ASTV/ผู้จัดการรายวัน-“ประสงค์”ชี้ชัดเสื้อแดงชุมนุมขัด รธน.เข้าข่ายบ่อนทำลายความมั่นคง เสนอสั่งถอดยศ ตัดสัญญาณโฟนอิน จับตัวแกนนำ ขณะที่ ตร.เคาะแล้วถอดยศ"พ.ต.ท." ส่วนคดี"จักรภพ"หมิ่นสถาบัน บช.ก.ส่งอัยการยันคำสั่งฟ้อง พร้อมสั่งสอบตำรวจเสื้อแดง ด้านสปน.ฟ้องแพ่งขอเปิดทางเข้าออกทำเนียบฯ ศาลไต่สวนฉุกเฉิน ชี้ใช้สิทธิชุมนุมเกินสมควร สั่งเปิดทางทันที ขณะที่"แม้ว" ยังโฟนอินปลุกระดม พร่ำจงรักภักดีต่อสถาบันฯ
เมื่อเช้าวานนี้ (31 มี.ค.) น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ อดีตประธานกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ให้สัมภาษณ์ทางรายการ “ยามเช้าริมเจ้าพระยา” ถึงกรณีนช.ทักษิณ ชินวัตร ผู้ต้องหาหนีโทษจำคุก 2 ปี จากคดีที่ดินรัชดาฯ ได้โฟนอินผ่านระบบวิดีโอลิงค์ ปลุกระดมคนเสื้อแดง และบอกว่าพร้อมจะเป็นผู้นำพลพรรคเสื้อแดงบุกเข้ากรุงเทพฯ ว่า เป็นแค่การโฆษณาชวนเชื่อรายวัน ทั้งที่ นช.ทักษิณไม่จำเป็นต้องใช้คนเสื้อแดงเป็นเครื่องมือ สามารถเดินทางเข้ามาต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรมได้ตลอดเวลา การโฟนอินในลักษณะนี้ ถือว่าบ่อนทำลายความมั่นคงของชาติ ดังนั้น การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงในวันนี้ อย่ามาอ้างว่าใช้สิทธิเสรีภาพการชุมนุมตามรัฐธรรมนูญ
น.ต.ประสงค์ ยังกล่าวเตือนรัฐบาลว่า จะต้องเข้มแข็งมากกว่านี้ อย่าไปหลงเชื่อแหล่งข่าวลวง เพราะต้องยอมรับการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงขยายวงกว้างมากขึ้น และมีการทดสอบวัดขุมกำลังเป็นลำดับ จึงไม่ทราบว่ารัฐบาลนี้ รวมทั้งกองทัพ ปล่อยให้มีการพูดจาจาบจ้วงองคมนตรี กระทบสถาบันเบื้องสูงได้อย่างไร ทั้งที่ทหารจะต้องปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 77 แต่นี่กลับปล่อยปละละเลย
อดีตประธาน กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวอีกว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จะต้องใจกล้า แสดงภาวะผู้นำให้มากกว่านี้ โดยใช้สื่อรัฐให้เป็นประโยชน์ เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริง และสร้างผลงาน ก่อนที่เวลาบริหารราชการจะเริ่มนับถอยหลังเข้าไปทุกที และอย่าประมาทการชุมนุมของคนเสื้อแดงอย่างเด็ดขาด และขอเสนอให้ดำเนินการจัดการกับ น.ช.ทักษิณ และกลุ่มผู้ชุมนุมขั้นเด็ดขาดดังนี้ คือ ยึดพาสปอร์ตทุกเล่มของน.ช.ทักษิณ ดำเนินการถอดยศพ.ต.ท. ทันที หลังเป็นนักโทษหนีคดี สั่งตัดสัญญาณโฟนอิน เพราะเข้าข่ายปลุกระดมบ่อนทำลายความมั่นคงของชาติ และจับตัวแกนนำคนเสื้อแดง
ตร.เคาะถอดยศทักษิณแล้ว
สำหรับเรื่องถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ วันเดียวกันนี้ ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) แหล่งข่าวระดับสูง เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการดำเนินการถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ ว่า ขณะนี้มีความคืบหน้าไปมาก หลังจากที่ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) สั่งการให้ฝ่ายที่เกี่ยวข้องพิจารณาอย่างรอบคอบนั้น ก็ได้มีการประชุมฝ่ายที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ซึ่งประกอบด้วย กองวินัย กองนิติการ กองคดี กองกำลังพลฯ โดยที่ประชุมก็มีการหยิบยกเรื่องการต้องโทษในคดีการเมืองที่ไม่ใช่คดีอาญาทั่วไป ว่าจะเข้าองค์ประกอบว่าด้วยการถอดยศตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2547 หรือไม่ ซึ่งภายหลังที่ประชุม ก็มีมติว่า ควรยึดตามคำพิพากษาของศาล ที่ถือว่าได้เข้าองค์ประกอบว่าด้วยการถอดยศแล้ว
แหล่งข่าวกล่าวด้วยว่า ตามระเบียบเมื่อถอดยศแล้ว ต้องดำเนินการขอพระราชทานคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ด้วย ควบคู่กัน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการของกองกำลังพลในการขอพระราชทานคืนเครื่องราชย์ฯในส่วนที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้รับพระราชทาน สมัยเป็นข้าราชการตำรวจ จากนั้นก็ต้องเสนอเรื่องให้ ผบ.ตร.พิจารณาและดำเนินการต่อไป โดยการถอดยศของ พ.ต.ท.ทักษิณ ครั้งนี้ มีตำรวจที่เข้าข่ายต้องถอดยศรวมอยู่ด้วย กว่า 10 คน โดยมีทั้งที่ต้องโทษยาเสพติด และหนีราชการ ทั้งนี้ คาดว่าใช้เวลาไม่นานก็ดำเนินการแล้วเสร็จ
ยันคำสั่งฟ้อง"จักรภพ"หมิ่นสถาบัน
พล.ต.ท.ไถง ปราศจากศัตรู ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) กล่าวถึงความคืบหน้าในคดีนายจักรภพ เพ็ญแข แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) พูดหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ที่สมาคมนผู้สื่อข่าวต่างประเทศ เมื่อเดือนส.ค.50 ว่า พนักงานสอบสวนกองบังคับการตำรวจปราบปรามได้ทำการสอบสวน โดยคณะกรรมการพิจารณาคดีหมิ่นฯ ระดับ ตร. มีความเห็นสั่งฟ้องไปแล้วตั้งแต่วันที่ 26 ธ.ค.51 แต่ต่อมาทางอัยการได้ให้พนักงานสอบสวนทำการสอบสวนเพิ่มในหลายประเด็น ทั้งในส่วนของพยาน 18 ปาก การส่งเทปบันทึกภาพการพูดของนายจักรภพ ให้สถาบันระดับอุดมศึกษาแปลเพิ่มอีก 2 แห่ง และการขอความเห็นจากนักวิชาการ ด้านประวัติศาสตร์การเมืองการปกครอง และสังคมไทย ซึ่งทางบช.ก.ได้สรุปสำนวนส่งให้อัยการแล้วตั้งแต่วันที่ 30 มี.ค. ที่ผ่านมา โดยมีความเห็นสั่งฟ้องเช่นเดิม
"พนักงานสอบสวนได้ทำการสอบพยานครบถ้วน ตามที่นายจักรภพ ร้องขอมาแล้ว รวมทั้งมีการแปลคำพูดของนายจักรภพ โดยผู้เชี่ยวชาญของ ตร. ส่วนกรณีขอให้สถาบันอื่นร่วมแปลนั้น ได้มีการติดต่อไปหลายแห่ง เช่น คณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ คณะอักษรศาสตร์ ม.ศิลปากร แต่ไม่มีที่ใดรับแปล โดยให้เหตุผลว่า เป็นเรื่องเกี่ยวกับคดี และเกี่ยวข้องกับข้อความที่หมิ่นสถาบันฯ หากมีการเผยแพร่ อาจได้รับความเสียหายต่อสถาบันฯ ส่วนผู้เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์การเมืองนั้น ก็ไม่มีที่ใดรับเช่นกัน โดยให้เหตุผลเหมือนกรณีการแปล"
ผู้สื่อข่าวถามว่า คดีที่ตำรวจสรุปส่งให้อัยการในครั้งนี้ จะถูกส่งกลับมาสอบสวนเพิ่มอีกหรือไม่ พล.ต.ท.ไถง กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นดุลพินิจของทางอัยการ ซึ่งต้องมีการตั้งคณะกรรมการพิจารณาในเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน แต่ในส่วนของตำรวจทางคณะกรรมการพิจารณาคดีหมิ่นฯ ได้พิจารณาจากการสอบสวนพยานเพิ่มเติมทั้ง 18 ปากที่กองปราบปรามรวบรวมมาให้ ซึ่งถือว่าการรวบรวมพยานหลักฐานของตำรวจสมบูรณ์แล้ว
วันเดียวกัน พ.ต.ท.วัฒนะศักดิ์ มุ่งกิจการดี พนักงานสอบสวนสน.บางมด ผู้เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษนายจักรภพ ได้เดินทางไปยังสำนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา โดยเข้าพบนายกายสิทธิ์ พิศวงปราการ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีอาญา เพื่อยื่นหนังสือให้มีสอบสวนพยานเพิ่มเติมในคดีดังกล่าว โดยเสนอขอให้สอบ ดร.ลักษณา กรศิลป์ นักเขียน นักแปล เพราะมีความเห็นว่า ที่นายจักรภพ พูดที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศ ในไทย และที่ แอลเอ. สหรัฐอเมริกานั้น มีความเชื่อมโยงกัน
พ.ต.ท.วัฒนศักดิ์ ระบุต่อว่า ที่พนักงานอัยการ สั่งให้พนักงานสอบสวน กองปราบปรามสอบพนยานเพิ่มเติมนั้น เนื่องจาก คำแปลถ้อยคำของนายจักรภพ ไม่เหมือนกัน โดยนายอนันต์ เหล่าเลิศวรกุล อาจารย์คณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ เห็นว่า คำแปลของกองกาารต่างประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีความคลาดเคลื่อนไปจากความเป็นจริง ทั้งนี้ คำแปลดังกล่าว จะเสนอให้อัยการเรียกสอบอาจารย์คณะศิลปศาสตร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านภาษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มาช่วยแปล เพื่อความเป็นธรรมของทุกฝ่าย
ยังไม่พบแม้วโฟนอินหมิ่นเบื้องสูง
พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผบช.น. กล่าวถึงการออกประกาศ กองบัญชาการตำรวจนครบาลให้กลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดงยุติการชุมนุม เมื่อวันที่ 30 มี.ค.ที่ผ่านมาว่า เป็นการดำเนินการตามขั้นตอนของคำสั่งศาลปกครองที่มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ซึ่งพฤติกรรมการชุมนุมที่มีลักษณะขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของคณะรัฐมนตรี ในการเข้าไปปฏิบัติราชการภายในทำเนียบรัฐบาล ส่วนการโฟนอิน ผ่านระบบวิดีโอลิงก์ของ พ.ต.ท.ทักษิณนั้น จากการตรวจสอบยังไม่พบว่า เข้าข่ายหมิ่นเบื้องสูง เป็นเพียงการหมิ่นประมาทตัวบุคคลเท่านั้น ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบรายละเอียดอีกครั้ง
พล.ต.ต.สุพร พันธุ์เสือ รอง ผบช.น.ในฐานะโฆษกบช.น.กล่าวว่า จากการประเมินสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดง ที่ปิดล้อมทำเนียบรัฐบาลขณะนี้ ไม่น่าเป็นห่วง ยังเป็นไปด้วยความสงบ อีกทั้งรัฐบาลได้ประกาศยกเลิกการประชุมครม. แต่ถึงอย่างไร ตำรวจก็ยังตรึงกำลังในพื้นที่โดยรอบทำเนียบรัฐบาล พร้อมสืบสวนหาข่าวความเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง
สั่งสอบวินัยตำรวจเสื้อแดง
พล.ต.ต.สุพร ยังกล่าวถึงกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายนาย เข้าร่วมการชุมนุมกับกลุ่มเสื้อแดง และเข้าคิวรอรับแจกเสื้อแดงจากผู้ชุมนุมว่า เป็นสิทธิที่สามารถทำได้หากอยู่นอกเวลาราชการ และหากจะร่วมชุมนุม ก็ต้องมาในเวลานอกราชการ และนอกเครื่องแบบ แต่หากมาในชุดเครื่องแบบก็ไม่เหมาะสม และเป็นการกระทำที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง เนื่องจากตำรวจที่เข้าปฏิบัติหน้าที่ดูแลความสงบเรียบร้อย ก็ควรจะวางตัวเป็นกลางไม่เข้าข้างฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดมากจนเกินไป
อย่างไรก็ตาม กองบัญชาการตำรวจนครบาลจะตรวจสอบว่า มีเจ้าหน้าที่ตำรวจคนใดใส่เครื่องแบบตำรวจเข้าไปร่วมชุมนุมดังกล่าวบ้าง จากนั้นจะส่งเรื่องไปยังผู้บังคับบัญชาต้นสังกัดตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยต่อไป
สันติบาลสอบจุดพิกัดแม้วโฟนอิน
พล.ต.ท.ธีระเดช รอดโพธิ์ทอง ผู้บัญาการตำรวจสันติบาล กล่าวว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังเร่งตรวจสอบรายละเอียด และข้อกฎหมายว่าจะสามารถดำเนินการทางกฎหมาย รวมทั้งมาตรการทางศาลอย่างไรได้บ้าง กับกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ โฟนอินเข้ามายังกลุ่มผู้ชุมนุมคนเสื้อแดงที่ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งยอมรับว่า มีเนื้อหาบางส่วนปลุกระดมมวลชน
นอกจากนี้ยังสั่งการให้หน่วยข่าวต่างประเทศ ตรวจสอบจุดโฟนอินของพ.ต.ท.ทักษิณ ว่า เชื่อมสัญญาณมาจากประเทศใด และการโฟนอินดังกล่าวเป็นเทป หรือเป็นการโฟนอินสด
สปน.ฟ้องเปิดทางเข้า-ออกทำเนียบ
ที่ศาลแพ่ง ถนนรัชดาภิเษก นายจาตุรงค์ ปัญญาดิลก รองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายวีระ มุกสิกพงศ์ , นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และนายจตุพร พรหมพันธุ์ 3 แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง ร่วมกันเป็นจำเลยเรื่องละเมิด ขอให้ศาลมีคำสั่งให้พวกจำเลยพร้อมบริวาร เปิดทางเข้าออกทำเนียบรัฐบาล พร้อมยื่นคำร้องไต่สวนฉุกเฉิน ให้ศาลมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ให้จำเลย และกลุ่มผู้ชุมนุมคนเสื้อแดง เปิดทางเข้าออกทำเนียบรัฐบาล เพื่อให้ข้าราชการเข้าทำงานได้ตามปกติ ทั้งนี้ ศาลได้เปิดบัลลังก์ 702 ทำการไต่สวนฉุกเฉินตามคำร้อง
สำหรับการไต่สวนฉุกเฉินครั้งนี้ โจทก์มีพยานรวม 4 ปาก ขึ้นเบิกความประกอบด้วย นายมงคล แสงหิรัญ ผู้อำนวยการสำนักกฎหมายและระเบียบกลาง , นายสมพาศ นิลพันธ์ ผู้อำนวยการกองการเจ้าหน้าที่สำนักนายกรัฐมนตรี , นายพงศ์ศักดิ์ ศิริวงษ์ ผู้อำนวยการสำนักสถานที่ และรักษาความปลอดภัย สำนักเลขาธิการ สำนักนายกรัฐมนตรี และ พ.ต.ท.นพสิน พูลสวัสดิ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สังกัดศูนย์สืบสวน บช.น. เข้าเบิกความเป็นพยาน
ศาลเห็นควรคุ้มครองมีผลทันที
ต่อมาเวลา 19.00 น. ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานในชั้นไต่สวนฉุกเฉินแล้ว เห็นว่าแม้รัฐธรรมนูญในราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 มาตรา 61 วรรคหนึ่ง จะบัญญัติไว้ว่า ประชาชนย่อมมีสิทธิในการชุมนุมโดยสงบ และปราศจากอาวุธ และวรรคสองบัญญัติว่า สิทธิการชุมนุมตามวรรคหนึ่ง ไม่สามารถละเมิดได้ แต่การที่จำเลยทั้ง 3 นำกลุ่มผู้ชุมนุมขับไล่รัฐบาล โดยปิดล้อมทางเข้า-ออกทำเนียบฯ ทำให้ข้าราชการตลอดจนเจ้าหน้าที่ ไม่สามารถเดินทางเข้าปฏิบัติหน้าที่ได้โดยสะดวก ตามสมควร อีกทั้งมีการใช้เครื่องขยายเสียงดังตลอดเวลา ซึ่งเป็นการรบกวนการทำงาน ซึ่งถือเป็นการใช้สิทธิเกินสมควร
จึงเห็นควรให้นำเอามาตรการคุ้มครองมาใช้ โดยมีคำสั่งให้ จำเลยทั้ง 3 เปิดถนนลูกหลวง ซึ่งเป็นทางเข้าออกทำเนียบรัฐบาล ตั้งแต่แยกเทวกรรม ถึงสะพานมัฆวานรังสรรค์ และเปิดประตูที่ 6 และ 8 ของทำเนียบรัฐบาล เพื่อให้ข้าราชการของโจทก์ รวมทั้งคณะรัฐมนตรี และผู้ที่ไปติดต่อราชการสามารถเข้าออกได้ และให้ใช้เครื่องขยายเสียงในความดังที่เหมาะสม ไม่รบกวนการทำงานของเจ้าหน้าที่ในทำเนียบรัฐบาล ในช่วงเวลาทำการวันจันทร์ถึง วันศุกร์ ตั้งแต่เวลา 08.30-16.30 น. โดยคำสั่งให้มีผลทันที
ตร.ยันเห็นแย้งไม่ฟ้องนปช.บุกบ้านป๋า
พล.ต.ท.เจตน์ มงคลหัตถี ผู้บัญชาการสำนักงานกฎหมายและสอบสวน (ผบช.กมส.) กล่าวถึงกรณีพนักงานอัยการมีความเห็นสั่งไม่ฟ้องแกนนำ นปช. 15 คน ที่นำกลุ่มผู้ชุมนุมบุกบ้านสี่เสาเทเวศน์ ของพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ เมื่อวันที่ 22 ก.ค.50 ว่า ภายหลัง พล.ต.ต.นิพนธ์ ภุมรินทร์ ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวน ได้ส่งสำนวนคดีดังกล่าวโดยมีความเห็นสั่งฟ้องแกนนำทุกคน ในทุกข้อหา ไปให้พนักงานอัยการพิจารณาในครั้งแรกนั้น พนักงานอัยการมีความเห็นสั่งฟ้องแกนนำบางคนในบางข้อหา และสั่งไม่ฟ้องบางคนในบางข้อหา ซึ่งได้ส่งเรื่องดังกล่าวแจ้งกลับมาให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตั้งแต่วันที่ 30 ก.ย.51 แต่หลังจากนั้น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ทำเอกสารแย้ง ลงวันที่ 19 ธ.ค.51 กลับไปให้อัยการสูงสุดพิจารณา โดยยืนยันเห็นควรสั่งฟ้องแกนนำ นปช.ทั้งหมด ตามที่ได้เคยส่งเรื่องไปให้อัยการพิจารณาในครั้งแรก แต่จนถึงขณะนี้ ก็ยังไม่ทราบว่าอัยการสูงสุด มีความเห็นในคดีดังกล่าวไปในทิศทางใด ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าแปลก เพราะคดีดังกล่าวสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีความเห็นแย้งไปตั้งนานแล้ว แต่ทำไมถึงเพิ่งปรากฎเป็นข่าว
คาดแม้วโฟนอินโต้เรื่องถอดยศ
นายนพดล ปัทมะ อดีตที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวถึงเรื่องการถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ พร้อมทั้งยื่นเรื่องขอพระราชทานคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ยังไม่ทราบเรื่องนี้ หากมีมติถอดยศชัดเจน ก็เป็นไปได้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะวิดีโอลิงค์ มาแถลงข่าวแน่นอน เพราะถือว่าเป็นความอยุติธรรมอีกรณีหนึ่ง โดยเฉพาะต้องดูว่า ข้ออ้างที่ สตช.จะหยิบยกเหคุผลคดีอาญามาเป็นองค์ประกอบว่าด้วยการถอดยศตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2547 ทำได้หรือไม่
นายนพดล กล่าวว่า หากมองจากจังหวะเวลาในการดำเนินการดังกล่าวในช่วงที่มีการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงนั้น ตั้งข้อสังเกตได้ว่า การดำเนินการของสตช. มีเบื้องหน้าเบื้องหลัง โดยเฉพาะเป็นไปได้ว่าอาจถูกรัฐบาลบีบ เพื่อดิสเครดิตการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดง และพ.ต.ท.ทักษิณ จึงขอเรียกร้องให้สตช.ออกมาชี้แจงเรื่องดังกล่าวว่ามีใครสั่งการอยู่เบื้องหลังหรือไม่
สั่งเสื้อแดงตจว.เตรียมบุกกรุง
ผู้วื่อข่างรายงานว่า การชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ในช่วงเช้าวานนี้ (31มี.ค.) ยังคงมีการปิดล้อมทำเนียบรัฐบาลทั้ง 4 ด้านเพื่อไม่ให้คณะรัฐมนตรีสามารถเข้าไปประชุมได้ แต่จำนวนผู้ชุมนุมมีไม่มากนัก ขณะที่กิจกรรมบนเวที ยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง โดยนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นชป.ได้ประกาศบนเวทีว่า ขอให้คนเสื้อแดงที่ชุมนุมที่หน้าศาลากลางแต่ละจังหวัดสลายการชุมนุมในเวลา 10.00 น. (31มี.ค.) เพื่อเก็บแรงเตรียมเข้าร่วมชุมนุมที่กรุงเทพฯ หากมีการเรียกจากแกนนำ แต่ถ้าเจ้าหน้าที่ตำรวจสลายการชุมนุมเมื่อใด ก็ขอให้กลุ่มคนเสื้อแดงยึดสถานที่ราชการทั่วประเทศทันที
นอกจากนี้ ยังขอให้ผู้ร่วมชุมนุมช่วยกันคิดว่า จะทำอย่างไร ไม่ให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กลับเข้าประเทศไทยได้ ภายหลังกลับจากร่วมประชุม G 20 ที่ประเทศอังกฤษ
ขณะที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำนปช. กล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ได้โทรศัพท์มาหาตนเมื่อเช้า แสดงความขอบคุณกลุ่มผู้ชุมนุม ที่สามารถปิดล้อมทำเนียบฯจนทำให้ครม.ไม่สามารถเข้าประชุมได้
ต่อมาเวลา 12.20 น. มีฝนฟ้าคนองอย่างหนักกว่า 1 ชั่วโมง มีเสียงฟ้าผ่าเป็นระยะ ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมต้องแยกย้ายไปหลบฝนตามเต้นท์ต่างๆ และการปราศรัยบนเวทีก็ยุติลง โดยมีการเปิดเพลงปลุกใจแทน
"สุเทพ"สั่งงดประชุมครม.
ขณะที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ได้แจ้งยกเลิกการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เนื่องจากสถานการณ์ไม่เอื้ออำนวยต่อ ประกอบกับในช่วงเช้า นายกรัฐมนตรี ได้นำคณะรัฐมนตรีเข้าเฝ้าฯถวายพระพร สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เนื่องในวันคล้ายวันพระราชสมภพ 2 เม.ย. และในช่วงบ่าย ก็มีกำหนดการเดินทางไปต่างประเทศ
นายสุเทพ กล่าวถึงการงดประชุมครม.ว่าไม่ใช่เรื่องเอาแพ้เอาชนะกัน หรือเสียหน้า แต่เป็นเรื่องของการรักษาบ้านเมืองซึ่งรัฐบาลพยามยามรักษาความสงบเรียบร้อย โดยอาศัยกฎหมาย ขณะนี้มีผู้ชุมนุมชุมนุมอยู่ทุกถนนรอบๆ ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งถ้าไม่ฝ่าฝืนกฎหมาย จะไปผลักดันเขาก็ลำบาก ดังนั้นวิธีที่ทำได้ คือร้องศาลเพื่อขอไต่สวนฉุกเฉิน เพื่อสั่งให้กลุ่มผู้ชุมนุมยุติการปิดล้อมทำเนียบฯ
"ประชาชนและสื่อคงสังเกตเห็นว่าการดำเนินการของพ.ต.ท.ทักษิณ ดำเนินการอย่างเป็นขั้นเป็นตอน ทั้งในและนอกสภา ซึ่งมีเป้าหมายเห็นชัดว่า พร้อมยั่วยุให้เกิดสถานการณ์รุนแรงขึ้น แต่เราก็ระมัดระวัง" นายสุเทพกล่าว
ส่วนการชุมนุมปิดล้อมศาลากลางจังหวัดนั้น นายสุเทพ กล่าวว่า เป็นการวางแผนไว้ล่วงหน้าว่าจะสร้างสถานการณ์ แต่เชื่อว่าหากประชาชนได้ฟังข้อมูลรอบด้าน ก็จะเข้าใจ ทั้งนี้ ยืนยันจะไม่มีการทำตามข้อเสนอของพ.ต.ท.ทักษิณ เพราะทั้งหมดที่เรียกร้อง เป็นการเรียกร้องเพื่อตัวเอง ซึ่งเขาอาจคิดว่าแผนการของตัวเองสำเร็จ แต่ประชาชนเข้าใจว่า การดำเนินการดังกล่าว ถือเป็นการสร้างความวุ่นวาย และตนไม่เชื่อว่าแผนของพ.ต.ท.ทักษิณ จะประสบความสำเร็จ เพราะประชาชนเริ่มเบื่อ แต่รัฐบาลก็จะติดตามการเคลื่อนไหวต่อไป แต่ก็ไม่ทราบว่าพ.ต.ท.ทักษิณ อยู่ที่ไหน ถ้าทราบก็จะตามตัวมาดำเนินคดี
ส่วนที่หลายฝ่ายมองว่า ทำไมตำรวจถึงทำอะไรล่าช้า คิดว่าเป็นการใส่เกียร์ว่างหรือไม่ รองนายกรัฐมนตรี ปฏิเสธที่จะแสดงความเห็น เพียงพูดว่า "ปล่อยเถอะ" ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำทำเนียบฯ สวมเสื้อสีแดง และผูกผ้าพันคอสีแดง จะทำให้ประชาชนสับสนหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า "ไม่หรอก"
มอบ"สุเทพ"รักษาการแทน
หลังการนำคณะรัฐมนตรีเข้าเฝ้าสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี เพื่อถวายพระพร เนื่องในวโรกาสวันคล้ายวันพระราชสมภพ 2 เม.ย.นี้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางกลับบ้านพักย่านสุขุมวิท จากนั้นเวลา 11.00 น.ได้เดินทางไปยังสนามบินสุวรรณภูมิ พร้อมนางพิมพรรณ เวชชาชีวะ ภรรยา และคณะผู้ติดตาม เพื่อเดินทางไปยังอังกฤษ เพื่อร่วมประชุม จี 20 ที่กรุงลอนดอน โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลอย่างใกล้ชิด เนื่องมีข่าวว่า กลุ่มเสื้อแดงจะเดินทางมาก่อกวนในช่วงที่นายกรัฐมนตรี และคณะเดินทางไปขึ้นเครื่อง
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ในระหว่างที่ตนไม่อยู่ ได้มอบหมายให้ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี รักษาการแทน และได้มีการพูดคุยแลกเปลี่ยนกันเรื่องของสถานการณ์แล้ว ขอให้ทุกท่านสบายใจว่า รัฐบาลพร้อมที่จะดูแลความสงบเรียบร้อยในบ้านเมือง ทั้งนี้ เราทราบว่าบางฝ่ายต้องการที่จะให้เกิดความรุแนรงในช่วงระยะเวลานี้ ก่อนถึงสงกรานต์ ฉะนั้น มีการพยายามหลายอย่างให้เกิดความตึงเตรียดขึ้นมา เช่น มีการพูดว่าจะมีการสลายการชุมนุม จะมีการใช้กำลังเข้ามา โดยพูดถึงเรื่องการที่ทหารจะเข้ามาทำร้ายประชาชน
รัฐบาลไม่ตกเป็นเหยื่อยั่วยุจาก"แม้ว"
"ที่มีการปล่อยข่าว หรือพูดกันออกไปทำให้เกิดกระแส หรืออะไรก็แล้วแต่ อยากให้พี่น้องประชาชนแยกแยะ โดยดูจากประวัติแนวทางการทำงานของรัฐบาลได้ ผมเรียนว่าที่มีการพูดถึงการใช้กำลังต่างๆนั้น เราทราบด้วยซ้ำมีความพยามประสานไปยังสื่อต่างประเทศ ที่จะให้มาคอยติดตามทำข่าวว่าจะมีการปะทะ หรือมีความรุนแรง ฉะนั้นรัฐบาลจะไม่ตกหลุมในการที่จะทำสิ่งนั้นให้เกิดขึ้น เพราะเรารู้ว่านั่นคือการทำร้ายบ้านเมืองมากที่สุดในช่วงที่มีการประชุมระหว่างประเทศด้วย ในช่วงที่เรากำลังจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมอาเซียนภาคต่อจากในช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา และในช่วงที่การแก้ปัญหาเศรษฐกิจกำลังเดินไปข้างหน้า ฉะนั้นเราจะไม่ตกเป็นเหยื่อของแนวทางที่จะยั่วยุให้เกิดเหตุการณ์อย่างนั้น"นายอภิสิทธิ์กล่าว
ส่วนการพูดหรือการปราศรัย ที่กระทบต่อความมั่นคง ขอยืนยันว่าเราไม่ได้ละเลย ไม่ได้ละเว้นหน้าที่แน่นอน มีการรวบรวมหลักฐานต่างๆ และจะดูข้อกฎหมายเพื่อที่จะดำเนินการต่อไป
เมื่อถามว่า มีการเรียกร้องให้รัฐบาลออกมาปกป้ององคมนตรี ที่ถูกพาดพิงมากกว่านี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลได้พูดตลอดเวลาว่า ไม่สมควรอย่างยิ่งที่จะมีการพูดจาพาดพิงถึงองคมนตรี หรือประธานองคมนตรี และท่านเองไม่ได้อยู่ในฐานะที่จำได้มากนัก แม้ว่าจะมีการชี้แจงกันอยู่บ้าง อะไรที่กระทบกับเรื่องกฎหมายความมั่นคง ขณะนี้กำลังรวบรวมหลักฐานต่างๆ และจะดำเนินการหากเข้าข่ายกระทำผิดกฎหมาย
ส่วนที่รัฐบาลใช้วิธีการหลีกเลี่ยง จนอาจจะทำให้ไม่สามารถเข้าทำงานที่ทำเนียบรัฐบาลได้นั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขณะนี้ในส่วนของข้าราชการ ได้มีการไปร้องต่อศาลแล้ว ในส่วนของตนในช่วงที่ผ่านมาไม่มีกำหนดการที่จะเข้าไป หากมี เชื่อว่าเข้าได้
เมื่อถามว่าหากกลุ่มผู้ชุมนุมดื้อเพ่งกับคำสั่งศาล จะดำเนินการอย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ต้องว่ากันอีกขั้นหนึ่ง แต่ขอเรียนว่าเราดำเนินการทุกอย่างโดยเคารพสิทธิ ซึ่งกันและกัน นั่นหมายถึง ผู้ชุมนุมต้องเคารพสิทธิของผู้อื่น คนที่จะตัดสินอะไร กระบวนการยุติธรรมอยู่ที่ศาล ถ้าไม่ดำเนินการตามคำสั่งของศาลก็ไปอีกขั้นหนึ่ง
ยันรัฐบาลไม่คิดใช้ความรุนแรง
ส่วนกรณีนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช. ประกาศจะไม่ให้นายกฯ กลับประเทศ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า นายณัฐวุฒิ คงไม่เข้าใจว่าคนไทยทุกคนมีสิทธิ์กลับมาอยู่ในประเทศ และตนก็จะกลับมา คงไม่หนีไปไหน และไม่มีอะไรต้องหนี เมื่อถามว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ระบุจะกลับไทย หากมีการใช้ทหารทำร้ายประชาชน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ควรจะกลับมานานแล้ว ขอเรียนว่ารัฐบาลนี้ ไม่มีแนวคิดที่จะให้เจ้าหน้าที่ทำร้ายประชาชน ผิดรัฐบาลแล้วครับ
เมื่อถามว่าเวลานี้ทราบที่อยู่ของ พ.ต.ท.ทักษิณหรือยัง นายอภิสิท ธิ์ กล่าวว่า มีกระแสอยู่บ้างและมีการดำเนินการในขั้นตอนการต่างประเทศอยู่ เมื่อถามว่าอยู่ใกล้บ้านเราหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ครับ เมื่อถามว่า การดำเนินการต่างประเทศถึงระดับไหน และหวังผลได้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คงจะมีเหมือนกับก่อนหน้านี้ ที่เรามีท่าทีที่ชัดเจนในส่วนของฮ่องกง เมื่อถามว่ารวมถึงดูไบ ที่กระทรวงการต่างประเทศจะส่งเจ้าหน้าทีไปด้วยใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า มีหลายช่วงที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ไปอยู่ที่นั่น
เตือนอย่าตกเป็นเครื่องมือทักษิณ
นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า ที่ประชุมคณะทำงานปฏิบัติการเพื่อประเมินสถานการณ์ทางการเมือง (วอร์รูม) พรรคประชาธิปัตย์ วิเคราะห์ว่า ความเคลื่อนไหวของพ.ต.ท.ทักษิณ เป็นการดำเนินการ เพื่อมุ่งเอาประเทศเป็นตัวประกัน แลกกับการคืนสู่อำนาจ และผลประโยชน์ของตัวเอง โดยเป้าหมายในการดำเนินการคือ การแก้ไขรัฐธรรมนูญ การผลักดันร่าง พ.ร.บ.ปรองดองแห่งชาติ และการยุบสภา ซึ่งสอดคล้องกับการดำเนินการของพรรคเพื่อไทย และอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย 111 คน
ทั้งนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ อ้างว่าสาเหตุที่เคลื่อนไหวเพื่อต้องการเปลี่ยนประเทศไทย โดยยกระดับการต่อสู้จากรัฐบาล มาเป็นเหล่าทัพ กระบวนการยุติธรรม และสถาบันองคมนตรี มีการปลุกระดมให้คนเป็นปฏิปักษ์กับสถาบันเหล่านั้น โดยพยายามแยกว่า สถาบันเหล่านั้นไม่ได้ทำงานให้กับสถาบันแห่งชาติ ทั้งที่ความจริงสถาบันเหล่านั้น ทำเพื่อสถาบันแห่งชาติมาโดยตลอด ขณะที่ในเวที นปช. มีการใช้เวทีดังกล่าวในการหมิ่นสถาบันฯ จนกลายเป็นคดีความมาโดยตลอด ดังนั้นจึงขอให้ประชาชนอย่าตกเป็นเครื่องมือของพ.ต.ท.ทักษิณ
แฉ"แม้ว"เมาย้อมใจก่อนโฟนอิน
นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร โฟนอินผ่านระบบวีดีโอลิงค์ มายังกลุ่มมวลชนเสื้อแดง 3 วันว่า เท่าที่ได้ติดตามมาตลอด เห็นความผิดปกติ เหมือนคนคลุ้มคลั่ง ไม่ปกติ จึงอยากแนะนำว่า ไม่ควรดื่มย้อมใจก่อนพูด แต่ควรกลับไปดื่มย้อมใจหลังพูดเสร็จจะดีกว่า
สิ่งที่พ.ต.ท.ทักษิณ พูดว่าศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคพลังประชาชน เพราะกลุ่มอมาตยาธิปไตย ต้องการให้พรรคประชาธิปัตย์ เป็นรัฐบาล ซึ่งเรื่องนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ เข้าใจผิด หากพรรคพลังประชาชนไม่โกง ไม่ทุจริต ไม่มีเหตุผลใดที่พรรคจะถูกยุบได้ แต่เป็นเพราะมีการละเมิดกฎหมาย
ส่วนที่พ.ต.ท.ทักษิณ ประกาศว่า มีเสียงปืนแตกจะกลับมานำม็อบมาปิดล้อมรัฐบาลนั้น ตนคิดว่าไม่จำเป็นต้องรอวันที่ปืนแตก แต่น่าจะกลับมาตั้งนานแล้ว ไม่ใช่ทำตัวเป็นนินจา อยู่เบื้องหลังม็อบ อยู่ที่ประเทศไหนไม่ทราบ
"หากฝันที่จะเห็นการนองเลือดบนแผ่นดินไทยนั้นไม่เกิดขึ้นในรัฐบาลชุดนี้แน่นอน เพราะรัฐบาลจะไม่ตกหลุมพรางตามที่ได้ขุดไว้ ทั้งการที่พ.ต.ท.ทักษิณ จะกลับมา ก็ไม่ควรเอาชีวิตและเลือดเนื้อของประชาชนมาปกป้องตัวเอง ดังนั้นหากเป็นแม่ทัพควรอยู่เบื้องหน้า ไม่ควรอยู่เบื้องหลังทำตัวเป็นอีแอบ" นายเทพไทกล่าว
เป้าทักษิณอยู่ที่คนหนุนรัฐบาล
นายชุมพล ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่า การที่พ.ต.ท.ทักษิณ พยายามปลุกปั่นให้สถานการณ์รุนแรงมากขึ้นและมีการพาดพิงถึงประธานองคมนตรีนั้น เชื่อว่าเป้าหมายไม่ได้อยู่ที่การต้านรัฐบาลชุดนี้ เพราะรัฐบาลชุดนี้ไม่ได้ทำอะไรให้พ.ตท.ทักษิณ มีแต่คนที่หนุนรัฐบาลชุดนี้ขึ้นมา ที่ทำให้พ.ต.ท.ทักษิณ เดือดร้อน
"คุณทักษิณเขาไม่ได้หมายถึงรัฐบาล แต่หมายถึงคนที่หนุนรัฐบาลชุดนี้ ดาบนั้นมันก็คืนสนองแล้ว" นายชุมพลกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ถือเป็นการประกาศรบครั้งสุดท้ายของพ.ต.ท.ทักษิณ หรือไม่ นายชุมพลกล่าว ไม่รู้ ใจคนนั้นอ่านลำบาก ผู้สื่อข่าวถามว่าอยากฝากอะไรถึงพ.ต.ท.ทักษิณ นายชุมพล กล่าวว่า ทำอะไรก็ตามที อย่าต้อนคนให้จนมุม เพราะถ้าจนมุมเมื่อไร เมื่อนั้นเขาจะสู้ตาย ดังนั้นทุกฝ่ายขอให้ร่วมมือกัน ให้เศรษฐกิจ บ้านเมืองไปรอด ให้เงินทองไหลเข้ามาเมืองไทย
ครม.นัดพิเศษถกรับมือม็อบ
นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงภายหลังการประชุมพรรคประชาธิปัตย์ ว่า ที่ประชุมได้พิจารณาถึงปัจจัยสำคัญ 3 ประการที่จะส่งผลต่อทิศทางการเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ และกลุ่มนปช. ได้แก่ 1. สถานการณ์การชุมนุมจะรุนแรงขึ้นเนื่องจากมีการปลุกระดมให้คนเสื้อแดงเป็นปฏิปักษ์กับสถาบันหลัก และโค่นล้มระบบการปกครองของประเทศ
2. การที่รัฐบาลเร่งสะสางคดีอีกจำนวนมากที่เกิดจากการทุจริตอย่างต่อเนื่องในสมัยรัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ ทำให้พ.ต.ท.ทักษิณ เคลื่อนไหวเพื่อล้มคดีเหล่านี้ 3. เงื่อนไขที่เหตุการณ์อาจจะลุกลามไปสู่ความรุนแรง เช่น กรณีที่เคยมีการทำนายเหตุรุนแรงโดยนายทหาร ที่ร่วมการชุมนุมนปช. ในขณะที่พันธมิตรฯ ได้เคยชุมนุมใหญ่ และต่อมาได้เกิดเหตุการณ์ยิงระเบิดใส่ผู้ชุมนุมจริง
รายงานข่าวแจ้งว่า ในช่วงเช้าวันนี้ (1 เม.ย.) นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ได้นัดประชุมครม.นัดพิเศษด้วย
"ชวน"ให้เร่งชี้แจงข้อเท็จจริงสู้"แม้ว"
รายงานข่าวแจ้งว่า ในที่ประชุมส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ได้กำชับให้รัฐมนตรีและส.ส.ของพรรค เร่งลงพื้นที่ชี้แจงถึงสาเหตุ และข้อเท็จจริงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ นำข้อมูลที่ไม่ถูกต้องมาปราศรัยโจมตีสถาบันองคมนตรี เนื่องจากสถาบันองคมนตรี ไม่อยู่ในฐานะที่จะออกมาชี้แจงกรณีการเมืองได้ จึงเหมือนถูกสาดโคลนใส่เพียงฝ่ายเดียว ดังนั้นทุกคนต้องช่วยกันชี้แจงข้อเท็จริงทั้งหมด ถึงต้นสายปลายเหตุ และเหตุผลที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ออกมาพูดฝ่ายเดียว และพูดซ้ำ ทำให้สังคมลืมประเด็นสำคัญ ที่ตัวเองเคยคอร์รัปชั่น ใช้อำนาจหน้าที่หาผลประโยชน์ให้ตนเอง และพวกพ้องอย่างไร รวมถึงมูลเหตุของการถูกอายัดทรัพย์ด้วย
นายชวน ยังจี้ให้นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.ประจำสำนักนายกฯ ทำหน้าที่ให้เข้มแข็งกว่านี้ อย่าปล่อยปละละเลย เพื่อให้ชาวบ้านเข้าใจข้อมูลที่ถูกต้อง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังการประชุมนายไตรรงค์ สุวรรณคีรี ได้บ่นเสียงดังกับนายพีระพันธ์ สาลีรัฐวิภาค รมว.ยุติธรรม ว่า "เป็นคุณ คุณจะทนได้ยังไง ขนาดผมเป็นแค่กองเชียร์ ไม่มีหน้าที่โดยตรง ผมยังทนไม่ได้ เอาอะไรมาพูด บิดเบือนทั้งนั้น แล้วคนที่มีหน้าที่ ทำไมไม่ทำอะไรเลย"
สส.ปชป.เตรียมเยี่ยม“ป๋าเปรม”
นายนิพนธ์ บุญญามณี ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ในช่วงเช้าวันนี้ (1 เม.ย. ) ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ บางส่วน จะเดินทางไปยังบ้านสี่เสาเทเวศร์ เพื่อให้กำลังใจ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เนื่องจากถูกกลุ่ม นปช.ปราศรัยโจมตี เพราะถือว่า พล.อ.เปรม เป็นผู้ทำงานเสียสละเพื่อบ้านเมืองมาตลอด อย่างไรก็ตาม การเดินทางดังกล่าว ถือเป็นการกระทำส่วนตัว ไม่เกี่ยวข้องกับพรรค ดังนั้นจึงไม่กลัวถูกข้อครหาว่า สนับสนุนระบอบอำมาตยาธิปไตย
"แม้ว"พร่ำจงรักภักดีต่อสถาบันฯ
เวลา 20.10 น.วานนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้กล่าวผ่านระบบวิดีโอลิงก์มายังกลุ่มผู้ชุมนุมที่หน้าทำเนียบรัฐบาล โดยย้ำว่า ขณะนี้บ้านเมืองมีวิกฤติ ดังนั้นจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของประเทศ
พ.ต.ท.ทักษิณ ยังกล่าวถึงพล.อ.เปรม ว่า ที่พล.อ.เปรม บอกว่าไม่มีอะไรกับตน ท่านคงพูดผิดเพราะตนไม่มีอะไรกับท่านแน่นอน แต่ท่านมีอะไรกับตนหรือไม่ ไม่รู้ ทั้งนี้ ท่านอายุมากแล้วแต่ยังแต่งเครื่องแบบไปตามโรงเรียนเหล่าต่างๆ ไปด่าตน ตอนที่ตนเป็นนายกฯ
พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวอีกว่า วันนี้ที่พล.อ.เปรม บอกว่าประเทศไทยโชคดีที่ได้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกฯ แต่ที่แน่ๆคือนายอภิสิทธิ์ โชคร้ายที่ได้นายกษิต เป็นรัฐมนตรี ทั้งที่เป็นคนที่เกี่ยวข้องกับการปิดสนามบิน และที่พูดวันนี้ก็บ้า เป็นรัฐมนตรีต่างประเทศสติไม่ดี แล้วมาบอกว่า ผมไปเจอเวทีไหนก็ได้ เวลามีลูกน้องถ้ามันไม่รักดี คำโบราณเขาเรียกว่า ตัดหางปล่อยวัด
อดีตนายกฯ กล่าวอีกว่า วันนี้ประชาธิปัตย์ ออกมาบอกว่า ที่ตนมาปราศัยกับชาวเสื้อแดง เพราะมีวัตถุประสงค์ 3 ประการคือ 1. ทำลายสถาบัน 2. ทำเพื่อตัวเองและ 3. จะเปลี่ยนการปกครอง ทั้งที่ความวุ่นวายทั้งหมดเริ่มต้นที่ประชาธิปัตย์ ที่ไม่ทำการเมืองตามกฎเกณฑ์ เพราะเขาไม่สามารถเอาชนะโดยการให้ประชาชนลงคะแนนได้ จึงใช้วิธีการเกาะท๊อบบูท เกาะพันธมิตรฯ และเกาะเนวิน
ส่วนข้อหาที่ว่าไม่จงรักภักดี พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า ตนไม่เคยมีจิตใจแม้แต่น้อยนิดที่จะทำลายสถาบันฯ ตลอด 6 ปี ที่เป็นนายกฯ ตนทำงานถวายสถาบันฯอย่างเต็มที่ เคยมียุคใหนบ้างที่ผู้นำประเทศมหาอำนาจ 3 ประเทศ มาเป็นพระราชอาคันตุกะของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แต่แต่สมัยที่ตนเป็นนายกฯเท่านั้น แต่วันนี้โดนด่ามากก็ขอพูดหน่อย ด่าอีกก็พูดอีก ที่พูดทั้งหมดเพื่อให้ประชาชนเข้าใจ ว่าตนเทิดทูนสถาบันฯ
การหาว่า ว่าตนอยากเปลี่ยนการปกครอง ขอบอกว่า ตนอยากได้ประชาธิปไตยที่เต็มใบแท้จริง ไม่อยากได้แบบอมาตยาธิปไตยอีกแล้ว ต้องการได้ประชาธิปไตยเพื่อประชาชน ไม่ถูกแทรกแซงโดยอำมาตย์ เพื่ออำมาตย์ และเพื่อนักการเมืองที่แสวงหาผลประโยชน์
พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวอีกว่า สรุปว่าคนรอบวัง ร่วมกับทหารทหารปฏิวัติ รัฐประหาร เมื่อวันที่ 19 ก.ย. ทำให้สถาบันฯเสียหาย ซึ่งคนรอบวังเหล่านี้ไม่ควรจะทำเป็นภาระต่อไป เจ้านายสถิตย์อยู่ที่สูง เจ้านายไม่ต้องการยุ่งกับการเมืองเลย แต่ว่าคนที่ถวายรับใช้แยกไม่ออก ระหว่างการทำหน้าที่ อารมณ์ หรือความอยากส่วนตัว เลยทำให้สถาบันฯ เสียหาย
ในช่วงท้าย พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า แม้ตนจะเหนื่อย และเจ็บมาเยอะจากการเป็นนายกฯ แต่ถ้าพี่น้องบอกว่า ขอให้กลับมาทำงาน ตนก็ยอมเหนื่อย และตนยังมีแรงอยู่ และตนมั่นใจว่าประเทศทั้งหลายที่แซงเราไป ถ้าเรามีประชาธิปไตยจริงๆ เราจะแซงเรียบ
เมื่อเช้าวานนี้ (31 มี.ค.) น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ อดีตประธานกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ให้สัมภาษณ์ทางรายการ “ยามเช้าริมเจ้าพระยา” ถึงกรณีนช.ทักษิณ ชินวัตร ผู้ต้องหาหนีโทษจำคุก 2 ปี จากคดีที่ดินรัชดาฯ ได้โฟนอินผ่านระบบวิดีโอลิงค์ ปลุกระดมคนเสื้อแดง และบอกว่าพร้อมจะเป็นผู้นำพลพรรคเสื้อแดงบุกเข้ากรุงเทพฯ ว่า เป็นแค่การโฆษณาชวนเชื่อรายวัน ทั้งที่ นช.ทักษิณไม่จำเป็นต้องใช้คนเสื้อแดงเป็นเครื่องมือ สามารถเดินทางเข้ามาต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรมได้ตลอดเวลา การโฟนอินในลักษณะนี้ ถือว่าบ่อนทำลายความมั่นคงของชาติ ดังนั้น การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงในวันนี้ อย่ามาอ้างว่าใช้สิทธิเสรีภาพการชุมนุมตามรัฐธรรมนูญ
น.ต.ประสงค์ ยังกล่าวเตือนรัฐบาลว่า จะต้องเข้มแข็งมากกว่านี้ อย่าไปหลงเชื่อแหล่งข่าวลวง เพราะต้องยอมรับการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงขยายวงกว้างมากขึ้น และมีการทดสอบวัดขุมกำลังเป็นลำดับ จึงไม่ทราบว่ารัฐบาลนี้ รวมทั้งกองทัพ ปล่อยให้มีการพูดจาจาบจ้วงองคมนตรี กระทบสถาบันเบื้องสูงได้อย่างไร ทั้งที่ทหารจะต้องปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 77 แต่นี่กลับปล่อยปละละเลย
อดีตประธาน กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวอีกว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จะต้องใจกล้า แสดงภาวะผู้นำให้มากกว่านี้ โดยใช้สื่อรัฐให้เป็นประโยชน์ เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริง และสร้างผลงาน ก่อนที่เวลาบริหารราชการจะเริ่มนับถอยหลังเข้าไปทุกที และอย่าประมาทการชุมนุมของคนเสื้อแดงอย่างเด็ดขาด และขอเสนอให้ดำเนินการจัดการกับ น.ช.ทักษิณ และกลุ่มผู้ชุมนุมขั้นเด็ดขาดดังนี้ คือ ยึดพาสปอร์ตทุกเล่มของน.ช.ทักษิณ ดำเนินการถอดยศพ.ต.ท. ทันที หลังเป็นนักโทษหนีคดี สั่งตัดสัญญาณโฟนอิน เพราะเข้าข่ายปลุกระดมบ่อนทำลายความมั่นคงของชาติ และจับตัวแกนนำคนเสื้อแดง
ตร.เคาะถอดยศทักษิณแล้ว
สำหรับเรื่องถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ วันเดียวกันนี้ ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) แหล่งข่าวระดับสูง เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการดำเนินการถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ ว่า ขณะนี้มีความคืบหน้าไปมาก หลังจากที่ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) สั่งการให้ฝ่ายที่เกี่ยวข้องพิจารณาอย่างรอบคอบนั้น ก็ได้มีการประชุมฝ่ายที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ซึ่งประกอบด้วย กองวินัย กองนิติการ กองคดี กองกำลังพลฯ โดยที่ประชุมก็มีการหยิบยกเรื่องการต้องโทษในคดีการเมืองที่ไม่ใช่คดีอาญาทั่วไป ว่าจะเข้าองค์ประกอบว่าด้วยการถอดยศตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2547 หรือไม่ ซึ่งภายหลังที่ประชุม ก็มีมติว่า ควรยึดตามคำพิพากษาของศาล ที่ถือว่าได้เข้าองค์ประกอบว่าด้วยการถอดยศแล้ว
แหล่งข่าวกล่าวด้วยว่า ตามระเบียบเมื่อถอดยศแล้ว ต้องดำเนินการขอพระราชทานคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ด้วย ควบคู่กัน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการของกองกำลังพลในการขอพระราชทานคืนเครื่องราชย์ฯในส่วนที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้รับพระราชทาน สมัยเป็นข้าราชการตำรวจ จากนั้นก็ต้องเสนอเรื่องให้ ผบ.ตร.พิจารณาและดำเนินการต่อไป โดยการถอดยศของ พ.ต.ท.ทักษิณ ครั้งนี้ มีตำรวจที่เข้าข่ายต้องถอดยศรวมอยู่ด้วย กว่า 10 คน โดยมีทั้งที่ต้องโทษยาเสพติด และหนีราชการ ทั้งนี้ คาดว่าใช้เวลาไม่นานก็ดำเนินการแล้วเสร็จ
ยันคำสั่งฟ้อง"จักรภพ"หมิ่นสถาบัน
พล.ต.ท.ไถง ปราศจากศัตรู ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) กล่าวถึงความคืบหน้าในคดีนายจักรภพ เพ็ญแข แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) พูดหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ที่สมาคมนผู้สื่อข่าวต่างประเทศ เมื่อเดือนส.ค.50 ว่า พนักงานสอบสวนกองบังคับการตำรวจปราบปรามได้ทำการสอบสวน โดยคณะกรรมการพิจารณาคดีหมิ่นฯ ระดับ ตร. มีความเห็นสั่งฟ้องไปแล้วตั้งแต่วันที่ 26 ธ.ค.51 แต่ต่อมาทางอัยการได้ให้พนักงานสอบสวนทำการสอบสวนเพิ่มในหลายประเด็น ทั้งในส่วนของพยาน 18 ปาก การส่งเทปบันทึกภาพการพูดของนายจักรภพ ให้สถาบันระดับอุดมศึกษาแปลเพิ่มอีก 2 แห่ง และการขอความเห็นจากนักวิชาการ ด้านประวัติศาสตร์การเมืองการปกครอง และสังคมไทย ซึ่งทางบช.ก.ได้สรุปสำนวนส่งให้อัยการแล้วตั้งแต่วันที่ 30 มี.ค. ที่ผ่านมา โดยมีความเห็นสั่งฟ้องเช่นเดิม
"พนักงานสอบสวนได้ทำการสอบพยานครบถ้วน ตามที่นายจักรภพ ร้องขอมาแล้ว รวมทั้งมีการแปลคำพูดของนายจักรภพ โดยผู้เชี่ยวชาญของ ตร. ส่วนกรณีขอให้สถาบันอื่นร่วมแปลนั้น ได้มีการติดต่อไปหลายแห่ง เช่น คณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ คณะอักษรศาสตร์ ม.ศิลปากร แต่ไม่มีที่ใดรับแปล โดยให้เหตุผลว่า เป็นเรื่องเกี่ยวกับคดี และเกี่ยวข้องกับข้อความที่หมิ่นสถาบันฯ หากมีการเผยแพร่ อาจได้รับความเสียหายต่อสถาบันฯ ส่วนผู้เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์การเมืองนั้น ก็ไม่มีที่ใดรับเช่นกัน โดยให้เหตุผลเหมือนกรณีการแปล"
ผู้สื่อข่าวถามว่า คดีที่ตำรวจสรุปส่งให้อัยการในครั้งนี้ จะถูกส่งกลับมาสอบสวนเพิ่มอีกหรือไม่ พล.ต.ท.ไถง กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นดุลพินิจของทางอัยการ ซึ่งต้องมีการตั้งคณะกรรมการพิจารณาในเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน แต่ในส่วนของตำรวจทางคณะกรรมการพิจารณาคดีหมิ่นฯ ได้พิจารณาจากการสอบสวนพยานเพิ่มเติมทั้ง 18 ปากที่กองปราบปรามรวบรวมมาให้ ซึ่งถือว่าการรวบรวมพยานหลักฐานของตำรวจสมบูรณ์แล้ว
วันเดียวกัน พ.ต.ท.วัฒนะศักดิ์ มุ่งกิจการดี พนักงานสอบสวนสน.บางมด ผู้เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษนายจักรภพ ได้เดินทางไปยังสำนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา โดยเข้าพบนายกายสิทธิ์ พิศวงปราการ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีอาญา เพื่อยื่นหนังสือให้มีสอบสวนพยานเพิ่มเติมในคดีดังกล่าว โดยเสนอขอให้สอบ ดร.ลักษณา กรศิลป์ นักเขียน นักแปล เพราะมีความเห็นว่า ที่นายจักรภพ พูดที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศ ในไทย และที่ แอลเอ. สหรัฐอเมริกานั้น มีความเชื่อมโยงกัน
พ.ต.ท.วัฒนศักดิ์ ระบุต่อว่า ที่พนักงานอัยการ สั่งให้พนักงานสอบสวน กองปราบปรามสอบพนยานเพิ่มเติมนั้น เนื่องจาก คำแปลถ้อยคำของนายจักรภพ ไม่เหมือนกัน โดยนายอนันต์ เหล่าเลิศวรกุล อาจารย์คณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ เห็นว่า คำแปลของกองกาารต่างประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีความคลาดเคลื่อนไปจากความเป็นจริง ทั้งนี้ คำแปลดังกล่าว จะเสนอให้อัยการเรียกสอบอาจารย์คณะศิลปศาสตร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านภาษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มาช่วยแปล เพื่อความเป็นธรรมของทุกฝ่าย
ยังไม่พบแม้วโฟนอินหมิ่นเบื้องสูง
พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผบช.น. กล่าวถึงการออกประกาศ กองบัญชาการตำรวจนครบาลให้กลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดงยุติการชุมนุม เมื่อวันที่ 30 มี.ค.ที่ผ่านมาว่า เป็นการดำเนินการตามขั้นตอนของคำสั่งศาลปกครองที่มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ซึ่งพฤติกรรมการชุมนุมที่มีลักษณะขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของคณะรัฐมนตรี ในการเข้าไปปฏิบัติราชการภายในทำเนียบรัฐบาล ส่วนการโฟนอิน ผ่านระบบวิดีโอลิงก์ของ พ.ต.ท.ทักษิณนั้น จากการตรวจสอบยังไม่พบว่า เข้าข่ายหมิ่นเบื้องสูง เป็นเพียงการหมิ่นประมาทตัวบุคคลเท่านั้น ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบรายละเอียดอีกครั้ง
พล.ต.ต.สุพร พันธุ์เสือ รอง ผบช.น.ในฐานะโฆษกบช.น.กล่าวว่า จากการประเมินสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดง ที่ปิดล้อมทำเนียบรัฐบาลขณะนี้ ไม่น่าเป็นห่วง ยังเป็นไปด้วยความสงบ อีกทั้งรัฐบาลได้ประกาศยกเลิกการประชุมครม. แต่ถึงอย่างไร ตำรวจก็ยังตรึงกำลังในพื้นที่โดยรอบทำเนียบรัฐบาล พร้อมสืบสวนหาข่าวความเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง
สั่งสอบวินัยตำรวจเสื้อแดง
พล.ต.ต.สุพร ยังกล่าวถึงกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายนาย เข้าร่วมการชุมนุมกับกลุ่มเสื้อแดง และเข้าคิวรอรับแจกเสื้อแดงจากผู้ชุมนุมว่า เป็นสิทธิที่สามารถทำได้หากอยู่นอกเวลาราชการ และหากจะร่วมชุมนุม ก็ต้องมาในเวลานอกราชการ และนอกเครื่องแบบ แต่หากมาในชุดเครื่องแบบก็ไม่เหมาะสม และเป็นการกระทำที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง เนื่องจากตำรวจที่เข้าปฏิบัติหน้าที่ดูแลความสงบเรียบร้อย ก็ควรจะวางตัวเป็นกลางไม่เข้าข้างฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดมากจนเกินไป
อย่างไรก็ตาม กองบัญชาการตำรวจนครบาลจะตรวจสอบว่า มีเจ้าหน้าที่ตำรวจคนใดใส่เครื่องแบบตำรวจเข้าไปร่วมชุมนุมดังกล่าวบ้าง จากนั้นจะส่งเรื่องไปยังผู้บังคับบัญชาต้นสังกัดตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยต่อไป
สันติบาลสอบจุดพิกัดแม้วโฟนอิน
พล.ต.ท.ธีระเดช รอดโพธิ์ทอง ผู้บัญาการตำรวจสันติบาล กล่าวว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังเร่งตรวจสอบรายละเอียด และข้อกฎหมายว่าจะสามารถดำเนินการทางกฎหมาย รวมทั้งมาตรการทางศาลอย่างไรได้บ้าง กับกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ โฟนอินเข้ามายังกลุ่มผู้ชุมนุมคนเสื้อแดงที่ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งยอมรับว่า มีเนื้อหาบางส่วนปลุกระดมมวลชน
นอกจากนี้ยังสั่งการให้หน่วยข่าวต่างประเทศ ตรวจสอบจุดโฟนอินของพ.ต.ท.ทักษิณ ว่า เชื่อมสัญญาณมาจากประเทศใด และการโฟนอินดังกล่าวเป็นเทป หรือเป็นการโฟนอินสด
สปน.ฟ้องเปิดทางเข้า-ออกทำเนียบ
ที่ศาลแพ่ง ถนนรัชดาภิเษก นายจาตุรงค์ ปัญญาดิลก รองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายวีระ มุกสิกพงศ์ , นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และนายจตุพร พรหมพันธุ์ 3 แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง ร่วมกันเป็นจำเลยเรื่องละเมิด ขอให้ศาลมีคำสั่งให้พวกจำเลยพร้อมบริวาร เปิดทางเข้าออกทำเนียบรัฐบาล พร้อมยื่นคำร้องไต่สวนฉุกเฉิน ให้ศาลมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ให้จำเลย และกลุ่มผู้ชุมนุมคนเสื้อแดง เปิดทางเข้าออกทำเนียบรัฐบาล เพื่อให้ข้าราชการเข้าทำงานได้ตามปกติ ทั้งนี้ ศาลได้เปิดบัลลังก์ 702 ทำการไต่สวนฉุกเฉินตามคำร้อง
สำหรับการไต่สวนฉุกเฉินครั้งนี้ โจทก์มีพยานรวม 4 ปาก ขึ้นเบิกความประกอบด้วย นายมงคล แสงหิรัญ ผู้อำนวยการสำนักกฎหมายและระเบียบกลาง , นายสมพาศ นิลพันธ์ ผู้อำนวยการกองการเจ้าหน้าที่สำนักนายกรัฐมนตรี , นายพงศ์ศักดิ์ ศิริวงษ์ ผู้อำนวยการสำนักสถานที่ และรักษาความปลอดภัย สำนักเลขาธิการ สำนักนายกรัฐมนตรี และ พ.ต.ท.นพสิน พูลสวัสดิ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สังกัดศูนย์สืบสวน บช.น. เข้าเบิกความเป็นพยาน
ศาลเห็นควรคุ้มครองมีผลทันที
ต่อมาเวลา 19.00 น. ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานในชั้นไต่สวนฉุกเฉินแล้ว เห็นว่าแม้รัฐธรรมนูญในราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 มาตรา 61 วรรคหนึ่ง จะบัญญัติไว้ว่า ประชาชนย่อมมีสิทธิในการชุมนุมโดยสงบ และปราศจากอาวุธ และวรรคสองบัญญัติว่า สิทธิการชุมนุมตามวรรคหนึ่ง ไม่สามารถละเมิดได้ แต่การที่จำเลยทั้ง 3 นำกลุ่มผู้ชุมนุมขับไล่รัฐบาล โดยปิดล้อมทางเข้า-ออกทำเนียบฯ ทำให้ข้าราชการตลอดจนเจ้าหน้าที่ ไม่สามารถเดินทางเข้าปฏิบัติหน้าที่ได้โดยสะดวก ตามสมควร อีกทั้งมีการใช้เครื่องขยายเสียงดังตลอดเวลา ซึ่งเป็นการรบกวนการทำงาน ซึ่งถือเป็นการใช้สิทธิเกินสมควร
จึงเห็นควรให้นำเอามาตรการคุ้มครองมาใช้ โดยมีคำสั่งให้ จำเลยทั้ง 3 เปิดถนนลูกหลวง ซึ่งเป็นทางเข้าออกทำเนียบรัฐบาล ตั้งแต่แยกเทวกรรม ถึงสะพานมัฆวานรังสรรค์ และเปิดประตูที่ 6 และ 8 ของทำเนียบรัฐบาล เพื่อให้ข้าราชการของโจทก์ รวมทั้งคณะรัฐมนตรี และผู้ที่ไปติดต่อราชการสามารถเข้าออกได้ และให้ใช้เครื่องขยายเสียงในความดังที่เหมาะสม ไม่รบกวนการทำงานของเจ้าหน้าที่ในทำเนียบรัฐบาล ในช่วงเวลาทำการวันจันทร์ถึง วันศุกร์ ตั้งแต่เวลา 08.30-16.30 น. โดยคำสั่งให้มีผลทันที
ตร.ยันเห็นแย้งไม่ฟ้องนปช.บุกบ้านป๋า
พล.ต.ท.เจตน์ มงคลหัตถี ผู้บัญชาการสำนักงานกฎหมายและสอบสวน (ผบช.กมส.) กล่าวถึงกรณีพนักงานอัยการมีความเห็นสั่งไม่ฟ้องแกนนำ นปช. 15 คน ที่นำกลุ่มผู้ชุมนุมบุกบ้านสี่เสาเทเวศน์ ของพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ เมื่อวันที่ 22 ก.ค.50 ว่า ภายหลัง พล.ต.ต.นิพนธ์ ภุมรินทร์ ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวน ได้ส่งสำนวนคดีดังกล่าวโดยมีความเห็นสั่งฟ้องแกนนำทุกคน ในทุกข้อหา ไปให้พนักงานอัยการพิจารณาในครั้งแรกนั้น พนักงานอัยการมีความเห็นสั่งฟ้องแกนนำบางคนในบางข้อหา และสั่งไม่ฟ้องบางคนในบางข้อหา ซึ่งได้ส่งเรื่องดังกล่าวแจ้งกลับมาให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตั้งแต่วันที่ 30 ก.ย.51 แต่หลังจากนั้น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ทำเอกสารแย้ง ลงวันที่ 19 ธ.ค.51 กลับไปให้อัยการสูงสุดพิจารณา โดยยืนยันเห็นควรสั่งฟ้องแกนนำ นปช.ทั้งหมด ตามที่ได้เคยส่งเรื่องไปให้อัยการพิจารณาในครั้งแรก แต่จนถึงขณะนี้ ก็ยังไม่ทราบว่าอัยการสูงสุด มีความเห็นในคดีดังกล่าวไปในทิศทางใด ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าแปลก เพราะคดีดังกล่าวสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีความเห็นแย้งไปตั้งนานแล้ว แต่ทำไมถึงเพิ่งปรากฎเป็นข่าว
คาดแม้วโฟนอินโต้เรื่องถอดยศ
นายนพดล ปัทมะ อดีตที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวถึงเรื่องการถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ พร้อมทั้งยื่นเรื่องขอพระราชทานคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ยังไม่ทราบเรื่องนี้ หากมีมติถอดยศชัดเจน ก็เป็นไปได้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะวิดีโอลิงค์ มาแถลงข่าวแน่นอน เพราะถือว่าเป็นความอยุติธรรมอีกรณีหนึ่ง โดยเฉพาะต้องดูว่า ข้ออ้างที่ สตช.จะหยิบยกเหคุผลคดีอาญามาเป็นองค์ประกอบว่าด้วยการถอดยศตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2547 ทำได้หรือไม่
นายนพดล กล่าวว่า หากมองจากจังหวะเวลาในการดำเนินการดังกล่าวในช่วงที่มีการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงนั้น ตั้งข้อสังเกตได้ว่า การดำเนินการของสตช. มีเบื้องหน้าเบื้องหลัง โดยเฉพาะเป็นไปได้ว่าอาจถูกรัฐบาลบีบ เพื่อดิสเครดิตการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดง และพ.ต.ท.ทักษิณ จึงขอเรียกร้องให้สตช.ออกมาชี้แจงเรื่องดังกล่าวว่ามีใครสั่งการอยู่เบื้องหลังหรือไม่
สั่งเสื้อแดงตจว.เตรียมบุกกรุง
ผู้วื่อข่างรายงานว่า การชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ในช่วงเช้าวานนี้ (31มี.ค.) ยังคงมีการปิดล้อมทำเนียบรัฐบาลทั้ง 4 ด้านเพื่อไม่ให้คณะรัฐมนตรีสามารถเข้าไปประชุมได้ แต่จำนวนผู้ชุมนุมมีไม่มากนัก ขณะที่กิจกรรมบนเวที ยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง โดยนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นชป.ได้ประกาศบนเวทีว่า ขอให้คนเสื้อแดงที่ชุมนุมที่หน้าศาลากลางแต่ละจังหวัดสลายการชุมนุมในเวลา 10.00 น. (31มี.ค.) เพื่อเก็บแรงเตรียมเข้าร่วมชุมนุมที่กรุงเทพฯ หากมีการเรียกจากแกนนำ แต่ถ้าเจ้าหน้าที่ตำรวจสลายการชุมนุมเมื่อใด ก็ขอให้กลุ่มคนเสื้อแดงยึดสถานที่ราชการทั่วประเทศทันที
นอกจากนี้ ยังขอให้ผู้ร่วมชุมนุมช่วยกันคิดว่า จะทำอย่างไร ไม่ให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กลับเข้าประเทศไทยได้ ภายหลังกลับจากร่วมประชุม G 20 ที่ประเทศอังกฤษ
ขณะที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำนปช. กล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ได้โทรศัพท์มาหาตนเมื่อเช้า แสดงความขอบคุณกลุ่มผู้ชุมนุม ที่สามารถปิดล้อมทำเนียบฯจนทำให้ครม.ไม่สามารถเข้าประชุมได้
ต่อมาเวลา 12.20 น. มีฝนฟ้าคนองอย่างหนักกว่า 1 ชั่วโมง มีเสียงฟ้าผ่าเป็นระยะ ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมต้องแยกย้ายไปหลบฝนตามเต้นท์ต่างๆ และการปราศรัยบนเวทีก็ยุติลง โดยมีการเปิดเพลงปลุกใจแทน
"สุเทพ"สั่งงดประชุมครม.
ขณะที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ได้แจ้งยกเลิกการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เนื่องจากสถานการณ์ไม่เอื้ออำนวยต่อ ประกอบกับในช่วงเช้า นายกรัฐมนตรี ได้นำคณะรัฐมนตรีเข้าเฝ้าฯถวายพระพร สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เนื่องในวันคล้ายวันพระราชสมภพ 2 เม.ย. และในช่วงบ่าย ก็มีกำหนดการเดินทางไปต่างประเทศ
นายสุเทพ กล่าวถึงการงดประชุมครม.ว่าไม่ใช่เรื่องเอาแพ้เอาชนะกัน หรือเสียหน้า แต่เป็นเรื่องของการรักษาบ้านเมืองซึ่งรัฐบาลพยามยามรักษาความสงบเรียบร้อย โดยอาศัยกฎหมาย ขณะนี้มีผู้ชุมนุมชุมนุมอยู่ทุกถนนรอบๆ ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งถ้าไม่ฝ่าฝืนกฎหมาย จะไปผลักดันเขาก็ลำบาก ดังนั้นวิธีที่ทำได้ คือร้องศาลเพื่อขอไต่สวนฉุกเฉิน เพื่อสั่งให้กลุ่มผู้ชุมนุมยุติการปิดล้อมทำเนียบฯ
"ประชาชนและสื่อคงสังเกตเห็นว่าการดำเนินการของพ.ต.ท.ทักษิณ ดำเนินการอย่างเป็นขั้นเป็นตอน ทั้งในและนอกสภา ซึ่งมีเป้าหมายเห็นชัดว่า พร้อมยั่วยุให้เกิดสถานการณ์รุนแรงขึ้น แต่เราก็ระมัดระวัง" นายสุเทพกล่าว
ส่วนการชุมนุมปิดล้อมศาลากลางจังหวัดนั้น นายสุเทพ กล่าวว่า เป็นการวางแผนไว้ล่วงหน้าว่าจะสร้างสถานการณ์ แต่เชื่อว่าหากประชาชนได้ฟังข้อมูลรอบด้าน ก็จะเข้าใจ ทั้งนี้ ยืนยันจะไม่มีการทำตามข้อเสนอของพ.ต.ท.ทักษิณ เพราะทั้งหมดที่เรียกร้อง เป็นการเรียกร้องเพื่อตัวเอง ซึ่งเขาอาจคิดว่าแผนการของตัวเองสำเร็จ แต่ประชาชนเข้าใจว่า การดำเนินการดังกล่าว ถือเป็นการสร้างความวุ่นวาย และตนไม่เชื่อว่าแผนของพ.ต.ท.ทักษิณ จะประสบความสำเร็จ เพราะประชาชนเริ่มเบื่อ แต่รัฐบาลก็จะติดตามการเคลื่อนไหวต่อไป แต่ก็ไม่ทราบว่าพ.ต.ท.ทักษิณ อยู่ที่ไหน ถ้าทราบก็จะตามตัวมาดำเนินคดี
ส่วนที่หลายฝ่ายมองว่า ทำไมตำรวจถึงทำอะไรล่าช้า คิดว่าเป็นการใส่เกียร์ว่างหรือไม่ รองนายกรัฐมนตรี ปฏิเสธที่จะแสดงความเห็น เพียงพูดว่า "ปล่อยเถอะ" ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำทำเนียบฯ สวมเสื้อสีแดง และผูกผ้าพันคอสีแดง จะทำให้ประชาชนสับสนหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า "ไม่หรอก"
มอบ"สุเทพ"รักษาการแทน
หลังการนำคณะรัฐมนตรีเข้าเฝ้าสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี เพื่อถวายพระพร เนื่องในวโรกาสวันคล้ายวันพระราชสมภพ 2 เม.ย.นี้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางกลับบ้านพักย่านสุขุมวิท จากนั้นเวลา 11.00 น.ได้เดินทางไปยังสนามบินสุวรรณภูมิ พร้อมนางพิมพรรณ เวชชาชีวะ ภรรยา และคณะผู้ติดตาม เพื่อเดินทางไปยังอังกฤษ เพื่อร่วมประชุม จี 20 ที่กรุงลอนดอน โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลอย่างใกล้ชิด เนื่องมีข่าวว่า กลุ่มเสื้อแดงจะเดินทางมาก่อกวนในช่วงที่นายกรัฐมนตรี และคณะเดินทางไปขึ้นเครื่อง
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ในระหว่างที่ตนไม่อยู่ ได้มอบหมายให้ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี รักษาการแทน และได้มีการพูดคุยแลกเปลี่ยนกันเรื่องของสถานการณ์แล้ว ขอให้ทุกท่านสบายใจว่า รัฐบาลพร้อมที่จะดูแลความสงบเรียบร้อยในบ้านเมือง ทั้งนี้ เราทราบว่าบางฝ่ายต้องการที่จะให้เกิดความรุแนรงในช่วงระยะเวลานี้ ก่อนถึงสงกรานต์ ฉะนั้น มีการพยายามหลายอย่างให้เกิดความตึงเตรียดขึ้นมา เช่น มีการพูดว่าจะมีการสลายการชุมนุม จะมีการใช้กำลังเข้ามา โดยพูดถึงเรื่องการที่ทหารจะเข้ามาทำร้ายประชาชน
รัฐบาลไม่ตกเป็นเหยื่อยั่วยุจาก"แม้ว"
"ที่มีการปล่อยข่าว หรือพูดกันออกไปทำให้เกิดกระแส หรืออะไรก็แล้วแต่ อยากให้พี่น้องประชาชนแยกแยะ โดยดูจากประวัติแนวทางการทำงานของรัฐบาลได้ ผมเรียนว่าที่มีการพูดถึงการใช้กำลังต่างๆนั้น เราทราบด้วยซ้ำมีความพยามประสานไปยังสื่อต่างประเทศ ที่จะให้มาคอยติดตามทำข่าวว่าจะมีการปะทะ หรือมีความรุนแรง ฉะนั้นรัฐบาลจะไม่ตกหลุมในการที่จะทำสิ่งนั้นให้เกิดขึ้น เพราะเรารู้ว่านั่นคือการทำร้ายบ้านเมืองมากที่สุดในช่วงที่มีการประชุมระหว่างประเทศด้วย ในช่วงที่เรากำลังจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมอาเซียนภาคต่อจากในช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา และในช่วงที่การแก้ปัญหาเศรษฐกิจกำลังเดินไปข้างหน้า ฉะนั้นเราจะไม่ตกเป็นเหยื่อของแนวทางที่จะยั่วยุให้เกิดเหตุการณ์อย่างนั้น"นายอภิสิทธิ์กล่าว
ส่วนการพูดหรือการปราศรัย ที่กระทบต่อความมั่นคง ขอยืนยันว่าเราไม่ได้ละเลย ไม่ได้ละเว้นหน้าที่แน่นอน มีการรวบรวมหลักฐานต่างๆ และจะดูข้อกฎหมายเพื่อที่จะดำเนินการต่อไป
เมื่อถามว่า มีการเรียกร้องให้รัฐบาลออกมาปกป้ององคมนตรี ที่ถูกพาดพิงมากกว่านี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลได้พูดตลอดเวลาว่า ไม่สมควรอย่างยิ่งที่จะมีการพูดจาพาดพิงถึงองคมนตรี หรือประธานองคมนตรี และท่านเองไม่ได้อยู่ในฐานะที่จำได้มากนัก แม้ว่าจะมีการชี้แจงกันอยู่บ้าง อะไรที่กระทบกับเรื่องกฎหมายความมั่นคง ขณะนี้กำลังรวบรวมหลักฐานต่างๆ และจะดำเนินการหากเข้าข่ายกระทำผิดกฎหมาย
ส่วนที่รัฐบาลใช้วิธีการหลีกเลี่ยง จนอาจจะทำให้ไม่สามารถเข้าทำงานที่ทำเนียบรัฐบาลได้นั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขณะนี้ในส่วนของข้าราชการ ได้มีการไปร้องต่อศาลแล้ว ในส่วนของตนในช่วงที่ผ่านมาไม่มีกำหนดการที่จะเข้าไป หากมี เชื่อว่าเข้าได้
เมื่อถามว่าหากกลุ่มผู้ชุมนุมดื้อเพ่งกับคำสั่งศาล จะดำเนินการอย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ต้องว่ากันอีกขั้นหนึ่ง แต่ขอเรียนว่าเราดำเนินการทุกอย่างโดยเคารพสิทธิ ซึ่งกันและกัน นั่นหมายถึง ผู้ชุมนุมต้องเคารพสิทธิของผู้อื่น คนที่จะตัดสินอะไร กระบวนการยุติธรรมอยู่ที่ศาล ถ้าไม่ดำเนินการตามคำสั่งของศาลก็ไปอีกขั้นหนึ่ง
ยันรัฐบาลไม่คิดใช้ความรุนแรง
ส่วนกรณีนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช. ประกาศจะไม่ให้นายกฯ กลับประเทศ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า นายณัฐวุฒิ คงไม่เข้าใจว่าคนไทยทุกคนมีสิทธิ์กลับมาอยู่ในประเทศ และตนก็จะกลับมา คงไม่หนีไปไหน และไม่มีอะไรต้องหนี เมื่อถามว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ระบุจะกลับไทย หากมีการใช้ทหารทำร้ายประชาชน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ควรจะกลับมานานแล้ว ขอเรียนว่ารัฐบาลนี้ ไม่มีแนวคิดที่จะให้เจ้าหน้าที่ทำร้ายประชาชน ผิดรัฐบาลแล้วครับ
เมื่อถามว่าเวลานี้ทราบที่อยู่ของ พ.ต.ท.ทักษิณหรือยัง นายอภิสิท ธิ์ กล่าวว่า มีกระแสอยู่บ้างและมีการดำเนินการในขั้นตอนการต่างประเทศอยู่ เมื่อถามว่าอยู่ใกล้บ้านเราหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ครับ เมื่อถามว่า การดำเนินการต่างประเทศถึงระดับไหน และหวังผลได้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คงจะมีเหมือนกับก่อนหน้านี้ ที่เรามีท่าทีที่ชัดเจนในส่วนของฮ่องกง เมื่อถามว่ารวมถึงดูไบ ที่กระทรวงการต่างประเทศจะส่งเจ้าหน้าทีไปด้วยใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า มีหลายช่วงที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ไปอยู่ที่นั่น
เตือนอย่าตกเป็นเครื่องมือทักษิณ
นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า ที่ประชุมคณะทำงานปฏิบัติการเพื่อประเมินสถานการณ์ทางการเมือง (วอร์รูม) พรรคประชาธิปัตย์ วิเคราะห์ว่า ความเคลื่อนไหวของพ.ต.ท.ทักษิณ เป็นการดำเนินการ เพื่อมุ่งเอาประเทศเป็นตัวประกัน แลกกับการคืนสู่อำนาจ และผลประโยชน์ของตัวเอง โดยเป้าหมายในการดำเนินการคือ การแก้ไขรัฐธรรมนูญ การผลักดันร่าง พ.ร.บ.ปรองดองแห่งชาติ และการยุบสภา ซึ่งสอดคล้องกับการดำเนินการของพรรคเพื่อไทย และอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย 111 คน
ทั้งนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ อ้างว่าสาเหตุที่เคลื่อนไหวเพื่อต้องการเปลี่ยนประเทศไทย โดยยกระดับการต่อสู้จากรัฐบาล มาเป็นเหล่าทัพ กระบวนการยุติธรรม และสถาบันองคมนตรี มีการปลุกระดมให้คนเป็นปฏิปักษ์กับสถาบันเหล่านั้น โดยพยายามแยกว่า สถาบันเหล่านั้นไม่ได้ทำงานให้กับสถาบันแห่งชาติ ทั้งที่ความจริงสถาบันเหล่านั้น ทำเพื่อสถาบันแห่งชาติมาโดยตลอด ขณะที่ในเวที นปช. มีการใช้เวทีดังกล่าวในการหมิ่นสถาบันฯ จนกลายเป็นคดีความมาโดยตลอด ดังนั้นจึงขอให้ประชาชนอย่าตกเป็นเครื่องมือของพ.ต.ท.ทักษิณ
แฉ"แม้ว"เมาย้อมใจก่อนโฟนอิน
นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร โฟนอินผ่านระบบวีดีโอลิงค์ มายังกลุ่มมวลชนเสื้อแดง 3 วันว่า เท่าที่ได้ติดตามมาตลอด เห็นความผิดปกติ เหมือนคนคลุ้มคลั่ง ไม่ปกติ จึงอยากแนะนำว่า ไม่ควรดื่มย้อมใจก่อนพูด แต่ควรกลับไปดื่มย้อมใจหลังพูดเสร็จจะดีกว่า
สิ่งที่พ.ต.ท.ทักษิณ พูดว่าศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคพลังประชาชน เพราะกลุ่มอมาตยาธิปไตย ต้องการให้พรรคประชาธิปัตย์ เป็นรัฐบาล ซึ่งเรื่องนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ เข้าใจผิด หากพรรคพลังประชาชนไม่โกง ไม่ทุจริต ไม่มีเหตุผลใดที่พรรคจะถูกยุบได้ แต่เป็นเพราะมีการละเมิดกฎหมาย
ส่วนที่พ.ต.ท.ทักษิณ ประกาศว่า มีเสียงปืนแตกจะกลับมานำม็อบมาปิดล้อมรัฐบาลนั้น ตนคิดว่าไม่จำเป็นต้องรอวันที่ปืนแตก แต่น่าจะกลับมาตั้งนานแล้ว ไม่ใช่ทำตัวเป็นนินจา อยู่เบื้องหลังม็อบ อยู่ที่ประเทศไหนไม่ทราบ
"หากฝันที่จะเห็นการนองเลือดบนแผ่นดินไทยนั้นไม่เกิดขึ้นในรัฐบาลชุดนี้แน่นอน เพราะรัฐบาลจะไม่ตกหลุมพรางตามที่ได้ขุดไว้ ทั้งการที่พ.ต.ท.ทักษิณ จะกลับมา ก็ไม่ควรเอาชีวิตและเลือดเนื้อของประชาชนมาปกป้องตัวเอง ดังนั้นหากเป็นแม่ทัพควรอยู่เบื้องหน้า ไม่ควรอยู่เบื้องหลังทำตัวเป็นอีแอบ" นายเทพไทกล่าว
เป้าทักษิณอยู่ที่คนหนุนรัฐบาล
นายชุมพล ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่า การที่พ.ต.ท.ทักษิณ พยายามปลุกปั่นให้สถานการณ์รุนแรงมากขึ้นและมีการพาดพิงถึงประธานองคมนตรีนั้น เชื่อว่าเป้าหมายไม่ได้อยู่ที่การต้านรัฐบาลชุดนี้ เพราะรัฐบาลชุดนี้ไม่ได้ทำอะไรให้พ.ตท.ทักษิณ มีแต่คนที่หนุนรัฐบาลชุดนี้ขึ้นมา ที่ทำให้พ.ต.ท.ทักษิณ เดือดร้อน
"คุณทักษิณเขาไม่ได้หมายถึงรัฐบาล แต่หมายถึงคนที่หนุนรัฐบาลชุดนี้ ดาบนั้นมันก็คืนสนองแล้ว" นายชุมพลกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ถือเป็นการประกาศรบครั้งสุดท้ายของพ.ต.ท.ทักษิณ หรือไม่ นายชุมพลกล่าว ไม่รู้ ใจคนนั้นอ่านลำบาก ผู้สื่อข่าวถามว่าอยากฝากอะไรถึงพ.ต.ท.ทักษิณ นายชุมพล กล่าวว่า ทำอะไรก็ตามที อย่าต้อนคนให้จนมุม เพราะถ้าจนมุมเมื่อไร เมื่อนั้นเขาจะสู้ตาย ดังนั้นทุกฝ่ายขอให้ร่วมมือกัน ให้เศรษฐกิจ บ้านเมืองไปรอด ให้เงินทองไหลเข้ามาเมืองไทย
ครม.นัดพิเศษถกรับมือม็อบ
นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงภายหลังการประชุมพรรคประชาธิปัตย์ ว่า ที่ประชุมได้พิจารณาถึงปัจจัยสำคัญ 3 ประการที่จะส่งผลต่อทิศทางการเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ และกลุ่มนปช. ได้แก่ 1. สถานการณ์การชุมนุมจะรุนแรงขึ้นเนื่องจากมีการปลุกระดมให้คนเสื้อแดงเป็นปฏิปักษ์กับสถาบันหลัก และโค่นล้มระบบการปกครองของประเทศ
2. การที่รัฐบาลเร่งสะสางคดีอีกจำนวนมากที่เกิดจากการทุจริตอย่างต่อเนื่องในสมัยรัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ ทำให้พ.ต.ท.ทักษิณ เคลื่อนไหวเพื่อล้มคดีเหล่านี้ 3. เงื่อนไขที่เหตุการณ์อาจจะลุกลามไปสู่ความรุนแรง เช่น กรณีที่เคยมีการทำนายเหตุรุนแรงโดยนายทหาร ที่ร่วมการชุมนุมนปช. ในขณะที่พันธมิตรฯ ได้เคยชุมนุมใหญ่ และต่อมาได้เกิดเหตุการณ์ยิงระเบิดใส่ผู้ชุมนุมจริง
รายงานข่าวแจ้งว่า ในช่วงเช้าวันนี้ (1 เม.ย.) นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ได้นัดประชุมครม.นัดพิเศษด้วย
"ชวน"ให้เร่งชี้แจงข้อเท็จจริงสู้"แม้ว"
รายงานข่าวแจ้งว่า ในที่ประชุมส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ได้กำชับให้รัฐมนตรีและส.ส.ของพรรค เร่งลงพื้นที่ชี้แจงถึงสาเหตุ และข้อเท็จจริงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ นำข้อมูลที่ไม่ถูกต้องมาปราศรัยโจมตีสถาบันองคมนตรี เนื่องจากสถาบันองคมนตรี ไม่อยู่ในฐานะที่จะออกมาชี้แจงกรณีการเมืองได้ จึงเหมือนถูกสาดโคลนใส่เพียงฝ่ายเดียว ดังนั้นทุกคนต้องช่วยกันชี้แจงข้อเท็จริงทั้งหมด ถึงต้นสายปลายเหตุ และเหตุผลที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ออกมาพูดฝ่ายเดียว และพูดซ้ำ ทำให้สังคมลืมประเด็นสำคัญ ที่ตัวเองเคยคอร์รัปชั่น ใช้อำนาจหน้าที่หาผลประโยชน์ให้ตนเอง และพวกพ้องอย่างไร รวมถึงมูลเหตุของการถูกอายัดทรัพย์ด้วย
นายชวน ยังจี้ให้นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.ประจำสำนักนายกฯ ทำหน้าที่ให้เข้มแข็งกว่านี้ อย่าปล่อยปละละเลย เพื่อให้ชาวบ้านเข้าใจข้อมูลที่ถูกต้อง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังการประชุมนายไตรรงค์ สุวรรณคีรี ได้บ่นเสียงดังกับนายพีระพันธ์ สาลีรัฐวิภาค รมว.ยุติธรรม ว่า "เป็นคุณ คุณจะทนได้ยังไง ขนาดผมเป็นแค่กองเชียร์ ไม่มีหน้าที่โดยตรง ผมยังทนไม่ได้ เอาอะไรมาพูด บิดเบือนทั้งนั้น แล้วคนที่มีหน้าที่ ทำไมไม่ทำอะไรเลย"
สส.ปชป.เตรียมเยี่ยม“ป๋าเปรม”
นายนิพนธ์ บุญญามณี ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ในช่วงเช้าวันนี้ (1 เม.ย. ) ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ บางส่วน จะเดินทางไปยังบ้านสี่เสาเทเวศร์ เพื่อให้กำลังใจ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เนื่องจากถูกกลุ่ม นปช.ปราศรัยโจมตี เพราะถือว่า พล.อ.เปรม เป็นผู้ทำงานเสียสละเพื่อบ้านเมืองมาตลอด อย่างไรก็ตาม การเดินทางดังกล่าว ถือเป็นการกระทำส่วนตัว ไม่เกี่ยวข้องกับพรรค ดังนั้นจึงไม่กลัวถูกข้อครหาว่า สนับสนุนระบอบอำมาตยาธิปไตย
"แม้ว"พร่ำจงรักภักดีต่อสถาบันฯ
เวลา 20.10 น.วานนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้กล่าวผ่านระบบวิดีโอลิงก์มายังกลุ่มผู้ชุมนุมที่หน้าทำเนียบรัฐบาล โดยย้ำว่า ขณะนี้บ้านเมืองมีวิกฤติ ดังนั้นจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของประเทศ
พ.ต.ท.ทักษิณ ยังกล่าวถึงพล.อ.เปรม ว่า ที่พล.อ.เปรม บอกว่าไม่มีอะไรกับตน ท่านคงพูดผิดเพราะตนไม่มีอะไรกับท่านแน่นอน แต่ท่านมีอะไรกับตนหรือไม่ ไม่รู้ ทั้งนี้ ท่านอายุมากแล้วแต่ยังแต่งเครื่องแบบไปตามโรงเรียนเหล่าต่างๆ ไปด่าตน ตอนที่ตนเป็นนายกฯ
พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวอีกว่า วันนี้ที่พล.อ.เปรม บอกว่าประเทศไทยโชคดีที่ได้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกฯ แต่ที่แน่ๆคือนายอภิสิทธิ์ โชคร้ายที่ได้นายกษิต เป็นรัฐมนตรี ทั้งที่เป็นคนที่เกี่ยวข้องกับการปิดสนามบิน และที่พูดวันนี้ก็บ้า เป็นรัฐมนตรีต่างประเทศสติไม่ดี แล้วมาบอกว่า ผมไปเจอเวทีไหนก็ได้ เวลามีลูกน้องถ้ามันไม่รักดี คำโบราณเขาเรียกว่า ตัดหางปล่อยวัด
อดีตนายกฯ กล่าวอีกว่า วันนี้ประชาธิปัตย์ ออกมาบอกว่า ที่ตนมาปราศัยกับชาวเสื้อแดง เพราะมีวัตถุประสงค์ 3 ประการคือ 1. ทำลายสถาบัน 2. ทำเพื่อตัวเองและ 3. จะเปลี่ยนการปกครอง ทั้งที่ความวุ่นวายทั้งหมดเริ่มต้นที่ประชาธิปัตย์ ที่ไม่ทำการเมืองตามกฎเกณฑ์ เพราะเขาไม่สามารถเอาชนะโดยการให้ประชาชนลงคะแนนได้ จึงใช้วิธีการเกาะท๊อบบูท เกาะพันธมิตรฯ และเกาะเนวิน
ส่วนข้อหาที่ว่าไม่จงรักภักดี พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า ตนไม่เคยมีจิตใจแม้แต่น้อยนิดที่จะทำลายสถาบันฯ ตลอด 6 ปี ที่เป็นนายกฯ ตนทำงานถวายสถาบันฯอย่างเต็มที่ เคยมียุคใหนบ้างที่ผู้นำประเทศมหาอำนาจ 3 ประเทศ มาเป็นพระราชอาคันตุกะของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แต่แต่สมัยที่ตนเป็นนายกฯเท่านั้น แต่วันนี้โดนด่ามากก็ขอพูดหน่อย ด่าอีกก็พูดอีก ที่พูดทั้งหมดเพื่อให้ประชาชนเข้าใจ ว่าตนเทิดทูนสถาบันฯ
การหาว่า ว่าตนอยากเปลี่ยนการปกครอง ขอบอกว่า ตนอยากได้ประชาธิปไตยที่เต็มใบแท้จริง ไม่อยากได้แบบอมาตยาธิปไตยอีกแล้ว ต้องการได้ประชาธิปไตยเพื่อประชาชน ไม่ถูกแทรกแซงโดยอำมาตย์ เพื่ออำมาตย์ และเพื่อนักการเมืองที่แสวงหาผลประโยชน์
พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวอีกว่า สรุปว่าคนรอบวัง ร่วมกับทหารทหารปฏิวัติ รัฐประหาร เมื่อวันที่ 19 ก.ย. ทำให้สถาบันฯเสียหาย ซึ่งคนรอบวังเหล่านี้ไม่ควรจะทำเป็นภาระต่อไป เจ้านายสถิตย์อยู่ที่สูง เจ้านายไม่ต้องการยุ่งกับการเมืองเลย แต่ว่าคนที่ถวายรับใช้แยกไม่ออก ระหว่างการทำหน้าที่ อารมณ์ หรือความอยากส่วนตัว เลยทำให้สถาบันฯ เสียหาย
ในช่วงท้าย พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า แม้ตนจะเหนื่อย และเจ็บมาเยอะจากการเป็นนายกฯ แต่ถ้าพี่น้องบอกว่า ขอให้กลับมาทำงาน ตนก็ยอมเหนื่อย และตนยังมีแรงอยู่ และตนมั่นใจว่าประเทศทั้งหลายที่แซงเราไป ถ้าเรามีประชาธิปไตยจริงๆ เราจะแซงเรียบ