“เนวิน” แทกทีมแถลงข่าวซัดแก๊งเสื้อแดงชุมนุมเพื่อคนๆ เดียว ระบุชัดด่าองคมนตรีก้าวล่วงพระราชอัธยาศัย ยันไม่ใช่คนทรยศ สวน “แม้ว” ต่างหากหักหลัง “หมัก” เผย รับใช้นายใหญ่ ได้แค่วิธีทำงานกับคดีติดตัว 2 คดี ระบุ เมื่อความคิดต่าง ก็แยกทางกันได้ เพราะคนไม่ใช่ทาส ขอ “นช.แม้ว” ช่วยสั่งลิ่วล้อหยุดละเมิดในหลวง และหยุดปลุกระดม ปชช.ทำบ้านเมืองแตกแยก
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายเนวิน ชิดชอบ แถลงเปิดใจ
ที่โรงแรมสยามซิตี้ เวลา 13.30 น.นายเนวิน ชิดชอบ หัวหน้ากลุ่มเพื่อนเนวิน ได้เปิดแถลงข่าวตอบโต้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง พร้อมร้องขอให้ยุติการเคลื่อนไหวใหญ่ในวันที่ 8 เมษายน ที่ห้องรัตนโกสินทร์ โรงแรมสยามซิตี้ ถนนศรีอยุธยา โดยมี นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายทรงศักดิ์ ทองศรี นายธีระชัย แสนแก้ว นายทศพล สังขทรัพย์ นายสัมพันธ์ เลิศนุวัฒน์ และ นายเอกพร รักความสุข แกนนำกลุ่มเพื่อนเนวิน พร้อมด้วย ส.ส.กลุ่มเพื่อนเนวิน พรรคภูมิใจไทย นำโดย นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช.มหาดไทย นายเชิดชัย วิเชียรวรรณ ส.ส.อุดรธานี นายศุภชัย โพธิ์สุ ส.ส.นครพนม นายศุภชัย ใจสมุทร รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี มาร่วมนั่งแถลงข่าว ซึ่งมี นายปองพล อดิเรกสาร อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย และ นายปรพล อดิเรกสาร ส.ส.สระบุรี พรรคเพื่อไทย มาร่วมสังเกตการณ์แถลงข่าวด้วย โดย นายเนวิน ใช้เวลาในการแถลงข่าวนานกว่า 59 นาที
นายเนวิน กล่าวว่า ตนมีประเด็นที่จะชี้แจงไปถึงพี่น้องประชาชนมีอยู่ 3 ประเด็น คือ ประเด็นแรก เกี่ยวกับสถานการณ์บ้านเมืองในปัจจุบัน ประเด็นที่ 2 คือ เรื่องเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ และประเด็นที่ 3 คือ เรื่องส่วนตัวระหว่างผมเพื่อนๆ กับ พ.ต.ท.ทักษิณ
นายเนวิน กล่าวว่า พี่น้องประชาชนที่เคารพรัก การที่ตนและเพื่อนๆ ตัดสินใจออกมาชี้แจงแถลงข่าว และทำความเข้าใจกับสังคมในวันนี้นั้น ประเด็นหลักสำคัญที่สุด ก็คือว่า ด้วยความเป็นห่วงต่อสถานการณ์ของบ้านเมือง ประเทศชาติที่กำลังมีความแตกแยก แล้วก็กำลังมีการเตรียมการที่จะชุมนุมใหญ่ ซึ่งจะเป็นปัญหาที่ตนเชื่อว่าทุกฝ่ายล้วนแล้วแต่ห่วงใยต่อสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้ (8 เม.ย.) ของประเทศไทยอันเป็นที่รักยิ่งของพวกเรา ต้องขออนุญาตกราบเรียนว่าจากประสบการณ์ของตนและเพื่อนๆ ที่นั่งอยู่ที่นี่ ที่เคยทำงานกับแกนนำในการชุมนุมของพี่น้องคนเสื้อแดงที่ชุมนุมอยู่ที่ทำเนียบรัฐบาล พวกเราทุกคนที่นี่เคยทำงานร่วมกันกับแกนนำการชุมนุมบางคน มาเป็นระยะเวลานานพอสมควร เพราะถ้าจำกันได้ว่าตั้งแต่หลัง 19 กันยายน 2549 เป็นต้นมา ตนและเพื่อนได้ร่วมกันเคลื่อนไหวเพื่อต่อสู้กับระบอบเผด็จการ คมช.ที่ท้องสนามหลวง และพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศไทย เพื่อเรียกร้องประชาธิปไตย ให้กลับมาคืนสู่สังคมไทยโดยเร็ว จากประสบการณ์ที่เราเคยทำงานร่วมกันกับพี่น้องที่เป็นแกนนำคนเสื้อแดงบางคนที่อยู่บนเวที พวกเราได้สรุปร่วมกันแล้วมีความเห็นว่า มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่เราต้องออกมาเตือนพี่น้องประชาชนให้ระวังในการที่จะตกเป็นเครื่องมือ และเป็นเหยื่อของสถานการณ์ที่ได้มีการวางแผนไว้ในการชุมนุมที่จะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้ เพราะว่าถ้าเกิดเหตุการณ์ที่นำไปสู่ความรุนแรงอย่างที่ได้รับทราบโดยประสบการณ์ของการที่เคยทำงานร่วมกันมา หากเกิดเหตุการณ์ใดๆ ขึ้น แน่นอนที่สุดพี่น้องประชาชนที่ถูกปลุกระดมให้มาร่วมชุมนุมจะเป็นผู้ที่ได้รับความสูญเสียมากที่สุด และในขณะเดียวกันประเทศไทยก็จะได้รับความสูญเสียที่อาจจะประเมินค่าได้
นายเนวิน กล่าวอีกว่า นั่นคือ เหตุผลหลักสำคัญที่พวกเราที่นั่งอยู่ที่นี่ได้ตัดสินใจออกมาแถลงข่าวในวันนี้ จากการสังเกตการณ์ชุมนุมที่ทำเนียบรัฐบาลตลอดระยะเวลา 12 วันที่ผ่านมา ผมเชื่อว่าพี่น้องประชาชนจะได้เห็นว่ามีการกล่าวถึงสงครามประชาชน การปฏิวัติประชาชน แผ่นดินจะลุกเป็นไฟ จะยึดศาลากลางจังหวัดทุกจังหวัด หรือการกล่าวในลักษณะนี้หลายครั้งหลายหน จนนำมาสู่สิ่งที่เราเป็นห่วงและเชื่อได้ว่า ผู้นำการชุมนุมบางคนได้มีการเตรียมการบางอย่าง เพื่อจะก่อให้เกิดสถานการณ์สงครามการเมือง สถานการณ์การปฏิวัติ แล้วก็สถานการณ์ที่จะนำไปสู่การเผาบ้านเผาเมือง ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค โดยการใช้กำลัง ซึ่งไม่ใช่แนวทางสันติวิธีอย่างที่แกนนำผู้ชุมนุมได้กล่าว ใน 12 วันที่ผ่านมา เราจะเห็นการประกาศเจตนารมแบบเอาชีวิตเข้าแลกของแกนนำชุมนุมบางคน เช่น ถ้าคนเสื้อแดงอยู่ไม่ได้ คนทั้งแผ่นดินก็อยู่ไม่ได้ หากทำไม่สำเร็จก็แพ้ จะได้ตายไปพร้อมๆ กันจะได้จบกัน
“ผมต้องตั้งคำถามไปยังแกนนำและพี่น้องที่ถูกชักจูงเข้าร่วมชุมนุม ว่า ถ้าการชุมนุมเรียกร้องในวันที่ 8 เม.ย.ไม่สำเร็จ ทำไมคนทั้งแผ่นดินต้องอยู่ไม่ได้ แล้วทำไมต้องมีคำพูดว่าถ้าการต่อสู้ไม่สำเร็จ ก็ให้มันตายไปพร้อมๆ กัน ทั้งหมดเป็นถ้อยคำที่แกนนำประกาศซ้ำแล้วซ้ำอีกในการปลุกระดมครั้งนี้ ผมอยากฝากไปถึงพี่น้องประชาชนทุกท่านที่จะเข้าร่วมชุมนุม ขอให้พิจารณาให้ดีว่าเป้าหมายของการชุมนุมครั้งนี้ มีเป้าหมายเพียงแค่การขับไล่รัฐบาลเท่านั้น หรือมีเป้าหมายที่ไกลกว่านั้น
“ผมและเพื่อนๆ มีเหตุผมที่เชื่อว่าแกนนำการชุมนุมมีเจตนามากกว่าการขับไล่รัฐบาล คือ ถ้าย้อนไปวันที่ 15 มกราคม 2552 แกนนำคนหนึ่งได้ประกาศไว้ในงานเปิดสถานีโทรทัศน์ดีสเตชั่น โดยประกาศว่าจะเป็นการสร้างรัฐไทยใหม่ด้วยมือคนเสื้อแดง โดยมีดีสเตชั่นเป็นเครื่องมือขยายฐานมวลชน ผมตั้งคำถามไปยังแกนนำคนเสื้อแดง ว่า ทำไมต้องสร้างรัฐไทยใหม่ในเมื่อมีประเทศไทยที่มีการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข อยู่แล้ว และผมเชื่อว่า คนไทยมีความสุขความสบายอยู่ภายใต้ร่มพระบรมโพธิสมภารของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอยู่แล้ว แกนนำผู้ชุมนุมต้องตอบคำถามผมให้ได้ว่า เมื่อวันที่ 15 ม.ค.2552 ที่ประกาศจะสร้างรัฐไทยใหม่นั้น มีเจตนารมณ์อย่างไร รัฐไทยใหม่ที่ว่านี้ปกครองด้วยระบบอะไร มีสถาบันใดเป็นสถาบันหลัก” นายเนวิน กล่าว
นายเนวิน กล่าวว่า การประกาศใน 12 วันที่ผ่านมา ที่ประกาศตลอดว่าเสื้อแดงอยู่ไม่ได้คนทั้งแผ่นดินก็อย่าหวังว่าจะอยู่ได้ ตนและเพื่อนๆ เห็นว่าแกนนำคนเสื้อแดงเหล่านี้ประกาศจับพี่น้องทั้งประเทศเป็นตัวประกัน และเป็นแนวที่ไม่ถูกต้อง สองวันที่ผ่านมาแกนนำคนเสื้อแดงหลายคนรุมโจมตี และด่าตนบนเวที เพราะว่าโกรธตนที่ออกมาบอกกับชาว จ.บุรีรัมย์ เมื่อวันที่ 4 เม.ย.ว่า คนที่คิดล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ต้องข้ามศพตนไปก่อน
“ผมเชื่อว่า ความคิดและเจตนารมณ์ในการปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ไม่ใช่เป็นแค่เจตนารมณ์ของผมคนเดียว เพื่อนๆ ของผมที่นี่และคนไทยทุกคนในประเทศก็คงคิดไม่ต่างกัน ขอตั้งคำถามไปยังแกนนำบนเวที ว่า ผมพูดอย่างนี้ผิดตรงไหน หากบอกว่าจงรักภักดี ทำไมต้องโกรธผมมากมายขนาดนี้ เมื่อผมบอกว่าใครจะล้มล้างสถาบันต้องข้ามศพผมไปนั้น คำพูดแค่นี้หรือที่แกนนำบอกว่าจงรักภักดีต้องโกรธแค้นประกาศบนเวทีเชิญชวนประชาชนว่าหากเจอผมที่ไหนให้ยิงทิ้งที่นั่น คำถามของผม คือ การประกาศและวิจารณ์ผมที่สละชีวิตเพื่อปกป้องราชบัลลังก์เช่นเดียวกับคนไทยทั่วประเทศมันไปจี้ใจดำคนบางคนหรือไม่ ทำไมต้องโกรธแค้นคนไทยคนหนึ่งที่ประกาศปกป้องราชบัลลังก์ด้วยชีวิต นี่คือคำถามที่ฝากไปยังแกนนำผู้ชุมนุม
“การชุมนุมครั้งนี้ ผมยืนยันว่า หากมีการชุมนุมที่มีเป้าหมายในการแก้ปัญหาของประชาชน เช่น ราคาสินค้าเกษตร ประชาชนว่างงาน หรือปัญหาเศรษฐกิจ หรือเรียกร้องประชาธิปไตยที่ถูกยึดอำนาจโดยเผด็จการ หรือการดำเนินการใดๆ เพื่อประโยชน์ของคนส่วนใหญ่นั้น ผมยืนยันว่าจะร่วมสนับสนุน แต่การเรียกร้องครั้งนี้เป็นการดำเนินการเพื่อประโยชน์ของคนๆ เดียว ซึ่งเป็นคนที่เดือดร้อนน้อยกว่าคนไทยทั้งประเทศ” หัวหน้ากลุ่มเพื่อนเนวิน กล่าว
นายเนวิน กล่าวต่อว่า ตนไม่เห็นด้วยในภาวะที่บ้านเมืองมีวิกฤตเศรษฐกิจและสังคมรุมเร้าแบบนี้ ตนจึงไม่เห็นด้วยกับการชุมนุมเพื่อประโยชน์ของคนๆ เดียว แม้ว่าคนๆ นั้น ตนจะเคยทำงานให้ชนิดที่สื่อมวลชน ระบุว่า ตนทำงานให้แบบยอมตายถวายชีวิต ขอกราบเรียนว่า แม้นว่าตนจะรักคนๆ นั้นมากมายขนาดไหนก็ตาม หากคนๆ นั้นรักตัวเองเห็นแก่ความอยู่รอดของตัวเองมากกว่ารักประชาชน และความอยู่รอดของประเทศชาติตนก็ไม่เอาด้วย
“ผมและเพื่อนๆ ไม่เอาด้วย เพราะพวกเราไม่ใช่ทาสที่จะทำให้ทุกเรื่องแบบ ไม่คำนึงว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับประเทศและส่วนรวม โดยเพื่อประโยชน์ของคนๆ เดียวเป็นสำคัญ เหนือสิ่งอื่นใดผมและเพื่อนๆ ยืนยันว่า รักประเทศไทยมากกว่ารักท่านทักษิณ ผมและเพื่อนๆ จึงออกมาแสดงความเห็นคัดค้านการปลุกระดมมวลชนเพื่อประโยชน์ของคนๆ เดียวแบบนี้ การทำงานมวลชน
“การชุมนุมเรียกร้องที่กระทำอยู่นี้ ผมและเพื่อนๆ เคยทำมาก่อน แต่การชุมนุมในวันนี้กับการชุมนุมต่อสู้ในอดีตแตกต่างกัน ตรงที่ว่า วันที่เราทำมวลชนที่สนามหลวง และทั่วประเทศเมื่อปี 2549-2550 นั้น เป็นการทำมวลชนเพื่อปกป้องระบอบประชาธิปไตยและต่อสู้กับ คมช.ที่ยึดอำนาจอธิปไตยไปจากประชาชน หลังจากปี 2550 เราก็ทำงานมวลชนชุมนุมเรียกร้องต่อเนื่องอีกหลายครั้งแต่ทุกครั้งที่ชุมนุมต่อสู้ทางการเมืองหลังการเลือกตั้งแล้ว เราชุมนุมเพื่อปกป้องรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย เพื่อไม่ให้ถูกกดดันโดนกฎหมู่ ไมว่าจะเป็นการชุมนุมปกป้องรัฐบาล นายสมัคร สุนทรเวช การชุมนุมต่อสู้ปกป้องรัฐบาล นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ผมขอเรียนว่าการชุมนุมทั้งหมดในอดีตที่ตนและเพื่อนๆ ทำมานั้นเราเชื่อว่าถูกต้องเพราะชุมนุมปกป้องประชาธิปไตยและรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง
“การชุมนุมปลุกระดมมวลชนในครั้งนี้ เป็นการชุมนุมเพื่อขับไล่รัฐบาลประชาธิปไตยที่มาจากการเลือกตั้งเป็นเหตุผลที่พวกเราไม่เข้าร่วม ผมและเพื่อนยืนยันว่า อนาคตหากมีการยึดอำนาจล้มล้างประชาธิปไตย พี่น้องประชาชนทั้งประเทศจะเห็นผม และเพื่อนออกมายืนต่อสู้เพื่อขับไล่กับเผด็จการอีก เหมือนที่เคยต่อสู้กับ คมช.มา เพราะผมถือว่านั่นเป็นการต่อสู้เพื่อรักษาระบอบประชาธิปไตยไม่ใช่การต่อสู้เพื่อตัวบุคคลใดบุคคลหนึ่ง
“ผมเรียนฝากถามไปยังแกนนำ นปช.คือ รัฐบาลนายกฯ อภิสิทธิ์ เป็นรัฐบาลที่โหวตโดย ส.ส. ชุดเดียวกับ ส.ส.ที่โหวตเลือกนายกฯ สมัคร โหวตเลือกนายกฯ สมชาย เพราะฉะนั้นผมฝากถามว่าความไม่เป็นประชาธิปไตยของรัฐบาลนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร วันที่มีการโหวคเลือกนายกฯ อภิสิทธิ์ วันนั้นเพื่อนของผมหลายคนที่เคยสังกัดพรรคพลังประชาชน หลังเกิดการยุบพรรคก็ไม่มีใครสักกัดพรรคการเมืองใด การตัดสินใจของ ส.ส.เป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญที่แต่ละคนจะสามารถใช้สิทธิตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญได้” นายเนวิน กล่าว
แกนนำกลุ่มเพื่อนเนวิน กล่าวว่า วันนี้ที่บอกว่ารัฐบาลนี้ไม่เป็นประชาธิปไตย ต้องตอบคำถามให้ได้ว่ารัฐบาลจะเป็นประชาธิปไตย รัฐธรรมนูญจะใช้ได้เมื่อตัวเองมีอำนาจเท่านั้นหรือ
“ผมอยากฝากถามไปยังแกนนำ ฉะนั้น โดยเหตุของสถานการณ์ ผมเรียนไปยังพี่น้องที่จะเข้าร่วมชุมนุม โปรดอย่าคิดหยุดคิดและทบทวน โดยประสบการณ์ของผมและเพื่อนๆ ที่เคยร่วมทำงานกับแกนนำการชุมนุมครั้งนี้ เราเป็นห่วงต่อสถานการณ์ที่มีการวางแผนไว้ที่จะก่อให้เกิดความรุนแรง ในที่สุดประชาชนจะต้องตกเป็นเหยื่อ ประเทศชาติจะต้องได้รับความเสียหายอย่างที่เราไม่สามารถจะคาดคะเนได้ เนื่องสถาบันพระมหากษัตริย์ ผมเรียนยืนยันว่า ผมและเพื่อนๆ เรียนจุดยืนทางการเมือง ว่า เรายึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข เราจะไม่ปกป้องและไม่มีเจตนาที่จะปกป้ององคมนตรีหรือใคร แต่การออกมาแสดงความคิดเห็นของพวกผมวันนี้ เป็นการออกมาแสดงความคิดเห็นด้วยความเป็นห่วงต่อการก้าวล่วงในพระราชอำนาจ และพระราชอัธยาศัย ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว คำพูดบางคำของแกนนำแม้นจะบอกว่าไม่มีเจตนาให้กระทบต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ แต่พฤติกรรมและสิ่งที่สะท้อนมาจากพฤติกรรมของบุคคลบางคนที่อยู่บนเวทีมันฟ้องว่าอะไรเป็นอะไร แล้วนายกฯ ทักษิณที่พวกผมเคยรักก็ไปร่วมกับขบวนการนี้
“การโฟนอิน การทำวิดีโอลิงก์ที่สื่อสารกับพี่น้องประชาชนที่ร่วมชุมนุมทุกครั้ง ที่เป้าหมายสำคัญ คือ การขับไล่องคมนตรี ซึ่งพวกผมยืนยันว่า ล่อแหลมที่จะกระทบสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างยิ่ง เพราะองคมนตรีแต่ละท่านมาจากการโปรดเกล้าฯ ตามพระราชอัธยาศัย ในฐานะที่ผมเป็นคนไทย ผมถือว่า คำว่าพระราชอัธยาศัยมีความหมาย และมีความสำคัญยิ่งกว่าพระราชอำนาจด้วยซ้ำไป เมื่อพระองค์ทรงมีพระบรมราชวินิจฉัยแล้ว ผมอยากฝากถามแกนนำผู้ชุมนุม และท่านนายกฯ ทักษิณ ว่า คุณมาบอกว่าคนที่พระองค์ท่านทรงแต่งตั้งเป็นคนเลว คนไม่ดี คุณมีเป้าหมายอะไร ในเมื่อองคมนตรีเหล่านั้น พระองค์ท่านทรงมีพระบรมราชวินิจฉัยและเป็นไปตามพระราชอัธยาศัย
“อยากฝากถามไปยังท่านนายกฯ ทักษิณ และแกนนำผู้ชุมนุม ว่า พวกคุณคิดว่าคุณรู้ดีกว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว หรืออย่างไร พวกคุณคิดว่าพวกคุณเป็นใคร มีวินิจฉัยที่ดีกว่าพระบรมราชวินิจฉัยของพระองค์ท่านหรือย่างไร คุณไปก้าวล่วงพระราชอัธยาศัยของพระองค์ท่านได้อย่างไร พวกคุณมีสิทธิอะไร แล้วฝากถามต่อไปยังแกนนำผู้ชุมนุว่าแน่ใจหรือว่า ขณะที่พวกคุณพูด คุณหยุดไว้เพียงบุคคลที่ได้รับการโปรดเกล้าฯ หรือในใจคุณไม่คิดเลยไปกว่าสิ่งที่คุณพูด มาจนถึงวันนี้จากสถานการณ์วันนี้ ต้องเรียนไปยังพี่น้องประชาชน ว่า หากพวกเราคนไทยรักประเทศไทย หากพวกเราอยากทำความดีถวายพระเจ้าอยู่หัว สิ่งที่เราทำได้ดีที่สุดและเร็วที่สุดในการจงรักภักดี คือ การทำให้บ้านเมืองสงบสุข
“ผมเรียกร้องให้คนไทยทุกคนร่วมทำความดีเพื่อถวายความจงรักภักดี ต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ด้วยการคืนความสงบให้กับประเทศไทย ทางออกของวิกฤตที่เกิดขึ้นที่จะถึงวันพรุ่งนี้มะรืนนี้ แค่เพียงพวกเราไม่ว่าสีไหน ฝ่ายไหนหรือใคร อยู่ทำงาน อยู่บ้านด้วยความสงบไม่เข้ามร่วม ผมถือว่าพวกเราได้เข้าร่วททำให้บ้านเมืองสงบ เพื่อเป็นความดีถวายแล้ว” นายเนวิน กล่าว
นายเนวิน กล่าวอีกว่า ในโอกาสนี้ ตนอยากกราบเรียนไปยังพี่น้องที่จะเข้าร่วมชุมนุมวันที 8 เม.ย.โปรดทบทวนพิจารณาอีกที สิ่งที่พวกเรากำลังจำทำหรืออสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น เป็นการทำเพื่อประโยชน์ส่วนตนหรือประโยชน์ส่วนรวมกันแน่ ประเด็นเรื่องส่วนตัวระหว่างตนกับเพื่อนๆ และอดีตนายกฯ ทักษิณ พวกตนถูกกล่าวหาว่าหักหลัง ทรยศ และต้องการผลตอบแทน ตนต้องเรียนอย่างนี้ ว่า พวกตนและเพื่อนที่นั่งตรงนี้ ตนได้รับเลือกตั้ง ส.ส.บุรีรัมย์ ตั้งแต่ปี 2531 ขณะที่พรรคไทยรักไทย ยังไม่ได้ตั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ ยังไม่ได้เล่นการเมือง
“พ่อของผม และคนอย่างผม และคุณพ่อผมไม่จำเป็นต้องพึ่งพากระแสท่านายกฯ ทักษิณ และพรรคไทยรักไทย ในการเลือกตั้ง เพราะพวกผมทุกคนได้รับเลือกตั้งมาด้วยตนเองตั้งแต่ก่อนที่จะมีพรรคไทยรักไทย และก่อน พ.ต.ท.ทักษิณ จะประกาศลงเลือกตั้ง การเข้าทำงานร่วมกับพรรคไทยรักไทยเป็นเพราะท่านายกฯ ทักษิณ เชิญพวกผมมาร่วมทำงานการเมืองกัน เพื่อเป็นการนำจุดแข็งแต่ละฝ่ายเติมให้แก่กัน
“ผมเชื่อว่า คงจำได้ว่า การเลือกตั้งปี 2544 ครั้งแรกของพรรคไทยรักไทย พื้นที่อีสานใต้ ที่พรรคไทยรักไทยยึดครองไม่ได้ คือ พื้นที่ที่ผมและเพื่อนๆ ได้รับเลือกตั้งในสังกัดพรรคชาติไทย เพราะฉะนั้นการร่วมทำงานการเมืองร่วมกันของผมกับ พ.ต.ท.ทักษิณ จึงเป็นการเติมเต็มซึ่งกันและกัน ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มจำนวน ส.ส.หรือการเพิ่มจำนวนปาร์ตี้ลิสต์ ให้แก่พรรคไทยรักไทย และไม่ใช่การที่พรรคไทยรักไทยเติมคะแนนให้กับผมและเพื่อนในสนามเลือกตั้ง จ.บุรีรัมย์
“ก่อนที่จะมาอยู่พรรคไทยรักไทย ผมเคยเป็น รมช.มา 3 กระทรวง ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรฯ วันที่ผมเดินทางเข้าร่วมทางการเมืองกับท่านทักษิณ ผมก็เป็น รมช.เกษตรฯ สังกัดพรรคชาติไทย อยู่ก่อนแล้ว เมื่อมาอยู่ร่วมกับพรรคไทยรักไทย ผมก็เป็นแค่ รมช.เกษตรฯ เหมือนเดิม ไม่มีอะไรดีขึ้น เพราฉะนั้นถ้าจะบอกว่าหลายคนบอกว่าผมได้อะไรจากท่านนายกฯ ทักษิณ มากมายแล้วไม่รู้จักพอ ผมเรียนย้ำว่า สิ่งที่ผมได้จากท่านนายกฯ ทักษิณ หลักๆ มี 3 เรื่อง
“เรื่องที่หนึ่ง คือ ได้รับแนวคิดแนวการทำงานใหม่ๆ ที่เป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการทำงาน และแนวทางทำงานที่รับใช้พี่น้องประชาชน ซึ่งในเรื่องนี้ผมต้องกราบขอบพระคุณอย่างสูง ผมยังระลึกเสมอว่าท่านเป็นต้นแบบทำงานเพื่อประชาชนในการแก้ไขปัญหาที่ผมยอมรับที่สุด เป็นคุณูปการที่ผมได้รับจากท่านนายกฯ ทักษิณ ที่เคยทำงานรว่มกันมา และผมไม่เคยปฏิเสธสิ่งที่ผมได้รับมาในเรื่องนี้
นอกจากนั้น เรื่องที่สองที่ได้รับจากทักษิณ คือ เมื่อมาอยู่ร่วมกันผมยังเป็น รมช.เกษตรฯเหมือนเดิมแต่ได้รับภารกิจมากมาย ทั้งภารกิจที่ไม่มีคนยอมทำ ภารกิจที่ไม่มีใครกล้าทำ จนในที่สุดเมื่อมีการยึดอำนาจ 19 กันยา ผมก็ถูกจับไปขัง 10 วัน 11 คืน เป็นเรื่องที่สองที่ผมได้รับ จากท่านนายกฯ ทักษิณ
“เรื่องที่สามที่ผมได้รับ คือ ผมตกเป็นจำเลยคดีความ 2 คดี คดีแรก หวยบนดิน และคดีกล้ายาง แม้ผมตกเป็นจำเลย วันนี้ผมก็ยังอยู่ในประเทศไทยเพื่อต่อสู้คดีความกระบวนการยุติธรรม ไม่ว่าผลการพิจารณาของกระบวนการยุติธรรม ตุลาการของประเทศไทยจะเป็นอย่างไรก็ตาม ผมพร้อมน้อมรับ และผมก็ได้เห็นว่าพี่น้อง ครม.ที่ร่วมรัฐบาลกับไทยรักไทยทุกคนที่ตกเป็นจำเลยร่วมกันก็ยังอยู่ร่วมต่อสู้คดีในประเทศไทย มีเพียงท่านนายกฯ ทักษิณคนเดียวที่หนีไป ไม่ต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรม นอกนั้นทุกคนพร้อมพิสูจน์ความบริสุทธิ์ตามกระบวนการยุติธรรมในประเทศไทย
“กรณีบนเวทีที่มีการทวงถามว่า ผมได้อะไรมากมายจากท่านนายกฯ ทักษิณ เช่น กรณีคุณพ่อผมได้เป็นประธานรัฐสภา การเลือกตั้งประธานสภาเป็นมติ ส.ส.ขณะนั้น มติพลังประชาชนเห็นชอบให้คุณพ่อของผมเป็นประธานแทนนายยงยุทธ ที่พ้นจากประธานรัฐสภา ซึ่งนายยงยุทธก็ได้จากมติพลังประชาชนเช่นเดียวกับพ่อผม และเป็นมติเดียวกับโหวตให้นายสมัคร และนายสมชาย เป็นนายกฯ พ่อผมได้เป็นประธานรัฐสภาแทนนายยงยุทธ ก็เป็นเหตุผลเดียว คือ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ไว้ใจ ส.ส.คนอื่นในพลังประชาชน ไม่ใช่เป็นการให้รางวัลกับผมที่ทำงานให้มา
“ผมถูกกล่าวหาว่าหักหลัง ทรยศ เนรคุณ ผมเรียนว่า กรณีผมกับนายกฯ ทักษิณ ไม่ใช่การหักหลัง แต่เป็นเรื่องของคนที่คิดต่างกันในทางการเมือง มีความเห็นต่างกันในทางการเมือง เพราะเมื่อถึงจุดหนึ่งทางการเมืองที่เราคิดต่างกัน เราก็จะตัดสินใจเดินในทางที่เราเชื่อ และเห็นว่า ดีต่อส่วนร่วมและประเทศชาติ กรณีผม อย่าหยิบมาบอกว่าเป็นกรณีหักหลัง ทรยศ เนรคุณ หากจะพูดถึงกรณีหักหลัง คือ กรณีของท่านสมัคร ที่ไม่โหวตให้กลับไปเป็นนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 12 กันยายน 2551 ผมถือว่ากรณีนี้เป็นกรณีของการหักหลังทางการเมือง ผมเชื่อว่า พี่น้องประชาชน และสื่อมวลชนทราบดีว่า ก่อนที่ท่านสมัครจะกลับมาเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ใครเป็นคนไปขอร้องให้ท่านสมัครมารับตำแหน่ง ชีวิตท่านสมัครหลังพ้นตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม.แล้วได้ประกาศวางมือทางการเมือง แต่ท่านนายกฯ ทักษิณ และอีกหลายๆ คนในพรรคพลังประชาชน ยกขบวนไปขอร้องให้มาเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชาชน”
นายเนวิน กล่าวว่า ผลของการเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ทำให้ชีวิตของ นายสมัคร ต้องเผชิญกับวิบากกรรมซ้ำแล้วซ้ำอีกอย่างที่คนอายุ 70 กว่าไม่ควรได้รับ เมื่อมาขอร้องให้นายสมัคร มาเป็นหัวหน้าพรรคแล้วสัญญาว่าจะไม่ทอดทิ้ง ซึ่งคนในพรรคพลังประชาชนรับรู้ ตนเป็นคนหนึ่งที่มีส่วนร่วมในการรับประกันต่อนายสมัคร ว่า จะไม่ทอดทิ้งและช่วยกันปกป้อง แต่ต้องเรียนตรงๆ คือ วันที่ 12 กันยายน 2551 ตนเชื่อว่า คนอย่างนายสมัครพร้อมที่จะเป็นและไม่เป็นนายกฯ หากพวกคุณบอกมาเพียงคำเดียว ว่า ไม่ให้ท่านเป็นต่อ ตนไม่เชื่อว่า คนอย่างท่านสมัครจะดื้อด้านเอาตัวเองเดินเข้าสู่ที่ประชุมสภา เพื่อโหวตนายกฯ
“ผมจำเหตุการณ์นี้ได้ ผมและเพื่อนๆ ทุกคนที่นั่งที่นี่ ได้รับคำสั่งจากท่านนายกฯ ทักษิณ ได้รับการร้องขอจากท่านนายกฯ ทักษิณ บอกพวกผมว่า แอต แอนี่ คอสต์ (at any cost) ทำทุกอย่างเพื่อรักษาให้ท่านสมัครกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีให้ได้ หลังจากที่ ท่านสมัคร โดนคดีชิมไปบ่นไป และไม่ใช่ผมคนเดียวที่ได้รับคำสั่ง ท่านรัฐมนตรี อนุทิน (ชาญวีรกูล) ท่านรัฐมนตรี ทรงศักดิ์ (ทองศรี) และทุกคนที่นั่งอยู่ที่นี่ได้รับโทรศัพท์จากท่านายกฯ ทักษิณหมด
“แต่ในขณะที่สั่งพวกผม มีการส่งแม้กระทั่งคนใกล้ชิดไปพูดจา เพื่อขอให้ท่านสมัครรับเป็นนายกฯ อีกครั้ง มีการประชุมที่พรรคพลังประชาชน ลงมติให้เสนอท่านสมัครอีกครั้ง พอมีมติเสร็จ ส่งตัวแทน คือ คุณยงยุทธ กับอีกหลายๆ คนไปเรียนท่านสมัครถึงที่บ้าน เย็นวันนั้นเชิญท่านสมัครกลับมาประชุมที่พรรค เพื่อพูดกับสมาชิกให้คนใกล้ชิดเอาดอกไม้ไปแสดงความยินดี แล้วหลังจากนั้น ตอนกลางคืนมีการสั่งการกับพรรคร่วมไม่ให้เข้าประชุม และไม่ให้โหวตท่านสมัครเป็นนายกฯ แม้กระทั่ง 9 โมงเช้าวันประชุม ในขณะที่พรรคร่วมไม่เข้าประชุม และสมาชิกพรรคพลังประชาชนส่วนหนึ่งไม่ยอมเข้าห้องประชุม เพราะได้รับคำสั่งมาว่าไม่ให้เข้าประชุม ท่านนายกฯ ทักษิณ ยังโทรศัพท์ถึงผมให้บอกคุณพ่อ ว่า ให้ทำทุกวิถีทางให้ท่านสมัคร เป็นนายกฯ ให้ได้ ในขณะที่คืนวันนั้นมีการตกลงกับพรรคร่วมแล้วว่าไม่เอาท่านสมัคร ถึงต้องเรียกว่ากรณีนี้คือกรณีหักหลัง” นายเนวิน กล่าว
แกนนำกลุ่มเพื่อนเนวิน กล่าวต่อว่า เราคงจะเห็นกันตลอดว่าตลอดเวลาที่ นายสมัคร เป็นนายกฯ ทำทุกอย่างเพื่อปกป้องท่านนายกฯ ทักษิณ ทำจนกระทั่งนายกฯ ทักษิณ ได้กลับมาประเทศไทย ตามที่ทุกคนได้ประกาศสัญญาประชาคมไว้กับพี่น้องประชาชนก่อนการเลือกตั้ง ทำจนท่านนายกฯ ทักษิณ ได้มากราบพระแม่ธรณีที่สนามบินสุวรรภูมิ แล้วท่านนายกฯทักษิณ ทำอย่างนี้กับท่านสมัครได้อย่างไร อย่างนี้เรียกว่าเนรคุณหรือไม่
“กราบเรียนข้อเท็จจริงทั้งหมดมาเพื่อให้ได้เห็นว่าถ้าจะใช้คำว่าหักหลัง ต้องใช้กับกรณีนายกฯทักษิณ กับนายกฯ สมัคร ถ้าจะใช้คำว่าเนรคุณ ต้องใช้กับกรณีท่านนายกฯ สมัครกับท่านนายกฯ ทักษิณ และผมต้องกราบเรียนพี่น้องประชาชนว่าเหตุการณ์วันที่ 12 กันยายน 2551 วันโหวตท่านนายกฯ แล้วไม่มีการประชุม จากพฤติกรรมที่ท่านนายกฯ ทักษิณ ได้ทำกับนายกฯสมัคร เป็นสิ่งที่ทำให้ผมและเพื่อนๆ ต้องมองนายกฯ ทักษิณ อีกมุมหนึ่ง พวกผมทุกคนที่นั่งอยู่ที่นี่ เคยทำงานแบบยอมตายถวายชีวิต เคยทำงานแบบยอมตายถวายชีวิตให้กับนายกฯ ทักษิณ เผชิญหน้ากับทหารในช่วง คมช.ยึดอำนาจ พวกผมทุกคนเป็นศัตรูลำดับต้นๆ ของ คมช.ผมถูกจับขัง ไม่รู้ว่ามีชีวิตรอดหรือไม่รอดในวันรุ่งขึ้น พวกผมก็ทำให้
“การที่ผมเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวันที่ 12 กันยายน เป็นเรื่องที่ผมยอมรับไม่ได้กับพฤติกรรมที่นายกฯ ทักษิณ กระทำต่อท่านสมัคร แบบไม่มีน้ำใจต่อกัน แบบไม่ใช่ลูกผู้ชาย ผมและเพื่อนๆ เห็นชะตากรรมของท่านนายกฯ สมัครและมองย้อนกลับไปยังผู้หลักผู้ใหญ่ทางการเมืองในบ้านเมืองของเรา ไม่ว่า ท่านเสนาะ เทียนทอง ท่านสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกฯ คุณสมศักดิ์ เทพสุทิน ทำให้พวกเราต้องคิด และเมื่อถึง 12 กันยายน เหตุการณ์ที่เกิดกับท่านสมัคร เราก็คิดกันว่าวันหนึ่งต้องถึงเรา แล้ววันนั้นก็มาถึง
“ผมขอยืนยันว่า เราทำงานร่วมกัน เราเคารพในสิทธิในความคิดในอุดมการณ์ และแนวทางทางการเมืองร่วมกัน ผมเคยรักท่านนายกฯ ทักษิณ เพราะท่านเป็นคนที่ทำงาน ทุ่มเทเพื่อแก้ไขปัญหาของพี่น้องประชาชน ซึ่งเป็นด้านดีของท่าน แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมา ในเส้นทางการเมือง ผมอยากพูดคำหนึ่งว่า คนเป็นพนักงาน คนเป็นลูกจ้าง เหมือนพี่น้องประชาชนทุกคน หากอยู่ไม่ได้ อึดอัดใจ ไม่สบายใจกับเจ้าของกิจการ ลาออกก็จบ นายจ้าง ไม่พอใจลูกจ้าง เลิกจ้างก็จบ เป็นสมาชิกพรรคการเมือง สังกัดพรรคการเมือง พวกผมก็เคยอยู่มาหลายพรรคการเมืองเห็นไม่ตรงกัน คิดต่างกัน ย้ายพรรคก็จบ แต่กรณีพวกผม เมื่อเห็นต่างกับนายกฯทักษิณ พวกผมต้องถูกไล่ล่า ทำลายล้าง
“ผมอยากกราบฝากไปยังท่านนายกฯ ทักษิณ ว่า (เสียงสั่นเครือและดวงตาสีแดง) พวกผมเป็นคน เป็นมนุษย์ ไม่ใช่ทาส ผมอยากฝากให้พี่น้องประชาชนไปดูว่ากี่คนแล้วที่เห็นต่างจากนายกฯ ทักษิณ แล้วแยกไป แล้วพวกผมถูกไล่ล่า ถูกตามทำลายล้าง ผมฝากถึงพี่น้องที่จะมาชุมนุม ผมฝากถึงพี่น้องที่เป็นแกนนำ (เสียงสั่นเครืออีกครั้ง) ผมเคยตกเป็นเครื่องมือมาแล้ว (ร้องไห้เสียงสั่นรุนแรง) ผมเป็นแค่หมาล่าเนื้อ วันไหนผมเห็นต่าง วันไหนผมไม่ทำตามใจ ผมก็เป็นได้แค่คนเนรคุณ คนหักหลัง สำหรับท่านนายกฯ ทักษิณ นี่คือชีวิตพวกผม พี่น้องประชาชนที่จะเข้าร่วมการชุมนุมเพื่อการต่อสู้ในวันที่ 8 เมษายน ผมอยากให้ท่านเอาชีวิตพวกผมไปเป็นอุทาหรณ์” นายเนวิน กล่าว
นายเนวิน กล่าวอีกว่า หลัง 19 กันยายน 2549 พ.ต.ท.ทักษิณ ถูกยึดอำนาจอยู่ต่างประเทศ ใครละที่เอาชีวิตเข้าแลก ไม่ใช่พวกตนที่นั่งอยู่ตรงนี้หรือ จะบอกว่าพวกตนหักหลัง อยากฝากถามถึงท่านนายกฯ ทักษิณ ว่า หลัง 19 กันยายน พวกตนทำอะไรให้ท่านายกฯ ทักษิณ ท่านนายกฯ ทักษิณ ใช้พวกตนทำอะไรบ้าง หลังจากชนะเลือกตั้งของพรรคพลังประชาชน ซึ่งการต่อสู้ในภาคอีสาน เชื่อว่าพี่น้องประชาชนปฏิเสธไม่ได้ว่าพวกตนคือคนที่ยืนหยัดต่อสู้แทนท่าน พ.ต.ท.ทักษิณ จนพรรคพลังประชาชนชนะเลือกตั้ง
“เมื่อชนะเลือกตั้งแล้ว ท่านนายกฯ ทักษิณ ทำอะไรกับพวกผมบ้าง เลือดเทียม หักหลัง ทรยศ เนรคุณ ถึงวันนี้อยากถาม พ.ต.ท.ทักษิณ ว่า ใครหักใครกันแน่ ทั้งหมดที่ผมกราบเรียนคือข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น เป็นเรื่องส่วนตัวระหว่างผมกับนายกฯ ทักษิณ ผมกับเพื่อนๆ ไม่อยากเห็นบ้านเมืองเสียหาย พังพินาศไปเพราะคนๆ เดียวอีก ทั้งหมดที่ผมกราบเรียนคงพิสูจน์ว่าในชีวิตของผม นอกจากเรื่องแนวคิดในการทำงานที่ผมได้รับจากนายกฯ ทักษิณแล้ว ผมไม่เคยได้รับอะไรจากนายกฯ ทักษิณ แต่หากยังมีคุณงามความดีที่ผมและเพื่อนๆ ทุกคนได้เคยทำไว้ให้กับท่านนายกฯทักษิณ และมีความหมายอยู่บ้าง (เสียสั่นเครือยังไม่หาย) มีเยื่อใยอยู่บ้าง ผมและเพื่อนๆ ไม่เคยขออะไรจากท่านนายกฯทักษิณ มีแต่ทำงานให้เอาชีวิตเข้าแลกให้
“ผมอยากถือโอกาสนี้ขอท่านนายกฯ ทักษิณ 2 เรื่อง เรื่องแรก ตนขอให้ท่านสั่งคนของท่านหยุดก้าวล่วงพระราชอัธยาศัยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่าท่านจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เรื่องที่สอง (พูดไป ร้องไห้ไปไม่หยุด) ถ้าท่านรักพี่น้องประชาชนคนไทยและรักประเทศไทยจริงอย่างที่ท่านพูด ขอให้หยุดสนับสนุนการเคลื่อนไหว ขอให้หยุดการทำให้บ้านเมืองแตกแยก นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ถ้าจะให้พวกผมได้พวกผมขอแค่ 2 อย่างนี้เท่านั้น ขอบคุณมากครับ”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในระหว่างการเปิดใจของ นายเนวิน ที่มีการร้องไห้แล้ว ผู้ร่วมแถลงข่าวอื่นก็ร้องไห้ตาม ได้แก่ นายบุญจง และเชิดชัย ที่คอยเอามาเช็ดหน้ามาเช็ดน้ำตาเป็นระยะๆ