เผยข้อเท็จจริงจากคนที่นั่งอยู่กลางใจทักษิณ "เนวิน"แฉแหลก แม้วปลุกระดมเสื้อแดงทำสงครามประชาชน เผาเมือง สร้างรัฐไทยใหม่ เตือนให้อยู่บ้านอย่าออกมาเป็นเครื่อง จวกแม้วคือคนที่ทรยศ หักหลัง และเนรคุณตัวจริง ยอมรับเคยรับใช้ถวายหัว แต่รับไม่ได้เมื่อรู้ถึงแผนโค่นล้มสถาบัน ลั่นต้อองข้ามศพไปก่อน ยันเป็นคนไม่ใช่ทาส หลังน้ำตาขอร้องให้หยุดก้าวล่วงพระราชอำนาจ และยุติการทำให้บ้านเมืองแตกแยก
เมื่อเวลา 13.30 น.วานนี้ (7เม.ย.) นายเนวิน ชิดชอบ หัวหน้ากลุ่มเพื่อนเนวินได้เปิดแถลงข่าวโรงแรมสยามชิตี้ ถนนศรีอยุธยา ตอบโต้พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง พร้อมร้องขอให้ยุติการเคลื่อนไหวใหญ่ในวันนี้ (8เม.ย.) โดยมีแกนนำกลุ่มเพื่อนเนวิน อาทิ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายทรงศักดิ์ ทองศรี นายธีระชัย แสนแก้ว นายสัมพันธ์ เลิศนุวัฒน์ พร้อมด้วยส.ส.พรรคภูมิใจไทย นำโดยนายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ นายเชิดชัย วิเชียรวรรณ นายศุภชัย โพธิ์สุ และนายศุภชัย ใจสมุทร มาร่วมนั่งแถลงข่าว ขณะที่นาย ปองพล อดิเรกสาร อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยและนายประพล อดิเรกสาร ส.ส.สระบุรี พรรคเพื่อไทย มาร่วมสังเกตการณ์
เตือนประชาชนจะตกเป็นเหยื่อ
นายเนวิน กล่าวว่าตนมีประเด็นที่จะชี้แจงไปถึงพี่น้องประชาชนมีอยู่ 3 ประเด็น คือ 1.เรื่องเกี่ยวกับสถานการณ์บ้านเมืองในปัจจุบัน 2 . เรื่องเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ และ3. เรื่องส่วนตัวระหว่างตนและเพื่อนๆ กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
นายเนวิน กล่าวว่าการที่ตนเปิดแถลงข่าวครั้งนี้ เนื่องจากเป็นห่วงต่อสถานการณ์ของบ้านเมือง ที่กำลังมีความแตกแยก และกำลังมีการเตรียมที่จะชุมนุมใหญ่ในวันนี้ (8เม.ย.) ทั้งนี้ จากประสบการณ์ของตนและเพื่อนๆที่นั่งอยู่ที่นี่ เคยทำงานกับแกนนำบางคน ในการชุมนุมของพี่น้องคนเสื้อแดง ที่ชุมนุมอยู่ที่ทำเนียบรัฐบาล มาเป็นระยะเวลานานพอสมควร ถ้าจำกันได้ ตั้งแต่หลัง 19 ก.ย.49 เป็นต้นมา ตนและเพื่อนได้ร่วมกันเคลื่อนไหวเพื่อต่อสู้กับระบอบเผด็จการ คมช. ที่ท้องสนามหลวง และพื้นที่ต่างๆทั่วประเทศไทย เพื่อเรียกร้องประชาธิปไตย ให้กลับมาคืนสู่สังคมไทยโดยเร็ว
จากประสบการณ์ที่เคยทำงานร่วมกันกับแกนนำคนเสื้อแดงบางคน ที่อยู่บนเวที พวกเราได้สรุปร่วมกันแล้ว มีความเห็นว่า มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่เราต้องออกมาเตือนพี่น้องประชาชนให้ระวังในการที่จะตกเป็นเครื่องมือ และเป็นเหยื่อของสถานการณ์ ที่ได้มีการวางแผนไว้ในการชุมนุมที่จะเกิดขึ้นในวันนี้ เพราะถ้าเกิดเหตุการณ์ที่นำไปสู่ความรุนแรง อย่างที่ได้รับทราบโดยประสบการณ์ของการที่เคยทำงานร่วมกันมา หากเกิดเหตุการณ์ใดๆ ขึ้น แน่นอนที่สุดพี่น้องประชาชนที่ถูกปลุกระดมให้มาร่วมชุมนุม จะเป็นผู้ที่ได้รับความสูญเสียมากที่สุด และในขณะเดียวกันประเทศไทยก็จะได้รับความสูญเสียที่ประเมินค่าได้
แผนชั่ว"เผาเมือง"สร้างรัฐไทยใหม่
นายเนวิน กล่าวว่า จากการสังเกตุการณ์ชุมนุมที่ทำเนียบรัฐบาล ตลอดระยะเวลา 12 วันที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่า มีการกล่าวถึงสงครามประชาชน การปฏิวัติประชาชน แผ่นดินจะลุกเป็นไฟ จะยึดศาลากลางจังหวัดทุกจังหวัด หรือ การกล่าวในลักษณะนี้หลายครั้งหลายหน จนนำมาสู่สิ่งที่เราเป็นห่วง และเชื่อได้ว่า ผู้นำการชุมนุมบางคน ได้มีการเตรียมการบางอย่าง เพื่อจะก่อให้เกิดสถานการณ์ สงครามการเมือง สถานการณ์การปฏิวัติ แล้วก็สถานการณ์ที่จะนำไปสู่การเผาบ้านเผาเมือง ทั้งในส่วนกลาง และส่วนภูมิภาค โดยการใช้กำลัง ซึ่งไม่ใช่แนวทางสันติวิธี อย่างที่แกนนำผู้ชุมนุมได้กล่าวใน 12 วันที่ผ่านมา เราจะเห็นการประกาศเจตนารมย์ แบบเอาชีวิตเข้าแลกของแกนนำชุมนุมบางคน เช่น ถ้าคนเสื้อแดงอยู่ไม่ได้ คนทั้งแผ่นดินก็อยู่ไม่ได้ หากทำไม่สำเร็จก็แพ้ จะได้ตายไปพร้อมๆกัน จะได้จบกัน
"ผมต้องตั้งคำถามไปยังแกนนำ และพี่น้องที่ถูกชักจูงเข้าร่วมชุมนุมว่า ถ้าการชุมนุมเรียกร้องในวันที่ 8 เม.ย.ไม่สำเร็จ ทำไมคนทั้งแผ่นดินต้องอยู่ไม่ได้ แล้วทำไมต้องมีคำพูดว่า ถ้าการต่อสู้ไม่สำเร็จก็ให้มันตายไปพร้อมๆกัน ทั้งหมดเป็นถ้อยคำที่แกนนำประกาศซ้ำแล้วซ้ำอีก ในการปลุกระดมครั้งนี้ ผมอยากฝากไปถึงพี่น้องประชาชนทุกท่านที่จะเข้าร่วมชุมนุม ขอให้พิจารณาให้ดี ว่าเป้าหมายของการชุมนุมครั้งนี้ มีเป้าหมายเพียงแค่การขับไล่รัฐบาลเท่านั้น หรือมีเป้าหมายที่ไกลกว่านั้น ผมและเพื่อนๆ มีเหตุผมที่เชื่อว่า แกนนำการชุมนุมมีเจตนามากกว่าการขับไล่รัฐบาล คือ ถ้าย้อนไปวันที่ 15 ม.ค.52 แกนนำคนหนึ่ง ได้ประกาศไว้ในงานเปิดสถานีโทรทัศน์ ดีสเตชั่น โดยประกาศว่า จะเป็นการสร้างรัฐไทยใหม่ด้วยมือคนเสื้อแดง โดยมี ดีสเตชั่น เป็นเครื่องมือขยายฐานมวลชน ผมตั้งคำถามไปยังแกนนำคนเสื้อแดงว่า ทำไมต้องสร้างรัฐไทยใหม่ ในเมื่อมีประเทศไทยที่มีการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขอยู่แล้ว และผมเชื่อว่าคนไทยมีความสุขความสบาย อยู่ภายใต้ร่มพระบรมโพธิสมภาร ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอยู่แล้ว แกนนำผู้ชุมนุมต้องตอบคำถามผมให้ได้ว่า เมื่อวันที่ 15ม.ค.52ที่ประกาศ จะสร้างรัฐไทยใหม่นั้นมีเจตนารมณ์อย่างไร รัฐไทยใหม่ที่ว่านี้ ปกครองด้วยระบบอะไร มีสถาบันใดเป็นสถาบันหลัก" นายเนวินกล่าว
ลั่นพลีชีพปกป้องสสถาบันฯ
นายเนวิน กล่าวว่า การประกาศว่า ถ้าเสื้อแดงอยู่ไม่ได้ คนทั้งแผ่นดินก็อย่าหวังว่าจะอยู่ได้ เท่ากับเป็นการประกาศจับพี่น้องทั้งประเทศเป็นตัวประกัน ซึ่งเป็นแนวทางที่ไม่ถูกต้อง สองวันที่ผ่านมา แกนนำคนเสื้อแดง หลายคนรุมโจมตีและด่าตนบนเวที เพราะว่าโกรธที่ตน ออกมาบอกกับชาว จ.บุรีรัมย์ เมื่อวันที่4 เม.ย.ว่า คนที่คิดล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ ต้องข้ามศพตนไปก่อน ตนเชื่อว่าความคิดและเจตนารมณ์ในการปกป้องสถาบันฯ ไม่ใช่เป็นแค่เจตนารมณ์ของตนคนเดียว เพื่อนๆของตนที่นี่ และคนไทยทุกคนในประเทศ ก็คงคิดไม่ต่างกัน ขอตั้งคำถามไปยังแกนนำบนเวทีว่า ตนพูดอย่างนี้ผิดตรงไหน หากบอกว่าจงรักภักดี ทำไมต้องโกรธตนมากมายขนาดนี้ เมื่อตนบอกว่าใครจะล้มล้างสถาบันฯ ต้องข้ามศพตนไปนั้น คำพูดแค่นี้หรือ ที่แกนนำบอกว่าจงรักภักดี ต้องโกรธแค้นประกาศบนเวทีเชิญชวนประชาชนว่า หากเจอตนที่ไหน ให้ยิงทิ้งที่นั่น
"การชุมนุมครั้งนี้ผมยืนยันว่า หากมีการชุมนุมที่มีเป้าหมายในการแก้ปัญหาของประชาชน เช่น ราคาสินค้าเกษตร ประชาชนว่างงาน หรือปัญหาเศรษฐกิจ หรือเรียกร้องประชาธิปไตย ที่ถูกยึดอำนาจโดยเผด็จการ หรือการดำเนินการใดๆ เพื่อประโยชน์ของคนส่วนใหญ่นั้น ผมยืนยันว่า จะร่วมสนับสนุน แต่การเรียกร้องครั้งนี้เป็นการดำเนินการเพื่อประโยชน์ของคนๆเดียว ซึ่งเป็นคนที่เดือดร้อนน้อยกว่าคนไทยทั้งประเทศ"
นายเนวิน กล่าวว่า ตนไม่เห็นด้วย ที่การชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดง ทำเพื่อประโยชน์ของคนๆเดียวแม้ว่าคนๆนั้น ตนจะเคยทำงานให้ ชนิดที่สื่อมวลชนระบุว่า ตนทำงานให้แบบยอมตายถวายชีวิต
"ขอกราบเรียนว่า แม้ผมจะรักคนๆนั้นมากมายขนาดไหนก็ตาม หากคนๆนั้นรักตัวเอง เห็นแก่ความอยู่รอดของตัวเองมากกว่ารักประชาชน และความอยู่รอดของประเทศชาติ ผมก็ไม่เอาด้วย ผมและเพื่อนๆไม่เอาด้วย เพราะพวกเราไม่ใช่ทาส ที่จะทำให้ทุกเรื่องแบบไม่คำนึงว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับประเทศและส่วนรวม โดยเพื่อประโยชน์ของคนๆ เดียวเป็นสำคัญ เหนือสิ่งอื่นใด ผมและเพื่อนๆ ยืนยันว่า รักประเทศไทยมากกว่ารักท่านทักษิณ"
รับเคยปกป้องรัฐบาลสมัคร-สมชาย
นายเนวิน กล่าวว่า การทำงานมวลชน การชุมนุมเรียกร้องที่กระทำอยู่นี้ ตนและเพื่อนๆ เคยทำมาก่อน แต่การชุมนุมในวันนี้ กับการชุมนุมต่อสู้ในอดีตแตกต่างกัน ตรงที่ว่า วันที่เราทำมวลชนที่สนามหลวงและทั่วประเทศ เมื่อปี 49-50 นั้น เป็นการทำมวลชนเพื่อปกป้องระบอบประชาธิปไตย และต่อสู้กับคมช.ที่ยึดอำนาจอธิปไตยไปจากประชาชน หลังจากปี 50 เราก็ทำงานมวลชนชุมนุมเรียกร้องต่อเนื่องอีกหลายครั้ง แต่ทุกครั้งที่ชุมนุมเราเพื่อปกป้องรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย เพื่อไม่ให้ถูกกดดันโดนกฎหมู่ ไม่ว่าจะเป็นการชุมนุมปกป้องรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช การชุมนุมต่อสู้ปกป้องรัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ตนขอเรียนว่า การชุมนุมทั้งหมดในอดีตที่ตน และเพื่อนๆทำมานั้น เราเชื่อว่าถูกต้อง เพราะชุมนุมปกป้องประชาธิปไตย และรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง
แต่การชุมนุมปลุกระดมมวลชนในครั้งนี้ เป็นการชุมนุมเพื่อขับไล่รัฐบาลประชาธิปไตยที่มาจากการเลือกตั้ง จึงเป็นเหตุผลที่พวกเราไม่เข้าร่วม แต่ว่าในอนาคตหากมีการยึดอำนาจ ล้มล้างประชาธิปไตย พี่น้องประชาชนทั้งประเทศ จะเห็นตนและเพื่อน ออกมายืนต่อสู้เพื่อขับไล่กับเผด็จการอีก เหมือนที่เคยต่อสู้กับคมช.มา เพราะถือว่าเป็นการต่อสู้เพื่อรักษาระบอบประชาธิปไตย ไม่ใช่การต่อสู้เพื่อตัวบุคคลใดบุคคลหนึ่ง
" รัฐบาลนายกฯ อภิสิทธิ์ เป็นรัฐบาลที่โหวตโดยส.ส. ชุดเดียวกับส.ส.ที่โหวตเลือกนายกฯสมัคร โหวตเลือกนายกฯสมชาย เพราะฉะนั้นผมฝากถามว่า ความไม่เป็นประชาธิปไตยของรัฐบาลนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร วันที่มีการโหวคเลือกนายกฯอภิสิทธิ์ วันนั้นเพื่อนของผมหลายคนที่เคยสังกัดพรรคพลังประชาชน หลังเกิดการยุบพรรค ก็ไม่มีใครสักกัดพรรคการเมืองใด การตัดสินใจของส.ส.เป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญ ที่แต่ละคนจะสามารถใช้สิทธิตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญได้"
จวกแม้วร่วมขบวนการล้มสถาบันฯ
นายเนวิน กล่าวว่า วันนี้ที่บอกว่ารัฐบาลนี้ไม่เป็นประชาธิปไตย ต้องตอบคำถามให้ได้ว่า รัฐบาลจะเป็นประชาธิปไตย รัฐธรรมนูญจะใช้ได้เมื่อตัวเองมีอำนาจเท่านั้นหรือ จึงอยากเรียนไปยังพี่น้องที่จะเข้าร่วมชุมนุม โปรดหยุดคิด และทบทวน โดยประสบการณ์ของตน และเพื่อนๆ ที่เคยร่วมทำงานกับแกนนำการชุมนุมครั้งนี้ เราเป็นห่วงต่อสถานการณ์ที่มีการวางแผนไว้ที่จะก่อให้เกิดความรุนแรง ในที่สุดประชาชนจะต้องตกเป็นเหยื่อ ประเทศชาติจะต้องได้รับความเสียหาย อย่างที่เราไม่สามารถจะคาดคะเนได้ เนื่องจากจะลุกลามไปถึงสถาบันพระมหากษัตริย์
" ผมเรียนยืนยันว่าผมและเพื่อนๆ เรียนจุดยืนทางการเมืองว่า เรายึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข เราไม่มีเจตนาที่จะปกป้ององคมนตรี หรือใคร แต่การออกมาแสดงความคิดเห็นของพวกผมวันนี้ เป็นการออกมาแสดงความคิดเห็นด้วยความเป็นห่วงต่อการก้าวล่วงในพระราชอำนาจ และพระราชอัธยาศัย ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว คำพูดบางคำของแกนนำ แม้จะบอกว่าไม่มีเจตนาให้กระทบต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ แต่พฤติกรรมและสิ่งที่สะท้อนมาจากพฤติกรรมของบุคคลบางคนที่อยู่บนเวที มันฟ้องว่าอะไรเป็นอะไร แล้วนายกฯ ทักษิณ ที่พวกผมเคยรัก ก็ไปร่วมกับขบวนการนี้ "
การโฟนอิน การทำวิดีโอลิงก์ สื่อสารกับพี่น้องประชาชนที่ร่วมชุมนุมทุกครั้ง ที่เป้าหมายสำคัญคือการขับไล่องคมนตรี ซึ่งพวกตนยืนยันว่า ล่อแหลมที่จะกระทบสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างยิ่ง เพราะองคมนตรี แต่ละท่านมาจากการโปรดเกล้าฯ ตามพระราชอัธยาศัย ในฐานะที่ตนเป็นคนไทย ตนถือว่า คำว่าพระราชอัธยาศัยมีความหมาย และมีความสำคัญยิ่งกว่าพระราชอำนาจด้วยซ้ำไป เมื่อพระองค์ทรงมีพระบรมราชวินิจฉัยแล้ว ตนอยากฝากถามแกนนำผู้ชุมนุม และท่านนายกฯ ทักษิณว่า การที่บอกว่า คนที่พระองค์ท่านทรงแต่งตั้ง เป็นคนเลว คนไม่ดี คุณมีเป้าหมายอะไร ในเมื่อองคมนตรีเหล่านั้นพระองค์ท่านทรงมีพระบรมราชวินิจฉัย และเป็นไปตามพระราชอัธยาศัย
"อยากฝากถามไปยังท่านนายกฯ ทักษิณ และแกนนำผู้ชุมนุมว่า พวกคุณคิดว่าคุณรู้ดีกว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวหรืออย่างไร พวกคุณคิดว่าพวกคุณเป็นใคร มีวินิจฉัยที่ดีกว่าพระบรมราชวินิจฉัยของพระองค์ท่านหรือย่างไร คุณไปก้าวล่วงพระราชอัธยาศัยของพระองค์ท่านได้อย่างไร พวกคุณมีสิทธิอะไร แล้วฝากถามต่อไปยังแกนนำผู้ชุมนุว่า แน่ใจหรือว่า ขณะที่พวกคุณพูด คุณหยุดไว้เพียงบุคคลที่ได้รับการโปรดเกล้าฯ หรือในใจคุณไม่คิดเลยไปกว่าสิ่งที่คุณพูด มาจนถึงวันนี้ จากสาถานการณ์วันนี้ ต้องเรียนไปยังพี่น้องประชาชนว่า หากพวกเราคนไทยรักประเทศไทย หากพวกเราอยากทำความดีถวายพระเจ้าอยู่หัว สิ่งที่เราทำได้ดีที่สุด และเร็วที่สุดในการจงรักภักดีคือ การทำให้บ้านเมืองสงบสุข ผมเรียกร้องให้คนไทยทุกคนร่วมทำ ความดีเพื่อถวายความจงรักภักดี ต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ด้วยการคืนความสงบให้กับประเทศไทย ทางออกของวิกฤตที่เกิดขึ้น ที่จะถึงวันพรุ่งนี้ มะรืนนี้ แค่เพียงพวกเราไม่ว่าสีไหน ฝ่ายไหน หรือใคร อยู่ทำงาน อยู่บ้านด้วยความสงบไม่เข้ามร่วม ผมถือว่าพวกเราได้เข้าร่วมทำให้บ้านเมืองสงบ เพื่อเป็นความดีถวายแล้ว"
รับวิบากกรรมจากการรับใช้แม้ว
นายเนวิน กล่าวถึงประเด็นส่วนตัวระหว่างตนกับเพื่อนๆ และ พ.ต.ท.ทักษิณ ว่า พวกตนถูกกล่าวหาว่า หักหลัง ทรยศ และต้องการผลตอบแทนนั้น ขอเรียนว่าพวกตนได้รับเลือกตั้ง ส.ส.บุรีรัมย์ตั้งแต่ปี 2531 ขณะที่พรรคไทยรักไทย ยังไม่ได้ตั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ ยังไม่ได้เล่นการเมือง พ่อของตน และคนอย่างตน และคุณพ่อ ไม่จำเป็นต้องพึ่งพากระแส พ.ต.ท.ทักษิณ และพรรคไทยรักไทย เพราะพวกตนทุกคนได้รับเลือกตั้งมาด้วยตนเอง ตั้งแต่ก่อนที่จะมีพรรคไทยรักไทย การเข้าทำงานร่วมกับพรรคไทยรักไทย เป็นเพราะพ.ต.ท. ทักษิณมาเชิญพวกตนไปร่วมทำงานการเมือง เพื่อเป็นการนำจุดแข็งแต่ละฝ่าย เติมให้แก่กัน
"การเลือกตั้งปี 44 ครั้งแรกของพรรคไทยรักไทย พื้นที่อีสานใต้ ที่พรรคไทยรักไทย ยึดครองไม่ได้ คือพื้นที่ที่ผมและเพื่อนๆ ได้รับเลือกตั้งในสังกัดพรรคชาติไทย เพราะฉะนั้น การร่วมทำงานการเมืองร่วมกัน ของผมกับพ.ต.ท.ทักษิณ จึงเป็นการเติมเต็มซึ่งกันและกัน ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่ม จำนวนส.ส. หรือการเพิ่มจำนวนปาร์ตี้ลิสต์ ให้แก่พรรคไทยรักไทย และไม่ใช่การที่พรรคไทยรักไทย เติมคะแนนให้กับผม และเพื่อนในสนามเลือกตั้ง จ.บุรีรัมย์"
นายเนวินกล่าวว่า ก่อนที่จะมาอยู่พรรคไทยรักไทย ตนเคยเป็นรมช.มา 3 กระทรวง ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรฯ วันที่ตนเข้าร่วมทางการเมืองกับพ.ต.ท.ทักษิณ ก็เป็นรมช.เกษตรฯ สังกัดพรรคชาติไทยอยู่ก่อนแล้ว เมื่อมาอยู่ร่วมกับพรรคไทยรักไทย ก็เป็นแค่รมช.เกษตรฯ เหมือนเดิม ไม่มีอะไรดีขึ้น เพราะฉะนั้นถ้าจะบอกว่าตนได้อะไรจากพ.ต.ท.ทักษิณ มากมายแล้วไม่รู้จักพอ ขอเรียนว่าสิ่งที่ตนได้จากพ.ต.ท.ทักษิณ หลักๆมี 3 เรื่อง
1 .ได้รับแนวคิดแนวการทำงานใหม่ๆ ที่เป็นประโยชน์ในการทำงานรับใช้พี่น้องประชาชน ตนต้องกราบขอบพระคุณอย่างสูง และยังระลึกเสมอว่าท่านเป็นต้นแบบทำงานเพื่อประชาชนในการแก้ไขปัญหาที่ตนยอมรับที่สุด
2. เมื่อมาอยู่ร่วมกัน ตนยังเป็นรมช.เกษตรฯเหมือนเดิม แต่ได้รับภารกิจมากมาย ทั้งภารกิจที่ไม่มีคนยอมทำ ภารกิจที่ไม่มีใครกล้าทำ จนในที่สุดเมื่อมีการยึดอำนาจ 19 กันยา ตนก็ถูกจับไปขัง 10 วัน 11 คืน นี่คือเรื่องที่ 2 ที่ตนได้รับจากพ.ต.ท.ทักษิณ
3. ตนตกเป็นจำเลยคดีความ 2 คดี คดีแรก หวยบนดิน และ คดีกล้ายาง แม้ตนจะตกเป็นจำเลย แต่วันนี้ตนก็ยังอยู่ในประเทศไทย เหมือนคนอื่นๆ เพื่อต่อสู้คดีความ ตามกระบวนการยุติธรรม ไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไร ตนก็พร้อมน้อมรับ มีเพียงพ.ต.ท.ทักษิณ คนเดียวที่หนีไป ไม่ต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรม
กรณีบนเวทีที่มีการทวงถามว่า ตนได้อะไรมากมายจากพ.ต.ท.ทักษิณ เช่น กรณีคุณพ่อของตนได้เป็นประธานรัฐสภา การเลือกตั้งประธานสภา เป็นมติส.ส. ขณะนั้นมติพลังประชาชนเห็นชอบให้คุณพ่อของตนเป็นประธานแทนนายยงยุทธ ติยะไพรัช ที่พ้นจากประธานรัฐสภา ซึ่ง นายยงยุทธ ก็ได้จาก มติพลังประชาชน เช่นเดียวกับพ่อของตน และเป็นมติเดียวกับโหวตให้นายสมัคร และนายสมชาย เป็นนายกฯ การที่พ่อของตนได้เป็นประธานรัฐสภา แทนนายยงยุทธ ก็เป็นเหตุผลเดียวคือ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ไว้ใจ ส.ส. คนอื่นในพรรคพลังประชาชน ไม่ใช่เป็นการให้รางวัลกับตนที่ทำงานให้
"แม้ว"คนทรยศ เนรคุณ ตัวจริง
"ผมถูกกล่าวหา หักหลัง ทรยศ เนรคุณ ผมเรียนว่า กรณีผมกับนายกฯ ทักษิณ ไม่ใช่การหักหลัง แต่เป็นเรื่องของคนที่คิดต่างกันในทางการเมือง มีความเห็นต่างกันในทางการเมือง เพราะเมื่อถึงจุดหนึ่งทางการเมืองที่เราคิดต่างกัน เราก็จะตัดสินใจเดินในทางที่เราเชื่อ และเห็นว่าดีต่อส่วนรวมและประเทศชาติ กรณีผมอย่าหยิบมาบอกว่า เป็นกรณีหักหลัง ทรยศ เนรคุณ หากจะพูดถึงกรณีหักหลัง คือ กรณีของท่านสมัคร ที่ไม่โหวตให้กลับไปเป็นนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 12 ก.ย. 51 ผมถือว่ากรณีนี้เป็นกรณีของการหักหลังทางการเมือง ผมเชื่อว่าพี่น้องประชาชน และสื่อมวลชนทราบดีว่า ก่อนที่ท่านสมัครจะกลับมาเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ใครเป็นคนไปขอร้องให้ท่านสมัครมารับตำแหน่ง ชีวิตท่านสมัครหลังพ้นตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม.แล้วได้ประกาศวางมือทางการเมือง แต่ท่านนายกฯ ทักษิณ และอีกหลายๆ คนในพรรคพลังประชาชน ยกขบวนไปขอร้องให้มาเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชาชน"
นายเนวิน กล่าวว่า ผลของการเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ทำให้ชีวิตของนายสมัคร ต้องเผชิญกับวิบากกรรม อย่างที่คนอายุ 70 กว่า ไม่ควรได้รับ เมื่อมาขอร้องให้ท่านสมัคร มาเป็นหัวหน้าพรรคแล้วสัญญาว่า จะไม่ทอดทิ้ง และช่วยกันปกป้อง แต่ต้องเรียนตรงๆ คือ วันที่ 12 ก.ย. 51 ตนเชื่อว่าคนอย่างนายสมัคร พร้อมที่จะเป็น และไม่เป็นนายกฯ หากพวกคุณบอกมาเพียงคำเดียว ว่าไม่ให้ท่านเป็นต่อ ตนไม่เชื่อว่า คนอย่างนายสมัคร จะดื้อด้านเอาตัวเองเดินเข้าสู่ที่ประชุมสภาฯ เพื่อโหวตนายกฯ
"ผมจำเหตุการณ์นี้ได้ ผมและเพื่อนๆ ทุกคนที่นั่งที่นี่ ได้รับคำสั่งจากท่านนายกฯ ทักษิณ ได้รับการร้องขอจากนานยกฯ ทักษิณ บอกพวกผมว่า แอท แอนนี้ คอร์ส ทำทุกอย่างเพื่อรักษาให้ท่านสมัคร กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีให้ได้ หลังจากที่ท่านสมัคร โดนคดีชิมไปบ่นไป และไม่ใช่ผมคนเดียวที่ได้รับคำสั่ง ท่านรัฐมนตรี อนุทิน (ชาญวีรกูล) ท่านรัฐมนตรี ทรงศักดิ์ (ทองศรี) และทุกคนที่นั่งอยู่ที่นี่ ได้รับโทรศัพท์จากท่านนายกฯทักษิณ หมด แต่ในขณะที่สั่งพวกผม มีการส่งแม้กระทั่งคนใกล้ชิดไปพูดจา เพื่อขอให้ท่านสมัคร รับเป็นนายกฯ อีกครั้ง มีการประชุมที่พรรคพลังประชาชน ลงมติให้เสนอท่านสมัคร อีกครั้ง พอมีมติเสร็จ ส่งตัวแทนคือ คุณยงยุทธ กับอีกหลายๆคน ไปเรียนท่านสมัคร ถึงที่บ้าน เย็นวันนั้นเชิญท่านสมัคร กลับมาประชุมที่พรรค เพื่อพูดกับสมาชิก ให้คนใกล้ชิดเอาดอกไม้ไปแสดงความยินดี แล้วหลังจากนั้น ตอนกลางคืนมีการสั่งการกับพรรคร่วมไม่ให้เข้าประชุม และไม่ให้โหวตท่านสมัครเป็นนายกฯ แม้กระทั่ง 9 โมงเช้า วันประชุม ในขณะที่พรรคร่วมไม่เข้าประชุม และ สมาชิกพรรคพลังประชาชนส่วนหนึ่ง ไม่ยอมเข้าห้องประชุม เพราะได้รับคำสั่งมาว่า ไม่ให้เข้าประชุม ท่านนายกฯ ทักษิณ ยังโทรศัพท์ถึงผม ให้บอกคุณพ่อว่า ให้ทำทุกวิถีทางให้ท่านสมัคร เป็นนายกฯ ให้ได้ ในขณะที่คืนวันนั้น มีการตกลงกับพรรคร่วมแล้วว่า ไม่เอาท่านสมัคร ถึงต้องเรียกว่า กรณีนี้คือกรณีหักหลัง" นายเนวินกล่าว
นายเนวิน กล่าวว่า ตลอดเวลาที่นายสมัคร เป็นนายกฯ ทำทุกอย่างเพื่อปกป้องพ.ต.ท.ทักษิณ ทำจนกระทั่งพ.ต.ท.ทักษิณได้กลับมาประเทศไทย ได้มากราบพระแม่ธรณีที่สนามบินสุวรรภูมิ แล้วพ.ต.ท.ทักษิณ ทำอย่างนี้กับนายสมัครได้อย่างไร อย่างนี้เรียกว่า เนรคุณหรือไม่
"กราบเรียนข้อเท็จจริงทั้งหมดมาเพื่อให้ได้เห็นว่า ถ้าจะใช้คำว่าหักหลัง ต้องใช้กับกรณีนายกฯทักษิณ กับนายกฯสมัคร ถ้าจะใช้คำว่าเนรคุณ ต้องใช้กับกรณีท่านนายกฯ สมัคร กับท่านนายกฯ ทักษิณ และผมต้องกราบเรียนพี่น้องประชาชนว่า เหตุการณ์วันที่ 12 ก.ย.51 วันโหวตท่านนายกฯ แล้วไม่มีการประชุม จากพฤติกรรมที่ท่านนายกฯทักษิณ ได้ทำกับนายกฯสมัคร เป็นสิ่งที่ทำให้ผม และเพื่อนๆ ต้องมองนายกฯทักษิณ อีกมุมหนึ่ง"
เนวินลั่นเป็นมนุษย์ ไม่ใช่ทาส
การที่ตนเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวันที่ 12 ก.ย. เป็นเรื่องที่ตนยอมรับไม่ได้กับพฤติกรรมที่พ.ต.ท.ทักษิณ กระทำต่อนายสมัคร แบบไม่มีน้ำใจต่อกัน แบบไม่ใช่ลูกผู้ชาย ตนและเพื่อนๆ มองย้อนกลับไปยังผู้หลักผู้ใหญ่ทางการเมืองในบ้านเมืองของเราไม่ว่า นายเสนาะ เทียนทอง นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกฯ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ทำให้พวกเราต้องคิดว่า วันหนึ่งต้องถึงเรา แล้ววันนั้นก็มาถึง
"ผมเคยรัก พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะท่านเป็นคนที่ทำงาน ทุ่มเท เพื่อแก้ไขปัญหาของพี่น้องประชาชน ซึ่งเป็นด้านดีของท่าน แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมาในเส้นทางการเมือง ผมอยากพูดคำหนึ่งว่า คนเป็นพนักงาน คนเป็นลูกจ้าง เหมือนพี่น้องประชาชนทุกคน หากอยู่ไม่ได้ อึดอัดใจไม่สบายใจกับเจ้าของกิจการ ลาออกก็จบ นายจ้าง ไม่พอใจลูกจ้าง เลิกจ้างก็จบ เป็นสมาชิกพรรคการเมือง สังกัดพรรคการเมือง พวกผมก็เคยอยู่มาหลายพรรคการเมือง เห็นไม่ตรงกัน คิดต่างกัน ย้ายพรรคก็จบ แต่กรณีพวกผม เมื่อเห็นต่างกับนายกฯทักษิณ พวกผมต้องถูกไล่ล่า ทำลายล้าง
"ผมอยากกราบฝากไปยังท่านนายกฯทักษิณว่า (เสียงสั่นเครือ และดวงตาเริ่มแดง) พวกผมเป็นคน เป็นมนุษย์ไม่ ใช่ทาส ผมอยากฝากให้พี่น้องประชาชนไปดูว่า กี่คนแล้วที่เห็นต่างจากนายกฯทักษิณ แล้วแยกไป แล้วถูกไล่ล่า ถูกทำลายล้าง ผมฝากถึงพี่น้องที่จะมาชุมนุม ผมฝากถึงพี่น้องที่เป็นแกนนำ ผมเคยตกเป็นเครื่องมือมาแล้ว (ร้องไห้ เสียงสั่น ) ผมเป็นแค่หมาล่าเนื้อ วันไหนผมเห็นต่าง วันไหนผมไม่ทำตามใจ ผมก็เป็นได้แค่คนเนรคุณ คนหักหลัง สำหรับท่านนายกฯทักษิณ นี่คือชีวิตพวกผม พี่น้องประชาชนที่จะเข้าร่วมการชุมนุมเพื่อการต่อสู้ในวันที่ 8 เมษายน ผมอยากให้ท่านเอาชีวิตพวกผมไปเป็นอุทาหรณ์" นายเนวิน กล่าว
นายเนวิน กล่าวอีกว่า หลัง 19 ก.ย.49 พ.ต.ท.ทักษิณ ถูกยึดอำนาจ อยู่ต่างประเทศ ใครล่ะ ที่เอาชีวิตเข้าแลก ไม่ใช่พวกตนที่นั่งอยู่ตรงนี้หรือ จะบอกว่าพวกตนหักหลัง อยากฝากถามถึงพ.ต.ท.ทักษิณ ว่าหลัง 19 ก.ย. พ.ต.ท.ทักษิณใช้พวกตนทำอะไรบ้าง หลังจากชนะเลือกตั้งของพรรคพลังประชาชน ซึ่งการต่อสู้ในภาคอีสาน พวกตนคือคนที่ยืนหยัดต่อสู้แทนพ.ต.ท.ทักษิณ จนพรรคพลังประชาชนชนะเลือกตั้ง เมื่อชนะเลือกตั้งแล้ว ท่านทำอะไรกับพวกผมบ้าง เลือดเทียม หักหลัง ทรยศ เนรคุณ ถึงวันนี้ อยากถามพ.ต.ท.ทักษิณ ว่า ใครหักใครกันแน่ ทั้งหมดนี้ คือข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น เป็นเรื่องส่วนตัวระหว่างตนและเพื่อนๆ กับพ.ต.ท. ทักษิณ
ขอแม้วหยุดจาบจ้วง-เลิกหนุนเสื้อแดง
นายเนวิน กล่าวว่า ตนกับเพื่อนๆไม่อยากเห็นบ้านเมืองเสียหาย พังพินาศไปเพราะคนๆ เดียวอีก ทั้งหมดที่ตนกราบเรียน คงพิสูจน์ว่าในชีวิตของตน นอกจากเรื่องแนวคิดในการทำงานที่ตนได้รับจากพ.ต.ทงทักษิณแล้ว ไม่เคยได้รับอะไรจากพ.ต.ท.ทักษิณเลย แต่หากยังมีคุณงามความดีที่ตนและเพื่อนๆ ทุกคนได้เคยทำไว้ให้กับพ.ต.ท.ทักษิณ และมีความหมายอยู่บ้าง มีเยื่อใยอยู่บ้าง ตนและเพื่อนๆไม่เคยขออะไรจากพ.ต.ท.ทักษิณ มีแต่ทำงานให้เอาชีวิตเข้าแลกให้
"ผมอยากถือโอกาสนี้ขอท่านนายกฯทักษิณ 2 เรื่อง เรื่องแรก ขอให้ท่านสั่งคนของท่านหยุดก้าวล่วงพระราชอัธยาศัยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่าท่านจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เรื่องที่สอง (พูดไป ร้องไห้ไป ) ถ้าท่านรักพี่น้องประชาชนคนไทย และรักประเทศไทยจริง อย่างที่ท่านพูด ขอให้หยุดสนับสนุนการเคลื่อนไหว ขอให้หยุดการทำให้บ้านเมืองแตกแยก นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ถ้าจะให้พวกผมได้ พวกผมขอแค่ 2 อย่างนี้เท่านั้น ขอบคุณมากครับ"
เด็กแม้วแฉกลับ"เนวิน"บุกบ้านป๋า
ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคเพื่อไทยว่าในช่วงที่นายเนวิน กำลังแถลงอยู่นั้น ส.ส.พรรคเพื่อไทยหลายคนได้เดินมาฟังการแถลงข่าวของนายเนวินด้วย อาทิ นายไพโรจน์ อิสระเสรีพงส์ ส.ส.กทม. นายต่อพงษ์ ไชยสาส์น ส.ส.อุดรธานี และนายชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย
นายไพโรจน์ได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ช่วงที่ตนเป็นส.ส.กทม. ขณะนั้นได้เป็นนปก.ด้วย ก่อนวันที่จะไปชุมนุมที่หน้าบ้าน พล.อ.เปรม เมื่อวันที่ 22 ก.ค. 50 นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.กทม. ซึ่งขณะนั้นอยู่กลุ่มของนายเนวินด้วย ได้ไปชักชวน ส.ส.กทม.และปริมณฑล ให้เดินจากสนามหลวงไปล้อมบ้านพล.อ.เปรม และนายจตุพร ขอให้ตนช่วยหาคนไปล้อมบ้านพล.อ.เปรม ตนจึงถามไปอีกว่าใครดูแล ซึ่งก็ได้รับคำตอบว่านายเนวิน จะเป็นคนดูแล เนื่องจากนายเนวินอยากรู้ และอยากฝากไปถามพล.อ.เปรมว่า อยู่เบื้องหลังการปฏิวัติจริงหรือไม่
เช่นเดียวกับ นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำนปช. ที่ได้ขึ้นปราศรัยบนเวที คนเสื้อแดง แฉว่า นายเนวิน คือคนที่อยู่เบื้องหลังการนำกลุ่มนปช.ไปบุกบ้านพล.อ.เปรม
"ถ้านายเนวินจะทรยศ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ทรยศไปแต่ไม่ควรทรยศความจำต่อตัวแอง เพราะวันที่บุกไปบ้าน พล.อ.เปรม นายเนวิน ก็มีส่วนเกี่ยวข้อง ดังนั้ที่นายเนวิน บอกว่าองคมนตรีคือสถาบันฯ ก็เท่ากับว่านายเนวิน เริ่มทำลายสถาบันฯ พร้อมๆกับพวกเราในวันนั้น และนายเนวิน เคยชื่นชมเว็บไฮทักษิณ ก็พุ่งเป้าใส่พล.อ.เปรมไม่ใช่หรือ ดังนั้นวันนี้นายเนวิน ลืมพฤติกรรมของตัวเองในอดีต ซึ่งเป็นความไร้เกียรติ ที่ไม่อยู่ในสมรภูมิของการต่อสู้แล้ว ถามว่าน้ำหน้าอย่างนายเนวินยังจะบอกว่าพ.ต.ท.ทักษิณ และคนเสื้อแดงว่าอย่าทำลายสถาบันฯ หรือจาบจ้วงสถาบันฯ คุณไม่มีคุณค่าเพียงพอ" นายจตุพร กล่าว
เมื่อเวลา 13.30 น.วานนี้ (7เม.ย.) นายเนวิน ชิดชอบ หัวหน้ากลุ่มเพื่อนเนวินได้เปิดแถลงข่าวโรงแรมสยามชิตี้ ถนนศรีอยุธยา ตอบโต้พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง พร้อมร้องขอให้ยุติการเคลื่อนไหวใหญ่ในวันนี้ (8เม.ย.) โดยมีแกนนำกลุ่มเพื่อนเนวิน อาทิ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายทรงศักดิ์ ทองศรี นายธีระชัย แสนแก้ว นายสัมพันธ์ เลิศนุวัฒน์ พร้อมด้วยส.ส.พรรคภูมิใจไทย นำโดยนายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ นายเชิดชัย วิเชียรวรรณ นายศุภชัย โพธิ์สุ และนายศุภชัย ใจสมุทร มาร่วมนั่งแถลงข่าว ขณะที่นาย ปองพล อดิเรกสาร อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยและนายประพล อดิเรกสาร ส.ส.สระบุรี พรรคเพื่อไทย มาร่วมสังเกตการณ์
เตือนประชาชนจะตกเป็นเหยื่อ
นายเนวิน กล่าวว่าตนมีประเด็นที่จะชี้แจงไปถึงพี่น้องประชาชนมีอยู่ 3 ประเด็น คือ 1.เรื่องเกี่ยวกับสถานการณ์บ้านเมืองในปัจจุบัน 2 . เรื่องเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ และ3. เรื่องส่วนตัวระหว่างตนและเพื่อนๆ กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
นายเนวิน กล่าวว่าการที่ตนเปิดแถลงข่าวครั้งนี้ เนื่องจากเป็นห่วงต่อสถานการณ์ของบ้านเมือง ที่กำลังมีความแตกแยก และกำลังมีการเตรียมที่จะชุมนุมใหญ่ในวันนี้ (8เม.ย.) ทั้งนี้ จากประสบการณ์ของตนและเพื่อนๆที่นั่งอยู่ที่นี่ เคยทำงานกับแกนนำบางคน ในการชุมนุมของพี่น้องคนเสื้อแดง ที่ชุมนุมอยู่ที่ทำเนียบรัฐบาล มาเป็นระยะเวลานานพอสมควร ถ้าจำกันได้ ตั้งแต่หลัง 19 ก.ย.49 เป็นต้นมา ตนและเพื่อนได้ร่วมกันเคลื่อนไหวเพื่อต่อสู้กับระบอบเผด็จการ คมช. ที่ท้องสนามหลวง และพื้นที่ต่างๆทั่วประเทศไทย เพื่อเรียกร้องประชาธิปไตย ให้กลับมาคืนสู่สังคมไทยโดยเร็ว
จากประสบการณ์ที่เคยทำงานร่วมกันกับแกนนำคนเสื้อแดงบางคน ที่อยู่บนเวที พวกเราได้สรุปร่วมกันแล้ว มีความเห็นว่า มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่เราต้องออกมาเตือนพี่น้องประชาชนให้ระวังในการที่จะตกเป็นเครื่องมือ และเป็นเหยื่อของสถานการณ์ ที่ได้มีการวางแผนไว้ในการชุมนุมที่จะเกิดขึ้นในวันนี้ เพราะถ้าเกิดเหตุการณ์ที่นำไปสู่ความรุนแรง อย่างที่ได้รับทราบโดยประสบการณ์ของการที่เคยทำงานร่วมกันมา หากเกิดเหตุการณ์ใดๆ ขึ้น แน่นอนที่สุดพี่น้องประชาชนที่ถูกปลุกระดมให้มาร่วมชุมนุม จะเป็นผู้ที่ได้รับความสูญเสียมากที่สุด และในขณะเดียวกันประเทศไทยก็จะได้รับความสูญเสียที่ประเมินค่าได้
แผนชั่ว"เผาเมือง"สร้างรัฐไทยใหม่
นายเนวิน กล่าวว่า จากการสังเกตุการณ์ชุมนุมที่ทำเนียบรัฐบาล ตลอดระยะเวลา 12 วันที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่า มีการกล่าวถึงสงครามประชาชน การปฏิวัติประชาชน แผ่นดินจะลุกเป็นไฟ จะยึดศาลากลางจังหวัดทุกจังหวัด หรือ การกล่าวในลักษณะนี้หลายครั้งหลายหน จนนำมาสู่สิ่งที่เราเป็นห่วง และเชื่อได้ว่า ผู้นำการชุมนุมบางคน ได้มีการเตรียมการบางอย่าง เพื่อจะก่อให้เกิดสถานการณ์ สงครามการเมือง สถานการณ์การปฏิวัติ แล้วก็สถานการณ์ที่จะนำไปสู่การเผาบ้านเผาเมือง ทั้งในส่วนกลาง และส่วนภูมิภาค โดยการใช้กำลัง ซึ่งไม่ใช่แนวทางสันติวิธี อย่างที่แกนนำผู้ชุมนุมได้กล่าวใน 12 วันที่ผ่านมา เราจะเห็นการประกาศเจตนารมย์ แบบเอาชีวิตเข้าแลกของแกนนำชุมนุมบางคน เช่น ถ้าคนเสื้อแดงอยู่ไม่ได้ คนทั้งแผ่นดินก็อยู่ไม่ได้ หากทำไม่สำเร็จก็แพ้ จะได้ตายไปพร้อมๆกัน จะได้จบกัน
"ผมต้องตั้งคำถามไปยังแกนนำ และพี่น้องที่ถูกชักจูงเข้าร่วมชุมนุมว่า ถ้าการชุมนุมเรียกร้องในวันที่ 8 เม.ย.ไม่สำเร็จ ทำไมคนทั้งแผ่นดินต้องอยู่ไม่ได้ แล้วทำไมต้องมีคำพูดว่า ถ้าการต่อสู้ไม่สำเร็จก็ให้มันตายไปพร้อมๆกัน ทั้งหมดเป็นถ้อยคำที่แกนนำประกาศซ้ำแล้วซ้ำอีก ในการปลุกระดมครั้งนี้ ผมอยากฝากไปถึงพี่น้องประชาชนทุกท่านที่จะเข้าร่วมชุมนุม ขอให้พิจารณาให้ดี ว่าเป้าหมายของการชุมนุมครั้งนี้ มีเป้าหมายเพียงแค่การขับไล่รัฐบาลเท่านั้น หรือมีเป้าหมายที่ไกลกว่านั้น ผมและเพื่อนๆ มีเหตุผมที่เชื่อว่า แกนนำการชุมนุมมีเจตนามากกว่าการขับไล่รัฐบาล คือ ถ้าย้อนไปวันที่ 15 ม.ค.52 แกนนำคนหนึ่ง ได้ประกาศไว้ในงานเปิดสถานีโทรทัศน์ ดีสเตชั่น โดยประกาศว่า จะเป็นการสร้างรัฐไทยใหม่ด้วยมือคนเสื้อแดง โดยมี ดีสเตชั่น เป็นเครื่องมือขยายฐานมวลชน ผมตั้งคำถามไปยังแกนนำคนเสื้อแดงว่า ทำไมต้องสร้างรัฐไทยใหม่ ในเมื่อมีประเทศไทยที่มีการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขอยู่แล้ว และผมเชื่อว่าคนไทยมีความสุขความสบาย อยู่ภายใต้ร่มพระบรมโพธิสมภาร ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอยู่แล้ว แกนนำผู้ชุมนุมต้องตอบคำถามผมให้ได้ว่า เมื่อวันที่ 15ม.ค.52ที่ประกาศ จะสร้างรัฐไทยใหม่นั้นมีเจตนารมณ์อย่างไร รัฐไทยใหม่ที่ว่านี้ ปกครองด้วยระบบอะไร มีสถาบันใดเป็นสถาบันหลัก" นายเนวินกล่าว
ลั่นพลีชีพปกป้องสสถาบันฯ
นายเนวิน กล่าวว่า การประกาศว่า ถ้าเสื้อแดงอยู่ไม่ได้ คนทั้งแผ่นดินก็อย่าหวังว่าจะอยู่ได้ เท่ากับเป็นการประกาศจับพี่น้องทั้งประเทศเป็นตัวประกัน ซึ่งเป็นแนวทางที่ไม่ถูกต้อง สองวันที่ผ่านมา แกนนำคนเสื้อแดง หลายคนรุมโจมตีและด่าตนบนเวที เพราะว่าโกรธที่ตน ออกมาบอกกับชาว จ.บุรีรัมย์ เมื่อวันที่4 เม.ย.ว่า คนที่คิดล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ ต้องข้ามศพตนไปก่อน ตนเชื่อว่าความคิดและเจตนารมณ์ในการปกป้องสถาบันฯ ไม่ใช่เป็นแค่เจตนารมณ์ของตนคนเดียว เพื่อนๆของตนที่นี่ และคนไทยทุกคนในประเทศ ก็คงคิดไม่ต่างกัน ขอตั้งคำถามไปยังแกนนำบนเวทีว่า ตนพูดอย่างนี้ผิดตรงไหน หากบอกว่าจงรักภักดี ทำไมต้องโกรธตนมากมายขนาดนี้ เมื่อตนบอกว่าใครจะล้มล้างสถาบันฯ ต้องข้ามศพตนไปนั้น คำพูดแค่นี้หรือ ที่แกนนำบอกว่าจงรักภักดี ต้องโกรธแค้นประกาศบนเวทีเชิญชวนประชาชนว่า หากเจอตนที่ไหน ให้ยิงทิ้งที่นั่น
"การชุมนุมครั้งนี้ผมยืนยันว่า หากมีการชุมนุมที่มีเป้าหมายในการแก้ปัญหาของประชาชน เช่น ราคาสินค้าเกษตร ประชาชนว่างงาน หรือปัญหาเศรษฐกิจ หรือเรียกร้องประชาธิปไตย ที่ถูกยึดอำนาจโดยเผด็จการ หรือการดำเนินการใดๆ เพื่อประโยชน์ของคนส่วนใหญ่นั้น ผมยืนยันว่า จะร่วมสนับสนุน แต่การเรียกร้องครั้งนี้เป็นการดำเนินการเพื่อประโยชน์ของคนๆเดียว ซึ่งเป็นคนที่เดือดร้อนน้อยกว่าคนไทยทั้งประเทศ"
นายเนวิน กล่าวว่า ตนไม่เห็นด้วย ที่การชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดง ทำเพื่อประโยชน์ของคนๆเดียวแม้ว่าคนๆนั้น ตนจะเคยทำงานให้ ชนิดที่สื่อมวลชนระบุว่า ตนทำงานให้แบบยอมตายถวายชีวิต
"ขอกราบเรียนว่า แม้ผมจะรักคนๆนั้นมากมายขนาดไหนก็ตาม หากคนๆนั้นรักตัวเอง เห็นแก่ความอยู่รอดของตัวเองมากกว่ารักประชาชน และความอยู่รอดของประเทศชาติ ผมก็ไม่เอาด้วย ผมและเพื่อนๆไม่เอาด้วย เพราะพวกเราไม่ใช่ทาส ที่จะทำให้ทุกเรื่องแบบไม่คำนึงว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับประเทศและส่วนรวม โดยเพื่อประโยชน์ของคนๆ เดียวเป็นสำคัญ เหนือสิ่งอื่นใด ผมและเพื่อนๆ ยืนยันว่า รักประเทศไทยมากกว่ารักท่านทักษิณ"
รับเคยปกป้องรัฐบาลสมัคร-สมชาย
นายเนวิน กล่าวว่า การทำงานมวลชน การชุมนุมเรียกร้องที่กระทำอยู่นี้ ตนและเพื่อนๆ เคยทำมาก่อน แต่การชุมนุมในวันนี้ กับการชุมนุมต่อสู้ในอดีตแตกต่างกัน ตรงที่ว่า วันที่เราทำมวลชนที่สนามหลวงและทั่วประเทศ เมื่อปี 49-50 นั้น เป็นการทำมวลชนเพื่อปกป้องระบอบประชาธิปไตย และต่อสู้กับคมช.ที่ยึดอำนาจอธิปไตยไปจากประชาชน หลังจากปี 50 เราก็ทำงานมวลชนชุมนุมเรียกร้องต่อเนื่องอีกหลายครั้ง แต่ทุกครั้งที่ชุมนุมเราเพื่อปกป้องรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย เพื่อไม่ให้ถูกกดดันโดนกฎหมู่ ไม่ว่าจะเป็นการชุมนุมปกป้องรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช การชุมนุมต่อสู้ปกป้องรัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ตนขอเรียนว่า การชุมนุมทั้งหมดในอดีตที่ตน และเพื่อนๆทำมานั้น เราเชื่อว่าถูกต้อง เพราะชุมนุมปกป้องประชาธิปไตย และรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง
แต่การชุมนุมปลุกระดมมวลชนในครั้งนี้ เป็นการชุมนุมเพื่อขับไล่รัฐบาลประชาธิปไตยที่มาจากการเลือกตั้ง จึงเป็นเหตุผลที่พวกเราไม่เข้าร่วม แต่ว่าในอนาคตหากมีการยึดอำนาจ ล้มล้างประชาธิปไตย พี่น้องประชาชนทั้งประเทศ จะเห็นตนและเพื่อน ออกมายืนต่อสู้เพื่อขับไล่กับเผด็จการอีก เหมือนที่เคยต่อสู้กับคมช.มา เพราะถือว่าเป็นการต่อสู้เพื่อรักษาระบอบประชาธิปไตย ไม่ใช่การต่อสู้เพื่อตัวบุคคลใดบุคคลหนึ่ง
" รัฐบาลนายกฯ อภิสิทธิ์ เป็นรัฐบาลที่โหวตโดยส.ส. ชุดเดียวกับส.ส.ที่โหวตเลือกนายกฯสมัคร โหวตเลือกนายกฯสมชาย เพราะฉะนั้นผมฝากถามว่า ความไม่เป็นประชาธิปไตยของรัฐบาลนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร วันที่มีการโหวคเลือกนายกฯอภิสิทธิ์ วันนั้นเพื่อนของผมหลายคนที่เคยสังกัดพรรคพลังประชาชน หลังเกิดการยุบพรรค ก็ไม่มีใครสักกัดพรรคการเมืองใด การตัดสินใจของส.ส.เป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญ ที่แต่ละคนจะสามารถใช้สิทธิตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญได้"
จวกแม้วร่วมขบวนการล้มสถาบันฯ
นายเนวิน กล่าวว่า วันนี้ที่บอกว่ารัฐบาลนี้ไม่เป็นประชาธิปไตย ต้องตอบคำถามให้ได้ว่า รัฐบาลจะเป็นประชาธิปไตย รัฐธรรมนูญจะใช้ได้เมื่อตัวเองมีอำนาจเท่านั้นหรือ จึงอยากเรียนไปยังพี่น้องที่จะเข้าร่วมชุมนุม โปรดหยุดคิด และทบทวน โดยประสบการณ์ของตน และเพื่อนๆ ที่เคยร่วมทำงานกับแกนนำการชุมนุมครั้งนี้ เราเป็นห่วงต่อสถานการณ์ที่มีการวางแผนไว้ที่จะก่อให้เกิดความรุนแรง ในที่สุดประชาชนจะต้องตกเป็นเหยื่อ ประเทศชาติจะต้องได้รับความเสียหาย อย่างที่เราไม่สามารถจะคาดคะเนได้ เนื่องจากจะลุกลามไปถึงสถาบันพระมหากษัตริย์
" ผมเรียนยืนยันว่าผมและเพื่อนๆ เรียนจุดยืนทางการเมืองว่า เรายึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข เราไม่มีเจตนาที่จะปกป้ององคมนตรี หรือใคร แต่การออกมาแสดงความคิดเห็นของพวกผมวันนี้ เป็นการออกมาแสดงความคิดเห็นด้วยความเป็นห่วงต่อการก้าวล่วงในพระราชอำนาจ และพระราชอัธยาศัย ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว คำพูดบางคำของแกนนำ แม้จะบอกว่าไม่มีเจตนาให้กระทบต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ แต่พฤติกรรมและสิ่งที่สะท้อนมาจากพฤติกรรมของบุคคลบางคนที่อยู่บนเวที มันฟ้องว่าอะไรเป็นอะไร แล้วนายกฯ ทักษิณ ที่พวกผมเคยรัก ก็ไปร่วมกับขบวนการนี้ "
การโฟนอิน การทำวิดีโอลิงก์ สื่อสารกับพี่น้องประชาชนที่ร่วมชุมนุมทุกครั้ง ที่เป้าหมายสำคัญคือการขับไล่องคมนตรี ซึ่งพวกตนยืนยันว่า ล่อแหลมที่จะกระทบสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างยิ่ง เพราะองคมนตรี แต่ละท่านมาจากการโปรดเกล้าฯ ตามพระราชอัธยาศัย ในฐานะที่ตนเป็นคนไทย ตนถือว่า คำว่าพระราชอัธยาศัยมีความหมาย และมีความสำคัญยิ่งกว่าพระราชอำนาจด้วยซ้ำไป เมื่อพระองค์ทรงมีพระบรมราชวินิจฉัยแล้ว ตนอยากฝากถามแกนนำผู้ชุมนุม และท่านนายกฯ ทักษิณว่า การที่บอกว่า คนที่พระองค์ท่านทรงแต่งตั้ง เป็นคนเลว คนไม่ดี คุณมีเป้าหมายอะไร ในเมื่อองคมนตรีเหล่านั้นพระองค์ท่านทรงมีพระบรมราชวินิจฉัย และเป็นไปตามพระราชอัธยาศัย
"อยากฝากถามไปยังท่านนายกฯ ทักษิณ และแกนนำผู้ชุมนุมว่า พวกคุณคิดว่าคุณรู้ดีกว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวหรืออย่างไร พวกคุณคิดว่าพวกคุณเป็นใคร มีวินิจฉัยที่ดีกว่าพระบรมราชวินิจฉัยของพระองค์ท่านหรือย่างไร คุณไปก้าวล่วงพระราชอัธยาศัยของพระองค์ท่านได้อย่างไร พวกคุณมีสิทธิอะไร แล้วฝากถามต่อไปยังแกนนำผู้ชุมนุว่า แน่ใจหรือว่า ขณะที่พวกคุณพูด คุณหยุดไว้เพียงบุคคลที่ได้รับการโปรดเกล้าฯ หรือในใจคุณไม่คิดเลยไปกว่าสิ่งที่คุณพูด มาจนถึงวันนี้ จากสาถานการณ์วันนี้ ต้องเรียนไปยังพี่น้องประชาชนว่า หากพวกเราคนไทยรักประเทศไทย หากพวกเราอยากทำความดีถวายพระเจ้าอยู่หัว สิ่งที่เราทำได้ดีที่สุด และเร็วที่สุดในการจงรักภักดีคือ การทำให้บ้านเมืองสงบสุข ผมเรียกร้องให้คนไทยทุกคนร่วมทำ ความดีเพื่อถวายความจงรักภักดี ต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ด้วยการคืนความสงบให้กับประเทศไทย ทางออกของวิกฤตที่เกิดขึ้น ที่จะถึงวันพรุ่งนี้ มะรืนนี้ แค่เพียงพวกเราไม่ว่าสีไหน ฝ่ายไหน หรือใคร อยู่ทำงาน อยู่บ้านด้วยความสงบไม่เข้ามร่วม ผมถือว่าพวกเราได้เข้าร่วมทำให้บ้านเมืองสงบ เพื่อเป็นความดีถวายแล้ว"
รับวิบากกรรมจากการรับใช้แม้ว
นายเนวิน กล่าวถึงประเด็นส่วนตัวระหว่างตนกับเพื่อนๆ และ พ.ต.ท.ทักษิณ ว่า พวกตนถูกกล่าวหาว่า หักหลัง ทรยศ และต้องการผลตอบแทนนั้น ขอเรียนว่าพวกตนได้รับเลือกตั้ง ส.ส.บุรีรัมย์ตั้งแต่ปี 2531 ขณะที่พรรคไทยรักไทย ยังไม่ได้ตั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ ยังไม่ได้เล่นการเมือง พ่อของตน และคนอย่างตน และคุณพ่อ ไม่จำเป็นต้องพึ่งพากระแส พ.ต.ท.ทักษิณ และพรรคไทยรักไทย เพราะพวกตนทุกคนได้รับเลือกตั้งมาด้วยตนเอง ตั้งแต่ก่อนที่จะมีพรรคไทยรักไทย การเข้าทำงานร่วมกับพรรคไทยรักไทย เป็นเพราะพ.ต.ท. ทักษิณมาเชิญพวกตนไปร่วมทำงานการเมือง เพื่อเป็นการนำจุดแข็งแต่ละฝ่าย เติมให้แก่กัน
"การเลือกตั้งปี 44 ครั้งแรกของพรรคไทยรักไทย พื้นที่อีสานใต้ ที่พรรคไทยรักไทย ยึดครองไม่ได้ คือพื้นที่ที่ผมและเพื่อนๆ ได้รับเลือกตั้งในสังกัดพรรคชาติไทย เพราะฉะนั้น การร่วมทำงานการเมืองร่วมกัน ของผมกับพ.ต.ท.ทักษิณ จึงเป็นการเติมเต็มซึ่งกันและกัน ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่ม จำนวนส.ส. หรือการเพิ่มจำนวนปาร์ตี้ลิสต์ ให้แก่พรรคไทยรักไทย และไม่ใช่การที่พรรคไทยรักไทย เติมคะแนนให้กับผม และเพื่อนในสนามเลือกตั้ง จ.บุรีรัมย์"
นายเนวินกล่าวว่า ก่อนที่จะมาอยู่พรรคไทยรักไทย ตนเคยเป็นรมช.มา 3 กระทรวง ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรฯ วันที่ตนเข้าร่วมทางการเมืองกับพ.ต.ท.ทักษิณ ก็เป็นรมช.เกษตรฯ สังกัดพรรคชาติไทยอยู่ก่อนแล้ว เมื่อมาอยู่ร่วมกับพรรคไทยรักไทย ก็เป็นแค่รมช.เกษตรฯ เหมือนเดิม ไม่มีอะไรดีขึ้น เพราะฉะนั้นถ้าจะบอกว่าตนได้อะไรจากพ.ต.ท.ทักษิณ มากมายแล้วไม่รู้จักพอ ขอเรียนว่าสิ่งที่ตนได้จากพ.ต.ท.ทักษิณ หลักๆมี 3 เรื่อง
1 .ได้รับแนวคิดแนวการทำงานใหม่ๆ ที่เป็นประโยชน์ในการทำงานรับใช้พี่น้องประชาชน ตนต้องกราบขอบพระคุณอย่างสูง และยังระลึกเสมอว่าท่านเป็นต้นแบบทำงานเพื่อประชาชนในการแก้ไขปัญหาที่ตนยอมรับที่สุด
2. เมื่อมาอยู่ร่วมกัน ตนยังเป็นรมช.เกษตรฯเหมือนเดิม แต่ได้รับภารกิจมากมาย ทั้งภารกิจที่ไม่มีคนยอมทำ ภารกิจที่ไม่มีใครกล้าทำ จนในที่สุดเมื่อมีการยึดอำนาจ 19 กันยา ตนก็ถูกจับไปขัง 10 วัน 11 คืน นี่คือเรื่องที่ 2 ที่ตนได้รับจากพ.ต.ท.ทักษิณ
3. ตนตกเป็นจำเลยคดีความ 2 คดี คดีแรก หวยบนดิน และ คดีกล้ายาง แม้ตนจะตกเป็นจำเลย แต่วันนี้ตนก็ยังอยู่ในประเทศไทย เหมือนคนอื่นๆ เพื่อต่อสู้คดีความ ตามกระบวนการยุติธรรม ไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไร ตนก็พร้อมน้อมรับ มีเพียงพ.ต.ท.ทักษิณ คนเดียวที่หนีไป ไม่ต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรม
กรณีบนเวทีที่มีการทวงถามว่า ตนได้อะไรมากมายจากพ.ต.ท.ทักษิณ เช่น กรณีคุณพ่อของตนได้เป็นประธานรัฐสภา การเลือกตั้งประธานสภา เป็นมติส.ส. ขณะนั้นมติพลังประชาชนเห็นชอบให้คุณพ่อของตนเป็นประธานแทนนายยงยุทธ ติยะไพรัช ที่พ้นจากประธานรัฐสภา ซึ่ง นายยงยุทธ ก็ได้จาก มติพลังประชาชน เช่นเดียวกับพ่อของตน และเป็นมติเดียวกับโหวตให้นายสมัคร และนายสมชาย เป็นนายกฯ การที่พ่อของตนได้เป็นประธานรัฐสภา แทนนายยงยุทธ ก็เป็นเหตุผลเดียวคือ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ไว้ใจ ส.ส. คนอื่นในพรรคพลังประชาชน ไม่ใช่เป็นการให้รางวัลกับตนที่ทำงานให้
"แม้ว"คนทรยศ เนรคุณ ตัวจริง
"ผมถูกกล่าวหา หักหลัง ทรยศ เนรคุณ ผมเรียนว่า กรณีผมกับนายกฯ ทักษิณ ไม่ใช่การหักหลัง แต่เป็นเรื่องของคนที่คิดต่างกันในทางการเมือง มีความเห็นต่างกันในทางการเมือง เพราะเมื่อถึงจุดหนึ่งทางการเมืองที่เราคิดต่างกัน เราก็จะตัดสินใจเดินในทางที่เราเชื่อ และเห็นว่าดีต่อส่วนรวมและประเทศชาติ กรณีผมอย่าหยิบมาบอกว่า เป็นกรณีหักหลัง ทรยศ เนรคุณ หากจะพูดถึงกรณีหักหลัง คือ กรณีของท่านสมัคร ที่ไม่โหวตให้กลับไปเป็นนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 12 ก.ย. 51 ผมถือว่ากรณีนี้เป็นกรณีของการหักหลังทางการเมือง ผมเชื่อว่าพี่น้องประชาชน และสื่อมวลชนทราบดีว่า ก่อนที่ท่านสมัครจะกลับมาเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ใครเป็นคนไปขอร้องให้ท่านสมัครมารับตำแหน่ง ชีวิตท่านสมัครหลังพ้นตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม.แล้วได้ประกาศวางมือทางการเมือง แต่ท่านนายกฯ ทักษิณ และอีกหลายๆ คนในพรรคพลังประชาชน ยกขบวนไปขอร้องให้มาเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชาชน"
นายเนวิน กล่าวว่า ผลของการเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ทำให้ชีวิตของนายสมัคร ต้องเผชิญกับวิบากกรรม อย่างที่คนอายุ 70 กว่า ไม่ควรได้รับ เมื่อมาขอร้องให้ท่านสมัคร มาเป็นหัวหน้าพรรคแล้วสัญญาว่า จะไม่ทอดทิ้ง และช่วยกันปกป้อง แต่ต้องเรียนตรงๆ คือ วันที่ 12 ก.ย. 51 ตนเชื่อว่าคนอย่างนายสมัคร พร้อมที่จะเป็น และไม่เป็นนายกฯ หากพวกคุณบอกมาเพียงคำเดียว ว่าไม่ให้ท่านเป็นต่อ ตนไม่เชื่อว่า คนอย่างนายสมัคร จะดื้อด้านเอาตัวเองเดินเข้าสู่ที่ประชุมสภาฯ เพื่อโหวตนายกฯ
"ผมจำเหตุการณ์นี้ได้ ผมและเพื่อนๆ ทุกคนที่นั่งที่นี่ ได้รับคำสั่งจากท่านนายกฯ ทักษิณ ได้รับการร้องขอจากนานยกฯ ทักษิณ บอกพวกผมว่า แอท แอนนี้ คอร์ส ทำทุกอย่างเพื่อรักษาให้ท่านสมัคร กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีให้ได้ หลังจากที่ท่านสมัคร โดนคดีชิมไปบ่นไป และไม่ใช่ผมคนเดียวที่ได้รับคำสั่ง ท่านรัฐมนตรี อนุทิน (ชาญวีรกูล) ท่านรัฐมนตรี ทรงศักดิ์ (ทองศรี) และทุกคนที่นั่งอยู่ที่นี่ ได้รับโทรศัพท์จากท่านนายกฯทักษิณ หมด แต่ในขณะที่สั่งพวกผม มีการส่งแม้กระทั่งคนใกล้ชิดไปพูดจา เพื่อขอให้ท่านสมัคร รับเป็นนายกฯ อีกครั้ง มีการประชุมที่พรรคพลังประชาชน ลงมติให้เสนอท่านสมัคร อีกครั้ง พอมีมติเสร็จ ส่งตัวแทนคือ คุณยงยุทธ กับอีกหลายๆคน ไปเรียนท่านสมัคร ถึงที่บ้าน เย็นวันนั้นเชิญท่านสมัคร กลับมาประชุมที่พรรค เพื่อพูดกับสมาชิก ให้คนใกล้ชิดเอาดอกไม้ไปแสดงความยินดี แล้วหลังจากนั้น ตอนกลางคืนมีการสั่งการกับพรรคร่วมไม่ให้เข้าประชุม และไม่ให้โหวตท่านสมัครเป็นนายกฯ แม้กระทั่ง 9 โมงเช้า วันประชุม ในขณะที่พรรคร่วมไม่เข้าประชุม และ สมาชิกพรรคพลังประชาชนส่วนหนึ่ง ไม่ยอมเข้าห้องประชุม เพราะได้รับคำสั่งมาว่า ไม่ให้เข้าประชุม ท่านนายกฯ ทักษิณ ยังโทรศัพท์ถึงผม ให้บอกคุณพ่อว่า ให้ทำทุกวิถีทางให้ท่านสมัคร เป็นนายกฯ ให้ได้ ในขณะที่คืนวันนั้น มีการตกลงกับพรรคร่วมแล้วว่า ไม่เอาท่านสมัคร ถึงต้องเรียกว่า กรณีนี้คือกรณีหักหลัง" นายเนวินกล่าว
นายเนวิน กล่าวว่า ตลอดเวลาที่นายสมัคร เป็นนายกฯ ทำทุกอย่างเพื่อปกป้องพ.ต.ท.ทักษิณ ทำจนกระทั่งพ.ต.ท.ทักษิณได้กลับมาประเทศไทย ได้มากราบพระแม่ธรณีที่สนามบินสุวรรภูมิ แล้วพ.ต.ท.ทักษิณ ทำอย่างนี้กับนายสมัครได้อย่างไร อย่างนี้เรียกว่า เนรคุณหรือไม่
"กราบเรียนข้อเท็จจริงทั้งหมดมาเพื่อให้ได้เห็นว่า ถ้าจะใช้คำว่าหักหลัง ต้องใช้กับกรณีนายกฯทักษิณ กับนายกฯสมัคร ถ้าจะใช้คำว่าเนรคุณ ต้องใช้กับกรณีท่านนายกฯ สมัคร กับท่านนายกฯ ทักษิณ และผมต้องกราบเรียนพี่น้องประชาชนว่า เหตุการณ์วันที่ 12 ก.ย.51 วันโหวตท่านนายกฯ แล้วไม่มีการประชุม จากพฤติกรรมที่ท่านนายกฯทักษิณ ได้ทำกับนายกฯสมัคร เป็นสิ่งที่ทำให้ผม และเพื่อนๆ ต้องมองนายกฯทักษิณ อีกมุมหนึ่ง"
เนวินลั่นเป็นมนุษย์ ไม่ใช่ทาส
การที่ตนเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวันที่ 12 ก.ย. เป็นเรื่องที่ตนยอมรับไม่ได้กับพฤติกรรมที่พ.ต.ท.ทักษิณ กระทำต่อนายสมัคร แบบไม่มีน้ำใจต่อกัน แบบไม่ใช่ลูกผู้ชาย ตนและเพื่อนๆ มองย้อนกลับไปยังผู้หลักผู้ใหญ่ทางการเมืองในบ้านเมืองของเราไม่ว่า นายเสนาะ เทียนทอง นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกฯ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ทำให้พวกเราต้องคิดว่า วันหนึ่งต้องถึงเรา แล้ววันนั้นก็มาถึง
"ผมเคยรัก พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะท่านเป็นคนที่ทำงาน ทุ่มเท เพื่อแก้ไขปัญหาของพี่น้องประชาชน ซึ่งเป็นด้านดีของท่าน แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมาในเส้นทางการเมือง ผมอยากพูดคำหนึ่งว่า คนเป็นพนักงาน คนเป็นลูกจ้าง เหมือนพี่น้องประชาชนทุกคน หากอยู่ไม่ได้ อึดอัดใจไม่สบายใจกับเจ้าของกิจการ ลาออกก็จบ นายจ้าง ไม่พอใจลูกจ้าง เลิกจ้างก็จบ เป็นสมาชิกพรรคการเมือง สังกัดพรรคการเมือง พวกผมก็เคยอยู่มาหลายพรรคการเมือง เห็นไม่ตรงกัน คิดต่างกัน ย้ายพรรคก็จบ แต่กรณีพวกผม เมื่อเห็นต่างกับนายกฯทักษิณ พวกผมต้องถูกไล่ล่า ทำลายล้าง
"ผมอยากกราบฝากไปยังท่านนายกฯทักษิณว่า (เสียงสั่นเครือ และดวงตาเริ่มแดง) พวกผมเป็นคน เป็นมนุษย์ไม่ ใช่ทาส ผมอยากฝากให้พี่น้องประชาชนไปดูว่า กี่คนแล้วที่เห็นต่างจากนายกฯทักษิณ แล้วแยกไป แล้วถูกไล่ล่า ถูกทำลายล้าง ผมฝากถึงพี่น้องที่จะมาชุมนุม ผมฝากถึงพี่น้องที่เป็นแกนนำ ผมเคยตกเป็นเครื่องมือมาแล้ว (ร้องไห้ เสียงสั่น ) ผมเป็นแค่หมาล่าเนื้อ วันไหนผมเห็นต่าง วันไหนผมไม่ทำตามใจ ผมก็เป็นได้แค่คนเนรคุณ คนหักหลัง สำหรับท่านนายกฯทักษิณ นี่คือชีวิตพวกผม พี่น้องประชาชนที่จะเข้าร่วมการชุมนุมเพื่อการต่อสู้ในวันที่ 8 เมษายน ผมอยากให้ท่านเอาชีวิตพวกผมไปเป็นอุทาหรณ์" นายเนวิน กล่าว
นายเนวิน กล่าวอีกว่า หลัง 19 ก.ย.49 พ.ต.ท.ทักษิณ ถูกยึดอำนาจ อยู่ต่างประเทศ ใครล่ะ ที่เอาชีวิตเข้าแลก ไม่ใช่พวกตนที่นั่งอยู่ตรงนี้หรือ จะบอกว่าพวกตนหักหลัง อยากฝากถามถึงพ.ต.ท.ทักษิณ ว่าหลัง 19 ก.ย. พ.ต.ท.ทักษิณใช้พวกตนทำอะไรบ้าง หลังจากชนะเลือกตั้งของพรรคพลังประชาชน ซึ่งการต่อสู้ในภาคอีสาน พวกตนคือคนที่ยืนหยัดต่อสู้แทนพ.ต.ท.ทักษิณ จนพรรคพลังประชาชนชนะเลือกตั้ง เมื่อชนะเลือกตั้งแล้ว ท่านทำอะไรกับพวกผมบ้าง เลือดเทียม หักหลัง ทรยศ เนรคุณ ถึงวันนี้ อยากถามพ.ต.ท.ทักษิณ ว่า ใครหักใครกันแน่ ทั้งหมดนี้ คือข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น เป็นเรื่องส่วนตัวระหว่างตนและเพื่อนๆ กับพ.ต.ท. ทักษิณ
ขอแม้วหยุดจาบจ้วง-เลิกหนุนเสื้อแดง
นายเนวิน กล่าวว่า ตนกับเพื่อนๆไม่อยากเห็นบ้านเมืองเสียหาย พังพินาศไปเพราะคนๆ เดียวอีก ทั้งหมดที่ตนกราบเรียน คงพิสูจน์ว่าในชีวิตของตน นอกจากเรื่องแนวคิดในการทำงานที่ตนได้รับจากพ.ต.ทงทักษิณแล้ว ไม่เคยได้รับอะไรจากพ.ต.ท.ทักษิณเลย แต่หากยังมีคุณงามความดีที่ตนและเพื่อนๆ ทุกคนได้เคยทำไว้ให้กับพ.ต.ท.ทักษิณ และมีความหมายอยู่บ้าง มีเยื่อใยอยู่บ้าง ตนและเพื่อนๆไม่เคยขออะไรจากพ.ต.ท.ทักษิณ มีแต่ทำงานให้เอาชีวิตเข้าแลกให้
"ผมอยากถือโอกาสนี้ขอท่านนายกฯทักษิณ 2 เรื่อง เรื่องแรก ขอให้ท่านสั่งคนของท่านหยุดก้าวล่วงพระราชอัธยาศัยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่าท่านจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เรื่องที่สอง (พูดไป ร้องไห้ไป ) ถ้าท่านรักพี่น้องประชาชนคนไทย และรักประเทศไทยจริง อย่างที่ท่านพูด ขอให้หยุดสนับสนุนการเคลื่อนไหว ขอให้หยุดการทำให้บ้านเมืองแตกแยก นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ถ้าจะให้พวกผมได้ พวกผมขอแค่ 2 อย่างนี้เท่านั้น ขอบคุณมากครับ"
เด็กแม้วแฉกลับ"เนวิน"บุกบ้านป๋า
ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคเพื่อไทยว่าในช่วงที่นายเนวิน กำลังแถลงอยู่นั้น ส.ส.พรรคเพื่อไทยหลายคนได้เดินมาฟังการแถลงข่าวของนายเนวินด้วย อาทิ นายไพโรจน์ อิสระเสรีพงส์ ส.ส.กทม. นายต่อพงษ์ ไชยสาส์น ส.ส.อุดรธานี และนายชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย
นายไพโรจน์ได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ช่วงที่ตนเป็นส.ส.กทม. ขณะนั้นได้เป็นนปก.ด้วย ก่อนวันที่จะไปชุมนุมที่หน้าบ้าน พล.อ.เปรม เมื่อวันที่ 22 ก.ค. 50 นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.กทม. ซึ่งขณะนั้นอยู่กลุ่มของนายเนวินด้วย ได้ไปชักชวน ส.ส.กทม.และปริมณฑล ให้เดินจากสนามหลวงไปล้อมบ้านพล.อ.เปรม และนายจตุพร ขอให้ตนช่วยหาคนไปล้อมบ้านพล.อ.เปรม ตนจึงถามไปอีกว่าใครดูแล ซึ่งก็ได้รับคำตอบว่านายเนวิน จะเป็นคนดูแล เนื่องจากนายเนวินอยากรู้ และอยากฝากไปถามพล.อ.เปรมว่า อยู่เบื้องหลังการปฏิวัติจริงหรือไม่
เช่นเดียวกับ นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำนปช. ที่ได้ขึ้นปราศรัยบนเวที คนเสื้อแดง แฉว่า นายเนวิน คือคนที่อยู่เบื้องหลังการนำกลุ่มนปช.ไปบุกบ้านพล.อ.เปรม
"ถ้านายเนวินจะทรยศ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ทรยศไปแต่ไม่ควรทรยศความจำต่อตัวแอง เพราะวันที่บุกไปบ้าน พล.อ.เปรม นายเนวิน ก็มีส่วนเกี่ยวข้อง ดังนั้ที่นายเนวิน บอกว่าองคมนตรีคือสถาบันฯ ก็เท่ากับว่านายเนวิน เริ่มทำลายสถาบันฯ พร้อมๆกับพวกเราในวันนั้น และนายเนวิน เคยชื่นชมเว็บไฮทักษิณ ก็พุ่งเป้าใส่พล.อ.เปรมไม่ใช่หรือ ดังนั้นวันนี้นายเนวิน ลืมพฤติกรรมของตัวเองในอดีต ซึ่งเป็นความไร้เกียรติ ที่ไม่อยู่ในสมรภูมิของการต่อสู้แล้ว ถามว่าน้ำหน้าอย่างนายเนวินยังจะบอกว่าพ.ต.ท.ทักษิณ และคนเสื้อแดงว่าอย่าทำลายสถาบันฯ หรือจาบจ้วงสถาบันฯ คุณไม่มีคุณค่าเพียงพอ" นายจตุพร กล่าว