ASTVผู้จัดการรายวัน -"ป๋าเปรม" มอบรางวัล "สัญญา ธรรมศักดิ์ 52 " ยกพระบรมราโชวาท "ให้สังคมช่วยกันยกย่องคนดี คนไม่ดีจะหมดไป" พร้อมปฏิเสธให้ความเห็นกรณี "นช.แม้ว" พุ่งเป้าโจมตรี ระบุไม่ค่อยได้สนใจ ขณะเดียวกันไม่หวั่นวัน"เสื้อแดง"มาป่วนวันที่8เม.ย. ยันจะอยู่ที่บ้านสี่เสาร์เทเวศร์ ด้าน"อภิสิทธิ์" ยอมรับหนักใจที่สถาบันหลักของชาติ และผู้ใหญ่ในบ้านเมืองถูกนำมาเป็นประเด็นโจมตีทางการเมือง ด้านกลุ่มชมรมสามล้อปั่นเมืองโคราช และนักรบเมืองย่าลุกฮือ! แสดงพลังประกาศเอาชีวิตเข้าแลก เพื่อปกป้อง "ป๋า"และ"สถาบันสูงสุด"
เมื่อเวลา 07.30 น. วานนี้ (5เม.ย.) ที่คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ได้จัดงานวันสัญญา ธรรมศักดิ์ ประจำปี 2552 โดยช่วงเช้าได้จัดพิธีทางสงฆ์ มีบุคคลสำคัญเข้าร่วมงานจำนวนมาก อาทิ พล.อ.พิจิตร กุลละวณิชย์ องคมนตรี นายอรรถนิติ ดิษฐอำนาจ องคมนตรี นายวิรัช ลิ้มวิชัย ประธานศาลฎีกา นายอักขราทร จุฬารัตน ประธานศาลปกครองสูงสุด และประธานกองทุนศาสตราจารย์สัญญา ธรรมศักดิ์ นายชัช ชลวร ประธานศาลรัฐธรรมนูญ นายสุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา นายกสภามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน โดยมีนายสมคิด เลิศไพฑูรย์ คณบดี คณะนิติศาสตร์ คอยให้การต้อนรับ
การจัดงานดังกล่าวได้มีการขอกำลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทั้งตำรวจจราจร และตำรวจสายตรวจจาก สภ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี มาคอยรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดกว่า 200 นาย ขณะเดียวกันได้มีการประสานขอกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด นำเครื่องตรวจวัตถุระเบิดแบบสแกน คอยตรวจผู้เข้าร่วมงานอย่างละเอียด โดยในช่วงเช้า เจ้าหน้าที่ได้ใช้เครื่องสแกนไปตามพุ่มไม้ เพื่อป้องกันการวางวัตถุระเบิด หรือสิ่งแปลกปลอม นอกจากนี้ยังมีการเตรียมเครื่องยิงตัดสัญญาณระบบแรงอัดน้ำแรงดันสูงไว้ด้วย แต่ตลอดระยะเวลาการจัดงานไม่มีเหตุผิดปกติใดๆเกิดขึ้น
เชื่อแม้วต้องการบั่นทอนสถาบัน
จากนั้นเวลา 09.05 น. พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ เดินทางมาเป็นประธานในพิธีวางพานพุ่มดอกไม้ สักการะอนุสาวรีย์ศาสตราจารย์ สัญญา ธรรมศักดิ์ ท่ามกลางการอารักขาของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทั้งในและนอกเครื่องแบบกว่าสิบนายมี พล.อ.พิจิตร นายสุเมธ นายสมคิด และนายอักขราทร คอยให้การต้อนรับ โดย พล.อ.เปรม ได้ทักทาย พล.อ.พิจิตร และนายอักขราทร ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มก่อน เมื่อวางพานพุ่มเสร็จแล้ว พล.อ.พิจิตร ได้เดินมาส่งและพูดคุยเป็นการส่วนตัวกับพล.อ.เปรม จนถึงที่รถ ขณะที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี เป็นตัวแทนวางพานพุ่ม และนายสามารถ แก้วมีชัย รองประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นตัวแทนฝ่ายสภาผู้แทนราษฎร วางพานพุ่ม
ต่อมาเวลา 10.15 น.เป็นพิธีมอบรางวัลสัญญาธรรมศักดิ์ ประจำปี 2552 โดยในปีนี้ผู้ได้รับรางวัลนักกฎหมายดีเด่นคือนายชัช ชลวร ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ขณะที่รางวัลนักศึกษากฎหมายดีเด่น คือ น.ส.อชิรญาณ์ จันทร์พูล
"ป๋า"ยกพระบรมราโชวาทเตือน
ทั้งนี้ พล.อ.เปรม ให้โอกาสตอนหนึ่งว่า การยกย่องคนดีเป็นหน้าที่ของคนไทยทุกคน การที่กองทุนสัญญา ธรรมศักดิ์ ยกย่องคนดีให้ปรากฏทุกปี จึงเป็นการกระทำหน้าที่ของคนไทย "ถ้าประเทศมีคนดีมากขึ้น คนไม่ดีก็จะลดน้อยลง เหมือนกับพระบรมราโชวาท ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ให้ยกย่องคนดี ดูแลบ้านเมือง กีดกันคนไม่ดี ไม่ให้เข้ามายุ่งเกี่ยวกับการบริหารบ้านเมือง และหวังว่า พิธีมอบรางวัลนี้จะเป็นตัวอย่างที่ดีให้องค์กรต่างๆ ได้ทำตามเพื่อส่งเสริมให้คนดีเพิ่มขึ้นในบ้าเมือง"
ด้านนายอักขรทร ได้มอบรางวัลการประกวดเรียงความ เรื่องคุณธรรม และจริยธรรมนำสังคมกับท่านอาจารย์สัญญาธรรมศักดิ์ และกล่าวยินดีกับผู้ได้รับรางวัลว่า ขอแสดงความชื่นชมกับผู้ได้รับรางวัล ซึ่งเป็นการสืบสานต่อเจตนารมณ์ของอาจารย์สัญญา ธรรมศักดิ์ ในเรื่องคุณธรรมจริยธรรมที่ถือเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้สังคมเดินไปได้อย่างมีดุลยภาพ ภราดรภาพ โดยเฉพาะสังคมในปัจจุบันนี้ ซึ่งโครงการจัดประกวดเรียงความ เป็นการเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ได้เดินตามแนวทางอาจารย์สัญญา ซึ่งเป็นผู้ที่ประสบความสำเร็จในทุกด้าน และยังได้รับการยกย่องเชิดชูให้เป็นแบบอย่างที่ดีสำหรับคนรุ่นหลังที่จะสืบสานต่อเจตนารมณ์
ป๋า"ยัน8เม.ย.อยู่บ้านสี่เสาเทเวศร์
จากนั้น พล.อ.เปรม ให้สัมภาษณ์ว่า ถ้าคนไทยน้อมนำพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาใช้จะผ่านพ้นวิกฤตช่วงนี้แน่นอน เมื่อถามว่าปัญหาขณะนี้เกิดขึ้นเพราะแยกไม่ออกระหว่าคนดีกับคนไม่ดีหรือไม่ พล.อ.เปรม ย้อนถามกลับว่า "ทำไมล่ะ ไม่เห็นแยกยากตรงไหนเลย แยกได้ก็ได้ประโยชน์มาก"
เมื่อถามย้ำว่า ท่านก็เป็นคนดี แต่มีความพยายามที่จะพาดพิง พล.อ.เปรม ตอบว่า ไม่เป็นไร ตนก็ยังเป็นอยู่อย่างเดิม เมื่อถามว่า จะทำให้สังคมตื่นตัวในเรื่องนี้อย่างไร พล.อ.เปรม ตอบว่า "เขาตื่นกันแล้วมั๊ง เขารู้จักแยกความดี กับความไม่ดี" เมื่อถามว่า วันที่ 8-10 เม.ย.นี้ กลุ่มเสื้อแดงประกาศจะสู้ถึงขั้นแตกหัก เพื่อทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง เป็นห่วงหรือไม่ พล.อ.เปรม กล่าวว่า ไม่ทราบเรื่องนี้
เมื่อถามว่า กลุ่มเสื้อแดงระบุว่าท่านอยู่เบื้องหลังทั้งหมด อยากให้ท่านชี้แจง พล.อ.เปรม ตอบว่า ไม่พูดแล้ว พูดหมดแล้ว เมื่อถามว่า สิ่งที่ท่านนี้แจงคนยังไม่รับรู้ในวงกว้าง พล.อ.เปรม ย้อนถามว่า กว้างแค่ไหน ตนไม่ทราบ แต่ได้พูดไปหมดแล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่า สิ่งที่ได้รับรู้ คิดว่าจะผ่านพ้นวิกฤตที่เกิดขึ้นหรือไม่ พล.อ.เปรมตอบว่า ไม่ทราบ เพราะไม่รู้ เมื่อถามว่า ความรุนแรงจะเกิดขึ้นหรือไม่ เพราะมีความพยายามจะปลุกคน พล.อ.เปรม กล่าวว่า ไม่วิจารณ์เรื่องนี้ เมื่อถามว่าท่านเป็นผู้ใหญ่ของบ้านเมืองอยากจะให้สติคนไทยอย่างไร พล.อ.เปรม ตอบว่า ให้ไปเรื่อย ให้ไปตลอดเวลาในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ จึงบอกว่า ให้คนไทยต้องรักสามัคคีกันและต้องดำเนินรอยตามเบื้องพระยุคลบาท ขอให้น้อมนำเอาพระราชดำรัส และพระบรมราโชวาท ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไปปฏิบัติ และทุกอย่างก็จะเรียบร้อย
เมื่อถามว่า มีการเสนอให้นำคนกลางมายุติปัญหา คือนายสุเมธ ตันติเวชกุล พล.อ.เปรม ตอบว่า ไม่รู้ ตนไม่รู้ จากนั้น พล.อ.เปรมได้หัวเราะ แล้วหันไปหานายสุเมธ ที่ยืนอยู่ด้านหลัง พร้อมกับกล่าวว่า ให้ไปถามเขาซิ เมื่อถามย้ำว่าสถานการณ์ขณะนี้หากมีคนกลางมาไกล่เกลี่ย จะทำให้พ้นวิกฤตหรือไม่ พล.อ.เปรมตอบว่า คนกลางคือใคร ความจริงตนไม่คิดว่าคนไทยจะไม่รักกัน
เมื่อถามว่า เกิดอะไรทำไมความขัดแย้งจึงรุนแรงขึ้น พล.อ.เปรม กล่าวว่า ไม่ทราบ สื่อทราบดีกว่าตนอีก เมื่อถามว่าใส่ใจกับกลุ่มเสื้อแดงที่โจมตีท่านหรือไม่ พล.อ.เปรม ตอบว่า ไม่ได้ฟัง เมื่อถามต่อว่า กลุ่มเสื้อแดงจะไปปิดล้อมบ้านสี่เสาเทเวศร์ เตรียมรับมือหรือไม่ พล.อ.เปรม ตอบว่า ไม่ต้องเตรียมอะไรเลย เมื่อถามว่าจะอยู่ในบ้านสี่เสาเทเวศร์ ใช่หรือไม่ พล.อ.เปรม ตอบว่า มีบ้านหลังเดียว เมื่อถามว่า พล.อ.พิจิตร เชื่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่จงรักภักดี มองอย่างไร พล.อ.เปรม ตอบว่าไม่รู้ แต่สิ่งที่พล.อ.พิจิตรพูด ก็ต้องไปถามพล.อ.พิจิตร เมื่อถามว่าการที่ พ.ต.ท.ทักษิณ โจมตีท่านกับ พล.อ.สุรยุทธ์ มีเป้าหมายไปไกลกว่านั้นหรือไม่ พล.อ.เปรมตอบว่า สื่อรู้ดีกว่าตน
"ไม่ได้สนใจว่าคุณทักษิณ พูดว่าอะไร เพราะบอกหลายครั้งว่าไม่ค่อยได้ฟังด้วยซ้ำไป เมื่อถามว่าการมุ่งโจมตีบุคคลรอบตัวพระมหากษัตริย์จะทำให้บั่นทอนสถาบันฯ หรือไม่ พล.อ.เปรม พยักหน้า และตอบว่า น่าจะเป็น เมื่อถามว่าจะป้องกันอย่างไร พล.อ.เปรม ตอบว่า ก็อย่าพูดสิ เมื่อถามย้ำว่า หวั่นไหวหรือไม่ในวันที่ 8 เม.ย.นี้ พล.อ.เปรม ตอบด้วยรอยยิ้มที่มุมปากว่าวันนั้นไม่ไปไหนหรอก
"สุเมธ"ปฏิเสธเป็นคนกลางไกล่เกลี่ย
นายสุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา บุคคลที่ทางพรรคเพื่อไทย ระบุว่า อยากให้เป็นคนกลางมาทำหน้าที่ไกล่เกลี่ย ยุติความขัดแย้งทางการเมือง กล่าวว่า ทำงานและอยู่เฉย ๆ เมื่อถามว่า มีคนมาทาบทามหรือยัง นายสุเมธ ตอบว่า ยังไม่รู้ เพิ่งมางานนี้ เมื่อถามว่า จะเป็นเรื่องดีหรือไม่หากเป็นคนกลางแล้วปัญหาจะยุติได้ นายสุเมธ ตอบว่า ทำไมบ้านเมืองต้องเป็นซ้าย ต้องเป็นขวา ต้องเป็นกลาง ไม่เข้าใจ ทำไมต้องเป็นอย่างนี้
เมื่อถามว่าบ้านเมืองจะไปอย่างไรต่อไป นายสุเมธ ตอบว่า ไม่รู้ซิ แต่สื่อน่าจะหาหาทาออกได้ ฝากไว้ด้วย เมื่อถามว่าเป็นห่วงสถานการณ์อย่างไร นายสุเมธ ตอบว่า ในฐานะที่เป็นคนไทย ก็เป็นห่วงบ้านห่วงเมืองทั้งนั้น ไม่มีคนไหนหรอกที่ไม่ห่วง เมื่อถามว่า ทางออกในขณะนี้ควรเป็นอย่างไร นายสุเมธ ตอบว่า ให้นึกถึงประโยชน์ของบ้านเมืองอยู่ตรงไหน เมื่อถามว่า หากมีคนติดต่อให้เป็นคนกลาง จะสนใจหรือไม่ นายสุเมธ ตอบว่า ไม่เอา
ผู้สื่อข่าวถามว่า ท่านควรจะหาทางออกด้วยการไปหารือกับสายศาล แบบที่ พล.อ.สุรยุทธ์ เคยไปปรึกษากับศาล เพื่อแก้ไขปัญหาประเทศมาก่อนหรือไม่ นายสุเมธ ตอบว่า ไม่ทราบ ต้องไปถาม พล.อ.สุรยุทธ์เอง อย่างไรก็ตามการเจรจาถือว่าเป็นหนทางที่ดีที่สุดในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง แต่จนถึงขณะนี้ ยังไม่มีใครมาทาบทามให้ไปเป็นคนกลางดังกล่าว ซึ่งก็ไม่รู้เหมือนกันว่า ทำไมเดี๋ยวนี้บ้านเมืองถึงแบ่งเป็นซ้าย เป็นขวาแบบนี้ เมื่อถามว่า หากมีการทาบทามจริงจะรับเป็นคนกลางหรือไม่ นายสุเมธ ส่ายหน้าพร้อมกับกล่าวว่า ไม่รู้ สื่อนั่นแหละต้องทำหน้าที่เป็นคนกลาง เรื่องนี้ก็ได้ยินจากสื่อนั่นแหละ
สามล้อ"โคราชลั่นปกป้องป๋า-สถาบันฯ
ที่ จ.นครราชสีมา เวลา 15.00 น.วานนี้ กลุ่มชมรมสามล้อปั่นโคราช และกลุ่มนักรบเมืองย่า พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจังหวัดนครราชสีมา กว่า 80 คน นำโดย นายประทีป ณ นคร แกนนำกลุ่มนักรบเมืองย่า และนายวีคม แพงไธสงค์ รองประธานชมรมสามล้อโคราช ได้ร่วมปั่นสามล้อไปรอบเขตเทศบาลนครนครราชสีมา เพื่อรณรงค์ให้ประชาชนชาวโคราชออกมาแสดงพลังปกป้องสถาบันกษัตริย์ และองคมนตรี รวมทั้งพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ ก่อนที่จะมารวมตัวกันอ่านแถลงการณ์ประกาศเจตนารมณ์ที่บริเวณหน้าอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี ถ.ราชดำเนิน อ.เมือง จ.นครราชสีมา และทำการเผาหุ่นของ นช.ทักษิณ ชินวัตร นักโทษหนีคดีอาญาแผ่นดิน ซึ่งทางกลุ่มได้นำภาพใบหน้าของ นช.ทักษิณ สวมเสื้อสีแดง มาติดไว้ที่หุ่นฟาง ก่อนจุดไฟเผาพร้อมสาปแช่ง ต่อหน้าย่าโม
สำหรับสาระสำคัญของแถลงการณ์ฉบับดังกล่าว ระบุว่า สถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นส่วนหนึ่งของความมั่นคงแห่งรัฐ กลุ่มนักรบเมืองย่า และกลุ่มชมรมสามล้อปั่นโคราช พร้อมจะปกป้องแบบเอาชีวิตเข้าแลก เพื่อคงไว้ซึ่งความเป็นไทยสืบไป การจาบจ้วง กล่าวหา ของฝ่ายผู้ไม่หวังดี โดยเฉพาะ นช.ทักษิณ ที่ระบุว่า ผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญแทรกแซงศาล ตุลาการ และอยู่เบื้องหลังการยึดอำนาจ 19 กันยายนนั้น ล้วนเป็นการมุ่งร้ายให้กระทบเบื้องบน จึงขอประณามการกระทำดังกล่าวและไม่เห็นด้วยกับการเรียกร้องให้ยกเลิกกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ เพราะสถาบันถือเป็นส่วนหนึ่งของความมั่นคงแห่งรัฐ
ทั้งนี้ พวกเราขอเรียกร้องให้ดำเนินคดีต่างๆ อย่างเท่าเทียมกัน ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายใดก็ตาม และขอให้รัฐบาลยกเลิกหนังสือเดินทาง หรือพาสปอร์ต และ ถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รวมทั้งนำตัวกลับมารับผิดชอบในคดีต่างๆ และขอเรียกร้องให้ประชาชนได้ร่วมกันปฏิเสธฝ่ายที่แสดงออกซึ่งความไม่จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ และองคมนตรี
"อภิสิทธิ์"ยอมรับหนักใจ
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวตอนหนึ่งในรายการ "เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์" เมื่อเช้าวานนี้ถึงสถานการณ์ทางการเมือง โดยยอมรับว่า มีความหนักใจกับการเคลื่อนไหวทางการเมือง ที่มีการพาดพิงถึงสถาบันหลักของชาติและผู้ใหญ่ในบ้านเมือง ซึ่งไม่เกี่ยวข้องแต่อย่างใด พร้อมย้ำว่า การเคลื่อนไหวสามารถทำได้ แต่อย่าทำให้หลักของบ้านเมืองได้รับผลกระทบ และความเห็นแตกต่างที่เกิดขึ้นควรคลี่คลายในระดับนักการเมืองและนักวิชาการ ไม่ควรเติมความขัดแย้งและนำสังคมเข้าสู่การปะทะ
"รัฐบาลยอมรับในสิทธิและเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น แต่ต้องอยู่ในกรอบ ที่ผ่านมา เกิดเหตุการณ์ขว้างปาสิ่งของรัฐบาลต้องแจ้งความดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่วนการปิดล้อมทำเนียบรัฐบาล ข้าราชการทำเนียบฯ ได้ร้องศาลให้มีคำสั่งเปิดทางเข้า-ออก ซึ่งศาลได้มีคำสั่งแล้ว และติดหมายในทำเนียบฯแล้ว รอกรมบังคับคดีดำเนินการต่อไป" นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า รัฐบาลไม่ได้เพิกเฉยต่อกรณีที่มีการปราศรัยในการชุมนุมกระทบต่อความมั่นคง ขณะนี้ได้รวบรวมหลักฐาน เตรียมดำเนินคดีภายใต้กฎหมาย เพราะถ้ารัฐบาลทำตัวเหนือกฎหมาย จะกลายเป็นที่มาของปัญหา ซึ่งบ้านเมืองที่วุ่นวายมาตลอด 3-4 ปี เพราะการทำตัวเหนือกฎหมาย
นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า วันที่ตนมารับงานตรงนี้มองว่าเรามีภารกิจบางอย่างที่ต้องเร่งทำสะสาง 1.ก็คือเรื่องเศรษฐกิจ คือเรื่องเศรษฐกิจถ้าหากว่าเราไม่มีแผน ไม่มีรัฐบาลที่มาวางแนวทางอะไรต่าง ๆ เลย ตนเชื่อว่าป่านนี้เศรษฐกิจจะฟุบลงไปเลย หนักกว่านี้เยอะ คนจะตกงานมากกว่านี้ มาตรการต่างๆ ที่เราต้องเร่งทำเร็ว ๆ อย่างที่เรียกว่าไม่เคยเห็นมาก่อน และทุ่มเทลงไปนี้ก็เพื่อแก้อันนี้ 2.ประเทศไทยเสียชื่อเสียงมากก่อนหน้านี้ เพราะว่านอกจากปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น เป็นภาพความรุนแรงอะไรต่าง ๆ แล้วก็ปรากฏว่าเราเป็นประธานอาเซียน แต่ไม่สามารถจัดการประชุม อันนี้เสียหายต่อประเทศชาติมาก เราก็มาทำตรงนี้
"ขณะนี้พวกเขามีการเรียกร้องให้ยุบสภาและเลือกตั้ง ผมก็บอกว่าถึงเวลาที่เหมาะสมสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นได้ แต่วันนี้เราต้องการเสถียรภาพ ที่สำคัญผมอยากจะบอกอย่างนี้ การเลือกตั้งไม่ต้องห่วงหรอกครับ ผมเป็นนักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้งมาถึงปีนี้ก็ 17-18 ปีไม่ได้เป็นปัญหาเลยครับ แต่ผมต้องการการเลือกตั้งที่สงบ ถ้ามีการเลือกตั้งแล้วมีความรุนแรงขึ้นนั่นอันตรายมากสำหรับระบอบประชาธิปไตยของไทย ถ้ามีการเลือกตั้งแล้วเราไม่เปิดโอกาสให้คนมีเสรีภาพในการไปหาเสียง จะเป็นภาพที่เลวร้ายมากสำหรับประเทศไทย เพราะฉะนั้นเราต้องการความสงบระยะหนึ่ง ก่อนที่เราจะคิดในเรื่องของการที่จะกลับไปสู่กระบวนการตรงนั้น เพราะว่าเราต้องการให้กระบวนการตรงนั้นนำไปสู่เสถียรภาพ ไม่ใช่การไปซ้ำเติมภาพว่าระบอบประชาธิปไตยของเรามีปัญหา เลือกตั้งแล้วมีความรุนแรง เลือกตั้งแล้วตีกัน เลือกตั้งแล้วปรากฏว่าคนไปหาเสียงไม่ได้ ถ้าอย่างนั้นเสียหายมากเพราะฉะนั้นช่วงนี้เป็นช่วงที่ต้องมีเสถียรภาพระยะหนึ่ง" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
เมื่อเวลา 07.30 น. วานนี้ (5เม.ย.) ที่คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ได้จัดงานวันสัญญา ธรรมศักดิ์ ประจำปี 2552 โดยช่วงเช้าได้จัดพิธีทางสงฆ์ มีบุคคลสำคัญเข้าร่วมงานจำนวนมาก อาทิ พล.อ.พิจิตร กุลละวณิชย์ องคมนตรี นายอรรถนิติ ดิษฐอำนาจ องคมนตรี นายวิรัช ลิ้มวิชัย ประธานศาลฎีกา นายอักขราทร จุฬารัตน ประธานศาลปกครองสูงสุด และประธานกองทุนศาสตราจารย์สัญญา ธรรมศักดิ์ นายชัช ชลวร ประธานศาลรัฐธรรมนูญ นายสุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา นายกสภามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน โดยมีนายสมคิด เลิศไพฑูรย์ คณบดี คณะนิติศาสตร์ คอยให้การต้อนรับ
การจัดงานดังกล่าวได้มีการขอกำลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทั้งตำรวจจราจร และตำรวจสายตรวจจาก สภ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี มาคอยรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดกว่า 200 นาย ขณะเดียวกันได้มีการประสานขอกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด นำเครื่องตรวจวัตถุระเบิดแบบสแกน คอยตรวจผู้เข้าร่วมงานอย่างละเอียด โดยในช่วงเช้า เจ้าหน้าที่ได้ใช้เครื่องสแกนไปตามพุ่มไม้ เพื่อป้องกันการวางวัตถุระเบิด หรือสิ่งแปลกปลอม นอกจากนี้ยังมีการเตรียมเครื่องยิงตัดสัญญาณระบบแรงอัดน้ำแรงดันสูงไว้ด้วย แต่ตลอดระยะเวลาการจัดงานไม่มีเหตุผิดปกติใดๆเกิดขึ้น
เชื่อแม้วต้องการบั่นทอนสถาบัน
จากนั้นเวลา 09.05 น. พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ เดินทางมาเป็นประธานในพิธีวางพานพุ่มดอกไม้ สักการะอนุสาวรีย์ศาสตราจารย์ สัญญา ธรรมศักดิ์ ท่ามกลางการอารักขาของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทั้งในและนอกเครื่องแบบกว่าสิบนายมี พล.อ.พิจิตร นายสุเมธ นายสมคิด และนายอักขราทร คอยให้การต้อนรับ โดย พล.อ.เปรม ได้ทักทาย พล.อ.พิจิตร และนายอักขราทร ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มก่อน เมื่อวางพานพุ่มเสร็จแล้ว พล.อ.พิจิตร ได้เดินมาส่งและพูดคุยเป็นการส่วนตัวกับพล.อ.เปรม จนถึงที่รถ ขณะที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี เป็นตัวแทนวางพานพุ่ม และนายสามารถ แก้วมีชัย รองประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นตัวแทนฝ่ายสภาผู้แทนราษฎร วางพานพุ่ม
ต่อมาเวลา 10.15 น.เป็นพิธีมอบรางวัลสัญญาธรรมศักดิ์ ประจำปี 2552 โดยในปีนี้ผู้ได้รับรางวัลนักกฎหมายดีเด่นคือนายชัช ชลวร ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ขณะที่รางวัลนักศึกษากฎหมายดีเด่น คือ น.ส.อชิรญาณ์ จันทร์พูล
"ป๋า"ยกพระบรมราโชวาทเตือน
ทั้งนี้ พล.อ.เปรม ให้โอกาสตอนหนึ่งว่า การยกย่องคนดีเป็นหน้าที่ของคนไทยทุกคน การที่กองทุนสัญญา ธรรมศักดิ์ ยกย่องคนดีให้ปรากฏทุกปี จึงเป็นการกระทำหน้าที่ของคนไทย "ถ้าประเทศมีคนดีมากขึ้น คนไม่ดีก็จะลดน้อยลง เหมือนกับพระบรมราโชวาท ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ให้ยกย่องคนดี ดูแลบ้านเมือง กีดกันคนไม่ดี ไม่ให้เข้ามายุ่งเกี่ยวกับการบริหารบ้านเมือง และหวังว่า พิธีมอบรางวัลนี้จะเป็นตัวอย่างที่ดีให้องค์กรต่างๆ ได้ทำตามเพื่อส่งเสริมให้คนดีเพิ่มขึ้นในบ้าเมือง"
ด้านนายอักขรทร ได้มอบรางวัลการประกวดเรียงความ เรื่องคุณธรรม และจริยธรรมนำสังคมกับท่านอาจารย์สัญญาธรรมศักดิ์ และกล่าวยินดีกับผู้ได้รับรางวัลว่า ขอแสดงความชื่นชมกับผู้ได้รับรางวัล ซึ่งเป็นการสืบสานต่อเจตนารมณ์ของอาจารย์สัญญา ธรรมศักดิ์ ในเรื่องคุณธรรมจริยธรรมที่ถือเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้สังคมเดินไปได้อย่างมีดุลยภาพ ภราดรภาพ โดยเฉพาะสังคมในปัจจุบันนี้ ซึ่งโครงการจัดประกวดเรียงความ เป็นการเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ได้เดินตามแนวทางอาจารย์สัญญา ซึ่งเป็นผู้ที่ประสบความสำเร็จในทุกด้าน และยังได้รับการยกย่องเชิดชูให้เป็นแบบอย่างที่ดีสำหรับคนรุ่นหลังที่จะสืบสานต่อเจตนารมณ์
ป๋า"ยัน8เม.ย.อยู่บ้านสี่เสาเทเวศร์
จากนั้น พล.อ.เปรม ให้สัมภาษณ์ว่า ถ้าคนไทยน้อมนำพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาใช้จะผ่านพ้นวิกฤตช่วงนี้แน่นอน เมื่อถามว่าปัญหาขณะนี้เกิดขึ้นเพราะแยกไม่ออกระหว่าคนดีกับคนไม่ดีหรือไม่ พล.อ.เปรม ย้อนถามกลับว่า "ทำไมล่ะ ไม่เห็นแยกยากตรงไหนเลย แยกได้ก็ได้ประโยชน์มาก"
เมื่อถามย้ำว่า ท่านก็เป็นคนดี แต่มีความพยายามที่จะพาดพิง พล.อ.เปรม ตอบว่า ไม่เป็นไร ตนก็ยังเป็นอยู่อย่างเดิม เมื่อถามว่า จะทำให้สังคมตื่นตัวในเรื่องนี้อย่างไร พล.อ.เปรม ตอบว่า "เขาตื่นกันแล้วมั๊ง เขารู้จักแยกความดี กับความไม่ดี" เมื่อถามว่า วันที่ 8-10 เม.ย.นี้ กลุ่มเสื้อแดงประกาศจะสู้ถึงขั้นแตกหัก เพื่อทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง เป็นห่วงหรือไม่ พล.อ.เปรม กล่าวว่า ไม่ทราบเรื่องนี้
เมื่อถามว่า กลุ่มเสื้อแดงระบุว่าท่านอยู่เบื้องหลังทั้งหมด อยากให้ท่านชี้แจง พล.อ.เปรม ตอบว่า ไม่พูดแล้ว พูดหมดแล้ว เมื่อถามว่า สิ่งที่ท่านนี้แจงคนยังไม่รับรู้ในวงกว้าง พล.อ.เปรม ย้อนถามว่า กว้างแค่ไหน ตนไม่ทราบ แต่ได้พูดไปหมดแล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่า สิ่งที่ได้รับรู้ คิดว่าจะผ่านพ้นวิกฤตที่เกิดขึ้นหรือไม่ พล.อ.เปรมตอบว่า ไม่ทราบ เพราะไม่รู้ เมื่อถามว่า ความรุนแรงจะเกิดขึ้นหรือไม่ เพราะมีความพยายามจะปลุกคน พล.อ.เปรม กล่าวว่า ไม่วิจารณ์เรื่องนี้ เมื่อถามว่าท่านเป็นผู้ใหญ่ของบ้านเมืองอยากจะให้สติคนไทยอย่างไร พล.อ.เปรม ตอบว่า ให้ไปเรื่อย ให้ไปตลอดเวลาในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ จึงบอกว่า ให้คนไทยต้องรักสามัคคีกันและต้องดำเนินรอยตามเบื้องพระยุคลบาท ขอให้น้อมนำเอาพระราชดำรัส และพระบรมราโชวาท ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไปปฏิบัติ และทุกอย่างก็จะเรียบร้อย
เมื่อถามว่า มีการเสนอให้นำคนกลางมายุติปัญหา คือนายสุเมธ ตันติเวชกุล พล.อ.เปรม ตอบว่า ไม่รู้ ตนไม่รู้ จากนั้น พล.อ.เปรมได้หัวเราะ แล้วหันไปหานายสุเมธ ที่ยืนอยู่ด้านหลัง พร้อมกับกล่าวว่า ให้ไปถามเขาซิ เมื่อถามย้ำว่าสถานการณ์ขณะนี้หากมีคนกลางมาไกล่เกลี่ย จะทำให้พ้นวิกฤตหรือไม่ พล.อ.เปรมตอบว่า คนกลางคือใคร ความจริงตนไม่คิดว่าคนไทยจะไม่รักกัน
เมื่อถามว่า เกิดอะไรทำไมความขัดแย้งจึงรุนแรงขึ้น พล.อ.เปรม กล่าวว่า ไม่ทราบ สื่อทราบดีกว่าตนอีก เมื่อถามว่าใส่ใจกับกลุ่มเสื้อแดงที่โจมตีท่านหรือไม่ พล.อ.เปรม ตอบว่า ไม่ได้ฟัง เมื่อถามต่อว่า กลุ่มเสื้อแดงจะไปปิดล้อมบ้านสี่เสาเทเวศร์ เตรียมรับมือหรือไม่ พล.อ.เปรม ตอบว่า ไม่ต้องเตรียมอะไรเลย เมื่อถามว่าจะอยู่ในบ้านสี่เสาเทเวศร์ ใช่หรือไม่ พล.อ.เปรม ตอบว่า มีบ้านหลังเดียว เมื่อถามว่า พล.อ.พิจิตร เชื่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่จงรักภักดี มองอย่างไร พล.อ.เปรม ตอบว่าไม่รู้ แต่สิ่งที่พล.อ.พิจิตรพูด ก็ต้องไปถามพล.อ.พิจิตร เมื่อถามว่าการที่ พ.ต.ท.ทักษิณ โจมตีท่านกับ พล.อ.สุรยุทธ์ มีเป้าหมายไปไกลกว่านั้นหรือไม่ พล.อ.เปรมตอบว่า สื่อรู้ดีกว่าตน
"ไม่ได้สนใจว่าคุณทักษิณ พูดว่าอะไร เพราะบอกหลายครั้งว่าไม่ค่อยได้ฟังด้วยซ้ำไป เมื่อถามว่าการมุ่งโจมตีบุคคลรอบตัวพระมหากษัตริย์จะทำให้บั่นทอนสถาบันฯ หรือไม่ พล.อ.เปรม พยักหน้า และตอบว่า น่าจะเป็น เมื่อถามว่าจะป้องกันอย่างไร พล.อ.เปรม ตอบว่า ก็อย่าพูดสิ เมื่อถามย้ำว่า หวั่นไหวหรือไม่ในวันที่ 8 เม.ย.นี้ พล.อ.เปรม ตอบด้วยรอยยิ้มที่มุมปากว่าวันนั้นไม่ไปไหนหรอก
"สุเมธ"ปฏิเสธเป็นคนกลางไกล่เกลี่ย
นายสุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา บุคคลที่ทางพรรคเพื่อไทย ระบุว่า อยากให้เป็นคนกลางมาทำหน้าที่ไกล่เกลี่ย ยุติความขัดแย้งทางการเมือง กล่าวว่า ทำงานและอยู่เฉย ๆ เมื่อถามว่า มีคนมาทาบทามหรือยัง นายสุเมธ ตอบว่า ยังไม่รู้ เพิ่งมางานนี้ เมื่อถามว่า จะเป็นเรื่องดีหรือไม่หากเป็นคนกลางแล้วปัญหาจะยุติได้ นายสุเมธ ตอบว่า ทำไมบ้านเมืองต้องเป็นซ้าย ต้องเป็นขวา ต้องเป็นกลาง ไม่เข้าใจ ทำไมต้องเป็นอย่างนี้
เมื่อถามว่าบ้านเมืองจะไปอย่างไรต่อไป นายสุเมธ ตอบว่า ไม่รู้ซิ แต่สื่อน่าจะหาหาทาออกได้ ฝากไว้ด้วย เมื่อถามว่าเป็นห่วงสถานการณ์อย่างไร นายสุเมธ ตอบว่า ในฐานะที่เป็นคนไทย ก็เป็นห่วงบ้านห่วงเมืองทั้งนั้น ไม่มีคนไหนหรอกที่ไม่ห่วง เมื่อถามว่า ทางออกในขณะนี้ควรเป็นอย่างไร นายสุเมธ ตอบว่า ให้นึกถึงประโยชน์ของบ้านเมืองอยู่ตรงไหน เมื่อถามว่า หากมีคนติดต่อให้เป็นคนกลาง จะสนใจหรือไม่ นายสุเมธ ตอบว่า ไม่เอา
ผู้สื่อข่าวถามว่า ท่านควรจะหาทางออกด้วยการไปหารือกับสายศาล แบบที่ พล.อ.สุรยุทธ์ เคยไปปรึกษากับศาล เพื่อแก้ไขปัญหาประเทศมาก่อนหรือไม่ นายสุเมธ ตอบว่า ไม่ทราบ ต้องไปถาม พล.อ.สุรยุทธ์เอง อย่างไรก็ตามการเจรจาถือว่าเป็นหนทางที่ดีที่สุดในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง แต่จนถึงขณะนี้ ยังไม่มีใครมาทาบทามให้ไปเป็นคนกลางดังกล่าว ซึ่งก็ไม่รู้เหมือนกันว่า ทำไมเดี๋ยวนี้บ้านเมืองถึงแบ่งเป็นซ้าย เป็นขวาแบบนี้ เมื่อถามว่า หากมีการทาบทามจริงจะรับเป็นคนกลางหรือไม่ นายสุเมธ ส่ายหน้าพร้อมกับกล่าวว่า ไม่รู้ สื่อนั่นแหละต้องทำหน้าที่เป็นคนกลาง เรื่องนี้ก็ได้ยินจากสื่อนั่นแหละ
สามล้อ"โคราชลั่นปกป้องป๋า-สถาบันฯ
ที่ จ.นครราชสีมา เวลา 15.00 น.วานนี้ กลุ่มชมรมสามล้อปั่นโคราช และกลุ่มนักรบเมืองย่า พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจังหวัดนครราชสีมา กว่า 80 คน นำโดย นายประทีป ณ นคร แกนนำกลุ่มนักรบเมืองย่า และนายวีคม แพงไธสงค์ รองประธานชมรมสามล้อโคราช ได้ร่วมปั่นสามล้อไปรอบเขตเทศบาลนครนครราชสีมา เพื่อรณรงค์ให้ประชาชนชาวโคราชออกมาแสดงพลังปกป้องสถาบันกษัตริย์ และองคมนตรี รวมทั้งพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ ก่อนที่จะมารวมตัวกันอ่านแถลงการณ์ประกาศเจตนารมณ์ที่บริเวณหน้าอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี ถ.ราชดำเนิน อ.เมือง จ.นครราชสีมา และทำการเผาหุ่นของ นช.ทักษิณ ชินวัตร นักโทษหนีคดีอาญาแผ่นดิน ซึ่งทางกลุ่มได้นำภาพใบหน้าของ นช.ทักษิณ สวมเสื้อสีแดง มาติดไว้ที่หุ่นฟาง ก่อนจุดไฟเผาพร้อมสาปแช่ง ต่อหน้าย่าโม
สำหรับสาระสำคัญของแถลงการณ์ฉบับดังกล่าว ระบุว่า สถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นส่วนหนึ่งของความมั่นคงแห่งรัฐ กลุ่มนักรบเมืองย่า และกลุ่มชมรมสามล้อปั่นโคราช พร้อมจะปกป้องแบบเอาชีวิตเข้าแลก เพื่อคงไว้ซึ่งความเป็นไทยสืบไป การจาบจ้วง กล่าวหา ของฝ่ายผู้ไม่หวังดี โดยเฉพาะ นช.ทักษิณ ที่ระบุว่า ผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญแทรกแซงศาล ตุลาการ และอยู่เบื้องหลังการยึดอำนาจ 19 กันยายนนั้น ล้วนเป็นการมุ่งร้ายให้กระทบเบื้องบน จึงขอประณามการกระทำดังกล่าวและไม่เห็นด้วยกับการเรียกร้องให้ยกเลิกกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ เพราะสถาบันถือเป็นส่วนหนึ่งของความมั่นคงแห่งรัฐ
ทั้งนี้ พวกเราขอเรียกร้องให้ดำเนินคดีต่างๆ อย่างเท่าเทียมกัน ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายใดก็ตาม และขอให้รัฐบาลยกเลิกหนังสือเดินทาง หรือพาสปอร์ต และ ถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รวมทั้งนำตัวกลับมารับผิดชอบในคดีต่างๆ และขอเรียกร้องให้ประชาชนได้ร่วมกันปฏิเสธฝ่ายที่แสดงออกซึ่งความไม่จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ และองคมนตรี
"อภิสิทธิ์"ยอมรับหนักใจ
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวตอนหนึ่งในรายการ "เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์" เมื่อเช้าวานนี้ถึงสถานการณ์ทางการเมือง โดยยอมรับว่า มีความหนักใจกับการเคลื่อนไหวทางการเมือง ที่มีการพาดพิงถึงสถาบันหลักของชาติและผู้ใหญ่ในบ้านเมือง ซึ่งไม่เกี่ยวข้องแต่อย่างใด พร้อมย้ำว่า การเคลื่อนไหวสามารถทำได้ แต่อย่าทำให้หลักของบ้านเมืองได้รับผลกระทบ และความเห็นแตกต่างที่เกิดขึ้นควรคลี่คลายในระดับนักการเมืองและนักวิชาการ ไม่ควรเติมความขัดแย้งและนำสังคมเข้าสู่การปะทะ
"รัฐบาลยอมรับในสิทธิและเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น แต่ต้องอยู่ในกรอบ ที่ผ่านมา เกิดเหตุการณ์ขว้างปาสิ่งของรัฐบาลต้องแจ้งความดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่วนการปิดล้อมทำเนียบรัฐบาล ข้าราชการทำเนียบฯ ได้ร้องศาลให้มีคำสั่งเปิดทางเข้า-ออก ซึ่งศาลได้มีคำสั่งแล้ว และติดหมายในทำเนียบฯแล้ว รอกรมบังคับคดีดำเนินการต่อไป" นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า รัฐบาลไม่ได้เพิกเฉยต่อกรณีที่มีการปราศรัยในการชุมนุมกระทบต่อความมั่นคง ขณะนี้ได้รวบรวมหลักฐาน เตรียมดำเนินคดีภายใต้กฎหมาย เพราะถ้ารัฐบาลทำตัวเหนือกฎหมาย จะกลายเป็นที่มาของปัญหา ซึ่งบ้านเมืองที่วุ่นวายมาตลอด 3-4 ปี เพราะการทำตัวเหนือกฎหมาย
นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า วันที่ตนมารับงานตรงนี้มองว่าเรามีภารกิจบางอย่างที่ต้องเร่งทำสะสาง 1.ก็คือเรื่องเศรษฐกิจ คือเรื่องเศรษฐกิจถ้าหากว่าเราไม่มีแผน ไม่มีรัฐบาลที่มาวางแนวทางอะไรต่าง ๆ เลย ตนเชื่อว่าป่านนี้เศรษฐกิจจะฟุบลงไปเลย หนักกว่านี้เยอะ คนจะตกงานมากกว่านี้ มาตรการต่างๆ ที่เราต้องเร่งทำเร็ว ๆ อย่างที่เรียกว่าไม่เคยเห็นมาก่อน และทุ่มเทลงไปนี้ก็เพื่อแก้อันนี้ 2.ประเทศไทยเสียชื่อเสียงมากก่อนหน้านี้ เพราะว่านอกจากปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น เป็นภาพความรุนแรงอะไรต่าง ๆ แล้วก็ปรากฏว่าเราเป็นประธานอาเซียน แต่ไม่สามารถจัดการประชุม อันนี้เสียหายต่อประเทศชาติมาก เราก็มาทำตรงนี้
"ขณะนี้พวกเขามีการเรียกร้องให้ยุบสภาและเลือกตั้ง ผมก็บอกว่าถึงเวลาที่เหมาะสมสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นได้ แต่วันนี้เราต้องการเสถียรภาพ ที่สำคัญผมอยากจะบอกอย่างนี้ การเลือกตั้งไม่ต้องห่วงหรอกครับ ผมเป็นนักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้งมาถึงปีนี้ก็ 17-18 ปีไม่ได้เป็นปัญหาเลยครับ แต่ผมต้องการการเลือกตั้งที่สงบ ถ้ามีการเลือกตั้งแล้วมีความรุนแรงขึ้นนั่นอันตรายมากสำหรับระบอบประชาธิปไตยของไทย ถ้ามีการเลือกตั้งแล้วเราไม่เปิดโอกาสให้คนมีเสรีภาพในการไปหาเสียง จะเป็นภาพที่เลวร้ายมากสำหรับประเทศไทย เพราะฉะนั้นเราต้องการความสงบระยะหนึ่ง ก่อนที่เราจะคิดในเรื่องของการที่จะกลับไปสู่กระบวนการตรงนั้น เพราะว่าเราต้องการให้กระบวนการตรงนั้นนำไปสู่เสถียรภาพ ไม่ใช่การไปซ้ำเติมภาพว่าระบอบประชาธิปไตยของเรามีปัญหา เลือกตั้งแล้วมีความรุนแรง เลือกตั้งแล้วตีกัน เลือกตั้งแล้วปรากฏว่าคนไปหาเสียงไม่ได้ ถ้าอย่างนั้นเสียหายมากเพราะฉะนั้นช่วงนี้เป็นช่วงที่ต้องมีเสถียรภาพระยะหนึ่ง" นายอภิสิทธิ์ กล่าว