xs
xsm
sm
md
lg

ส่งสัญญาณเอฟทีงวดพ.ค.-ส.ค.ต้องลด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน- “วรรณรัตน์”ส่งสัญญาณค่าเอฟทีงวดใหม่พ.ค.-ส.ค.ลดลงแน่นอน แย้มเหตุราคาก๊าซฯปรับลดไม่มีเหตุผลต้องขึ้นแถมกฟผ.ยังได้รับอนุมัติออกบอนด์อีกล็อตแล้ว 2 หมื่นล้านบาทปัญหาสภาพคล่องไม่น่ามี ด้านเอกชนไม่ติดใจค่าไฟขึ้นที่ผ่านมายื่นรัฐขอลดวงเงินประกันการใช้ไฟฟ้าเหมือนธุรกิจโรงแรมชั่วคราวช่วยลดต้นทุน

น.พ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รมว.พลังงาน เปิดเผยว่า การพิจารณาค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติหรือ เอฟที ที่จะเรียกเก็บจากบิลค่าไฟประชาชนรอบใหม่(พ.ค.-ส.ค.52) นั้นเป็นอำนาจของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานหรือเรกูเลเตอร์จะพิจารณาถึงต้นทุนต่างๆ โดยเฉพาะเชื้อเพลิงและอัตราแลกเปลี่ยน แต่หากพิจารณาถึงราคาก๊าซธรรมชาติที่ปรับลดลง จาก 250 บาทต่อล้านบีทียูมาอยู่ที่ 230 บาทต่อล้านบีทียูดังนั้นค่าเอฟทีจะต้องลดลงไม่ควร ปรับขึ้น

“ กรณีที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยหรือกฟผ.แบกรับภาระไว้ค่าไฟไว้ประมาณ 2 หมื่นล้านบาทจากการขึ้นค่าไฟที่ไม่สะท้อนต้นทุนในงวดที่ผ่านมาเพื่อลดภาระประชาชนนั้นทำให้กฟผ.ขาดสภาพคล่องล่าสุดคณะรัฐมนตรีได้อนุมัติการออกพันธบัตรเพิ่มเติมอีก 2 หมื่นล้านบาทแล้ว ดังนั้นค่าไฟงวดใหม่ไม่ขึ้นแน่นอนแต่ลดแค่ไหนต้องดูตัวเลขสุดท้ายก่อนโดยเฉพาะค่าเงินบาท”รมว.พลังงานกล่าว

สำหรับกรณีที่คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบันหรือกกร.ได้เสนอให้รัฐบาลพิจารณาชะลอการขึ้นค่าเอฟทีนั้นได้ชี้แจงไปแล้วว่าการขึ้นค่าเอฟทีในงวดม.ค.-เม.ย. 52 เพิ่มขึ้นเพียง 14.85 สตางค์ต่อหน่วยต่ำกว่าเอฟทีที่ควรจะปรับขึ้นที่คำนวณได้ 47.98 สตางค์ต่อหน่วยโดยกฟผ.รับภาระไว้ 2 หมื่นล้านบาทส่วนงวดถัดไปเรกูเลเตอร์จะดูแลและคำนึงถึงต้นทุนที่แท้จริงซึ่งภาคอุตสาหกรรมเองก็เข้าใจและไม่ได้ติดใจในเรื่องดังกล่าว

นายดิเรก ลาวัณย์ศิริ ประธานเรกูเลเตอร์ กล่าวว่า ว่า ค่าเอฟทีงวดใหม่(พ.ค.-ส.ค. 52 ) จะนำเอาปัจจัยที่ กฟผ. ต้องแบกรับภาระค่าไฟฟ้าจากการชะลอการขึ้นค่าไฟในช่วงที่ผ่านมาไว้ประมาณ 1.9 หมื่นล้านบาทมาคำนวณค่าเอฟทีด้วย อย่างไรก็ตามสิ่งสำคัญจะต้องคำนึงถึงผลกระทบต่อประชาชนเป็นหลักเนื่องจากขณะนี้ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวคงไม่สามารถให้ประชาชนรับภาระได้ทั้งหมดและการพิจารณาปรับค่าเอฟทีคงไม่นำเอาภาระกฟผ.มาคิดแล้วปรับขึ้นในงวดเดียวและยังต้องดูปัจจัยอื่นๆ อีกเช่น อัตราแลกเปลี่ยน

นายสันติ วิลาสศักดานนท์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) กล่าวว่า เอกชนไม่ได้ติดใจในเรื่องของค่าเอฟทีเนื่องจากเรกูเลเตอร์ได้ดูแลเป็นอย่างดีแล้ว แต่ได้เสนอภาครัฐให้พิจารณาแนวทางการช่วยเหลือด้วยการลดวงเงินประกันการใช้ไฟฟ้าให้กับภาคอุตสาหกรรมเป็นการชั่วคราวเช่นเดียวกับการช่วยเหลือผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมซึ่งที่ผ่านมาครม.มีมติให้การไฟฟ้านครหลวง(กฟน.)และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค(กฟภ.) ลดอัตราค่าประกันการใช้ไฟฟ้าจาก 2 เท่าของเดือนเหลือ 1.25 เท่าของเดือนให้แก่ผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมที่มีประวัติการชำระดี
กำลังโหลดความคิดเห็น