xs
xsm
sm
md
lg

พยากรณ์สงกรานต์ 2552 (ตอน 2-จบ)

เผยแพร่:   โดย: สิริอัญญา

ตำนานสงกรานต์สืบทอดมาจากอินเดียตะวันตกว่ามีพระพรหมองค์หนึ่งชื่อว่ากบิลพรหม มีนิสัยติดการพนัน มีบุตรี 7 องค์ ตามลำดับคือพระนางทุงษะเทวี พระนางโคราคะเทวี พระนางรากษสเทวี พระนางมณฑาเทวี พระนางกิริณีเทวีหรือกาลกิณีเทวี พระนางกิมิทาเทวี และพระนางมโหทรเทวี

ท้าวกบิลพรหมนั้นแม้ทรงภูมิทรงธรรมเป็นถึงขั้นพรหมแต่ยังมีนิสัยรักการพนัน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าแม้จะเป็นเทวดาและมีภูมิธรรมสูงถึงขั้นพรหมก็ยังมีกิเลสและมีอัชฌาสัยที่ใฝ่ในอบายมุข เพราะยังไม่บรรลุถึงที่สุดแห่งทุกข์คือความเป็นพระอรหันต์นั่นเอง

ท้าวกบิลพรหมได้ท้าพนันกับมานพหนุ่มคนหนึ่งชื่อว่าธรรมบาลบุตร โดยตั้งปริศนาว่าแต่ละเวลา “ศรี” อยู่ที่ไหน ถ้าตอบได้จะยอมให้ตัดศีรษะตนเอง แต่ถ้าตอบไม่ได้มานพน้อยก็จะต้องเสียศีรษะตน

มานพหนุ่มจำรับคำท้าทั้งๆ ที่ไม่รู้คำตอบว่า “ศรี” อยู่ที่ไหน จนเกือบจะจำนนหมดอาลัยตายอยากรอความตายอยู่แล้ว แต่ในระหว่างรอเวลาหาคำตอบนั้นก็เผอิญได้ยินนกแร้งผัวเมียคู่หนึ่งสนทนากันว่าเตรียมการจะไปกินซากศพของมานพน้อย เพราะจะไม่สามารถเฉลยคำตอบของกบิลพรหมได้

เหตุการณ์มาผันแปรก็เพราะเจ้าแร้งตัวเมียอดสงสัยไว้มิได้ เคี่ยวเข็ญแร้งผัวด้วยอยากรู้ว่าแต่ละเวลา “ศรี” อยู่ที่ไหน

ตัวแร้งผัวคงเป็นแร้งกลัวเมียหรือไม่ก็รำคาญเมีย จึงบอกความว่าเวลาเช้าศรีอยู่ที่หน้า เวลาเที่ยงศรีอยู่ที่หน้าอก และเวลาค่ำศรีอยู่ที่เท้า ซึ่งเป็นคติต่อยอดออกไปว่า เวลาเช้า เที่ยง และค่ำ จะเกิดความมงคลถ้าหากได้ล้างหน้า เอาน้ำลูบอก และชำระเท้า

จึงเป็นเหตุให้มานพน้อยทราบคำตอบแล้วสามารถตอบปริศนาของท้าวกบิลพรหมได้ถูกต้อง ท้าวกบิลพรหมนักพนันจึงต้องเสียหัวเพราะแพ้พนันด้วยประการฉะนี้

ตำนานนี้สอนให้รู้ว่า อันการพนันนั้นเมื่อผู้ใดเสพแล้ว ไม่ว่าจะต่ำต้อยหรือสูงส่งเพียงใดก็ตาม ย่อมมีความฉิบหายเป็นอนาคต สมดังที่พระตถาคตเจ้าได้ตรัสสอนว่าการพนันเป็นบ่อเกิดแห่งความฉิบหายนั่นแล ท้าวกบิลพรหมแม้ทรงฐานะอันสูง แต่เมื่อซ่องเสพด้วยการพนันจึงต้องเสียหัวให้แก่ผู้อื่นดังนี้

แต่ทว่าหัวของพรหมนั้นหากตกหล่นถึงพื้นก็จะเกิดเป็นไฟประลัยกัลป์ล้างโลก หากโยนไปในอากาศฝนก็จะแล้ง สัตว์ทั้งหลายจะได้ความเดือดร้อน หากทิ้งลงไปในพระมหาสมุทรน้ำก็จะแห้ง สัตว์ทั้งหลายจะได้ความเดือดร้อนล้มตายสิ้น

ดังนั้นท้าวกบิลพรหมจึงสั่งให้บุตรีเอาพานมารองรับศีรษะไว้ แล้วให้นำไปเก็บไว้ในมณฑลในถ้ำคันธุลีเขาไกรลาส ครบรอบปีหนึ่งก็ให้เชิญศีรษะออกจากถ้ำคันธุลี แห่เวียนประทักษิณรอบเขาพระสุเมรุ แล้วนำกลับเข้าไปประดิษฐานในถ้ำคันธุลีไกรลาสดังเดิม

มีการจัดเวรยามให้กับบุตรีในการทำพิธีเชิญเศียรท้าวกบิลพรหมในแต่ละปี โดยถือเอาวันเวลาที่พระอาทิตย์โคจรข้ามราศีมีนสู่ราศีเมษเป็นสำคัญ กำหนดให้พระนางทุงษะเทวีซึ่งเป็นพี่เอื้อยเข้าเวรในปีที่วันสงกรานต์ตรงกับวันอาทิตย์เป็นลำดับไป จนกระทั่งถึงพระนางมโหทรเทวีน้องเล็กเข้าเวรวันสงกรานต์ที่เป็นวันเสาร์

ดังนั้นในปีพุทธศักราช 2552 เมื่อวันสงกรานต์ตรงกับวันจันทร์จึงเป็นเวรของพระนางโคราคะเทวีต้องเข้าเวรไปเป็นเวลา 1 ปี

และเมื่อมีการเชิญเศียรท้าวกบิลพรหมออกจากถ้ำในแต่ละปี เทวดาทั้งหลายก็จะจัดเป็นขบวนแห่แหน มีเทวดาขี่สัตว์พาหนะที่เป็นนักษัตรประจำปีนำขบวนนางสงกรานต์เวรเชิญเศียรท้าวกบิลพรหมออกจากถ้ำคันธุลีไกรลาส

เพราะเหตุนี้จึงถือว่าปีนักษัตรชวด ฉลู ขาล เถาะ จะเริ่มต้นขึ้นในวันสงกรานต์ ซึ่งในบัดนี้มีคติถือผิดเพี้ยนกันไปเป็นอันมาก บ้างก็ถือเอาวันที่ 1 มกราคม บ้างก็ถือเอาวันตรุษจีน บ้างก็ถือเอาวันขึ้น 5 ค่ำ เดือน 5 ซึ่งยังหาปราชญ์อันเป็นที่นับถือหรือผู้มีอำนาจจัดการประชุมเสวนาหาข้อยุติที่ลงตรงกันไม่ได้ แต่ในที่นี้จะถือว่าปีนักษัตรใหม่คือปีฉลู จะเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่วันเวลาสงกรานต์นั้น

พระนางโคราคะเทวีเข้าเวรสงกรานต์ปีนี้ ทรงเป็นเทพบุตรีที่รักความบริสุทธิ์ โปรดดอกปีบซึ่งเป็นดอกไม้สีขาว มีกลิ่นหอมในยามค่ำคืนถึงเวลาอุทัย ดังนั้นในปีนี้ความเน่าเหม็นโสโครกต่างๆ ไม่ว่าการฉ้อฉลปล้นชาติ การฉ้อราษฎร์บังหลวงทั้งปวง จะถูกเปิดโปงต่อต้านอย่างกว้างขวางอีกครั้งหนึ่ง คนชั่วฉลที่จ้องปล้นบ้านผลาญเมืองพึงระมัดระวังตัวให้จงหนัก จักต้องราชภัย กระทั่งถึงสิ้นวาระอายุขัยในคราวนี้

เครื่องประดับของนางสงกรานต์เวรปีนี้คือมุกดา ได้แก่ไข่มุก ต่างกับพี่น้องร่วมอุทรองค์อื่นๆ ที่โปรดอัญมณีหลากหลายชนิด ดังนั้นนับแต่วันสงกรานต์นี้ไปการผลิตและการค้าอัญมณีจะมีอันได้รับผลกระทบและด้อยความนิยม ในขณะที่ไข่มุกอันเป็นผลิตผลธรรมชาติบริสุทธิ์ที่กลั่นจากน้ำนมแห่งพระสมุทรจะเป็นที่นิยมแพร่หลายและมีราคาสูงขึ้น ทั้งยังสะท้อนให้เห็นถึงความผันผวนแปรปรวนและผลขาดทุนที่เกิดจากการเก็งกำไรทองคำด้วย

ภักษาหารของนางสงกรานต์เวรปีนี้เป็นน้ำมัน เนย ประเทศไทยจะถูกกดดันและได้รับผลกระทบจากประเทศตะวันตกและฝรั่งมังค่า อันเป็นชะตากรรมแบบเดียวกันกับที่เคยเกิดขึ้นในปี 2540-2541 ในขณะที่ราคาพลังงานจะมีความผันผวนปรวนแปรไปในทางที่สูงขึ้น

ศาสตราวุธประจำพระองค์นางสงกรานต์เวรปีนี้คือพระขรรค์ อันมีนัยอยู่สองสถาน

นั่นคือสถานแรก อำนาจการเมืองอันเป็นรัฏฐาธิปัตย์ในปัจจุบันจะยังคงดำรงมั่นไม่ผันแปร แต่สถานสอง จะบังเกิดผลร้ายก่อตัวขึ้นประดุจดั่งสนิมเหล็กที่ก่อเกิดขึ้นในเนื้อในเหล็ก หรือนัยหนึ่งก็คืออำนาจจะทำลายความนิยมศรัทธาแก่ผู้มีอำนาจนั้น แต่ไม่ถึงขั้นที่อำนาจจะต้องหลุดมือ

ในขณะเดียวกันนางสงกรานต์เวรก็ยังมีไม้เท้าเป็นเครื่องประคองตัวให้รอดพ้นจากอุปสรรคและอุบัติเหตุนานาประการ ซึ่งหมายถึงมีพลังอำนาจหรือกลุ่มพลังที่ไร้สภาพคอยอุปถัมภ์ค้ำจุนให้ฝ่าฟันวิกฤตไปได้อย่างทุลักทุเล

นางสงกรานต์เข้าเวรในเวลาหลังเที่ยงคืนไปแล้วดังนั้นกิริยาอาการจึงเป็นการนอนและนอนหลับตา อันบ่งบอกความหมายว่าไม่ว่าจะเกิดเหตุใดๆ ขึ้นก็ยังทำเป็นทองไม่รู้ร้อน นอนหลับหูหลับตา ปล่อยให้สถานการณ์เป็นไป และปล่อยให้พลังอำนาจที่จำต้องค้ำจุนต้องอุ้มชูอย่างสบายใจเฉิบ

โอ้! “พระนางสงกรานต์เวร” เอ๋ย ท่านช่างเป็นผู้มีบุญนัก ที่คนทั้งหลายต้องตกอยู่ในสถานการณ์จำยอมค้ำจุนอุ้มชูท่านด้วยความอึดอัดขัดใจ แต่ความไม่เอาไหนไร้ความรับผิดชอบของท่านจะก่อบาปกรรมกับชาติบ้านเมืองและอาณาประชาราษฎร์ยิ่งนัก

พาหนะของนางสงกรานต์เวรคือพยัคฆาหรือเสือ ซึ่งเป็นทั้งสัตว์ร้ายและสัตว์ดุควบคู่กัน จะลงจากหลังเสือก็มิได้ จะนั่งอยู่บนหลังเสือก็ไม่สบาย แต่เดชะบุญที่ยังมีพระขรรค์และไม้เท้าคุ้มตัว จึงรอดตัวรอดตายโดยคนทั้งหลายจะเดือดร้อนรับเคราะห์แทน

เพราะเหตุที่วันจันทร์เป็นวันสงกรานต์ หรือสงกรานต์ปี หรือที่เรียกว่าวันมหาสงกรานต์ตรงกับวันจันทร์ มีคำพยากรณ์ว่าจะแพ้เสนาบดี ท้าวพระยา และนางพระยาทั้งหลาย หมายความว่าข้าราชการประจำจะยังคงมีอำนาจเป็นด้านหลักในการบริหารราชการบ้านเมือง สิ่งที่คนเสื้อแดงเรียกขานว่าระบอบอมาตยาธิปไตยจะยังคงดำรงมั่นไม่ผันแปรแต่ประการใด

วันเถลิงศกตรงกับวันที่ 16 เมษายน 2552 เวลา 05 นาฬิกา 6 นาที 0 วินาที ซึ่งยังเป็นวันพุธทางจันทรคติ มีคำพยากรณ์ว่าราชบัณฑิต ปุโรหิต และโหราจารย์จะสุขสำราญเป็นอันมาก หมายความว่านักวิชาการ ที่ปรึกษา และโหราจารย์ทั้งปวงจะมีงานเข้าเป็นอันมาก ทุกภาคส่วนเข้ามาพึ่งพาอาศัยบริการกันอย่างถ้วนหน้า ทำให้บรรดาผู้มีปัญญาวิชาคุณในเรื่องเหล่านี้มีชื่อเสียงและลาภผลเป็นอันมาก

ปีนี้วันที่ 12 เมษายน 2552 เป็นวันเนา ตรงกับวันอาทิตย์ มีคำพยากรณ์ว่าข้าวจะตายฝอย จะได้ยินเสียงคนต่างภาษา ท้าวพระยาจะหนักใจ หมายความว่า การบ้านงานเมืองจะถูกแทรกแซงก้าวก่ายจากคนต่างด้าวเท้าต่างแดน ทำให้พระมหากษัตริย์ เสนาบดี และมนตรีทั้งหลายพากันหนักอกหนักใจ ต้องแก้ไขข่าวให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้อง การที่ข้าวจะตายฝอยหมายถึงฝนตกขาดช่วง ในยามข้าวกำลังแตกใบอ่อน ซึ่งจะเกิดความเสียหายแก่นาดอนทั้งปวง

ปีนี้เกณฑ์พิรุณศาสตร์ วันจันทร์เป็นอธิบดีฝน จำนวนฝนทั้งสิ้นมี 500 ห่า ตกในโลกมนุษย์ 50 ห่า ตกในมหาสมุทร 100 ห่า ตกในป่าหิมพานต์ 150 ห่า ตกในเขาจักรวาล 200 ห่า ปริมาณน้ำปานกลางไปทางน้อย ข้าวกล้าในที่ลุ่มจะได้ผลดี ในที่ราบจะได้ผลปานกลาง ในที่ดอนจะได้ผลน้อย แต่ราคาจะงาม

เกณฑ์ธาราธิคุณปีนี้ได้เศษ 3 ตกราศีกรกฎ ธาตุน้ำ อาโปธาตุ พยากรณ์ว่าฝนจะตกหนักเฉพาะจุด เป็นเหตุให้น้ำท่วมในหลายพื้นที่ และเกิดความเสียหายแก่เรือกสวนไร่นา และทรัพย์สินของราษฎรที่อยู่ข้างลำน้ำ

ปีนี้เป็นปีฉลู นาคให้น้ำ 6 ตัว ผลัดเปลี่ยนกันให้น้ำแต่ละฤดูกาลๆ ละ 2 ตัว จึงทำให้ต้นปี กลางปี และปลายปี มีปริมาณน้ำเสมอกัน

เกณฑ์ธัญญาหารได้เศษ 4 ชื่อมัชฌิมา พยากรณ์ว่าข้าวกล้าในไร่นาจะได้ครึ่งเสียครึ่ง แต่ยังคงเพียงพอต่อการบริโภคในประเทศ ประชาชนทั้งหลายจะคลายทุกข์แต่มีสุขแค่ปานกลางแล.
กำลังโหลดความคิดเห็น