ASTVผู้จัดการรายวัน - ประธานหอการค้าไทยสุดทน จวกกลุ่มเสื้อแดงชุมนุมซ้ำเติมปัญหาเศรษฐกิจของชาติ เรียกร้องยุติการกระทำ แนะให้ใช้สติไตร่ตรองและมองถึงผลประโยชน์ของคนส่วนใหญ่ ไม่ใช่ทำเพื่อคนคนเดียว เหตุทุกชาติกำลังร่วมมือกันแก้ไขปัญหา แต่ไทยกลับพยายามสร้างปัญหา ขณะที่สมาคมกำนัน-ผู้ใหญ่บ้านบุกกรุงแถลงจี้กลุ่มเสื้อแดงยุติการชุมนุม สร้างความเสียหายแก่ประเทศชาติ "ชัย" ระบุหลังสงกรานต์จะมีผู้มีบารมีมาไกล่เกลี่ยปัญหาความขัดแย้ง "เสธ.หนั่น" แนะตัดสัญญาณวิดีโอลิงก์ ขณะที่"อนุพงษ์"ยังท่องคาถา ทหารต้องวางตัวเป็นกลาง
นายดุสิต นนทนาคร ประธานกรรมการหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้ผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกที่ทรุดตัวลงอย่างรุนแรง และมีผลกระทบไปทั่ว โดยไทยได้รับความเสียหายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะด้านการส่งออกที่ลดลงไปแล้วประมาณ 25% ภาคการผลิตลดลงโดยเฉลี่ย 30% ซึ่งเอกชนได้ตระหนักและได้พยายามร่วมมือและดิ้นรนกันอย่างเต็มที่เพื่อให้ปัญหาทางเศรษฐกิจของประเทศได้คลี่คลาย ขณะที่รัฐบาลเองก็ได้ดำเนินนโยบายและมาตรการเพื่อทำให้บรรยากาศด้านการค้า การลงทุน รวมทั้งความเชื่อมั่นของประเทศดีขึ้น
ขณะเดียวกัน ยังพบว่า ประเทศต่างๆ ได้มีการดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของประเทศ โดยได้ร่วมมือกันอย่างดีทุกประเทศ พร้อมใจกันแก้ปัญหาของตน ทำให้ความเชื่อมั่นโดยรวมดีขึ้น รัฐบาลทั่วโลกลงมาดูแลเอาใจใส่อย่างจริงจัง ทำให้สิ่งที่คาดว่าจะเลวร้ายอย่างมาก ก็อาจจะไม่เป็นไปอย่างที่เคยคาดการณ์กันไว้ก่อนหน้านี้
“ตอนนี้ทุกคนร่วมมือกันอย่างเต็มที่ แต่ในไทยกลับมีการใช้คำพูดที่รุนแรง ยั่วยุให้เกิดความแตกแยก เป็นการซ้ำเติมสถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศให้เลวร้ายลงไปกว่าเดิม กระทบความเชื่อมั่นทางด้านการลงทุน สิ่งที่ทุกภาคส่วนได้พยายามทุ่มเทลงมือ ลงแรงในการแก้ปัญหาก็จะเสียเปล่า ผลกระทบในด้านลบก็จะตกอยู่กับผู้ประกอบการไทย แรงงานไทย คนไทยทุกคน รวมไปถึงเศรษฐกิจและสังคมของประเทศทั้งหมด”
นายดุสิตกล่าวว่า ภาคเอกชนต้องการเห็นอำนาจหลักทั้ง 3 ของกระบวนการประชาธิปไตยอันประกอบด้วย อำนาจบริหาร อำนาจนิติบัญญัติ และอำนาจตุลาการ ทำหน้าที่ด้วยความเข้มแข็ง มีประสิทธิภาพ สร้างความสงบสุขให้กับบ้านเมือง และสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน ไม่ควรได้รับการกล่าวถึงโดยปราศจากเหตุผล
นอกจากนี้ ยังเห็นว่าบุคคลที่เป็นต้นเหตุของการบั่นทอน ควรจะใช้สติทบทวนและไตร่ตรองโดยรอบคอบ ต้องมองถึงประโยชน์ของคนส่วนใหญ่ในประเทศ มิใช่ประโยชน์ของคนใดคนหนึ่ง และขอให้พึงระลึกไว้เสมอว่า ทุกประเทศทั่วโลกกำลังจับตาดูประเทศไทยอย่างใกล้ชิด มันน่าละอายที่ทุกชาติเขาร่วมใจกันแก้ไขปัญหา แต่เรากลับพยายามสร้างปัญหาเพิ่มให้ชาติ
“อยากจะเรียกร้องให้ยุติการกระทำใดๆ ที่จะก่อให้เกิดผลเสียหายต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ ก่อนที่ผลกระทบจะส่งผลเสียหายไปมากกว่านี้”นายดุสิตกล่าว
อย่างไรก็ตาม สำหรับรัฐบาลชุดนี้ ถือได้ว่ามีความพยายามที่จะบริหารประเทศเป็นอย่างดี มีมาตรการแก้ปัญหาเศรษฐกิจออกมาอย่างต่อเนื่อง และพยายามสร้างความเชื่อมั่นให้เกิดขึ้น ทั้งกับนักลงทุนต่างชาติ นักลงทุนไทย คนไทย รวมถึงนักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งถือว่า ทำงานอย่างหนัก และสอบผ่านการทำงาน ซึ่งตนให้คะแนนนายกรัฐมนตรีเต็ม โดยหากมีคะแนนเต็ม 10 ก็ให้ 10 หากเต็ม 100 ก็ให้ 100
**ชัยแนะรัฐบาลต้องไม่ใช้ความรุนแรง
เมื่อเวลา 9.15 น. วันเดียวกันนี้ นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภาและนายพิทูร พุ่มหิรัญ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เข้าอวยพรวันคล้ายวันเกิด 81 ปี ของนายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา จากนั้นนายชัย ให้สัมภาษณ์ถึงสิ่งที่อยากได้เป็นของขวัญวันเกิดว่า อยากวิงวอนให้ทุกฝ่าย คิดทบทวนว่าจะทำอย่างไรให้บ้านเมืองอยู่ร่มเย็นเป็นสุข มีความสมัครสมานสามัคคี เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน จรรโลงประเทศชาติ เพื่อนำชาติไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองเท่ากับอารยประเทศ และปีใหม่ไทยที่จะถึงนี้ ก็ขอวิงวอนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ พระบารมีของพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ พระบรมวงศานุวงศ์ และบรมมหากษัตริย์ทุกพระองค์ จงใช้บารมีของพระองค์ปกปักรักษาคนในประเทศไทยทุกคน ให้มีพลานามัยที่สมบูรณ์ มีความรัก ความสามัคคี เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่า สิ่งที่คาดหวังตรงกันข้ามกับสิ่งที่เกิดขึ้น เนื่องจากมีการพาดพิงสถาบันฯ มีความเป็นห่วงหรือไม่ นายชัย กล่าวว่า ตนมีความเป็นห่วงตลอด เห็นภาวะการณ์บ้านเมืองที่เกิดความไม่เข้าใจ แต่ละฝ่ายเกิดการห้ำหั่นกัน ก็ไม่สบายใจ จึงอยากให้ทุกฝ่ายคิด และมองความเป็นไปได้ เพื่อทำให้สังคมอยู่รอดได้
ส่วนที่มีปัญหาอยู่ในขณะนี้ ประธานองคมนตรีซึ่งเป็นผู้ใหญ่ อายุมากแล้วท่านมีจิตใจหนักแน่น และจะหนักแน่นกว่าตนด้วยซ้ำ คงไม่ถือสาหาความ ท่านก็เหมือนพระองค์หนึ่ง ที่เขาตั้งสมมุติฐานไว้ มีทั้งคนรัก และไม่รัก ชอบและไม่ชอบ เป็นเรื่องธรรมดา เพราะฉะนั้นคิดว่าประธานองคมนตรีต้องวางอุเบกขาได้แล้ว เหมือนกับตน ที่ใครจะว่าอะไรก็ไม่ถือสาหาความ คิดเพียงว่าจะทำอย่างไรให้ทุกฝ่ายอยู่อย่างสงบ และวันหนึ่งความเรียบร้อยจะเกิดในชาติ เพราะประเทศไทย เข้าสู่วิกฤตหลายครั้งก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี เนื่องจากมีพระสยามเทวาธิราช และในหลวง ที่เป็นที่ตั้งและมีพระบารมีสูง สามารถที่จะแก้ไขปัญหาของชาติบ้านเมืองไปในทางที่ดีได้
ดังนั้น รัฐบาลต้องพยายามประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทั้งสองฝ่ายเข้าใจว่า สิ่งใดผิด สิ่งใดถูก และสิ่งใดเป็นความจริง และไม่จริง ต้องพยายามชี้แจงให้ประชาชนในชาติเข้าใจ
เมื่อถามว่ารัฐบาลไม่ควรใช้ความรุนแรงในการสลายการชุมนุมนั้น เห็นด้วยหรือไม่ นายชัย กล่าวว่าตนได้วิงวอนและขอร้องไม่ให้รัฐบาลทำเด็ดขาด ขอร้องไม่ให้ทุกฝ่ายทำความรุนแรงเหมือนกันเหตุการณ์ 14 ต.ค. ,16 ต.ค. หรือพฤษภาทมิฬ อย่าใช้ปัญหาเหล่านี้มาสร้างปัญหาให้เกิดขึ้น ต้องรู้จักถอย
**หลังสงกรานต์จะมีคนกลางไกล่เกลี่ย
ผู้สื่อข่าวถามว่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ระบุว่า พร้อมที่จะเจรจากับพ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร นายชัย กล่าวว่า เป็นสิ่งที่ถูกต้อง เพราะพ.ต.ท.ทักษิณ ก็รักประเทศเหมือนกัน และเป็นคนไทย ท่านต้องช่วยให้ประเทศเดินไปได้
นายชัย ยังกล่าวด้วยว่าหลังสงกรานต์ อาจจะมีผู้ที่มีบุญบารมี มาไกล่เกลี่ยปัญหา ตนเข้าใจอย่างนั้น เป็นจิตสำนึกของตน ที่มีประสบการณ์มา ทำให้เข้าใจอย่างนั้น เข้าใจว่าจะต้องมีคนกลางที่ทุกฝ่ายให้ความเคารพนับถือ ต้องมีแน่
"ส่วนปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น มันก็คงเป็นช่วงหนึ่งเท่านั้น เดี่ยวก็คงจะค่อยๆ คลี่คลายไป เหมือนตอนที่มีแดดแล้วก็มีลม เดี่ยวก็มีลม มีฝน แล้วบรรยากาศก็คงจะเหมือนแอร์คอนดิชั่น จะปรับอย่างไรก็เป็นตามรูปนั้น" นายชัย กล่าว
เมื่อถามว่า ข้อเสนอของนายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช ให้ตั้งรัฐบาลแห่งชาติ มีความเป็นไปได้หรือไม่ นายชัย กล่าวว่า ตอนนี้ยังเป็นไปไม่ได้ แต่ต่อไปข้างหน้าอาจไม่แน่ อาจจะเป็นภายใน 1-2 ปี แต่ไม่ถึง 10 ปี อย่างไรก็ตาม ต้องเป็นไปได้ ทั้งนี้ ก็ขึ้นอยู่กับสื่อที่จะช่วย เพราะเป็นสิ่งสำคัญ
**ปธ.วุฒิเชื่อมีคนเจรจาหย่าศึกได้
นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา กล่าวถึงกรณีกลุ่มเสื้อแดงประกาศระดมพลในวันที่ 8 เม.ย. นี้ว่า เป็นห่วงมาก อย่าให้ถึงขนาดให้มีการแตกหักกันเลย น่าจะเจรจากันได้ เพื่อความสงบสุขของประเทศชาติ
ส่วนที่นายชัย ชิดชอบ ระบุว่า หลังสงกรานต์จะมีบุคคลที่มาไกล่เกลี่ยความขัดแย้งได้นั้น ตนไม่ทราบรายละเอียด แต่ถ้ามีคนกลางที่สามารถไกล่เกลี่ยได้จริงๆ ก็น่าจะเป็นคุณูปการต่อประเทศชาติอย่างยิ่ง เพราะทุกคนอยากให้เหตุการณ์ยุติลงด้วยดี โดยเร็ว
การที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ระบุว่าพร้อมจะเจรจากับพ.ต.ท. ทักษิณนั้นถือ เป็นเรื่องที่ดี ถ้าทุกฝ่ายตกลง และหาทางออกกันได้ก็จะเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ ตนเชื่อลึกๆว่าคงจะหาทางตกลงกันได้ เพราะทุกคนรักประเทศชาติอยู่แล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่ามองว่าขณะนี้มีคนกลางที่จะคุยกับพ.ต.ท.ทักษิณ และกลุ่มเสื้อแดง กับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ได้หรือไม่ นายประสพสุข กล่าวว่า คิดว่ายังมี เพราะบ้านเมืองเรามีคนที่เป็นกลางอีกมาก ที่ทุกฝ่ายให้ความเคารพนับถือ ต่อข้อถามว่า มองว่าอาจมีการแตกหักก่อนที่จะเจรจากันหรือไม่ ประธานวุฒิสภา กล่าวว่า คงไม่ต้องรอให้ถึงแตกหัก เชื่อว่าอาจจะมีคนกลางมาเจรจาได้ ไม่ต้องรอถึงหลังสงกรานต์ ส่วนการตั้งรัฐบาลแห่งชาติ คงเป็นเรื่องยาก เพราะจุดเรียกร้องต่างกัน
**เสธ.หนั่นหนุนตัดสัญญาณวิดีโอลิงก์
พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หากมีการตัดสัญญานโฟนอิน และวิดีโอลิงก์ ของพ.ต.ท.ทักษิณ เชื่อว่าคงทำให้สถานการณ์คลี่คลายได้ส่วนหนึ่ง เพราะความวุ่นวายจะได้ลดน้อยลง แต่การแก้ปัญหาทั้งหมด เป็นหน้าที่ของฝ่ายความมั่นคง ส่วนการแก้ปัญหาที่พ.ต.ท.ทักษิณ ระบุว่า ต้องมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และยุบสภานั้น ขอย้ำว่า การยุบสภาต้องมีเหตุถึงจะยุบได้ แต่ตอนนี้ยังไม่มีเหตุให้ยุบสภาแต่อย่างใด
**ใบปลิวจวก“แม้ว”ว่อนสภา
ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาว่า เมื่อววานนี้ มีกลุ่มที่อ้างชื่อว่า“กลุ่มคนรักความจริง” ได้นำใบปลิว ที่มีรูป และข้อความโจมตี พ.ต.ท.ทักษิณ มาไว้ตามจุดต่างๆของรัฐสภา เช่น หน้าห้องน้ำ บริเวณบ่อปลาคาร์ฟ หน้าอาคารรัฐสภา1 และห้องสื่อมวลชน โดยเนื้อหาในใบปลิวนั้น มีข้อ ความอาทิ เสื้อแดงเคลื่อนไหวทำไม หยุดการปลุกระดมโดยอ้างประชาธิปไตย, หลอกลวงประชาชนให้ประชาชนมาประท้วงเพราะกลัวติดคุก ให้ผู้ชุมนุมกดดันศาล เพื่อคืนเงินที่โกงมา 7 หมื่นล้าน, หยุดทำลายประเทศไทย ยุยงให้เกิดสงครามกลางเมือง สร้างศาลเตี้ยเพื่อตัวเอง, แนวทางบรรลุเป้าหมายของทักษิณ ใช้อำนาจเงิน ใช้การปลุกระดมผ่านกลุ่มเสื้อแดง สร้างความขัดแย้งนำไปสู่การใช้กำลังและการนองเลือด เพื่อบีบให้มีการเจรจา โดยผู้มีอำนาจสูงสุดของสถาบันฯ เข้ามาไกล่เกลี่ย , คนไทยทำไมต้องทะเลาะกัน เพราะคนคนเดียว. ทักษิณต้องการทำอะไรอีก ปลุกระดม สู้ เป็นศัตรูองคมนตรี, ถึงเวลาแล้วที่พวกเราพี่น้องประชาชนต้องแสดงความเป็นเจ้าของประเทศ เราต้องไม่ให้ความสำคัญกับคนที่คิดแต่ประโยชน์ของตัวเอง
**แนะต้ม"สมบัติผู้ดี"ให้แม้วกิน
นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกลุ่มนปช.จะระดมคน 3 แสนคน เพื่อปิดล้อมทำเนียบฯ และขับไล่รัฐบาลก่อนสงกรานต์ว่า ทำได้ตามสิทธิเพราะเข้าใจว่า พ.ต.ท.ทักษิณ มีเงินมากพอ แต่แกนนำ นปช. ต้องรับผิดชอบในการกระทำและผลที่จะตามมาหาก กลุ่มผู้ชุมนุมทำผิดกฏหมาย ก็จะดำเนินการกับผู้ที่กระทำผิด เพราะขณะนี้รัฐบาลมองการชุมนุมของกลุ่มนปช.ในแง่ดีว่าเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ หรือ จีดีพี เพราะดูได้จากดัชนี้ความสุขของบรรดาแกนนำคนเสื้อแดงทั้งหมด ที่เพิ่มขึ้น และหวังว่าผู้เข้าร่วมชุมนุมจะมีความสุขตามไปด้วย
ส่วนกรณีขั้นตอนการถอดยศของพ.ต.ท.ทักษิณ และการที่สมาชิกบ้านเลขที่ 111 ออกมาร่วมกิจกรรมบนเวทีคนเสื้อแดง โดยปราศรัยบิดเบือนข้อเท็จจริง มีการระบุว่า รัฐบาลชุดนี้พยายามจัดการกับ พ.ต.ท.ทักษิณว่า เรื่องการถอดยศของ พ.ต.ท.ทักษิณเริ่มมาตั้งแต่วันที่ 19 ธ.ค. 51 ในรัฐบาลสมชาย วงศ์สวัสดิ์ โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.)ให้เหตุผลว่า พ.ต.ท.ทักษิณ มีความผิดทางอาญา ถูกศาลฏีกาสั่งจำคุก 2 ปี จึงจำเป็นต้องถอดถอนยศตามที่ระเบียบของสตช. กำหนดไว้
ส่วนกรณีการเพิกถอนพาสปอร์ตเล่มแดงของบุคคลที่เป็นอดีตผู้นำประเทศนั้น ก็ดำเนินการมาตั้งแต่สมัยรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ เป็นนายกฯ ซึ่งเป็นการเสนอของ คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ ( คตส.) หรือแม้กระทั่งเรื่องสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน ก็เป็นการเริ่มต้นจากรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช โดยกระทรวงยุติธรรมในขณะนั้นเป็นผู้ดำเนินการ ในวันที่ 19 ส.ค. 51 ทั้งหมดเป็นการดำเนินการก่อนที่พรรคประชาธิปัตย์เข้ามา รัฐบาลนี้เพียงทำหน้าที่สานงานต่อจากที่รัฐบาลเก่าๆทำค้างไว้
สำหรับกรณีที่ ส.ส.พรรคเพื่อไทยบางคน จะยื่นหนังสือสมบัติผู้ดีให้กับนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศนั้น ส่วนตัวอยากเสนอแนะว่า ขอให้นำหนังสือดังกล่าวไปมอบให้บรรดาแกนนำ นปช.เอาไว้ศึกษาก่อนจะดีกว่า เพราะที่ผ่านมาแกนนำนปช.ใช้ถ้อยคำหยาบคาย ด่าทอ และจาบจ้วงสถาบันเบื้องสูงมาโดยตลอด แต่ทางที่ดีที่สุด ควรจะส่งต่อไปให้พ.ต.ท.ทักษิณ เอาไว้ศึกษาถึงคุณสมบัติผู้ดี แต่คงจะอ่านไม่ได้ เพราะขณะนี้เลือดเข้าตาแล้ว จึงควรเอาหนังสือคุณสมบัติผู้ดีนี้ไปต้มให้พ.ต.ท.ทักษิณ กินน่าจะดีกว่า
**ทนายถอดใจไม่อุทธรณ์ค้านคำสั่งศาล
วันเดียวกันเวลา 11.00 น. ที่ศาลแพ่ง ถ.รัชดาภิเษก นายคารม พลทะกลาง ทนายความของกลุ่มนปช. ได้มาพบสื่อมวลชนตามนัดหมาย ที่จะยื่นคำร้องขอเพิกถอนคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวของศาลแพ่ง ที่ให้กลุ่มคนเสื้อแดงเปิดถนนลูกหลวง ตั้งแต่แยกเทวะกรรม จนถึงสะพานชมัยมรุเชฐ และให้เปิดประตูทำเนียบประตูที่ 6 และ 8 ให้ข้าราชการ คณะรัฐมนตรี และผู้มามาติดต่อราชการนำรถยนต์เข้าออกได้โดยสะดวก และให้ใช้เครื่องขยายเสียงในระดับที่ไม่รบกวนการทำงานภายในทำเนียบรัฐบาล ในเวลาทำการตั้งแต่เวลา 08.30-16.30 น. วันจันทร์- ศุกร์ ตามคำร้องของสำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี
อย่างไรก็ดี นายคารม กล่าวว่า หลังจากได้ปรึกษากับแกนนำนปก. แล้วเห็นควรชะลอการยื่นคำร้องขอยกเลิกคำสั่งคุ้มครอง คำสั่งศาลดังกล่าว เนื่องจากไม่ได้เป็นอุปสรรคในการชุมนุมของนปช. อีกทั้ง นปช.ไม่ได้มีเจตนาขัดขวางการทำงานของข้าราชการ แต่ไม่ยอมรับและต่อต้านรัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ไม่มีความชอบธรรมเท่านั้น
**หาเรื่องขู่ฟ้องผู้จัดการออนไลน์
นายคารม ยังกล่าวด้วยว่าแม้จะไม่ได้ยื่นคำร้องขอเพิกถอนคำสั่งศาลแพ่ง แต่ได้เตรียมยื่นฟ้องเว็บไซด์ผู้จัดการออนไลน์ www.manager.co.th เป็นการส่วนตัว หลังจากกรณีเสนอข่าวที่ตนไปยื่นอุทธรณ์คำสั่งคุ้มครองชั่วคราวเมื่อวันที่ 1 เม.ย.ที่ผ่านมา โดยพาดหัวข่าวว่า “ทนายแดงถ่อยอ้าง 3 เหตุ ยื่นอุทธรณ์ขอปิดทำเนียบฯต่อ” ซึ่งเป็นถ้อยคำที่ตนเองเสียหาย จึงอยากให้มีการพิสูจน์ในศาลว่าคำว่า“ถ่อย” เป็นการหมิ่นประมาทหรือไม่
**โถ "อนุพงษ์" ท่องคาถา "เป็นกลาง"
พ.อ.ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก แถลงภายหลังการประชุมหน่วยขึ้นตรงกองทัพบก (นขต.ทบ.)ว่า พล.อ. อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.ได้พูดกับผู้บังคับหน่วยขึ้นตรงกองทัพบก ถึงบทบาทกองทัพบก ต่อสถานการณ์บ้านเมืองว่า การดำเนินการทุกอย่างของกองทัพบก จะยึดถือผลประโยชน์ของประเทศชาติและสังคมโดยรวม กองทัพมีจุดยืนชัดเจนว่าเป็นองค์กรที่เป็นกลาง ไม่เข้าข่างฝ่ายใด ฝ่ายหนึ่ง โดยจะประคับประคองสถานการณ์ของชาติให้ผ่านพ้นวิกฤติทางความคิด เพื่อเข้าสู่ความสมัครสมานสามัคคี สังคมเป็นสุข โดยขณะนี้การปฏิบัติการของกองทัพบก ในการดูแลบ้านเมืองเป็นเพียงผู้ช่วยเจ้าพนักงานดูแลรักษาความปลอดภัยสถานที่ราชการ
"ที่ประชุมไม่มีการพูดถึงการโฟนอินของพ.ต.ท.ทักษิณ ทั้งนี้ พล.อ.อนุพงษ์ ย้ำว่า กองทัพมีจุดยืนตลอดว่าจะไม่ให้เกิดการปะทะกันของประชาชน ดังนั้นกองทัพจะไม่มีการใช้ความรุนแรง หรือใช้กำลังกับประชาชน ทหารมีหน้าที่ดูแลสถานที่ราชการเท่านั้น " พ.อ.ศิริจันทร์กล่าว
ส่วนการปราศรัยบนเวทีคนเสื้อแดง มีการพาดพิงกองทัพ พ.อ.ศิริจันทร์ กล่าวว่า เป็นการอนุมานไปเอง ทั้งนี้ พล.อ. อนุพงษ์ พูดในที่ประชุมว่า ตั้งแต่ 19 ก.ย.49 มีอะไรเกิดขึ้น มีอะไรกดดันที่ทำให้กองทัพต้องตัดสินใจบ้าง และสิ่งที่เกิดขึ้นทำให้กองทัพทำอะไรบ้าง ที่ผ่านมามีใครกล่าวหาอะไร ซึ่ง ผบ.ทบ. อธิบายให้เกิดความเข้าใจในที่ประชุมว่า ทุกอย่างไม่ได้ตัดสินจากตัวท่าน แต่ตัดสินบนพื้นฐานของผลประโยชน์ของชาติ ทำอะไรต้องมีกฎหมายรองรับ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากการประชุมหน่วยขึ้นตรงกองทัพบก พล.อ.อนุพงษ์ได้เรียกพล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา เสนาธิการทหารบก พล.ท. คณิต สาพิทักษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 มาหารือร่วมกันต่อ จากนั้นเวลา 15.00 น. พล.อ.อนุพงษ์ ได้เดินทางไปพบ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม ที่กระทรวงกลาโหม เพื่อหารือเกี่ยวกับสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดง
พล.ท.คณิต สาพิทักษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 กล่าวถึงการชุมนุมใหญ๋ของคนเสื้อแดงในวันที่8 เม.ย.ว่า พล.อ. อนุพงษ์ ไม่ได้สั่งการอะไรเป็นพิเศษ เชื่อว่าตำรวจจะสามารถดูแลได้
"เหตุการณ์จะรุนแรงหรือไม่ยังตอบไม่ได้ ต้องประเมินสถานการณ์อีกครั้ง อีกทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ได้มีการประสานขอกำลังเข้าไปสนับสนุน ส่วนกรณีที่กลุ่มคนเสื้อแดงประกาศว่าจะไปชุมนุมปิดล้อมที่บ้านพัก พล.อ.เปรม เพื่อกดดันให้ลาออกจากตำแหน่งนั้น การดูแลความปลอดภัยเป็นเรื่องของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ" พล.ท.คณิตกล่าว
***ทูตมะกันขอการเมืองไทยสงบเร็ว
ม.ล.ปนัดดา ดิสกุล โฆษกกระทรวงมหาดไทย ฝ่ายความมั่นคง กล่าวภายหลัง นายอีริค จี จอห์น เอกอัคราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย เข้าพบนายชวรัตน์ ชาญวีระกูล รมว.มหาดไทย เมื่อเวลา 14.30 น.ที่กระทรวงมหาดไทย ว่า ได้มีการหารือกันถึงเรื่องทั่วๆไป ซึ่งนายอีริค ได้แสดงความขอบคุณประเทศไทยที่ให้ความช่วยเหลือจัดตั้งค่ายผู้ลี้ภัย รวมทั้งขอให้สถาการณ์ทางการเมืองของประเทศไทยรีบกลับสู่สภาวะปกโดยเร็ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอีริค เดินทางมาพบนาชวรัตน์ หลังจากจากเข้าพบ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ประธานองค์มนตรี ที่บ้านสี่เสาร์เทเวศน์ หลังจาก พล.อ.เปรม ถูกพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ และกลุ่มคนเสื้อแดงโจมตีอย่างหนักว่าเข้ามาเกี่ยวข้องกับการเมือง.
นายดุสิต นนทนาคร ประธานกรรมการหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้ผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกที่ทรุดตัวลงอย่างรุนแรง และมีผลกระทบไปทั่ว โดยไทยได้รับความเสียหายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะด้านการส่งออกที่ลดลงไปแล้วประมาณ 25% ภาคการผลิตลดลงโดยเฉลี่ย 30% ซึ่งเอกชนได้ตระหนักและได้พยายามร่วมมือและดิ้นรนกันอย่างเต็มที่เพื่อให้ปัญหาทางเศรษฐกิจของประเทศได้คลี่คลาย ขณะที่รัฐบาลเองก็ได้ดำเนินนโยบายและมาตรการเพื่อทำให้บรรยากาศด้านการค้า การลงทุน รวมทั้งความเชื่อมั่นของประเทศดีขึ้น
ขณะเดียวกัน ยังพบว่า ประเทศต่างๆ ได้มีการดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของประเทศ โดยได้ร่วมมือกันอย่างดีทุกประเทศ พร้อมใจกันแก้ปัญหาของตน ทำให้ความเชื่อมั่นโดยรวมดีขึ้น รัฐบาลทั่วโลกลงมาดูแลเอาใจใส่อย่างจริงจัง ทำให้สิ่งที่คาดว่าจะเลวร้ายอย่างมาก ก็อาจจะไม่เป็นไปอย่างที่เคยคาดการณ์กันไว้ก่อนหน้านี้
“ตอนนี้ทุกคนร่วมมือกันอย่างเต็มที่ แต่ในไทยกลับมีการใช้คำพูดที่รุนแรง ยั่วยุให้เกิดความแตกแยก เป็นการซ้ำเติมสถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศให้เลวร้ายลงไปกว่าเดิม กระทบความเชื่อมั่นทางด้านการลงทุน สิ่งที่ทุกภาคส่วนได้พยายามทุ่มเทลงมือ ลงแรงในการแก้ปัญหาก็จะเสียเปล่า ผลกระทบในด้านลบก็จะตกอยู่กับผู้ประกอบการไทย แรงงานไทย คนไทยทุกคน รวมไปถึงเศรษฐกิจและสังคมของประเทศทั้งหมด”
นายดุสิตกล่าวว่า ภาคเอกชนต้องการเห็นอำนาจหลักทั้ง 3 ของกระบวนการประชาธิปไตยอันประกอบด้วย อำนาจบริหาร อำนาจนิติบัญญัติ และอำนาจตุลาการ ทำหน้าที่ด้วยความเข้มแข็ง มีประสิทธิภาพ สร้างความสงบสุขให้กับบ้านเมือง และสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน ไม่ควรได้รับการกล่าวถึงโดยปราศจากเหตุผล
นอกจากนี้ ยังเห็นว่าบุคคลที่เป็นต้นเหตุของการบั่นทอน ควรจะใช้สติทบทวนและไตร่ตรองโดยรอบคอบ ต้องมองถึงประโยชน์ของคนส่วนใหญ่ในประเทศ มิใช่ประโยชน์ของคนใดคนหนึ่ง และขอให้พึงระลึกไว้เสมอว่า ทุกประเทศทั่วโลกกำลังจับตาดูประเทศไทยอย่างใกล้ชิด มันน่าละอายที่ทุกชาติเขาร่วมใจกันแก้ไขปัญหา แต่เรากลับพยายามสร้างปัญหาเพิ่มให้ชาติ
“อยากจะเรียกร้องให้ยุติการกระทำใดๆ ที่จะก่อให้เกิดผลเสียหายต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ ก่อนที่ผลกระทบจะส่งผลเสียหายไปมากกว่านี้”นายดุสิตกล่าว
อย่างไรก็ตาม สำหรับรัฐบาลชุดนี้ ถือได้ว่ามีความพยายามที่จะบริหารประเทศเป็นอย่างดี มีมาตรการแก้ปัญหาเศรษฐกิจออกมาอย่างต่อเนื่อง และพยายามสร้างความเชื่อมั่นให้เกิดขึ้น ทั้งกับนักลงทุนต่างชาติ นักลงทุนไทย คนไทย รวมถึงนักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งถือว่า ทำงานอย่างหนัก และสอบผ่านการทำงาน ซึ่งตนให้คะแนนนายกรัฐมนตรีเต็ม โดยหากมีคะแนนเต็ม 10 ก็ให้ 10 หากเต็ม 100 ก็ให้ 100
**ชัยแนะรัฐบาลต้องไม่ใช้ความรุนแรง
เมื่อเวลา 9.15 น. วันเดียวกันนี้ นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภาและนายพิทูร พุ่มหิรัญ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เข้าอวยพรวันคล้ายวันเกิด 81 ปี ของนายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา จากนั้นนายชัย ให้สัมภาษณ์ถึงสิ่งที่อยากได้เป็นของขวัญวันเกิดว่า อยากวิงวอนให้ทุกฝ่าย คิดทบทวนว่าจะทำอย่างไรให้บ้านเมืองอยู่ร่มเย็นเป็นสุข มีความสมัครสมานสามัคคี เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน จรรโลงประเทศชาติ เพื่อนำชาติไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองเท่ากับอารยประเทศ และปีใหม่ไทยที่จะถึงนี้ ก็ขอวิงวอนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ พระบารมีของพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ พระบรมวงศานุวงศ์ และบรมมหากษัตริย์ทุกพระองค์ จงใช้บารมีของพระองค์ปกปักรักษาคนในประเทศไทยทุกคน ให้มีพลานามัยที่สมบูรณ์ มีความรัก ความสามัคคี เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่า สิ่งที่คาดหวังตรงกันข้ามกับสิ่งที่เกิดขึ้น เนื่องจากมีการพาดพิงสถาบันฯ มีความเป็นห่วงหรือไม่ นายชัย กล่าวว่า ตนมีความเป็นห่วงตลอด เห็นภาวะการณ์บ้านเมืองที่เกิดความไม่เข้าใจ แต่ละฝ่ายเกิดการห้ำหั่นกัน ก็ไม่สบายใจ จึงอยากให้ทุกฝ่ายคิด และมองความเป็นไปได้ เพื่อทำให้สังคมอยู่รอดได้
ส่วนที่มีปัญหาอยู่ในขณะนี้ ประธานองคมนตรีซึ่งเป็นผู้ใหญ่ อายุมากแล้วท่านมีจิตใจหนักแน่น และจะหนักแน่นกว่าตนด้วยซ้ำ คงไม่ถือสาหาความ ท่านก็เหมือนพระองค์หนึ่ง ที่เขาตั้งสมมุติฐานไว้ มีทั้งคนรัก และไม่รัก ชอบและไม่ชอบ เป็นเรื่องธรรมดา เพราะฉะนั้นคิดว่าประธานองคมนตรีต้องวางอุเบกขาได้แล้ว เหมือนกับตน ที่ใครจะว่าอะไรก็ไม่ถือสาหาความ คิดเพียงว่าจะทำอย่างไรให้ทุกฝ่ายอยู่อย่างสงบ และวันหนึ่งความเรียบร้อยจะเกิดในชาติ เพราะประเทศไทย เข้าสู่วิกฤตหลายครั้งก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี เนื่องจากมีพระสยามเทวาธิราช และในหลวง ที่เป็นที่ตั้งและมีพระบารมีสูง สามารถที่จะแก้ไขปัญหาของชาติบ้านเมืองไปในทางที่ดีได้
ดังนั้น รัฐบาลต้องพยายามประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทั้งสองฝ่ายเข้าใจว่า สิ่งใดผิด สิ่งใดถูก และสิ่งใดเป็นความจริง และไม่จริง ต้องพยายามชี้แจงให้ประชาชนในชาติเข้าใจ
เมื่อถามว่ารัฐบาลไม่ควรใช้ความรุนแรงในการสลายการชุมนุมนั้น เห็นด้วยหรือไม่ นายชัย กล่าวว่าตนได้วิงวอนและขอร้องไม่ให้รัฐบาลทำเด็ดขาด ขอร้องไม่ให้ทุกฝ่ายทำความรุนแรงเหมือนกันเหตุการณ์ 14 ต.ค. ,16 ต.ค. หรือพฤษภาทมิฬ อย่าใช้ปัญหาเหล่านี้มาสร้างปัญหาให้เกิดขึ้น ต้องรู้จักถอย
**หลังสงกรานต์จะมีคนกลางไกล่เกลี่ย
ผู้สื่อข่าวถามว่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ระบุว่า พร้อมที่จะเจรจากับพ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร นายชัย กล่าวว่า เป็นสิ่งที่ถูกต้อง เพราะพ.ต.ท.ทักษิณ ก็รักประเทศเหมือนกัน และเป็นคนไทย ท่านต้องช่วยให้ประเทศเดินไปได้
นายชัย ยังกล่าวด้วยว่าหลังสงกรานต์ อาจจะมีผู้ที่มีบุญบารมี มาไกล่เกลี่ยปัญหา ตนเข้าใจอย่างนั้น เป็นจิตสำนึกของตน ที่มีประสบการณ์มา ทำให้เข้าใจอย่างนั้น เข้าใจว่าจะต้องมีคนกลางที่ทุกฝ่ายให้ความเคารพนับถือ ต้องมีแน่
"ส่วนปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น มันก็คงเป็นช่วงหนึ่งเท่านั้น เดี่ยวก็คงจะค่อยๆ คลี่คลายไป เหมือนตอนที่มีแดดแล้วก็มีลม เดี่ยวก็มีลม มีฝน แล้วบรรยากาศก็คงจะเหมือนแอร์คอนดิชั่น จะปรับอย่างไรก็เป็นตามรูปนั้น" นายชัย กล่าว
เมื่อถามว่า ข้อเสนอของนายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช ให้ตั้งรัฐบาลแห่งชาติ มีความเป็นไปได้หรือไม่ นายชัย กล่าวว่า ตอนนี้ยังเป็นไปไม่ได้ แต่ต่อไปข้างหน้าอาจไม่แน่ อาจจะเป็นภายใน 1-2 ปี แต่ไม่ถึง 10 ปี อย่างไรก็ตาม ต้องเป็นไปได้ ทั้งนี้ ก็ขึ้นอยู่กับสื่อที่จะช่วย เพราะเป็นสิ่งสำคัญ
**ปธ.วุฒิเชื่อมีคนเจรจาหย่าศึกได้
นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา กล่าวถึงกรณีกลุ่มเสื้อแดงประกาศระดมพลในวันที่ 8 เม.ย. นี้ว่า เป็นห่วงมาก อย่าให้ถึงขนาดให้มีการแตกหักกันเลย น่าจะเจรจากันได้ เพื่อความสงบสุขของประเทศชาติ
ส่วนที่นายชัย ชิดชอบ ระบุว่า หลังสงกรานต์จะมีบุคคลที่มาไกล่เกลี่ยความขัดแย้งได้นั้น ตนไม่ทราบรายละเอียด แต่ถ้ามีคนกลางที่สามารถไกล่เกลี่ยได้จริงๆ ก็น่าจะเป็นคุณูปการต่อประเทศชาติอย่างยิ่ง เพราะทุกคนอยากให้เหตุการณ์ยุติลงด้วยดี โดยเร็ว
การที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ระบุว่าพร้อมจะเจรจากับพ.ต.ท. ทักษิณนั้นถือ เป็นเรื่องที่ดี ถ้าทุกฝ่ายตกลง และหาทางออกกันได้ก็จะเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ ตนเชื่อลึกๆว่าคงจะหาทางตกลงกันได้ เพราะทุกคนรักประเทศชาติอยู่แล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่ามองว่าขณะนี้มีคนกลางที่จะคุยกับพ.ต.ท.ทักษิณ และกลุ่มเสื้อแดง กับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ได้หรือไม่ นายประสพสุข กล่าวว่า คิดว่ายังมี เพราะบ้านเมืองเรามีคนที่เป็นกลางอีกมาก ที่ทุกฝ่ายให้ความเคารพนับถือ ต่อข้อถามว่า มองว่าอาจมีการแตกหักก่อนที่จะเจรจากันหรือไม่ ประธานวุฒิสภา กล่าวว่า คงไม่ต้องรอให้ถึงแตกหัก เชื่อว่าอาจจะมีคนกลางมาเจรจาได้ ไม่ต้องรอถึงหลังสงกรานต์ ส่วนการตั้งรัฐบาลแห่งชาติ คงเป็นเรื่องยาก เพราะจุดเรียกร้องต่างกัน
**เสธ.หนั่นหนุนตัดสัญญาณวิดีโอลิงก์
พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หากมีการตัดสัญญานโฟนอิน และวิดีโอลิงก์ ของพ.ต.ท.ทักษิณ เชื่อว่าคงทำให้สถานการณ์คลี่คลายได้ส่วนหนึ่ง เพราะความวุ่นวายจะได้ลดน้อยลง แต่การแก้ปัญหาทั้งหมด เป็นหน้าที่ของฝ่ายความมั่นคง ส่วนการแก้ปัญหาที่พ.ต.ท.ทักษิณ ระบุว่า ต้องมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และยุบสภานั้น ขอย้ำว่า การยุบสภาต้องมีเหตุถึงจะยุบได้ แต่ตอนนี้ยังไม่มีเหตุให้ยุบสภาแต่อย่างใด
**ใบปลิวจวก“แม้ว”ว่อนสภา
ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาว่า เมื่อววานนี้ มีกลุ่มที่อ้างชื่อว่า“กลุ่มคนรักความจริง” ได้นำใบปลิว ที่มีรูป และข้อความโจมตี พ.ต.ท.ทักษิณ มาไว้ตามจุดต่างๆของรัฐสภา เช่น หน้าห้องน้ำ บริเวณบ่อปลาคาร์ฟ หน้าอาคารรัฐสภา1 และห้องสื่อมวลชน โดยเนื้อหาในใบปลิวนั้น มีข้อ ความอาทิ เสื้อแดงเคลื่อนไหวทำไม หยุดการปลุกระดมโดยอ้างประชาธิปไตย, หลอกลวงประชาชนให้ประชาชนมาประท้วงเพราะกลัวติดคุก ให้ผู้ชุมนุมกดดันศาล เพื่อคืนเงินที่โกงมา 7 หมื่นล้าน, หยุดทำลายประเทศไทย ยุยงให้เกิดสงครามกลางเมือง สร้างศาลเตี้ยเพื่อตัวเอง, แนวทางบรรลุเป้าหมายของทักษิณ ใช้อำนาจเงิน ใช้การปลุกระดมผ่านกลุ่มเสื้อแดง สร้างความขัดแย้งนำไปสู่การใช้กำลังและการนองเลือด เพื่อบีบให้มีการเจรจา โดยผู้มีอำนาจสูงสุดของสถาบันฯ เข้ามาไกล่เกลี่ย , คนไทยทำไมต้องทะเลาะกัน เพราะคนคนเดียว. ทักษิณต้องการทำอะไรอีก ปลุกระดม สู้ เป็นศัตรูองคมนตรี, ถึงเวลาแล้วที่พวกเราพี่น้องประชาชนต้องแสดงความเป็นเจ้าของประเทศ เราต้องไม่ให้ความสำคัญกับคนที่คิดแต่ประโยชน์ของตัวเอง
**แนะต้ม"สมบัติผู้ดี"ให้แม้วกิน
นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกลุ่มนปช.จะระดมคน 3 แสนคน เพื่อปิดล้อมทำเนียบฯ และขับไล่รัฐบาลก่อนสงกรานต์ว่า ทำได้ตามสิทธิเพราะเข้าใจว่า พ.ต.ท.ทักษิณ มีเงินมากพอ แต่แกนนำ นปช. ต้องรับผิดชอบในการกระทำและผลที่จะตามมาหาก กลุ่มผู้ชุมนุมทำผิดกฏหมาย ก็จะดำเนินการกับผู้ที่กระทำผิด เพราะขณะนี้รัฐบาลมองการชุมนุมของกลุ่มนปช.ในแง่ดีว่าเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ หรือ จีดีพี เพราะดูได้จากดัชนี้ความสุขของบรรดาแกนนำคนเสื้อแดงทั้งหมด ที่เพิ่มขึ้น และหวังว่าผู้เข้าร่วมชุมนุมจะมีความสุขตามไปด้วย
ส่วนกรณีขั้นตอนการถอดยศของพ.ต.ท.ทักษิณ และการที่สมาชิกบ้านเลขที่ 111 ออกมาร่วมกิจกรรมบนเวทีคนเสื้อแดง โดยปราศรัยบิดเบือนข้อเท็จจริง มีการระบุว่า รัฐบาลชุดนี้พยายามจัดการกับ พ.ต.ท.ทักษิณว่า เรื่องการถอดยศของ พ.ต.ท.ทักษิณเริ่มมาตั้งแต่วันที่ 19 ธ.ค. 51 ในรัฐบาลสมชาย วงศ์สวัสดิ์ โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.)ให้เหตุผลว่า พ.ต.ท.ทักษิณ มีความผิดทางอาญา ถูกศาลฏีกาสั่งจำคุก 2 ปี จึงจำเป็นต้องถอดถอนยศตามที่ระเบียบของสตช. กำหนดไว้
ส่วนกรณีการเพิกถอนพาสปอร์ตเล่มแดงของบุคคลที่เป็นอดีตผู้นำประเทศนั้น ก็ดำเนินการมาตั้งแต่สมัยรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ เป็นนายกฯ ซึ่งเป็นการเสนอของ คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ ( คตส.) หรือแม้กระทั่งเรื่องสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน ก็เป็นการเริ่มต้นจากรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช โดยกระทรวงยุติธรรมในขณะนั้นเป็นผู้ดำเนินการ ในวันที่ 19 ส.ค. 51 ทั้งหมดเป็นการดำเนินการก่อนที่พรรคประชาธิปัตย์เข้ามา รัฐบาลนี้เพียงทำหน้าที่สานงานต่อจากที่รัฐบาลเก่าๆทำค้างไว้
สำหรับกรณีที่ ส.ส.พรรคเพื่อไทยบางคน จะยื่นหนังสือสมบัติผู้ดีให้กับนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศนั้น ส่วนตัวอยากเสนอแนะว่า ขอให้นำหนังสือดังกล่าวไปมอบให้บรรดาแกนนำ นปช.เอาไว้ศึกษาก่อนจะดีกว่า เพราะที่ผ่านมาแกนนำนปช.ใช้ถ้อยคำหยาบคาย ด่าทอ และจาบจ้วงสถาบันเบื้องสูงมาโดยตลอด แต่ทางที่ดีที่สุด ควรจะส่งต่อไปให้พ.ต.ท.ทักษิณ เอาไว้ศึกษาถึงคุณสมบัติผู้ดี แต่คงจะอ่านไม่ได้ เพราะขณะนี้เลือดเข้าตาแล้ว จึงควรเอาหนังสือคุณสมบัติผู้ดีนี้ไปต้มให้พ.ต.ท.ทักษิณ กินน่าจะดีกว่า
**ทนายถอดใจไม่อุทธรณ์ค้านคำสั่งศาล
วันเดียวกันเวลา 11.00 น. ที่ศาลแพ่ง ถ.รัชดาภิเษก นายคารม พลทะกลาง ทนายความของกลุ่มนปช. ได้มาพบสื่อมวลชนตามนัดหมาย ที่จะยื่นคำร้องขอเพิกถอนคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวของศาลแพ่ง ที่ให้กลุ่มคนเสื้อแดงเปิดถนนลูกหลวง ตั้งแต่แยกเทวะกรรม จนถึงสะพานชมัยมรุเชฐ และให้เปิดประตูทำเนียบประตูที่ 6 และ 8 ให้ข้าราชการ คณะรัฐมนตรี และผู้มามาติดต่อราชการนำรถยนต์เข้าออกได้โดยสะดวก และให้ใช้เครื่องขยายเสียงในระดับที่ไม่รบกวนการทำงานภายในทำเนียบรัฐบาล ในเวลาทำการตั้งแต่เวลา 08.30-16.30 น. วันจันทร์- ศุกร์ ตามคำร้องของสำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี
อย่างไรก็ดี นายคารม กล่าวว่า หลังจากได้ปรึกษากับแกนนำนปก. แล้วเห็นควรชะลอการยื่นคำร้องขอยกเลิกคำสั่งคุ้มครอง คำสั่งศาลดังกล่าว เนื่องจากไม่ได้เป็นอุปสรรคในการชุมนุมของนปช. อีกทั้ง นปช.ไม่ได้มีเจตนาขัดขวางการทำงานของข้าราชการ แต่ไม่ยอมรับและต่อต้านรัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ไม่มีความชอบธรรมเท่านั้น
**หาเรื่องขู่ฟ้องผู้จัดการออนไลน์
นายคารม ยังกล่าวด้วยว่าแม้จะไม่ได้ยื่นคำร้องขอเพิกถอนคำสั่งศาลแพ่ง แต่ได้เตรียมยื่นฟ้องเว็บไซด์ผู้จัดการออนไลน์ www.manager.co.th เป็นการส่วนตัว หลังจากกรณีเสนอข่าวที่ตนไปยื่นอุทธรณ์คำสั่งคุ้มครองชั่วคราวเมื่อวันที่ 1 เม.ย.ที่ผ่านมา โดยพาดหัวข่าวว่า “ทนายแดงถ่อยอ้าง 3 เหตุ ยื่นอุทธรณ์ขอปิดทำเนียบฯต่อ” ซึ่งเป็นถ้อยคำที่ตนเองเสียหาย จึงอยากให้มีการพิสูจน์ในศาลว่าคำว่า“ถ่อย” เป็นการหมิ่นประมาทหรือไม่
**โถ "อนุพงษ์" ท่องคาถา "เป็นกลาง"
พ.อ.ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก แถลงภายหลังการประชุมหน่วยขึ้นตรงกองทัพบก (นขต.ทบ.)ว่า พล.อ. อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.ได้พูดกับผู้บังคับหน่วยขึ้นตรงกองทัพบก ถึงบทบาทกองทัพบก ต่อสถานการณ์บ้านเมืองว่า การดำเนินการทุกอย่างของกองทัพบก จะยึดถือผลประโยชน์ของประเทศชาติและสังคมโดยรวม กองทัพมีจุดยืนชัดเจนว่าเป็นองค์กรที่เป็นกลาง ไม่เข้าข่างฝ่ายใด ฝ่ายหนึ่ง โดยจะประคับประคองสถานการณ์ของชาติให้ผ่านพ้นวิกฤติทางความคิด เพื่อเข้าสู่ความสมัครสมานสามัคคี สังคมเป็นสุข โดยขณะนี้การปฏิบัติการของกองทัพบก ในการดูแลบ้านเมืองเป็นเพียงผู้ช่วยเจ้าพนักงานดูแลรักษาความปลอดภัยสถานที่ราชการ
"ที่ประชุมไม่มีการพูดถึงการโฟนอินของพ.ต.ท.ทักษิณ ทั้งนี้ พล.อ.อนุพงษ์ ย้ำว่า กองทัพมีจุดยืนตลอดว่าจะไม่ให้เกิดการปะทะกันของประชาชน ดังนั้นกองทัพจะไม่มีการใช้ความรุนแรง หรือใช้กำลังกับประชาชน ทหารมีหน้าที่ดูแลสถานที่ราชการเท่านั้น " พ.อ.ศิริจันทร์กล่าว
ส่วนการปราศรัยบนเวทีคนเสื้อแดง มีการพาดพิงกองทัพ พ.อ.ศิริจันทร์ กล่าวว่า เป็นการอนุมานไปเอง ทั้งนี้ พล.อ. อนุพงษ์ พูดในที่ประชุมว่า ตั้งแต่ 19 ก.ย.49 มีอะไรเกิดขึ้น มีอะไรกดดันที่ทำให้กองทัพต้องตัดสินใจบ้าง และสิ่งที่เกิดขึ้นทำให้กองทัพทำอะไรบ้าง ที่ผ่านมามีใครกล่าวหาอะไร ซึ่ง ผบ.ทบ. อธิบายให้เกิดความเข้าใจในที่ประชุมว่า ทุกอย่างไม่ได้ตัดสินจากตัวท่าน แต่ตัดสินบนพื้นฐานของผลประโยชน์ของชาติ ทำอะไรต้องมีกฎหมายรองรับ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากการประชุมหน่วยขึ้นตรงกองทัพบก พล.อ.อนุพงษ์ได้เรียกพล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา เสนาธิการทหารบก พล.ท. คณิต สาพิทักษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 มาหารือร่วมกันต่อ จากนั้นเวลา 15.00 น. พล.อ.อนุพงษ์ ได้เดินทางไปพบ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม ที่กระทรวงกลาโหม เพื่อหารือเกี่ยวกับสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดง
พล.ท.คณิต สาพิทักษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 กล่าวถึงการชุมนุมใหญ๋ของคนเสื้อแดงในวันที่8 เม.ย.ว่า พล.อ. อนุพงษ์ ไม่ได้สั่งการอะไรเป็นพิเศษ เชื่อว่าตำรวจจะสามารถดูแลได้
"เหตุการณ์จะรุนแรงหรือไม่ยังตอบไม่ได้ ต้องประเมินสถานการณ์อีกครั้ง อีกทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ได้มีการประสานขอกำลังเข้าไปสนับสนุน ส่วนกรณีที่กลุ่มคนเสื้อแดงประกาศว่าจะไปชุมนุมปิดล้อมที่บ้านพัก พล.อ.เปรม เพื่อกดดันให้ลาออกจากตำแหน่งนั้น การดูแลความปลอดภัยเป็นเรื่องของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ" พล.ท.คณิตกล่าว
***ทูตมะกันขอการเมืองไทยสงบเร็ว
ม.ล.ปนัดดา ดิสกุล โฆษกกระทรวงมหาดไทย ฝ่ายความมั่นคง กล่าวภายหลัง นายอีริค จี จอห์น เอกอัคราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย เข้าพบนายชวรัตน์ ชาญวีระกูล รมว.มหาดไทย เมื่อเวลา 14.30 น.ที่กระทรวงมหาดไทย ว่า ได้มีการหารือกันถึงเรื่องทั่วๆไป ซึ่งนายอีริค ได้แสดงความขอบคุณประเทศไทยที่ให้ความช่วยเหลือจัดตั้งค่ายผู้ลี้ภัย รวมทั้งขอให้สถาการณ์ทางการเมืองของประเทศไทยรีบกลับสู่สภาวะปกโดยเร็ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอีริค เดินทางมาพบนาชวรัตน์ หลังจากจากเข้าพบ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ประธานองค์มนตรี ที่บ้านสี่เสาร์เทเวศน์ หลังจาก พล.อ.เปรม ถูกพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ และกลุ่มคนเสื้อแดงโจมตีอย่างหนักว่าเข้ามาเกี่ยวข้องกับการเมือง.