พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม กล่าวถึงการที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวโจมตี พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ อยู่เบื้องหลังการรัฐประหารที่ผ่านมาว่า คำพูดเช่นนี้เป็นความคิดของท่านเอง ซึ่งต้องรับผิดชอบในคำพูดและประชาชนต้องใช้วิจารณญาณในการฟังว่าสิ่งที่ พ.ต.ท.ทักษิณพูดเป็นอย่างไร ส่วนคนที่ถูกพาดพิงนั้น นายอภิสิทธ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี บอกแล้วว่า จะออกมาชี้แจงหรือไม่ชี้แจงเป็นสิทธิหน้าที่ อย่างไรก็ตามตนคงไม่แนะนำอะไร พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะตนเคยเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของท่าน แต่บ้านเมืองเป็นอย่างไรท่านก็รู้ และท่านรู้ว่าควรทำอย่างไร
ผู้สื่อข่าวถามว่าในฐานะที่ท่านสนิทกับพ.ต.ท.ทักษิณ จะขอให้ท่านหยุดการ เคลื่อนไหว พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ตนไม่ขอร้อง เพราะท่านเป็นนายเก่าของตน ไม่อยากพูดอะไรมาก ไม่อยากก้าวก่ายคนอื่น เมื่อถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะทวงบุญคุณ ที่เคยตั้งท่านเป็นผบ.ทบ.หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า การแต่งตั้งเป็นไปตามขั้นตอน หากตนไม่ได้เป็นคนอื่นก็ได้เป็น
ส่วนที่กลุ่มพันธมิตรเรียกร้องให้ทหารออกมาปกป้องสถาบันนั้น พล.อ. ประวิตร กล่าวว ่า ทหารปกป้องสถาบันอยู่แล้ว แต่จะให้ออกมาอย่างไร เพราะไม่มีกฎหมายรองรับ ซึ่งการที่เราส่งทหารเข้าไปในทำเนียบรัฐบาล เพื่อดูแลสถานที่ราชการ เพราะคนจำนวนมากทำให้มีความล่อแหลม หากเข้าไปสถานที่ราชการจะเกิดความเสียหาย เมื่อถามว่า มีมาตรการป้องกันอย่างๆไร หากกลุ่มเสื้อแดงจะยึดทำเนียบ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เรามีคนของเราอยู่ ไม่จำเป็นต้องวางมาตรการ ทหารดูแลสถานที่ราชการอยู่ ซึ่งการปฏิบัติจะทำตามขั้นตอน ไม่ให้ผิดกฎหมาย
ผู้สื่อข่าวถามว่าตั้งข้อสังเกตหรือไม่เหตุใดกลุ่มเสื้อแดงจึงจ้องโจมตีทหาร พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ต้องถามเขา ตนตอบไม่ได้ ตนมีหน้าที่ดูแลทหารเพียง อย่างเดียว เชื่อว่า ทหารเขารู้ เมื่อถามว่า จะใช้ปืนยิงหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า รัฐบาลชุดนี้อยู่ภายใต้กฎหมาย และรัฐธรรมนูญ
ด้านพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. กล่าวว่า หากสิ่งใดที่ทำให้คนไทย ต้องแตกแยกก็ไม่ควรกระทำ โดยเฉพาะในภาวะเช่นนี้หากไม่ขัดแย้ง ไม่ใช้ความรุนแรงน่าจะเป็นสิ่งที่ดี
ผมเคยเรียนย้ำตั้งแต่สมัยที่เป็นคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ(คมช.)ว่า ประธานองคมนตรีถวายงานให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ดังนั้นในฐานะที่เราเป็นประชาชนคนไทยที่เทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ก็ไม่ควรไปล่วงเกิน
ส่วนที่พล.อ. สายหยุด เกิดผล ประธานองค์กรกลาง ระบุว่า มีทหารบางกลุ่มรับเงินจากพ.ต.ท.ทักษิณเพื่อทำปฏิวัติ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ตนยังไม่ได้ข่าวนี้ ยืนยันว่า ตนปกครองผู้ใต้บังคับบัญชาของกองทัพบก ซึ่งกองทัพบกไม่มีการปฏิวัต
ผู้สื่อข่าวถามว่า เพ.ต.ท. ทักษิณ โฟนอินว่า ท่านยุ่งการเมือง ขณะนี้ความสัมพันธ์ยังเหมือนเดิมหรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวยืนยันว่า ทหารไม่ได้เข้ามายุ่งการเมืองทั้งสิ้น รัฐบาลใดมาสั่งการเราก็ทำงานไปตามนั้น คนที่ว่า ทหารยุ่งการเมือง คือสื่อมวลชนไปอนุมานว่า เป็นอย่างนั้น ไม่ว่าจะเหลืองหรือแดงตนอยู่เหมือนเดิม ส่วนที่ พ.ต.ท.ทักษิณ บอกว่าทหารไปยุ่งกับการเมือง ก็ต้องไปถามท่าน เมื่อถามย้ำว่า ส่วนตัวยังเป็นเพื่อนกับพ.ต.ท. ทักษิณ เหมือนเดิมหรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ ปฏิเสธที่จะตอบคำถาม
ผมยืนยันว่าทหาร 2 แสนคนในกองทัพบกไม่มีพวกใคร และกองทัพบก ไม่สามารถเป็นพวกใดพวกหนึ่งได้ เราทำงานเพื่อชาติ เพื่อแผ่นดิน เพื่อประชาชน ไม่เคยแบ่งสีใดสีหนึ่ง และช่วงที่ คมช.เป็นผู้ถืออำนาจรัฐ คมช.ไม่ได้ใช้ทหาร ในการดูแลความสงบ แต่ใช้ตำรวจดูแลมาตลอด ทั้งที่สนามหลวง เรื่อยมาจนถึงบ้านพักของ พล.อ. เปรม ประเด็นนี้อยู่ที่ผู้ถืออำนาจรัฐ ที่เข้ามาบริหารประเทศจะสั่งการอย่างไร ทั้ง 20 กระทรวง รวมทั้งกองทัพต้องปฏิบัติตามผู้ถืออำนาจรัฐว่า จะสั่งการอย่างไร
พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่าสมัยนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี เข้ามาบริหารประเทศท่านไม่ได้ใช้ทหารแม้แต่นิดเดียว ท่านเลือกใช้ตำรวจ และให้ตนดูแลความมั่นคงภาคใต้ ส่วนปัญหาภายในท่านจะจัดการเอง สำหรรับเหตุการณ์วันที่ประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ตนพูดหลายครั้งแล้วว่า เหตุการณ์ตอนนั้นไม่ใช่ สถานการณ์ฉุกเฉิน วันนั้นเป็นเหตุการณ์คนตีกัน แต่การที่คนเข้าไปยุ่งสถานที่ราชการ และทำให้เกิดความเสียหายอย่างวันที่ 7 ตุลาคม 51
ส่วนเหตุการณ์ที่มีการยึดสนามบินสุวรณภูมินั้น รัฐบาลมอบให้พล.ต.อ. โกวิท วัฒนะ อดีต รมว.มหาดไทยเป็นผู้รับผิดชอบ ซึ่งท่านก็ทำอะไรไม่ได้ จนกระทั่งสถานการณ์เสร็จสิ้น ตนยืนยันว่า จะทำอะไร แล้วไปใช้กำลังกับประชาชน สังคมไทยรับไม่ได้ ทหารทำตามบทบาทภารกิจที่รัฐบาลสั่งแต่สิ่งที่เห็นว่า ทำได้ เช่นการรักษาสถานที่อย่างในปัจจุบันที่รัฐบาลสั่งจึงต้องไป
ผมจะไม่ตอบว่าสถานการณ์จะพัฒนาไปสู่ความรุนแรงหรือไม่ เพราะผมจะตอบในแง่ที่สร้างสรรค์ต่อประเทศชาติว่า ประเทศเราจะยืนอยู่บนความขัดแย้งไม่ได้ จะมีสองฝั่ง สองฝ่ายอย่างนี้ไม่ได้ คนไทยต้องเรียนรู้ที่จะอยู่บนความคิดเห็นที่ไม่ตรงกัน โดยอยู่ด้วยความสงบเรียบร้อยให้ได้ ไม่ใช่อยู่แล้วจะต้องแตกหักกันไปข้าง ดังนั้นผมจะพูดว่าผมจะรักษาความสงบเรียบร้อยให้ ไม่ให้เกิดเหตุการณ์รุนแรงขึ้นกับฝ่ายใด ฝ่ายใดจะเป็นฝ่ายอำนาจรัฐ เป็นเรื่องกลไกการเมืองก็ว่าไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากสถานการณ์รุนแรงทหารจะออกมาควบคุมสถานการณ์ หรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า รัฐบาลไม่ได้สั่ง มีเพียงคำสั่งให้ดูแลสถานที่ราชการ แต่หากจะมีมาตรการนอกจากนั้น คงไม่มีใครสั่งการหรือมีการเตรียมการทัน เรามีหน้าที่รักษาสถานที่ราชการเท่านั้น
ส่วนที่กลุ่มพันธมิตร เรียกร้องให้ทหารออกมาปกป้องสถาบันพล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า การดำเนินการรัฐบาลมีนโยบายที่แน่ชัด และมีส่วนที่รับผิดชอบ ส่วนในจิตวิญาณของทหารทุกคนยืนยันว่า เราเป็นทหารของชาติ และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งสถาบันทหารจะปกป้องสถาบันกษัตริย์ยิ่งชีวิต ดังนั้นเราจะไม่ทำอะไรที่นอกกรอบกฎหมาย นอกบทบาทภารกิจ การที่มีใครออกมาดำเนินการอย่างที่สื่อถาม ทหารจะต้องออกมาดูแล
ผู้สื่อข่าวถามว่าในฐานะที่ท่านสนิทกับพ.ต.ท.ทักษิณ จะขอให้ท่านหยุดการ เคลื่อนไหว พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ตนไม่ขอร้อง เพราะท่านเป็นนายเก่าของตน ไม่อยากพูดอะไรมาก ไม่อยากก้าวก่ายคนอื่น เมื่อถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะทวงบุญคุณ ที่เคยตั้งท่านเป็นผบ.ทบ.หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า การแต่งตั้งเป็นไปตามขั้นตอน หากตนไม่ได้เป็นคนอื่นก็ได้เป็น
ส่วนที่กลุ่มพันธมิตรเรียกร้องให้ทหารออกมาปกป้องสถาบันนั้น พล.อ. ประวิตร กล่าวว ่า ทหารปกป้องสถาบันอยู่แล้ว แต่จะให้ออกมาอย่างไร เพราะไม่มีกฎหมายรองรับ ซึ่งการที่เราส่งทหารเข้าไปในทำเนียบรัฐบาล เพื่อดูแลสถานที่ราชการ เพราะคนจำนวนมากทำให้มีความล่อแหลม หากเข้าไปสถานที่ราชการจะเกิดความเสียหาย เมื่อถามว่า มีมาตรการป้องกันอย่างๆไร หากกลุ่มเสื้อแดงจะยึดทำเนียบ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เรามีคนของเราอยู่ ไม่จำเป็นต้องวางมาตรการ ทหารดูแลสถานที่ราชการอยู่ ซึ่งการปฏิบัติจะทำตามขั้นตอน ไม่ให้ผิดกฎหมาย
ผู้สื่อข่าวถามว่าตั้งข้อสังเกตหรือไม่เหตุใดกลุ่มเสื้อแดงจึงจ้องโจมตีทหาร พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ต้องถามเขา ตนตอบไม่ได้ ตนมีหน้าที่ดูแลทหารเพียง อย่างเดียว เชื่อว่า ทหารเขารู้ เมื่อถามว่า จะใช้ปืนยิงหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า รัฐบาลชุดนี้อยู่ภายใต้กฎหมาย และรัฐธรรมนูญ
ด้านพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. กล่าวว่า หากสิ่งใดที่ทำให้คนไทย ต้องแตกแยกก็ไม่ควรกระทำ โดยเฉพาะในภาวะเช่นนี้หากไม่ขัดแย้ง ไม่ใช้ความรุนแรงน่าจะเป็นสิ่งที่ดี
ผมเคยเรียนย้ำตั้งแต่สมัยที่เป็นคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ(คมช.)ว่า ประธานองคมนตรีถวายงานให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ดังนั้นในฐานะที่เราเป็นประชาชนคนไทยที่เทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ก็ไม่ควรไปล่วงเกิน
ส่วนที่พล.อ. สายหยุด เกิดผล ประธานองค์กรกลาง ระบุว่า มีทหารบางกลุ่มรับเงินจากพ.ต.ท.ทักษิณเพื่อทำปฏิวัติ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ตนยังไม่ได้ข่าวนี้ ยืนยันว่า ตนปกครองผู้ใต้บังคับบัญชาของกองทัพบก ซึ่งกองทัพบกไม่มีการปฏิวัต
ผู้สื่อข่าวถามว่า เพ.ต.ท. ทักษิณ โฟนอินว่า ท่านยุ่งการเมือง ขณะนี้ความสัมพันธ์ยังเหมือนเดิมหรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวยืนยันว่า ทหารไม่ได้เข้ามายุ่งการเมืองทั้งสิ้น รัฐบาลใดมาสั่งการเราก็ทำงานไปตามนั้น คนที่ว่า ทหารยุ่งการเมือง คือสื่อมวลชนไปอนุมานว่า เป็นอย่างนั้น ไม่ว่าจะเหลืองหรือแดงตนอยู่เหมือนเดิม ส่วนที่ พ.ต.ท.ทักษิณ บอกว่าทหารไปยุ่งกับการเมือง ก็ต้องไปถามท่าน เมื่อถามย้ำว่า ส่วนตัวยังเป็นเพื่อนกับพ.ต.ท. ทักษิณ เหมือนเดิมหรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ ปฏิเสธที่จะตอบคำถาม
ผมยืนยันว่าทหาร 2 แสนคนในกองทัพบกไม่มีพวกใคร และกองทัพบก ไม่สามารถเป็นพวกใดพวกหนึ่งได้ เราทำงานเพื่อชาติ เพื่อแผ่นดิน เพื่อประชาชน ไม่เคยแบ่งสีใดสีหนึ่ง และช่วงที่ คมช.เป็นผู้ถืออำนาจรัฐ คมช.ไม่ได้ใช้ทหาร ในการดูแลความสงบ แต่ใช้ตำรวจดูแลมาตลอด ทั้งที่สนามหลวง เรื่อยมาจนถึงบ้านพักของ พล.อ. เปรม ประเด็นนี้อยู่ที่ผู้ถืออำนาจรัฐ ที่เข้ามาบริหารประเทศจะสั่งการอย่างไร ทั้ง 20 กระทรวง รวมทั้งกองทัพต้องปฏิบัติตามผู้ถืออำนาจรัฐว่า จะสั่งการอย่างไร
พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่าสมัยนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี เข้ามาบริหารประเทศท่านไม่ได้ใช้ทหารแม้แต่นิดเดียว ท่านเลือกใช้ตำรวจ และให้ตนดูแลความมั่นคงภาคใต้ ส่วนปัญหาภายในท่านจะจัดการเอง สำหรรับเหตุการณ์วันที่ประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ตนพูดหลายครั้งแล้วว่า เหตุการณ์ตอนนั้นไม่ใช่ สถานการณ์ฉุกเฉิน วันนั้นเป็นเหตุการณ์คนตีกัน แต่การที่คนเข้าไปยุ่งสถานที่ราชการ และทำให้เกิดความเสียหายอย่างวันที่ 7 ตุลาคม 51
ส่วนเหตุการณ์ที่มีการยึดสนามบินสุวรณภูมินั้น รัฐบาลมอบให้พล.ต.อ. โกวิท วัฒนะ อดีต รมว.มหาดไทยเป็นผู้รับผิดชอบ ซึ่งท่านก็ทำอะไรไม่ได้ จนกระทั่งสถานการณ์เสร็จสิ้น ตนยืนยันว่า จะทำอะไร แล้วไปใช้กำลังกับประชาชน สังคมไทยรับไม่ได้ ทหารทำตามบทบาทภารกิจที่รัฐบาลสั่งแต่สิ่งที่เห็นว่า ทำได้ เช่นการรักษาสถานที่อย่างในปัจจุบันที่รัฐบาลสั่งจึงต้องไป
ผมจะไม่ตอบว่าสถานการณ์จะพัฒนาไปสู่ความรุนแรงหรือไม่ เพราะผมจะตอบในแง่ที่สร้างสรรค์ต่อประเทศชาติว่า ประเทศเราจะยืนอยู่บนความขัดแย้งไม่ได้ จะมีสองฝั่ง สองฝ่ายอย่างนี้ไม่ได้ คนไทยต้องเรียนรู้ที่จะอยู่บนความคิดเห็นที่ไม่ตรงกัน โดยอยู่ด้วยความสงบเรียบร้อยให้ได้ ไม่ใช่อยู่แล้วจะต้องแตกหักกันไปข้าง ดังนั้นผมจะพูดว่าผมจะรักษาความสงบเรียบร้อยให้ ไม่ให้เกิดเหตุการณ์รุนแรงขึ้นกับฝ่ายใด ฝ่ายใดจะเป็นฝ่ายอำนาจรัฐ เป็นเรื่องกลไกการเมืองก็ว่าไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากสถานการณ์รุนแรงทหารจะออกมาควบคุมสถานการณ์ หรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า รัฐบาลไม่ได้สั่ง มีเพียงคำสั่งให้ดูแลสถานที่ราชการ แต่หากจะมีมาตรการนอกจากนั้น คงไม่มีใครสั่งการหรือมีการเตรียมการทัน เรามีหน้าที่รักษาสถานที่ราชการเท่านั้น
ส่วนที่กลุ่มพันธมิตร เรียกร้องให้ทหารออกมาปกป้องสถาบันพล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า การดำเนินการรัฐบาลมีนโยบายที่แน่ชัด และมีส่วนที่รับผิดชอบ ส่วนในจิตวิญาณของทหารทุกคนยืนยันว่า เราเป็นทหารของชาติ และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งสถาบันทหารจะปกป้องสถาบันกษัตริย์ยิ่งชีวิต ดังนั้นเราจะไม่ทำอะไรที่นอกกรอบกฎหมาย นอกบทบาทภารกิจ การที่มีใครออกมาดำเนินการอย่างที่สื่อถาม ทหารจะต้องออกมาดูแล