จินดารัตน์- กลับมาช่วงที่ 2 ของรายการพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยนะคะ พี่น้องคะมันมีความคืบหน้าหลังจากที่ขวัญชัย ไพรพนา แกนนำกลุ่มคนรักอุดรฯ ออกมาประกาศว่าจะไม่ร่วมชุมนุมกับ นปช.ในวันที่ 28 ที่ท้องสนามหลวง ปรากฏว่าวันนี้บรรดาแกนนำแนวร่วม นปช. อดีตผู้ดำเนินรายการความจริงวันนี้ เขาไปประชุมกัน เขาก็มีมติออกมาบอกว่า จะมีการชุมนุมแน่ๆ เป็นการชุมนุมใหญ่ที่สนามหลวงวันที่ 28 ธันวาคมนี้ ใช้ชื่อว่า "ความจริงวันนี้ ความจริงประเทศไทย ไม่ไว้วางใจอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" พี่น้อง ก็จะเริ่มกันตั้งแต่บ่าย 3 เขาว่าอย่างนั้น เขาบอกว่าขอเชิญเสื้อทุกสีไปร่วมชุมนุมด้วย เสื้อเหลืองไปไม่ไป ไม่ไปแล้วต้องโห่ด้วยหรือเปล่า โห่ ใครจะไปด้วยเนี่ย แล้วทางวีระ บอกว่า จะไม่มีความรุนแรงใดๆเกิดขึ้นจากคนกลุ่มคนเสื้อแดง แล้วเขาบอกว่าการชุมนุมครั้งนี้จะไม่มีการขนคน และเห็นว่าทหารตอนนี้ที่ประเมินออกมาผิดพลาดเลย ทหารเขาบอกว่าจะมีผู้ชุมนุมเพียงแค่ประมาณ 3,800 คน วีระบอกว่า ถึงแม้จะมีผู้ชุมนุมเหลือเพียง 5 คน ก็จะยังชุมนุม 5 คนเขาก็ยังจะชุมนุมนะคะ แม้ว่าบางกลุ่มที่เคยเป็นแนวร่วม นปช.จะประกาศไม่มาเข้าร่วม แต่ก็จะยังมีการชุมนุมอย่างแน่นอน ตกลงว่า 5 คนถึงเหรอ พี่วีระคะ พี่วีระของน้องๆ พี่ตุ๊ดตู่ พี่ณัฐวุฒิ พี่กอบแก้ว พิกุลทอง เหลือ 4 เอง หายไปคนหนึ่ง อ๋อ พี่จักรภพ เพ็ญแข เข้าใจละ
และเขาบอกว่าอะไรรู้ไหม เขาจะเคลื่อนพลมาที่รัฐสภา แต่จะไม่ทำอย่างที่พันธมิตรฯทำ จะไม่ยึดทำเนียบ แต่เขาทำอย่างไรรู้ไหมพี่น้อง เขามีโครงสร้างกลุ่มคนเสื้อแดง เขามีอะไรบ้าง เขาบอกว่า เขาจะมีทนายความเสื้อแดง เพื่อต่อสู้คดี มีแพทย์เสื้อแดง เพื่อดูแลสวัสดิการ มีนักวิชาการเสื้อแดง เป็นที่ปรึกษา และแนะนำหลักวิชาการ ตกลงมีเหมือนเราหมดเลยนะพี่น้อง เรามีเต็นท์พยาบาล มีกองทุนสู้คดี เรามีกองทัพธรรม แนะนำให้พี่วีระของน้องๆ ไปตั้งเต็นท์กองทัพอธรรมก็ได้นะคะ แล้วบอกว่าจะมีเวทีให้คนเสื้อแดงทุกจังหวัดเลยนะคะ ถึงแม้จะมี 5 คนก็จะมีเวที แล้วก็จะกระจายข่าวคนเสื้อแดงไปทั่วโลก โดยจะเคลื่อนไวจนกว่าจะได้รับชัยชนะ อ้าวเฮ ตบมือ ตบมือ เอาใจช่วยนะพี่วีระ หนูเอาใจช่วยพี่จริงๆ แล้วพี่จะรู้ว่าการชุมนุมมันทรมาณแค่ไหนพี่น้อง มันเหนื่อยนะพี่น้อง พวกหนูอยู่กันมา 193 วัน ไม่ธรรมดานะพี่ เอาอย่างนี้หนูท้าพี่ให้อยู่ได้ครบอาทิตย์ละกัน หน้าสภาฯ เอาสักอาทิตย์เดียวก่อน ถึงแม้พี่จะมีกันแค่ 5 คน หนูก็ให้กำลังใจนะพี่นะ พี่วีระ พี่น้องต้องรอดูว่าวันที่เขาแถลงนโยบายกันที่อาคารรัฐสภา คนเสื้อแดงจะทำอย่างไร เขายืนยันว่าจะไม่มีความรุนแรงเกิดขึ้น และถามว่าเมื่อวันที่ 15 ธันวาคมที่ผ่านมา ไอ้คนที่มันทุบรถ ส.ส.มันใส่เสื้อสีอะไรคะพี่วีระ สีแดงใช่ไหมพี่ พี่น้องเรายังรู้เลย ดูภาพกันอีก ดูนี่ นี่ไง พี่น้องเห็นไหมเขาขว้างขวดน้ำขว้างกันไปขว้างกันมา จะขว้างโดนรถนะ แต่บังเอิญมันไปโดนหัวอีกฝั่ง แล้วมันเป็นน้ำกรดพี่น้อง มันก็เลยโดนกันเอง ดูพฤติกรรม จำพฤติกรรมนี้ไว้ให้ดี ว่าวันที่ 29 นี้จะมีภาพนี้ให้เราเห็นกันอีกไหม ดูแลกันดีๆ นะพี่วีระ ยืนยันกับพี่น้องทั่วประเทศแล้วว่า จะไม่มีความใช้ความรุนแรง ไม่รู้ตำรวจเขายืนยันด้วยหรือเปล่านะพี่นะ ว่าเขาจะไม่ใช่แก๊สน้ำตาที่เอามาจากเมืองจีน หนูก็ไม่รู้ว่าเขายืนยันหรือเปล่านะพี่วีระ
เอาละคะ พี่น้องคะวันนี้ นอกจากพี่มาลีรัตน์แล้ว ผู้ปราศรัยท่านต่อไปของเรา ท่านนี้มีข้อมูลลึกๆมาเล่าสู่กันฟังทุกครั้ง วันนี้ท่านนี้ไม่รู้จะยังพอดีความหวังอะไรกับรัฐบาลชุดนี้อยู่ไหม ถึงแม้ว่าเราจะให้โอกาสกัน แต่วันนี้ต้องฟังท่านนี้คะว่า มีข้อมูลอะไรที่ทำให้คุณไทกร ไม่สบายใจหรือเปล่า พบกับคุณไทกร พลสุวรรณ แกนนำอีสานกู้ชาติคะ ตบมือคะ
ไทกร- พี่น้องพันธมิตรฯ กู้ชาติ ทั้งที่นี่และที่อยู่หน้าจอทีวีทุกท่านครับ วันนี้ต้องขอตอบประเด็นของคุณแอน จินดารัตน์ ในเรื่องยุทธวิธี และยุทธศาสตร์ของระบอบทักษิณ และกลุ่มเสื้อแดง พี่น้องครับ ปัจจุบันกลุ่มเสื้อแดง ได้เข้ามามีโครงสร้าง อำนาจ ควบคุมทั้งหมดในระบอบทักษิณ ซึ่งระบอบทักษิณกำลังพยายามที่จะดิ้นเฮือกสุดท้าย เพื่อที่จะนำพาทักษิณ ชินวัตร ให้กลับมามีอำนาจทางการเมืองอีกครั้งหนึ่ง ที่ต้องบอกว่าดิ้นเฮือกสุดท้าย ก็เพราะว่าขณะนี้ทักษิณ ชินวัตร ตกอยู่ในสภาพของคนไม่มีแผ่นดินจะอาศัยอยู่ ใช่ไหมครับพี่น้องที่เคารพ เมื่อทักษิณ ตกอยู่ในสภาพซึ่งเป็นคนที่ไม่มีแผ่นดินไหนในโลกที่จะรับทักษิณ ให้อาศัยอยู่แล้ว ทักษิณ จึงต้องเคลื่อนไหวทางการเมืองอย่างเต็มรูปแบบ
พี่น้องครับ ปัจจุบันมีการปรับโครงสร้างพรรคเพื่อไทยใหม่ ซึ่งถือว่าเป็นการปรับโครงสร้างด้านยุทธวิธี และยุทธศาสตร์ครั้งยิ่งใหญ่ เพราะขณะนี้พรรคเพื่อไทย ได้ล้อพรรคการเมืองพรรคหนึ่ง ซึ่งเป็นพรรคการเมืองที่เคยยิ่งใหญ่ในอดีต ในประเทศสหภาพโซเวียต นั่นคือ พรรคบอลเชวิค (Bolshevik) ขณะนี้พรรคเพื่อไทย ซึ่งมีคณะกรรมการบริหารพรรคที่ได้รับการเลือกตั้งมา มีคุณยงยุทธ วิชัยดิษฐ เป็นหัวหน้าพรรค แต่เป็นคณะกรรมการบริหารพรรค ที่ไม่มีอำนาจในการบริหาร หรือสั่งการใดๆ ในพรรคเพื่อไทยเลย พี่คือตัวอย่างที่ 1 แต่กลับมีคณะกรรมการกลาง ซึ่งเรียกว่าคณะผู้บริหารสูงสุด หรือปูลิปูโล(***)ขึ้นมา ปูลิปูโล ก็จะมี สมชาย วงศ์สวัสดิ์ เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ และประธานปูลิปูโล ประธานคณะกรรมการสูงสุด ของพรรคเพื่อไทยก็คือ ทักษิณ ชินวัตร คนเหล่านี้เล่นบทควบคุมสั่งการอยู่หลังม่านโดยตรง เพื่อที่จะกำหนดว่าใครจะลงสมัคร จะให้ใครไปอยู่พื้นที่ไหน ใครจะออกเดินเกมอย่างไร นอกจากจะมีคณะกรรมการกลาง ที่มีอำนาจลึกลับซับซ้อนในการเคลื่อนทางการเมืองของพรรคเพื่อไทยแล้ว พี่น้องครับ ขณะนี้ยังมีการจัดระบบการเมืองใหม่ แยกผู้แทนราษฎรและนักการเมืองให้มีหน้าที่เพียงหาเสียง และพลีความพยายามที่จะเอาชนะเลือกตั้งในพื้นที่ให้ได้เพียงเท่านั้น ไม่ต้องสนใจว่าจะเขียนนโยบายอย่างไร ไม่ต้องสนใจว่าจะแก้ไขปัญหาชาติบ้านเมืองอย่างไร และไม่ต้องสนใจว่า จะสร้างความเจริญก้าวหน้าให้กับประเทศอย่างไร มีหน้าที่ไปเอาคะแนนมา และก็เป็นผู้แทนราษฎร
ส่วนอีกกลุ่ม กลุ่มนี้เรียกว่ารวบรวมนักเคลื่อนไหวมวลชน ที่อยู่นอกวงพี่น้องพันธมิตรฯ ทั้งหมด ก็จะไปรวมอยู่ในพรรคเพื่อไทย คนเหล่านี้ล้วนแต่เป็นคนที่เคยวางแผน ล้วนแต่เป็นคนที่เคยอยู่เบื้องหลัง บงการชี้นำให้เกิดความรุนแรงขึ้นในประเทศ โดยเฉพาะคนเหล่านี้รู้ทุกขั้นตอน และทราบตัวบุคคลดีว่า คนที่มาทำร้ายพี่น้องพันธมิตรฯ ทั้งเอามีดมาไล่ฟัน เอาไม้มาไล่ตี เอาปืนมาไล่ยิง หรือเอาเอ็ม 79 มายิง คนเหล่านี้รู้ว่าเป็นใคร และใครเป็นผู้กระทำทั้งนั้น นี่คือการจัดรูปแบบพรรคเพื่อไทย เพื่อที่จะเตรียมทำสงครามยืดเยื้อ สงครามยืดเยื้อนี้ พี่น้องครับเป็นสงครามเพื่อที่จะเปลี่ยนแปลงการปกครองของประเทศ ที่ผมต้องย้ำทุกครั้งในการปราศรัย ก็เพื่อต้องการให้พี่น้องพันธมิตรฯ ทั้งที่อยู่ในห้องส่ง และที่ฟัง ASTV อยู่ที่บ้าน ได้ทราบว่า ภารกิจของพี่น้องพันธมิตรฯ นั้นยังไม่จบสิ้น ตราบใดที่ทักษิณ ชินวัตร ตราบใดที่ระบอบทักษิณยังมุ่งร้ายต่อชาติบ้านเมือง พันธมิตรฯ ของเราต้องพร้อมที่จะออกมาทำหน้าที่ปกป้องชาติ ศาสนา และสถาบันพระมหากษัตริย์ อีกครั้งครับพี่น้องครับ
พี่น้องครับ ในกรณีเร่งด่วนที่จะเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการชุมนุมใหญ่ของ นปช. ในวันที่ 28 ธันวาคม และวางแผนที่จะปิดล้อมสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 29 เพื่อต้องการให้การแถลงนโยบายของรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ท่านนายกฯ อภิสิทธิ์ ไม่สามารถที่จะแถลงนโยบายต่อรัฐสภาได้ มันเป็นการเคลื่อนไหว ซึ่งผมจะเล่าให้พี่น้องที่อยู่ที่นี่ และอยู่ทางบ้านฟัง การเคลื่อนไหวนี้เป็นการเคลื่อนไหวที่แบ่งออกเป็น 2 แนวทาง แนวทางที่ 1 เป็นการเคลื่อนไหวในเชิงวิชาการและเชิงสื่อสัญลักษณ์ จุดประสงค์ของแนวทางที่ 1 คือ การเคลื่อนไหวเพื่อที่จะทำลายความน่าเชื่อถือของกระบวนการยุติธรรมของไทย ทั้งในประเทศและต่างประเทศ และการเคลื่อนไหวในเชิงสื่อ หรือเชิงสัญลักษณ์นี้จะเป็นการเคลื่อนไหวเพื่อยุยงให้พี่น้องพันธมิตรฯ กับรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ กลายเป็นศัตรูทางการเมืองในที่สุด เพื่อต้องการที่จะแยกมวลชนพันธมิตรฯ ซึ่งเป็นมวลชนที่มีอุดมการณ์ มีความเสียสละต่อชาติ ศาสนา และสถาบันพระมหากษัตริย์ ดึงออกจากรัฐบาลเพื่อให้รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์โดดเดี่ยวจากประชาชน เพื่อจะได้โค่นล้มรัฐบาลประชาธิปัตย์ให้ลงง่ายที่สุด นี่คือแนวทางที่ 1
ส่วนแนวทางที่ 2 กลุ่มนี้ใช้ยุทธวิธีมวลชน ยุทธวิธีมวลชน หมายถึง การเคลื่อนไหวทางมวลชนทุกรูปแบบ ทั้งโดยสันติ ทั้งโดยรุนแรง ทั้งโดยบนดิน ทั้งโดยใต้ดิน ผมจะเล่าให้พี่น้องเห็นกระบวนการนี้เพื่อพี่น้องจะได้รู้ทัน และจะได้จับตาดูความเคลื่อนไหวโดยตลอด อย่างกรณีการโจมตีกระบวนการยุติธรรม มันเริ่มต้นมานานแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการโจมตีศาลรัฐธรรมนูญ โจมตีตัวบุคคลที่เป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ โจมตีกระบวนการการพิจารณา ไม่ว่าจะอยู่ในขั้นตำรวจ อัยการ หรือศาล โดยเฉพาะศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง หรือศาลฎีกาของนักการเมือง ในกรณีตัดสินจำคุกทักษิณ ชินวัตร 2 ปี หรือการโจมตีศาลรัฐธรรมนูญ ในกรณียุบพรรคพลังประชาชน เหล่านี้มีการออกเว็บไซต์ เหล่านี้มีการแจกแผ่ปลิวตามต่างจังหวัดในเขตชนบท และเหล่านี้ได้เกิดกระบวนการซุบซิบนินทาไปตามชมรมคนรักแท็กซี่ ซึ่งเขามีจัดตั้งอยู่ประมาณ 3,000 คนทั่วกรุงเทพฯ เพื่อที่จะมุ่งทำลายกระบวนการยุติธรรม และทักษิณจะหยิบเอาตรงนี้ไปใช้เป็นประโยชน์ว่า ที่เขาไม่ได้อยู่ในประเทศไทย ที่เขาต้องหนีหัวซุกหัวซุนไปทั่วโลก เพราะถูกกลั่นแกล้งจากกระบวนการยุติธรรมของไทย นี่คือกระบวนการที่ 1 และเรื่องนี้จะทำถี่ขึ้น บ่อยขึ้น จนพี่น้องรู้สึกผิดสังเกต
ส่วนกระบวนการที่ 2 ในแนวทางที่ 1 ก็คือ การยุยงให้พี่น้องพันธมิตรฯ เกลียดชังรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์อย่างเร็วที่สุด ขบวนการนี้ได้เริ่มต้นขึ้นแล้วโดยนายจตุพร พรหมพันธุ์ และกระบวนการในพรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็น ส.ส.จากพรรคพลังประชาชน เช่น การพุ่งเป้าโจมตีคุณกษิต ภิรมย์ ที่ขึ้นเวทีปราศรัยกับพี่น้องพันธมิตรฯ และมารับตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศ บอกว่ารับใช้พันธมิตรฯ ซึ่งก็น่าภูมิใจที่ทุกคนรับใช้พันธมิตรฯ เพราะพันธมิตรฯ ปกป้องชาติ ศาสนา และสถาบันพระมหากษัตริย์ ใช่ไหมครับพี่น้อง ไม่ใช่เรื่องน่ารังเกลียดเลยที่มีคนที่เคยขึ้นเวทีปราศรัยกับพี่น้องพันธมิตรฯ แล้วจะเข้าไปช่วยรัฐบาล แล้วจะเข้าไปทำลานเพื่อที่จะเอาคนผิดในระบอบทักษิณมาลงโทษ แต่ย้อนกลับไปในสมัยที่มีการยึดอำนาจ พล.อ.สุรยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรี แล้วมีกลุ่ม นปก.เสื้อแดง ยกพลจากสนามหลวงมาตามถนนราชดำเนิน เคลื่อนไปจนถึงหน้าบ้านของ ฯพณฯท่าน พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ มีการกล่าวถ้อยคำหยาบคายที่สุด ไม่เคยมีนักการเมืองคนไหนปราศรัยแบบนี้มาก่อน มีการทุบทำลายป้อมยาม มีการทุบทำลายสโมสรกองทัพบก บริเวณใกล้ๆ จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องเคลื่อนและสลายการชุมนุม และออกหมายจับบุคคลที่เป็นแกนนำ นปก. ในข้อหาก่อความไม่สงบ วุ่นวายในประเทศ และคนเหล่านี้ก็เป็นคนเสื้อแดง และคนเหล่านี้ หลังการเลือกตั้ง อย่าง พ.อ.อภิวันท์ ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ต้องหา ก็ไปเป็นรองประธานสภาผู้แทนราษฎร อย่างกรณี มานิตย์ จิตจันทร์กลับ ก็เป็น ส.ส.ของพรรคพลังประชาชน และก็ย้ายมาพรรคเพื่อไทย อย่าง คุณจตุพร พรหมพันธุ์ ก็เป็น ส.ส.พรรคพลังประชาชน แล้วย้ายมาอยู่พรรคเพื่อไทย ไม่นับ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ไปดำรงตำแหน่งรองโฆษกรัฐบาล ในรัฐบาลของสมัคร สุนทรเวช พอสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ขึ้นเป็นนายกฯ ก็ตั้ง ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เป็นโฆษก ไม่นับจักรภพ เพ็ญแข เป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลของสมัคร สุนทรเวช นี่มาจากพวกเสื้อแดง ไม่รู้จะกี่คนต่อกี่คน เปิดเผยชัดเจนว่ารับใช้ทักษิณ แล้วเรามีคนดีเพียงแค่ 1 คนจากพันธมิตรฯ ของเราไปเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศ เทียบไม่ได้เลยกับผู้ต้องหาก่อความไม่สงบในประเทศ แล้วมาอยู่ในรัฐบาลในระบอบทักษิณ ใช่ไหมครับพี่น้อง
พี่น้องครับ เพราะฉะนั้นน้ำหนักที่พรรคเพื่อไทย หรือแม้กระทั่งพวกเสื้อแดง กล่าวโจมตีท่านทูตกษิตนั้น ถือว่าเป็นข้อโจมตีซึ่งไร้สาระที่สุด ไม่ควรเอามาใส่ใจ สิ่งที่เราควรใส่ใจก็คือ ต้องดูว่า กระทรวงต่างประเทศจะประสานงานกับประเทศต่างๆ ทั่วโลก 194 ประเทศ บอกให้ประเทศต่างๆ ว่า ขณะนี้เรามีผู้ต้องหาคนสำคัญที่อยู่เบื้องหลังความวุ่นวายของประเทศ ชื่อ ทักษิณ ชินวัตร หากประเทศต่างๆ พบทักษิณก็ควรจะจับและลากคอมาดำเนินคดี และติดคุกในประเทศไทย นี่คือสิ่งที่เราต้องให้กำลังใจกระทรวงต่างประเทศ
พี่น้องครับ ในส่วนยุทธวิธีมวลชนที่ 2 ก็คือ การชุมนุมประท้วงไม่มีที่สิ้นสุด ทุกสถานที่ ทุกแห่ง กลุ่มเหล่านี้จะเริ่มต้นจากการปิดสภาผู้แทนราษฎร ผมบอกให้พี่น้องจำชื่อของคนๆ หนึ่งไว้ คนนี้ชื่อ ชินวัฒน์ หาบุญพาด มีที่ทำการอยู่ที่ซอยวิภาวดี 3 เป็นประธานคนรักแท็กซี่ของกรุงเทพฯ และคนเหล่านี้คือคนที่ยุยงปลุกปั่นให้พี่น้องแท็กซี่มาทำร้ายพี่น้องพันธมิตรฯ บริเวณปากซอยวิภาวดี 3 จำได้ไหมครับพี่น้องครับ คนๆ นี้จะร่วมมือกับกลุ่ม นปช. ที่จะชุมนุมที่สนามหลวง ในวันที่ 28 เขาพยายามที่จะเคลื่อนแท็กซี่ ซึ่งผมทราบว่ามีประมาณ 300 คัน ในการจะจอดบริเวณถนนราชวิถี ตั้งแต่แยกพิชัยไปถึงแยกอู่ทองใน และจอดบริเวณถนนอู่ทอง ยาวไปถึงพระที่นั่งอนันตสมาคม ในกรณีที่ผู้ชุมนุม นปช.มีน้อย พวกเสื้อแดงมาน้อยแต่จอดรถแท็กซี่ปิดถนนให้หมด สิ่งที่เขาต้องการก็คือว่า ไม่ให้ผู้แทนราษฎรที่จะประชุมในวันนั้น นั่งรถส่วนตัวเข้าไปในที่ทำการของรัฐสภาได้ คนที่จะเข้าก็ต้องลงจากรถ ลงจากรถแล้วต้องเดินผ่านกลุ่มผู้ประท้วงไป แล้วจะมีพวกฮาร์ดคอ อย่างที่พี่น้องเห็นในทีวี จะใช้ก้อนหิน จะใช้ขวดน้ำ จะใช้หนังสติ๊ก ยิงผู้แทนราษฎร โดยเฉพาะ ส.ส.ที่อยู่ซีกรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ทำให้ ส.ส.และ ส.ว.ไม่กล้าเข้ามาในที่ประชุม และให้การประชุมนั้นไม่ครบองค์ จึงต้องเลื่อนการประชุมไป นี่คือแผนอุบาทว์ที่คิดขึ้นจากมันสมองอันชั่วร้ายของพวกเสื้อแดง ครับพี่น้องครับ
ส่วนอย่างที่ 2 ก็คือว่า จะดำเนินการปิดสถานที่ราชการต่างๆ ไล่จาก ถนนราชดำเนิน เช่น กระทรวงเกษตร กระทรวงคมนาคม ไล่มาเรื่อยๆ แล้วแต่กำลังพลของกลุ่มเสื้อแดงจะมี เรื่องนี้จะทำยาวนานหลังปีใหม่ หากสามารถจะปิดสภาผู้แทนราษฎรได้ หลังจากนั้นจะให้ ส.ส.ที่อยู่ในพื้นที่ โดยเฉพาะในเขตภาคอีสานและภาคเหนือ เกณฑ์ชาวบ้าน อย่างน้อยจังหวัดละ 1,000 คน สวมเสื้อแดง มุ่งเข้าไปปิดศาลากลางจังหวัดต่างๆ เป็นการสร้างความสับสน สร้างความไร้เสถียรภาพให้เกิดขึ้นกับรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ และเลวร้ายไปกว่านั้น ที่เขาพยายามพูดเสมอว่า กลุ่มเสื้อแดงไม่นิยมความรุนแรง ผมบอกพี่น้องเลยว่า มีกลุ่มนิยมความรุนแรงไม่ต่ำกว่า 600 คน เตรียมการที่จะเผาสถานที่ราชการ เผารถยนต์ เพื่อสร้างความวุ่นวาย ปั่นป่วนอย่างไม่มีที่สิ้นสุด และเราทราบด้วยว่า คนที่จะสั่งให้เผาตรงไหน ชื่ออะไร จะเป็นคนกำหนด และเรื่องนี้เป็นแผนการเดิมที่เคยเตรียมการไว้ สมัยที่ก่อตั้ง นปก.ครั้งแรก แล้วก็นำมาใช้อีก เรียกว่า แผนหนุมานเผากรุงลงกา พวกนี้เป็นพวกที่ไร้จิตสำนึก ไร้ความรับผิดชอบ ทำ 1. ต้องการเงินของทักษิณ 2. เป็นโรคจิตต้องการเห็นความพินาศของชาติบ้านเมือง คนเหล่านี้ไม่มีคุณค่าพอที่จะเป็นคนไทยครับพี่น้องที่เคารพ
ผมถึงต้องฝากไปถึงรัฐบาลด้วยความห่วงใยว่า รัฐบาลโดยเฉพาะกระทรวงมหาดไทย และกองทัพ ซึ่งขณะนี้ทราบว่า คนที่รับผิดชอบในการที่จะกำจัดการเคลื่อนไหวของกลุ่มเสื้อแดงนั้น เป็นกลุ่มของคุณเนวิน ชิดชอบ ซึ่งเคยสนับสนุนกลุ่มเสื้อแดงในอดีต ถอนกลับมาอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ และเอาข้อมูลต่างๆที่ตนเองมีอยู่ เพื่อที่จะสู้กับระบอบทักษิณ ถือว่าเป็นยุทธวิธีเกลือจิ้มเกลือ ซึ่งเราต้องดูว่าจะเป็นเกลือจริง หรือเกลือปลอม ถ้าเกลือไม่เค็มก็ไม่สามารถที่จะล้ม หรือเอาชนะกลุ่มเสื้อแดงได้ แต่วันนี้ผมรู้สึกเป็นห่วงมาก เพราะคนที่จะสู้กับกลุ่มเสื้อแดงต้องรู้ว่า กลุ่มคนเหล่านี้ ศัตรูของเราเป็นใคร มีความคิดทางการเมืองอย่างไร ชำนาญเรื่องอะไร คนเหล่านี้ชอบทฤษฎีมาร์ค คนเหล่านี้ชอบทฤษฎีเหมา คนเหล่านี้เรียนรู้ยุทธวิธีของเลนิน คนเหล่านี้ใช้ยุทธวิธีแนวร่วมเป็น คนเหล่านี้รู้วิธีการสร้างแนวรวมมุมกลับ ซึ่งเขาเคลื่อนอย่างสอดคล้องต้องกันโดยตลอด หากรัฐมนตรีที่รับผิดชอบ ไม่ว่าจะเป็นรัฐมนตรีมหาดไทย รัฐมนตรีว่าการ หรือ มท.2 ยังไม่รู้เรื่องเหล่านี้ ผมก็วิตกว่า เราอาจจะต้องสูญเสียรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์เร็วเกินกว่าที่พี่น้องจะตั้งตัวได้ ที่บอกว่าเร็ว ก็เพราะว่า รัฐมนตรี และคนที่รับผิดชอบทั้งหมด ต้องรู้ว่ายุทธวิธีแนวร่วมเป็นอย่างไร แนวร่วมมุมกลับเป็นอย่างไร คำว่า อัพ ไลท์ซิ่ง เป็นอะไร และทำอย่างไรให้เกิด อัพไลท์ซิ่งได้ ทำอย่างไรจาก อัพไลท์ซิ่ง แล้วเป็น อาร์มอัพไลท์ซิ่ง การลุกขึ้นสู้ด้วยอาวุธ ถ้าไม่ทราบเรื่องเหล่านี้ ผมก็วิตกกังวลว่า เหตุการณ์ในการที่จะบริหารประเทศอย่างสงบนั้น มันอาจจะทำให้ประเทศของเราต้องสูญเสีย และต้องเสียหายครั้งใหญ่ จากรัฐมนตรี หรือทีมงาน ซึ่งไม่รู้เขารู้เรา
พี่น้องที่เคารพครับ สิ่งที่ผมเล่าย่อๆให้พี่น้องฟัง เป็นการเคลื่อนยุทธศาสตร์ใหญ่ของทักษิณ ยุทธศาสตร์ หรือเป้าหมายนี้ เป็นเป้าหมายเพื่อก่อให้เกิดความปั่นป่วนวุ่นวายไม่มีที่สิ้นสุด แล้วปั่นป่วนวุ่นวายจะได้อะไรขึ้น แสดงให้เห็นว่ากองทัพคนสำคัญในบ้านเมือง และประชาชนส่วนหนึ่ง ซึ่งได้คาดหวังว่า รัฐบาลในระบบสภาผู้แทนราษฎร ถึงแม้จะเป็นการเมืองเก่า แต่ก็ยังเป็นการเมืองที่พอใช้ได้ อย่างพรรคประชาธิปัตย์ กลายเป็นรัฐบาลที่ไม่สามารถแก้ปัญหาความสามัคคีปรองดองของชาติได้ กลับเป็นตัวฉุดให้บ้านเมืองเดินไปไม่ได้ ตกหลุมลึกความขัดแย้งแตกแยกยาวนานไปอีก เมื่อเป็นอย่างนั้น กลุ่มคนเสื้อแดง พรรคพลังประชาชน ซึ่งมาเป็นพรรคเพื่อไทย ทราบดีอยู่แล้วว่าสิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์จะทำคืออะไร ด้วยความเป็นนักประชาธิปไตย ด้วยความเป็นนักการเมืองมืออาชีพของคนในพรคประชาธิปัตย์ ข้อสรุปมีอย่างเดียวที่พรรคประชาธิปัตย์จะทำก็คือ หากบริหารบ้านเมืองไปไม่ได้ พรรคประชาธิปัตย์ก็จะต้องยุบสภา ยุบสภาปั๊บก็เข้าทางระบอบทักษิณทันที เพราะระบอบทักษิณมีเครือข่ายไปเกือบครบทุกพื้นที่แล้ว เพียงแค่เติมเงินลงไปตามท่อ ตั้งแต่ท่อเมนใหญ่ไปจนถึงท่อย่อยๆตามหมู่บ้าน ทุกคน หัวคะแนนทุกคน ก็จะเกิดกระบวนการซื้อเสียงครั้งใหญ่ การซื้อเสียงครั้งใหญ่ก็จะทำให้ระบอบทักษิณได้ผู้แทนเป็นราษฎรมากที่สุด อาจจะมากไม่เกินกึ่งหนึ่งแต่คำว่ามากที่สุดนั้น พี่น้องครับ มันก็จะมีพรรคเล็กพรรคน้อย ไม่ว่าจะเป็นพรรคชาติไทยพัฒนา พรรครวมใจไทย พรรคภูมิใจไทย หรือกลุ่มเนวินไปตั้งพรรค เมื่อยุบสภา พวกนี้ก็จะได้ ส.ส.มาจำนวนหนึ่ง กลุ่มคนเหล่านี้ก็จะต้องกลับไปรวม และสนับสนุนระบอบทักษิณเช่นเดิม วิกฤตความขัดแย้งก็จะย้อนไปใหม่ พี่น้องเห็นภาพไหมครับเลือกตั้งเมื่อไหร่ นักเลือกตั้งเคยอยู่กับระบอบทักษิณ และวันนี้แปรพรรคไปอยู่กับรัฐบาลประชาธิปัตย์ หากมีการยุบสภา เลือกตั้งใหม่ ผมเชื่อว่าถ้าพรรคเพื่อไทยได้ ส.ส.มากที่สุด จากการโกงบ้าง ซื้อเสียงบ้าง จากระบบจัดตั้งแบบอุปถัมภ์บ้าง กลุ่มนักเลือกตั้งเหล่านี้ ก็จะพูดภาษาที่เราได้ยินกันเสมอว่า เมื่อพี่น้องประชาชนคนไทยมีฉันทามติให้พรรคการเมืองใดมี ส.ส.มากที่สุด เราก็ต้องเคารพเสียงประชาชน และพวกเราก็จะถอนตัวจากรัฐบาลร่วมกับพรรคประชาธิปัตย์ กลับไปอยู่กับระบอบทักษิณ เช่นเดิม สุดท้ายระบอบทักษิณ ก็จะยังคงมีอำนาจปกครองบ้านเมืองต่อไปอีก หากการต่อสู้ครั้งนี้ของพรรคประชาธิปัตย์ล้มเหลว ทำให้พวกเสื้อแดงปั่นป่วนวุ่นวาย และสุดท้ายต้องแก้ปัญหาด้วยการยุบสภา แล้วอะไรจะเกิดขึ้นครับพี่น้อง วันนั้นพี่น้องพันธมิตรฯของเรา ก็ต้องพร้อม การพร้อมครั้งนี้จะต้องพร้อมทั้งหัวใจ และจิตวิญญาณ มากกว่าการทำสงครามครั้งสุดท้าย เพราะเราต้องลุกขึ้นมาสู้กับระบอบทักษิณอย่างโดดเดี่ยว เนื่องจากว่าในวันที่มีการยุบสภานั้น ความศักดิ์สิทธิ์ของกองทัพที่ไปยุ่งเกี่ยวกับการจัดตั้งรัฐบาลจะทำให้ความชอบธรรมของกองทัพไม่มีเพียงพอที่จะแก้ไขปัญหาของบ้านเมืองได้ และการต่อสู้ของพี่น้องพันธมิตรฯ ในโอกาสครั้งหน้าหากมี ผมฝากพี่น้องไว้เป็นประเด็นสุดท้ายว่า ต้องสู้ อย่าสุดหัวจิตหัวใจ สู้อย่างไม่คิดชีวิต เพื่อที่จะต้องทำลายระบอบอันชั่วร้าย ระบอบอัปรีย์จัญไรนี้ ให้หมดสิ้นไปจากแผ่นดินไทยเสียทีพี่น้อง ขอบพระคุณมากครับ
และเขาบอกว่าอะไรรู้ไหม เขาจะเคลื่อนพลมาที่รัฐสภา แต่จะไม่ทำอย่างที่พันธมิตรฯทำ จะไม่ยึดทำเนียบ แต่เขาทำอย่างไรรู้ไหมพี่น้อง เขามีโครงสร้างกลุ่มคนเสื้อแดง เขามีอะไรบ้าง เขาบอกว่า เขาจะมีทนายความเสื้อแดง เพื่อต่อสู้คดี มีแพทย์เสื้อแดง เพื่อดูแลสวัสดิการ มีนักวิชาการเสื้อแดง เป็นที่ปรึกษา และแนะนำหลักวิชาการ ตกลงมีเหมือนเราหมดเลยนะพี่น้อง เรามีเต็นท์พยาบาล มีกองทุนสู้คดี เรามีกองทัพธรรม แนะนำให้พี่วีระของน้องๆ ไปตั้งเต็นท์กองทัพอธรรมก็ได้นะคะ แล้วบอกว่าจะมีเวทีให้คนเสื้อแดงทุกจังหวัดเลยนะคะ ถึงแม้จะมี 5 คนก็จะมีเวที แล้วก็จะกระจายข่าวคนเสื้อแดงไปทั่วโลก โดยจะเคลื่อนไวจนกว่าจะได้รับชัยชนะ อ้าวเฮ ตบมือ ตบมือ เอาใจช่วยนะพี่วีระ หนูเอาใจช่วยพี่จริงๆ แล้วพี่จะรู้ว่าการชุมนุมมันทรมาณแค่ไหนพี่น้อง มันเหนื่อยนะพี่น้อง พวกหนูอยู่กันมา 193 วัน ไม่ธรรมดานะพี่ เอาอย่างนี้หนูท้าพี่ให้อยู่ได้ครบอาทิตย์ละกัน หน้าสภาฯ เอาสักอาทิตย์เดียวก่อน ถึงแม้พี่จะมีกันแค่ 5 คน หนูก็ให้กำลังใจนะพี่นะ พี่วีระ พี่น้องต้องรอดูว่าวันที่เขาแถลงนโยบายกันที่อาคารรัฐสภา คนเสื้อแดงจะทำอย่างไร เขายืนยันว่าจะไม่มีความรุนแรงเกิดขึ้น และถามว่าเมื่อวันที่ 15 ธันวาคมที่ผ่านมา ไอ้คนที่มันทุบรถ ส.ส.มันใส่เสื้อสีอะไรคะพี่วีระ สีแดงใช่ไหมพี่ พี่น้องเรายังรู้เลย ดูภาพกันอีก ดูนี่ นี่ไง พี่น้องเห็นไหมเขาขว้างขวดน้ำขว้างกันไปขว้างกันมา จะขว้างโดนรถนะ แต่บังเอิญมันไปโดนหัวอีกฝั่ง แล้วมันเป็นน้ำกรดพี่น้อง มันก็เลยโดนกันเอง ดูพฤติกรรม จำพฤติกรรมนี้ไว้ให้ดี ว่าวันที่ 29 นี้จะมีภาพนี้ให้เราเห็นกันอีกไหม ดูแลกันดีๆ นะพี่วีระ ยืนยันกับพี่น้องทั่วประเทศแล้วว่า จะไม่มีความใช้ความรุนแรง ไม่รู้ตำรวจเขายืนยันด้วยหรือเปล่านะพี่นะ ว่าเขาจะไม่ใช่แก๊สน้ำตาที่เอามาจากเมืองจีน หนูก็ไม่รู้ว่าเขายืนยันหรือเปล่านะพี่วีระ
เอาละคะ พี่น้องคะวันนี้ นอกจากพี่มาลีรัตน์แล้ว ผู้ปราศรัยท่านต่อไปของเรา ท่านนี้มีข้อมูลลึกๆมาเล่าสู่กันฟังทุกครั้ง วันนี้ท่านนี้ไม่รู้จะยังพอดีความหวังอะไรกับรัฐบาลชุดนี้อยู่ไหม ถึงแม้ว่าเราจะให้โอกาสกัน แต่วันนี้ต้องฟังท่านนี้คะว่า มีข้อมูลอะไรที่ทำให้คุณไทกร ไม่สบายใจหรือเปล่า พบกับคุณไทกร พลสุวรรณ แกนนำอีสานกู้ชาติคะ ตบมือคะ
ไทกร- พี่น้องพันธมิตรฯ กู้ชาติ ทั้งที่นี่และที่อยู่หน้าจอทีวีทุกท่านครับ วันนี้ต้องขอตอบประเด็นของคุณแอน จินดารัตน์ ในเรื่องยุทธวิธี และยุทธศาสตร์ของระบอบทักษิณ และกลุ่มเสื้อแดง พี่น้องครับ ปัจจุบันกลุ่มเสื้อแดง ได้เข้ามามีโครงสร้าง อำนาจ ควบคุมทั้งหมดในระบอบทักษิณ ซึ่งระบอบทักษิณกำลังพยายามที่จะดิ้นเฮือกสุดท้าย เพื่อที่จะนำพาทักษิณ ชินวัตร ให้กลับมามีอำนาจทางการเมืองอีกครั้งหนึ่ง ที่ต้องบอกว่าดิ้นเฮือกสุดท้าย ก็เพราะว่าขณะนี้ทักษิณ ชินวัตร ตกอยู่ในสภาพของคนไม่มีแผ่นดินจะอาศัยอยู่ ใช่ไหมครับพี่น้องที่เคารพ เมื่อทักษิณ ตกอยู่ในสภาพซึ่งเป็นคนที่ไม่มีแผ่นดินไหนในโลกที่จะรับทักษิณ ให้อาศัยอยู่แล้ว ทักษิณ จึงต้องเคลื่อนไหวทางการเมืองอย่างเต็มรูปแบบ
พี่น้องครับ ปัจจุบันมีการปรับโครงสร้างพรรคเพื่อไทยใหม่ ซึ่งถือว่าเป็นการปรับโครงสร้างด้านยุทธวิธี และยุทธศาสตร์ครั้งยิ่งใหญ่ เพราะขณะนี้พรรคเพื่อไทย ได้ล้อพรรคการเมืองพรรคหนึ่ง ซึ่งเป็นพรรคการเมืองที่เคยยิ่งใหญ่ในอดีต ในประเทศสหภาพโซเวียต นั่นคือ พรรคบอลเชวิค (Bolshevik) ขณะนี้พรรคเพื่อไทย ซึ่งมีคณะกรรมการบริหารพรรคที่ได้รับการเลือกตั้งมา มีคุณยงยุทธ วิชัยดิษฐ เป็นหัวหน้าพรรค แต่เป็นคณะกรรมการบริหารพรรค ที่ไม่มีอำนาจในการบริหาร หรือสั่งการใดๆ ในพรรคเพื่อไทยเลย พี่คือตัวอย่างที่ 1 แต่กลับมีคณะกรรมการกลาง ซึ่งเรียกว่าคณะผู้บริหารสูงสุด หรือปูลิปูโล(***)ขึ้นมา ปูลิปูโล ก็จะมี สมชาย วงศ์สวัสดิ์ เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ และประธานปูลิปูโล ประธานคณะกรรมการสูงสุด ของพรรคเพื่อไทยก็คือ ทักษิณ ชินวัตร คนเหล่านี้เล่นบทควบคุมสั่งการอยู่หลังม่านโดยตรง เพื่อที่จะกำหนดว่าใครจะลงสมัคร จะให้ใครไปอยู่พื้นที่ไหน ใครจะออกเดินเกมอย่างไร นอกจากจะมีคณะกรรมการกลาง ที่มีอำนาจลึกลับซับซ้อนในการเคลื่อนทางการเมืองของพรรคเพื่อไทยแล้ว พี่น้องครับ ขณะนี้ยังมีการจัดระบบการเมืองใหม่ แยกผู้แทนราษฎรและนักการเมืองให้มีหน้าที่เพียงหาเสียง และพลีความพยายามที่จะเอาชนะเลือกตั้งในพื้นที่ให้ได้เพียงเท่านั้น ไม่ต้องสนใจว่าจะเขียนนโยบายอย่างไร ไม่ต้องสนใจว่าจะแก้ไขปัญหาชาติบ้านเมืองอย่างไร และไม่ต้องสนใจว่า จะสร้างความเจริญก้าวหน้าให้กับประเทศอย่างไร มีหน้าที่ไปเอาคะแนนมา และก็เป็นผู้แทนราษฎร
ส่วนอีกกลุ่ม กลุ่มนี้เรียกว่ารวบรวมนักเคลื่อนไหวมวลชน ที่อยู่นอกวงพี่น้องพันธมิตรฯ ทั้งหมด ก็จะไปรวมอยู่ในพรรคเพื่อไทย คนเหล่านี้ล้วนแต่เป็นคนที่เคยวางแผน ล้วนแต่เป็นคนที่เคยอยู่เบื้องหลัง บงการชี้นำให้เกิดความรุนแรงขึ้นในประเทศ โดยเฉพาะคนเหล่านี้รู้ทุกขั้นตอน และทราบตัวบุคคลดีว่า คนที่มาทำร้ายพี่น้องพันธมิตรฯ ทั้งเอามีดมาไล่ฟัน เอาไม้มาไล่ตี เอาปืนมาไล่ยิง หรือเอาเอ็ม 79 มายิง คนเหล่านี้รู้ว่าเป็นใคร และใครเป็นผู้กระทำทั้งนั้น นี่คือการจัดรูปแบบพรรคเพื่อไทย เพื่อที่จะเตรียมทำสงครามยืดเยื้อ สงครามยืดเยื้อนี้ พี่น้องครับเป็นสงครามเพื่อที่จะเปลี่ยนแปลงการปกครองของประเทศ ที่ผมต้องย้ำทุกครั้งในการปราศรัย ก็เพื่อต้องการให้พี่น้องพันธมิตรฯ ทั้งที่อยู่ในห้องส่ง และที่ฟัง ASTV อยู่ที่บ้าน ได้ทราบว่า ภารกิจของพี่น้องพันธมิตรฯ นั้นยังไม่จบสิ้น ตราบใดที่ทักษิณ ชินวัตร ตราบใดที่ระบอบทักษิณยังมุ่งร้ายต่อชาติบ้านเมือง พันธมิตรฯ ของเราต้องพร้อมที่จะออกมาทำหน้าที่ปกป้องชาติ ศาสนา และสถาบันพระมหากษัตริย์ อีกครั้งครับพี่น้องครับ
พี่น้องครับ ในกรณีเร่งด่วนที่จะเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการชุมนุมใหญ่ของ นปช. ในวันที่ 28 ธันวาคม และวางแผนที่จะปิดล้อมสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 29 เพื่อต้องการให้การแถลงนโยบายของรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ท่านนายกฯ อภิสิทธิ์ ไม่สามารถที่จะแถลงนโยบายต่อรัฐสภาได้ มันเป็นการเคลื่อนไหว ซึ่งผมจะเล่าให้พี่น้องที่อยู่ที่นี่ และอยู่ทางบ้านฟัง การเคลื่อนไหวนี้เป็นการเคลื่อนไหวที่แบ่งออกเป็น 2 แนวทาง แนวทางที่ 1 เป็นการเคลื่อนไหวในเชิงวิชาการและเชิงสื่อสัญลักษณ์ จุดประสงค์ของแนวทางที่ 1 คือ การเคลื่อนไหวเพื่อที่จะทำลายความน่าเชื่อถือของกระบวนการยุติธรรมของไทย ทั้งในประเทศและต่างประเทศ และการเคลื่อนไหวในเชิงสื่อ หรือเชิงสัญลักษณ์นี้จะเป็นการเคลื่อนไหวเพื่อยุยงให้พี่น้องพันธมิตรฯ กับรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ กลายเป็นศัตรูทางการเมืองในที่สุด เพื่อต้องการที่จะแยกมวลชนพันธมิตรฯ ซึ่งเป็นมวลชนที่มีอุดมการณ์ มีความเสียสละต่อชาติ ศาสนา และสถาบันพระมหากษัตริย์ ดึงออกจากรัฐบาลเพื่อให้รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์โดดเดี่ยวจากประชาชน เพื่อจะได้โค่นล้มรัฐบาลประชาธิปัตย์ให้ลงง่ายที่สุด นี่คือแนวทางที่ 1
ส่วนแนวทางที่ 2 กลุ่มนี้ใช้ยุทธวิธีมวลชน ยุทธวิธีมวลชน หมายถึง การเคลื่อนไหวทางมวลชนทุกรูปแบบ ทั้งโดยสันติ ทั้งโดยรุนแรง ทั้งโดยบนดิน ทั้งโดยใต้ดิน ผมจะเล่าให้พี่น้องเห็นกระบวนการนี้เพื่อพี่น้องจะได้รู้ทัน และจะได้จับตาดูความเคลื่อนไหวโดยตลอด อย่างกรณีการโจมตีกระบวนการยุติธรรม มันเริ่มต้นมานานแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการโจมตีศาลรัฐธรรมนูญ โจมตีตัวบุคคลที่เป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ โจมตีกระบวนการการพิจารณา ไม่ว่าจะอยู่ในขั้นตำรวจ อัยการ หรือศาล โดยเฉพาะศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง หรือศาลฎีกาของนักการเมือง ในกรณีตัดสินจำคุกทักษิณ ชินวัตร 2 ปี หรือการโจมตีศาลรัฐธรรมนูญ ในกรณียุบพรรคพลังประชาชน เหล่านี้มีการออกเว็บไซต์ เหล่านี้มีการแจกแผ่ปลิวตามต่างจังหวัดในเขตชนบท และเหล่านี้ได้เกิดกระบวนการซุบซิบนินทาไปตามชมรมคนรักแท็กซี่ ซึ่งเขามีจัดตั้งอยู่ประมาณ 3,000 คนทั่วกรุงเทพฯ เพื่อที่จะมุ่งทำลายกระบวนการยุติธรรม และทักษิณจะหยิบเอาตรงนี้ไปใช้เป็นประโยชน์ว่า ที่เขาไม่ได้อยู่ในประเทศไทย ที่เขาต้องหนีหัวซุกหัวซุนไปทั่วโลก เพราะถูกกลั่นแกล้งจากกระบวนการยุติธรรมของไทย นี่คือกระบวนการที่ 1 และเรื่องนี้จะทำถี่ขึ้น บ่อยขึ้น จนพี่น้องรู้สึกผิดสังเกต
ส่วนกระบวนการที่ 2 ในแนวทางที่ 1 ก็คือ การยุยงให้พี่น้องพันธมิตรฯ เกลียดชังรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์อย่างเร็วที่สุด ขบวนการนี้ได้เริ่มต้นขึ้นแล้วโดยนายจตุพร พรหมพันธุ์ และกระบวนการในพรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็น ส.ส.จากพรรคพลังประชาชน เช่น การพุ่งเป้าโจมตีคุณกษิต ภิรมย์ ที่ขึ้นเวทีปราศรัยกับพี่น้องพันธมิตรฯ และมารับตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศ บอกว่ารับใช้พันธมิตรฯ ซึ่งก็น่าภูมิใจที่ทุกคนรับใช้พันธมิตรฯ เพราะพันธมิตรฯ ปกป้องชาติ ศาสนา และสถาบันพระมหากษัตริย์ ใช่ไหมครับพี่น้อง ไม่ใช่เรื่องน่ารังเกลียดเลยที่มีคนที่เคยขึ้นเวทีปราศรัยกับพี่น้องพันธมิตรฯ แล้วจะเข้าไปช่วยรัฐบาล แล้วจะเข้าไปทำลานเพื่อที่จะเอาคนผิดในระบอบทักษิณมาลงโทษ แต่ย้อนกลับไปในสมัยที่มีการยึดอำนาจ พล.อ.สุรยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรี แล้วมีกลุ่ม นปก.เสื้อแดง ยกพลจากสนามหลวงมาตามถนนราชดำเนิน เคลื่อนไปจนถึงหน้าบ้านของ ฯพณฯท่าน พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ มีการกล่าวถ้อยคำหยาบคายที่สุด ไม่เคยมีนักการเมืองคนไหนปราศรัยแบบนี้มาก่อน มีการทุบทำลายป้อมยาม มีการทุบทำลายสโมสรกองทัพบก บริเวณใกล้ๆ จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องเคลื่อนและสลายการชุมนุม และออกหมายจับบุคคลที่เป็นแกนนำ นปก. ในข้อหาก่อความไม่สงบ วุ่นวายในประเทศ และคนเหล่านี้ก็เป็นคนเสื้อแดง และคนเหล่านี้ หลังการเลือกตั้ง อย่าง พ.อ.อภิวันท์ ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ต้องหา ก็ไปเป็นรองประธานสภาผู้แทนราษฎร อย่างกรณี มานิตย์ จิตจันทร์กลับ ก็เป็น ส.ส.ของพรรคพลังประชาชน และก็ย้ายมาพรรคเพื่อไทย อย่าง คุณจตุพร พรหมพันธุ์ ก็เป็น ส.ส.พรรคพลังประชาชน แล้วย้ายมาอยู่พรรคเพื่อไทย ไม่นับ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ไปดำรงตำแหน่งรองโฆษกรัฐบาล ในรัฐบาลของสมัคร สุนทรเวช พอสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ขึ้นเป็นนายกฯ ก็ตั้ง ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เป็นโฆษก ไม่นับจักรภพ เพ็ญแข เป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลของสมัคร สุนทรเวช นี่มาจากพวกเสื้อแดง ไม่รู้จะกี่คนต่อกี่คน เปิดเผยชัดเจนว่ารับใช้ทักษิณ แล้วเรามีคนดีเพียงแค่ 1 คนจากพันธมิตรฯ ของเราไปเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศ เทียบไม่ได้เลยกับผู้ต้องหาก่อความไม่สงบในประเทศ แล้วมาอยู่ในรัฐบาลในระบอบทักษิณ ใช่ไหมครับพี่น้อง
พี่น้องครับ เพราะฉะนั้นน้ำหนักที่พรรคเพื่อไทย หรือแม้กระทั่งพวกเสื้อแดง กล่าวโจมตีท่านทูตกษิตนั้น ถือว่าเป็นข้อโจมตีซึ่งไร้สาระที่สุด ไม่ควรเอามาใส่ใจ สิ่งที่เราควรใส่ใจก็คือ ต้องดูว่า กระทรวงต่างประเทศจะประสานงานกับประเทศต่างๆ ทั่วโลก 194 ประเทศ บอกให้ประเทศต่างๆ ว่า ขณะนี้เรามีผู้ต้องหาคนสำคัญที่อยู่เบื้องหลังความวุ่นวายของประเทศ ชื่อ ทักษิณ ชินวัตร หากประเทศต่างๆ พบทักษิณก็ควรจะจับและลากคอมาดำเนินคดี และติดคุกในประเทศไทย นี่คือสิ่งที่เราต้องให้กำลังใจกระทรวงต่างประเทศ
พี่น้องครับ ในส่วนยุทธวิธีมวลชนที่ 2 ก็คือ การชุมนุมประท้วงไม่มีที่สิ้นสุด ทุกสถานที่ ทุกแห่ง กลุ่มเหล่านี้จะเริ่มต้นจากการปิดสภาผู้แทนราษฎร ผมบอกให้พี่น้องจำชื่อของคนๆ หนึ่งไว้ คนนี้ชื่อ ชินวัฒน์ หาบุญพาด มีที่ทำการอยู่ที่ซอยวิภาวดี 3 เป็นประธานคนรักแท็กซี่ของกรุงเทพฯ และคนเหล่านี้คือคนที่ยุยงปลุกปั่นให้พี่น้องแท็กซี่มาทำร้ายพี่น้องพันธมิตรฯ บริเวณปากซอยวิภาวดี 3 จำได้ไหมครับพี่น้องครับ คนๆ นี้จะร่วมมือกับกลุ่ม นปช. ที่จะชุมนุมที่สนามหลวง ในวันที่ 28 เขาพยายามที่จะเคลื่อนแท็กซี่ ซึ่งผมทราบว่ามีประมาณ 300 คัน ในการจะจอดบริเวณถนนราชวิถี ตั้งแต่แยกพิชัยไปถึงแยกอู่ทองใน และจอดบริเวณถนนอู่ทอง ยาวไปถึงพระที่นั่งอนันตสมาคม ในกรณีที่ผู้ชุมนุม นปช.มีน้อย พวกเสื้อแดงมาน้อยแต่จอดรถแท็กซี่ปิดถนนให้หมด สิ่งที่เขาต้องการก็คือว่า ไม่ให้ผู้แทนราษฎรที่จะประชุมในวันนั้น นั่งรถส่วนตัวเข้าไปในที่ทำการของรัฐสภาได้ คนที่จะเข้าก็ต้องลงจากรถ ลงจากรถแล้วต้องเดินผ่านกลุ่มผู้ประท้วงไป แล้วจะมีพวกฮาร์ดคอ อย่างที่พี่น้องเห็นในทีวี จะใช้ก้อนหิน จะใช้ขวดน้ำ จะใช้หนังสติ๊ก ยิงผู้แทนราษฎร โดยเฉพาะ ส.ส.ที่อยู่ซีกรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ทำให้ ส.ส.และ ส.ว.ไม่กล้าเข้ามาในที่ประชุม และให้การประชุมนั้นไม่ครบองค์ จึงต้องเลื่อนการประชุมไป นี่คือแผนอุบาทว์ที่คิดขึ้นจากมันสมองอันชั่วร้ายของพวกเสื้อแดง ครับพี่น้องครับ
ส่วนอย่างที่ 2 ก็คือว่า จะดำเนินการปิดสถานที่ราชการต่างๆ ไล่จาก ถนนราชดำเนิน เช่น กระทรวงเกษตร กระทรวงคมนาคม ไล่มาเรื่อยๆ แล้วแต่กำลังพลของกลุ่มเสื้อแดงจะมี เรื่องนี้จะทำยาวนานหลังปีใหม่ หากสามารถจะปิดสภาผู้แทนราษฎรได้ หลังจากนั้นจะให้ ส.ส.ที่อยู่ในพื้นที่ โดยเฉพาะในเขตภาคอีสานและภาคเหนือ เกณฑ์ชาวบ้าน อย่างน้อยจังหวัดละ 1,000 คน สวมเสื้อแดง มุ่งเข้าไปปิดศาลากลางจังหวัดต่างๆ เป็นการสร้างความสับสน สร้างความไร้เสถียรภาพให้เกิดขึ้นกับรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ และเลวร้ายไปกว่านั้น ที่เขาพยายามพูดเสมอว่า กลุ่มเสื้อแดงไม่นิยมความรุนแรง ผมบอกพี่น้องเลยว่า มีกลุ่มนิยมความรุนแรงไม่ต่ำกว่า 600 คน เตรียมการที่จะเผาสถานที่ราชการ เผารถยนต์ เพื่อสร้างความวุ่นวาย ปั่นป่วนอย่างไม่มีที่สิ้นสุด และเราทราบด้วยว่า คนที่จะสั่งให้เผาตรงไหน ชื่ออะไร จะเป็นคนกำหนด และเรื่องนี้เป็นแผนการเดิมที่เคยเตรียมการไว้ สมัยที่ก่อตั้ง นปก.ครั้งแรก แล้วก็นำมาใช้อีก เรียกว่า แผนหนุมานเผากรุงลงกา พวกนี้เป็นพวกที่ไร้จิตสำนึก ไร้ความรับผิดชอบ ทำ 1. ต้องการเงินของทักษิณ 2. เป็นโรคจิตต้องการเห็นความพินาศของชาติบ้านเมือง คนเหล่านี้ไม่มีคุณค่าพอที่จะเป็นคนไทยครับพี่น้องที่เคารพ
ผมถึงต้องฝากไปถึงรัฐบาลด้วยความห่วงใยว่า รัฐบาลโดยเฉพาะกระทรวงมหาดไทย และกองทัพ ซึ่งขณะนี้ทราบว่า คนที่รับผิดชอบในการที่จะกำจัดการเคลื่อนไหวของกลุ่มเสื้อแดงนั้น เป็นกลุ่มของคุณเนวิน ชิดชอบ ซึ่งเคยสนับสนุนกลุ่มเสื้อแดงในอดีต ถอนกลับมาอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ และเอาข้อมูลต่างๆที่ตนเองมีอยู่ เพื่อที่จะสู้กับระบอบทักษิณ ถือว่าเป็นยุทธวิธีเกลือจิ้มเกลือ ซึ่งเราต้องดูว่าจะเป็นเกลือจริง หรือเกลือปลอม ถ้าเกลือไม่เค็มก็ไม่สามารถที่จะล้ม หรือเอาชนะกลุ่มเสื้อแดงได้ แต่วันนี้ผมรู้สึกเป็นห่วงมาก เพราะคนที่จะสู้กับกลุ่มเสื้อแดงต้องรู้ว่า กลุ่มคนเหล่านี้ ศัตรูของเราเป็นใคร มีความคิดทางการเมืองอย่างไร ชำนาญเรื่องอะไร คนเหล่านี้ชอบทฤษฎีมาร์ค คนเหล่านี้ชอบทฤษฎีเหมา คนเหล่านี้เรียนรู้ยุทธวิธีของเลนิน คนเหล่านี้ใช้ยุทธวิธีแนวร่วมเป็น คนเหล่านี้รู้วิธีการสร้างแนวรวมมุมกลับ ซึ่งเขาเคลื่อนอย่างสอดคล้องต้องกันโดยตลอด หากรัฐมนตรีที่รับผิดชอบ ไม่ว่าจะเป็นรัฐมนตรีมหาดไทย รัฐมนตรีว่าการ หรือ มท.2 ยังไม่รู้เรื่องเหล่านี้ ผมก็วิตกว่า เราอาจจะต้องสูญเสียรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์เร็วเกินกว่าที่พี่น้องจะตั้งตัวได้ ที่บอกว่าเร็ว ก็เพราะว่า รัฐมนตรี และคนที่รับผิดชอบทั้งหมด ต้องรู้ว่ายุทธวิธีแนวร่วมเป็นอย่างไร แนวร่วมมุมกลับเป็นอย่างไร คำว่า อัพ ไลท์ซิ่ง เป็นอะไร และทำอย่างไรให้เกิด อัพไลท์ซิ่งได้ ทำอย่างไรจาก อัพไลท์ซิ่ง แล้วเป็น อาร์มอัพไลท์ซิ่ง การลุกขึ้นสู้ด้วยอาวุธ ถ้าไม่ทราบเรื่องเหล่านี้ ผมก็วิตกกังวลว่า เหตุการณ์ในการที่จะบริหารประเทศอย่างสงบนั้น มันอาจจะทำให้ประเทศของเราต้องสูญเสีย และต้องเสียหายครั้งใหญ่ จากรัฐมนตรี หรือทีมงาน ซึ่งไม่รู้เขารู้เรา
พี่น้องที่เคารพครับ สิ่งที่ผมเล่าย่อๆให้พี่น้องฟัง เป็นการเคลื่อนยุทธศาสตร์ใหญ่ของทักษิณ ยุทธศาสตร์ หรือเป้าหมายนี้ เป็นเป้าหมายเพื่อก่อให้เกิดความปั่นป่วนวุ่นวายไม่มีที่สิ้นสุด แล้วปั่นป่วนวุ่นวายจะได้อะไรขึ้น แสดงให้เห็นว่ากองทัพคนสำคัญในบ้านเมือง และประชาชนส่วนหนึ่ง ซึ่งได้คาดหวังว่า รัฐบาลในระบบสภาผู้แทนราษฎร ถึงแม้จะเป็นการเมืองเก่า แต่ก็ยังเป็นการเมืองที่พอใช้ได้ อย่างพรรคประชาธิปัตย์ กลายเป็นรัฐบาลที่ไม่สามารถแก้ปัญหาความสามัคคีปรองดองของชาติได้ กลับเป็นตัวฉุดให้บ้านเมืองเดินไปไม่ได้ ตกหลุมลึกความขัดแย้งแตกแยกยาวนานไปอีก เมื่อเป็นอย่างนั้น กลุ่มคนเสื้อแดง พรรคพลังประชาชน ซึ่งมาเป็นพรรคเพื่อไทย ทราบดีอยู่แล้วว่าสิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์จะทำคืออะไร ด้วยความเป็นนักประชาธิปไตย ด้วยความเป็นนักการเมืองมืออาชีพของคนในพรคประชาธิปัตย์ ข้อสรุปมีอย่างเดียวที่พรรคประชาธิปัตย์จะทำก็คือ หากบริหารบ้านเมืองไปไม่ได้ พรรคประชาธิปัตย์ก็จะต้องยุบสภา ยุบสภาปั๊บก็เข้าทางระบอบทักษิณทันที เพราะระบอบทักษิณมีเครือข่ายไปเกือบครบทุกพื้นที่แล้ว เพียงแค่เติมเงินลงไปตามท่อ ตั้งแต่ท่อเมนใหญ่ไปจนถึงท่อย่อยๆตามหมู่บ้าน ทุกคน หัวคะแนนทุกคน ก็จะเกิดกระบวนการซื้อเสียงครั้งใหญ่ การซื้อเสียงครั้งใหญ่ก็จะทำให้ระบอบทักษิณได้ผู้แทนเป็นราษฎรมากที่สุด อาจจะมากไม่เกินกึ่งหนึ่งแต่คำว่ามากที่สุดนั้น พี่น้องครับ มันก็จะมีพรรคเล็กพรรคน้อย ไม่ว่าจะเป็นพรรคชาติไทยพัฒนา พรรครวมใจไทย พรรคภูมิใจไทย หรือกลุ่มเนวินไปตั้งพรรค เมื่อยุบสภา พวกนี้ก็จะได้ ส.ส.มาจำนวนหนึ่ง กลุ่มคนเหล่านี้ก็จะต้องกลับไปรวม และสนับสนุนระบอบทักษิณเช่นเดิม วิกฤตความขัดแย้งก็จะย้อนไปใหม่ พี่น้องเห็นภาพไหมครับเลือกตั้งเมื่อไหร่ นักเลือกตั้งเคยอยู่กับระบอบทักษิณ และวันนี้แปรพรรคไปอยู่กับรัฐบาลประชาธิปัตย์ หากมีการยุบสภา เลือกตั้งใหม่ ผมเชื่อว่าถ้าพรรคเพื่อไทยได้ ส.ส.มากที่สุด จากการโกงบ้าง ซื้อเสียงบ้าง จากระบบจัดตั้งแบบอุปถัมภ์บ้าง กลุ่มนักเลือกตั้งเหล่านี้ ก็จะพูดภาษาที่เราได้ยินกันเสมอว่า เมื่อพี่น้องประชาชนคนไทยมีฉันทามติให้พรรคการเมืองใดมี ส.ส.มากที่สุด เราก็ต้องเคารพเสียงประชาชน และพวกเราก็จะถอนตัวจากรัฐบาลร่วมกับพรรคประชาธิปัตย์ กลับไปอยู่กับระบอบทักษิณ เช่นเดิม สุดท้ายระบอบทักษิณ ก็จะยังคงมีอำนาจปกครองบ้านเมืองต่อไปอีก หากการต่อสู้ครั้งนี้ของพรรคประชาธิปัตย์ล้มเหลว ทำให้พวกเสื้อแดงปั่นป่วนวุ่นวาย และสุดท้ายต้องแก้ปัญหาด้วยการยุบสภา แล้วอะไรจะเกิดขึ้นครับพี่น้อง วันนั้นพี่น้องพันธมิตรฯของเรา ก็ต้องพร้อม การพร้อมครั้งนี้จะต้องพร้อมทั้งหัวใจ และจิตวิญญาณ มากกว่าการทำสงครามครั้งสุดท้าย เพราะเราต้องลุกขึ้นมาสู้กับระบอบทักษิณอย่างโดดเดี่ยว เนื่องจากว่าในวันที่มีการยุบสภานั้น ความศักดิ์สิทธิ์ของกองทัพที่ไปยุ่งเกี่ยวกับการจัดตั้งรัฐบาลจะทำให้ความชอบธรรมของกองทัพไม่มีเพียงพอที่จะแก้ไขปัญหาของบ้านเมืองได้ และการต่อสู้ของพี่น้องพันธมิตรฯ ในโอกาสครั้งหน้าหากมี ผมฝากพี่น้องไว้เป็นประเด็นสุดท้ายว่า ต้องสู้ อย่าสุดหัวจิตหัวใจ สู้อย่างไม่คิดชีวิต เพื่อที่จะต้องทำลายระบอบอันชั่วร้าย ระบอบอัปรีย์จัญไรนี้ ให้หมดสิ้นไปจากแผ่นดินไทยเสียทีพี่น้อง ขอบพระคุณมากครับ