิด ขณะนี้มีผู้เสียหายเข้ามาแจ้งความแล้วกว่า 20 ราย รวมวงเงิน 3 ล้านกว่าบาท
การสอบสวนมีพยานจำทะเบียนรถของคนร้ายได้ แต่จำได้เพียงเลขทะเบียน 511 ทางตำรวจจึงตรวจสอบข้อมูลจนกระทั่งพบว่า เป็นรถยนต์ของ นายสาโรจน์ อยู่ใน อ.หาดใหญ่ จึงได้ส่งตำรวจไปเฝ้ากระทั่งคนร้ายนำรถยนต์มาคืนจึงถูกจับตัว แต่เงินของกลางและเครื่องสกริมเมอร์คนร้ายนำไปเก็บไว้ในโรงแรมฝั่งมาเลเซีย และยังทราบว่า มีนายใหญ่อีกคนหนึ่งเป็นชาวมาเลเซียร่วมขบวนการ