xs
xsm
sm
md
lg

ตามรอยเสื้อแดงป่วนรัฐบาล - ก่อตัวตะวันออก ชลบุรี พัทยาอาจช็อตไปดื้อๆ ถ้าไม่หว่านเงินมหาศาล!!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

กลุ่มเสื้อแดงพัทยาขึ้นรถบัสเพื่อไปร่วมชุมนุม ที่สนามหลวง เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2552
ศูนย์ข่าวศรีราชา - ตามรอยพวกเสื้อแดง นปช.ชูคนหน้าเหลี่ยมป่วนประเทศ กำลังก่อตัวที่ภาคตะวันออก ชลบุรี พัทยา จันทบุรี ออกเดินสายหาสมาชิกเพื่อเข้ากรุงร่วมชุมนุมป่วนรัฐบาล นำกรณีที่มีผู้ตกงานมาเป็นประเด็นทางการเมือง ปลุกระดมกลุ่มคนภาคอีสานที่มาหางานทำตามเมืองท่องเที่ยวพัทยา

เมื่อต้นเดือนมกราคม จากการตามรอยกลุ่มพวกเสื้อแดงซึ่งได้ก่อกำเนิดเกิดขึ้นที่ตะวันออกพัทยา ชลบุรี มีแกนหลักเสื้อแดงเป็น ส.ส.สอบตกของพรรคการเมืองคนหน้าเหลี่ยมอย่างน้อย 2 คน เป็นตัวตั้งตัวตี คนแรกชื่อ ศ. คนที่สองชื่อ ส. เริ่มทำกิจกรรมให้มีการสังสรรค์บรรดาสมาชิกเสื้อแดงอำเภอเมืองประมาณ 100 คน ฟังการปราศรัย การพูดจาทางการเมืองของนายจักรภพ เพ็ญแข ผู้มีคดีหมิ่นประมาทสถาบัน พบปะครั้งแรกร้านอาหารมงคลห่านพะโล้

พบปะสังสรรค์ครั้งที่ 2 ที่ร้านอาหารต้นแสม ถนนริมทะเลสายหลังสนามเทนนิสอำเภอเมืองมีประมาณ50 คน และเดินทางเข้ากรุงไปล้อมทำเนียบรัฐบาลร่วมกับเสื้อแดงกรุงเทพฯ 31 มกราคม 52 ที่ผ่านมา

ที่พัทยา การกำเนิดของ นปช.หรือพวกเสื้อแดง ครั้งแรกวันที่ 2 ธันวาคมปี 2551 นำโดย นางอภิรี ผุยแก้ว เจ้าของผับตำนานคนอีสานเมืองพัทยา นำพวกพนักงานบางส่วนออกมาใส่เสื้อแดงต่อต้านพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย การชุมนุมนี้มีเสื้อแดงกว่า 100 คน เป็นกลุ่มผู้ประกอบการสถานบริการ ร้านอาหารเมืองพัทยาและบรรดาลูกจ้างของร้านอาหารสถานบริการต่างๆ ได้เดินขบวนไปร้องเรียน ยื่นหนังสือให้ผู้บริหารเมืองพัทยา โดยอ้างว่าการชุมนุมของพันธมิตรฯกระทบต่อการท่องเที่ยวเมืองพัทยา

การชุมนุมของ นปช.เสื้อแดงพัทยา (แนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ ประจำเมืองพัทยา) ครั้งแรกนั้นปรากฏชื่อ นายบรูโน พินเกล กก.บริหารบริษัท วิวทะเลวิลล่า จำกัด ซึ่งเป็นฝรั่งต่างชาติ ซึ่งมาลงทุนทำธุรกิจก่อสร้างคอนโดฯ และธุรกิจอื่นๆ อยู่ที่เมืองพัทยาร่วมด้วย

กลุ่มเสื้อแดงชุดแรกนี้ เขียนป้ายคำขวัญว่า “ทำกับข้าวถูกปลด เป็นขบถถูกปล่อย” เขียนภาพโปสเตอร์ วาดภาพคล้ายคนหน้าเหลี่ยมโดดถีบหน้าพวกพันธมิตรฯ


แต่...เมื่อ 31 มกราคม 52 กลุ่มคนเสื้อแดงชุดใหม่ก็ปรากฏตัวขึ้น ใช้ชื่อว่า “กลุ่มชมรมรักประชาธิปไตยคนพัทยา” หรือ “Pattaya Love Democracy ” รวมตัวกันที่บริเวณร้านอาหารเสียงอีสาน ซึ่งผู้มาชุมนุมส่วนหนึ่งเป็นคนอีสาน เป็นกลุ่มหลักของเสื้อแดงกลุ่มใหม่ ใช้ชื่อชมรมรักประชาธิปไตยคนพัทยา รวบรวมเสื้อแดงได้ประมาณ 200 คนขึ้นรถบัสปรับอากาศของ ผู้สื่อข่าวต่างจังหวัด (หนังสือพิมพ์ส่วนกลางฉบับหนึ่ง) เดินทางเข้ากรุงมุ่งสู่ทำเนียบรัฐบาล

ส่วนการเดินทางเข้ากรุงเทพฯ นั้นก็เพราะถูกแกนนำของกลุ่มเสื้อแดงทำให้พวกเขาเชื่อว่าพวกเขาต้องตกงานเพราะมาจากปัญหาทางการเมืองเป็นสำคัญ จึงขึ้นรถไปร่วมชุมนุมขับไล่รัฐบาล

สำหรับขณะนี้มีการออกโฆษณาชวนเชื่อของกลุ่มแกนนำเสื้อแดงจาก กทม.และแกนหลักๆ เสื้อแดงชลบุรี ออกมาล่าหาสมาชิกเสื้อแดงกันอย่างจ้าละหวั่น มีอดีตนายตำรวจที่เกษียณอายุ แต่รู้จักคนชลบุรีพอสมควร เพราะเคยมารับราชการที่เมืองนี้ ออกชักชวนคนเมืองชลให้เป็นสมาชิกเสื้อแดง ชูความดีของระบอบคนหน้าเหลี่ยมและคนหน้าเหลี่ยมเป็นสำคัญ

มีเจ้ามือพนันฟุตบอลพัทยาขาใหญ่บางคนได้ออกหาสมาชิกเสื้อแดงกับเขาด้วย โดยมีนัยก็คือเมื่อรวบรวมให้มีสมาชิกเสื้อแดงได้มากๆ แล้วก็จะรวบรวมกันเข้ากรุงนัดหมายกับทางเสื้อแดงแกนหลักกรุงเทพฯ เพื่อป่วนรัฐบาลต่อไป ตามที่กลุ่มเสื้อแดงได้ยื่นคำขาดกับรัฐบาลไว้ 3 ข้อ ซึ่งจะครบเวลายื่นคำขาดวันที่ 17 กพ.นี้.

จากภาวะคนว่างงาน ภาวะคนตกงานและภาวะของคนยากคนจนมีจำนวนมากขึ้น ซึ่ง เป็นประเด็นปัญหาทางเศรษฐกิจสังคม กลับถูกกลุ่มคนเสื้อแดงนำมาเป็นประเด็นทางการเมือง นำมาโฆษณาโจมตีรัฐบาลที่มีพรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคแกนนำถี่ขึ้นอย่างผิดปกติ และการทำให้สมาชิกเสื้อแดงเชื่อมาเป็นพรรคพวกก็คือชูคนหน้าเหลี่ยม ว่าเป็นผู้นำที่เอาใจคนยากคนจนเป็นสำคัญ ทำอะไรรวดเร็ว ทำให้เมืองไทยไม่มีภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ

ประเด็นสำคัญที่ทำให้แกนหลักเสื้อแดงที่เป็นกลุ่มนำ ออกมาหาสมาชิกเสื้อแดงได้ก็เพราะ ข้าราชการส่วนหนึ่งยังใส่เกียร์ว่าง เพราะไม่เชื่อว่ารัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์จะบริหารงานราชการงานเมืองไปได้แบบตลอดรอดฝั่งหรืออยู่นานเป็นปี ทำให้ข้าราชการคนนั้นๆวางเฉยต่อการทำงาน

ส่วนผู้คนที่ตกงานว่างงานส่วนใหญ่เป็นคนมาจากทุกภูมิภาคหลายจังหวัด ที่สำคัญมาจากภาคอีสานมากที่สุด การปลุกระดมทำให้เชื่อจึงทำได้ง่าย ทำให้พวกเขาอาจจะเดินทางเข้ากรุงไปร่วมชุมนุมโดยมีเม็ดเงินเป็นค่าใช้จ่ายเป็นค่าหัวได้ในวันนี้หรือวันพรุ่งนี้จากการนำของเสื้อแดง อดีตผู้สมัคร ส.ส.(สอบตก) ของพรรคการเมืองคนหน้าเหลี่ยม ตามแผนแดงทั่วแผ่นดินที่จะต้องหว่านเม็ดเงินลงมาอย่างมหาศาลเท่านั้น จึงจะทำให้เข้ากรุงเทพฯไปได้มากๆ

สำหรับคนชลบุรีจริงๆ ที่เป็นกลุ่มเสื้อแดงเป็นนับจำนวนคนได้ แต่คนปลุกปั่นกลับเป็นคนภาคอีสานที่มาประกอบอาชีพอยู่ที่ชลบุรี โยกย้ายทะเบียนบ้านมาอยู่ที่เมืองนี้หรือเป็นคนจากจังหวัดอื่นๆ ก็มี คนพวกนี้บางคนมีตำแหน่งเป็น กกต.ประจำสถานีตำรวจ ซึ่งมีอยู่หลายโรงพักด้วยกัน ซึ่งเมื่อครั้งคนหน้าเหลี่ยมครองเมือง คนพวกนี้อาศัยร่มเงาระบอบหน้าเหลี่ยม ไต่เต้าเข้าสู่วงสังคมการเมือง

แต่ก็มีเรื่องที่แปลกๆ อยู่สักหน่อยคือ เสื้อแดง ตึกคอม หยุดการเคลื่อนไหวไปดื้อๆอะไรเกิดขึ้นกับเสื้อแดงที่ศรีราชากับกลุ่มเสื้อแดงควร ตึก คอม..!?

ที่จริงไม่ใช่ว่าเมืองชลบุรีจะไม่มีข้าราชการที่ดีและที่เป็นข้าราชการของหลวง เพราะที่เมืองชล มีข้าราชการตำรวจที่ดีๆ ฝ่ายปกครองที่ดีๆอยู่มาก จึงทำให้ นายบรูโน พินเกล ฝรั่งต่างชาติที่ไม่รู้ขนบธรรมเนียมประเพณี วัฒนธรรมของคนไทย ประเทศไทยผู้เป็นไทมาแล้วหลายร้อยปีไม่เคยเป็นเมืองขึ้นของใคร ต้องถอยกรูดๆรูดกลับไปทำธุรกิจอย่างเดียว หายซ่าส์ไป

เมื่อรู้ข้อเท็จจริงและรับรู้ถึงวัฒนธรรมประเพณีและสังคมของประเทศไทย.

แต่...การทำงานของข้าราชการฝ่ายตำรวจและฝ่ายปกครองกลุ่มนี้เป็นใคร? จะยังไม่ขอบอกในที่นี้ เพราะพวกข้าราชการที่ดีของหลวงกลุ่มนี้..มีคุณค่ากับสังคมไทยอย่างยิ่ง เพื่อปกปักรักษาสถาบันสูงสุดเท่าชีวิต โดยเฉพาะสังคมชลบุรีขณะนี้..และพวกข้าราชการกลุ่มนี้ก็ถูกกดดันจากฝ่ายการเมืองไม่ใช่น้อย..

ทางด้านจังหวัดตราด เป็นที่รู้ๆ กันอยู่ว่า ผู้นำจังหวัดที่นั่นเป็นคนที่นักการเมืองที่มีอำนาจคุมกลไกรัฐฯสมัยคนหน้าเหลี่ยมส่งมาเพื่อดูแลผลประโยชน์ธุรกิจทางด้านชายแดนไทยเขมร ที่ผ่านมาผู้นำที่นั่นรวมทั้งสีกากีบางคน มีความพยายามจะล้มส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ลงให้จงได้ แต่ส่งมากี่คนแล้วก็ล้มไม่ได้ เพราะว่าประชาชนชาวตราดนั้นเลือดน้ำเค็มเข้มข้น ประชาชนที่นั่นเลือกคนของพรรคประชาธิปัตย์ทุกสมัย ไม่ว่าพรรคไทยรักไทยเดิมจะส่งใครลงสมัครก็สอบตกทุกครั้ง

ไม่ว่าวงการสีกากีที่นั่นและฝ่ายปกครอง บวกคนพื้นที่ไทยรักไทยเดิมจะส่งใครลงสมัครไม่ว่าจะทำเช่นไร นายธีระ สลักเพชร ผู้สมัคร ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ก็ได้รับเลือกตั้งเสมอมา

แม้ครั้งที่พรรคไทยรักไทยได้ ส.ส.จำนวนมาก ยกทีมที่ชลบุรี ยกทีมที่ระยอง ยกทีมจันทบุรี ครอง ส.ส.ทั้ง 3จังหวัดถึง 15 ส.ส.ด้วยกัน ซึ่งครั้งกระนั้น แม้ผู้มากบารมีของภาคตะวันออก ถูกบีบบังคับจากคนหน้าเหลี่ยมให้เป็นหัวคะแนนดำเนินงานคุมการเลือกตั้งทั้งภาค แต่ที่ตราดประชาชนก็ยังคงรักเดียวใจเดียวต่อพรรคประชาธิปัตย์

ชลบุรี..เมื่อรัฐบาลคนหน้าเหลี่ยมล้มลง เพราะพลังบริสุทธิ์ของพ่อแม่พี่น้องพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ผู้รักชาติทั่วประเทศไทยมาชุมนุมต่อต้านกันอย่างต่อเนื่อง เมื่อมีรัฐบาลขิงแก่ หลังการปฏิวัติ 19 กันยายน49 มีรัฐธรรมนูญใหม่ มีการเลือกตั้งใหม่ ทำให้ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ จังหวัดภาคตะวันออก จันทบุรี ระยอง ชลบุรีที่มีถึง15 ส.ส.ได้รับการเลือกตั้งกันแบบยกทีม

นี่...มิใช่เพราะกระแสของผู้รักชาติพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหรอกหรือเพราะผู้รักชาติไม่ต้องการนักการเมืองพันธ์คนหน้าเหลี่ยมหรือน้ำเน่าไม่ต้องการให้นักการเมืองพันธ์ชั่วเหล่านั้น มาแก้รัฐธรรมนูญเพื่อคนหน้าเหลี่ยม..

ดังนั้น เมื่อ... สมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรีตัวแทน ก็อยู่ได้ไม่นานที่สุดก็ต้องออกไป

ดังนั้น เมื่อ...สมชาย วงค์สวัสดิ์ เป็นนายกรัฐมนตรี ผู้เป็นน้องเขยขึ้นมาและเป็นผู้สั่ง..และเกิดเหตุการณ์นองเลือดตำรวจฆ่าประชาชน7 ตุลาคม 51 ขึ้น ที่สุดรัฐบาลนี้ ก็ต้องออกไปเช่นเดียวกัน

หากไม่มีผู้รักชาติพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จำนวนมากกว่าล้านคน รวมกัน เป็นพลังบริสุทธิ์ พลังอันยิ่งใหญ่ ออกมาร่วมกดดันมาร่วมชุมนุมกับ 5 ผู้กล้าแกนนำพันธมิตรฯ..นานถึง 193 วัน ด้วยความทรหดอดทนเสียสละแม้กระทั่งชีวิตก็ยอมพลี..!!

มีหรือที่จะมีวันนี้ วันที่พรรคประชาธิปัตย์ เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลบริหารอำนาจ คุมกลไกข้าราชการของรัฐฯ ขึ้นปกครองประเทศ

ทางด้านจันทบุรี..จังหวัดนี้การเมืองเรื่องท้องถิ่น การเมืองเรื่องส.ส.มีความเป็นพิเศษ การตื่นตัวทางการเมืองที่จังหวัดนี้เป็นเรื่องดี มีพัฒนาการมากขึ้น ด้วยมีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ซึ่งมาร่วมชุมนุมที่กรุงเทพฯจากสะพานมัฆวานไปจนถึงทำเนียบประชาชนไปจนถึงดอนเมืองและบริเวณสนามบินสุวรรณภูมิ ทำให้เกิดความตื่นตัวเรื่องการเมืองใหม่ มีแนวโน้มที่ดี ทั้งความไม่ต้องการ การเมืองเก่าพวกคนการเมืองเก่าๆก็มีมากเพิ่มขึ้น

อดีตการเมืองจันทบุรีที่ผ่านมา การเมืองในพื้นที่ มีการแข่งขันเรื่องการเมืองแบบจับตัววางตายสูงมาก ทำให้มีคดีวางระเบิดฆ่ากันตาย คนต้องการให้ตายกลับไม่ตาย แต่ภรรยาต้องมารับเคราะห์กรรมตายแทน มีคนติดคุกในคดีนี้หลายคน ฆ่าตัวตายก็มี และมีอดีตลูกน้องเหลิม ฝั่งธนเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย นามจ่ามี

จันทบุรีแน่นอน ย่อมต้องมีเสื้อแดง (คนไทยรักไทยดั้งเดิม) เพราะนักการเมืองเดิม เป็นทายาทอดีตรองปลัดกระทรวงมหาดไทยฝ่ายกิจกรรมพิเศษ เป็นคนจันทบุรีโดยกำเนิด เป็นส.ส.พื้นที่มาก่อน ร่วมกับส.ส.ปัจจุบันบางคน ซึ่งแตกคอกันแยกย้ายกระจัดกระจายกันไป มาวันนี้อยู่พรรคประชาธิปัตย์

การต่อสู้เพื่อการเมืองใหม่ระหว่าง นักการเมืองค่ายคนหน้าเหลี่ยม ซึ่งต้องเป็นเสื้อแดงแน่นอน แม้จะได้วางพื้นฐานการเมืองระดับตำบลระดับอำเภอเอาไว้ได้ดี แต่ก็ถูกเจาะมาเรื่อยๆ ถึงขณะนี้เหลือน้อยลง ถ้าหากมีการเลือกตั้งครั้งใหม่ผู้สมัครส.ส.กลุ่มเสื้อแดง(ไทยรักไทยเดิม)จะฝ่าด่านขึ้นมายาก เพราะต้องฝ่าด่านพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยอันเข้มแข็งของจันทบุรีเป็นด่านแรกให้ได้เสียก่อน

จังหวัดระยอง การเมืองที่นั่นไม่ยุ่งยาก ไม่สลับซับซ้อนไม่มีร่องรอยของเสื้อแดงปรากฏให้เห็นแต่ประการใด เพราะระดับชนชั้นกลางนั้น ผู้รักชาติพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยมีอยู่จำนวนมาก มาจากประชาชนผู้มีจุดยืน มีอุดมการณ์ เป็นผู้ที่ต่อสู้กับสิ่งแวดล้อมทำงานเพื่อสังคมประชาคมส่วนรวมมาเป็นลำดับ

ส่วนพวกเสื้อแดงนั้น ถ้าจะมี..ก็คือกลุ่มทุน พวกนายทุนที่หนุนเนื่องระบอบหน้าเหลี่ยมเป็นพวกลงทุนตามโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ แต่ไม่ออกหน้าออกตาให้เห็นในระดับทั่วๆไป ขณะนี้ระยองไม่มีกลุ่มเสื้อแดง ไม่มีการใส่เสื้อสีแดงออกมาชุมนุมกันเหมือนที่จันทบุรี เหมือนที่พัทยา-ชลบุรี

ชลบุรี ขณะนี้สถานการณ์ของผู้รักชาติพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แม้จะมีความเป็นปรกติ แต่ก็มีบรรยากาศแปลกๆเกิดขึ้นสัมผัสได้ เมื่อมีการก่อเกิดของกลุ่มเสื้อแดง ด้วยการปลุกระดมของอดีตผู้สมัครส.ส.สอบตกแล้ว การที่เคเบิ้ลพื้นที่ตามจังหวัดต่างๆ และที่ชลบุรีได้ถ่ายทอดสดรายการของ ดีทีวี.ของแกนหลักเสื้อแดงอย่างเปิดเผยมากขึ้น ด้วยมีพลังภายในแฝงอยู่ ก็เป็นเรื่องที่น่าจับตายิ่งนัก ว่าพลังภายในจุดนี้มาจาก ณ ที่ใด

เพราะแต่ละสถานะที่เกิดขึ้นสอดรับกันอย่างคล้องจอง ยิ่งมีคำประกาศ 9 ข้อ จากเขาใหญ่ของบรรดาส.ส.พรรคเพื่อไทยที่ไปประชุมสัมมนากันมีการโฟนอินของคนหน้าเหลี่ยมเข้ามาปลุกปลอบใจส.ส.ของพวกเขาด้วยแล้ว เป็นสัญญาณว่า ต่อจากนี้ไป หน้าเหลี่ยมสู้จนถึงที่สุดเป็นแน่..สู้เฮือกสุดท้าย..สู้จนตัวตายก็ยอม...สู้ไม่ว่าในนรกหรือบนสวรรค์ …ตามคำที่หน้าเหลี่ยมได้ประกาศไว้ล่วงหน้ามาจากต่างประเทศด้วยแล้ว ยิ่งทำให้สถานการณ์ของประเทศไม่น่าไว้วางใจ..

สำหรับ ...คำถามที่เคยถามกันเสมอๆว่า คนหน้าเหลี่ยมหลอกใช้พวกคอมฯไม่กลับใจ หรือคอมฯไม่กลับใจหลอกใช้หน้าเหลี่ยม เพื่อวางระบอบการปกครอง เอาชนชั้นประชาชนเป็นฐานล่าง เพื่อล้มระบอบการปกครองปัจจุบันและอื่นๆนั้น

ใครหลอกใช้ใครกันแน่!

นี่..ก็เป็นอีกหนึ่งประเด็นสำคัญ ทำให้ให้มีถกเถียงหาข้อเท็จจริงติดตามกันได้ไม่รู้จบ
สำหรับเดือนมีนาคมที่จะมาถึงนี้ ถ้าหากจะมีการเปลี่ยนแปลงทางตำแหน่งผู้นำจังหวัดต่างๆในภาคตะวันออก ให้จับตาดู ที่ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ตราด เป็นสำคัญ ทั้งฝ่ายปกครองและฝ่ายตำรวจ จากระดับนายอำเภอ ผู้กำกับไปจนถึงระดับผู้บังคับการจังหวัด

หากการโยกย้ายเหล่านั้นออกมาอย่างเป็นธรรมและถูกต้อง รัฐบาลนี้ก็จะได้ใจประชาชนไปเต็มๆ แต่หากกระทำแบบไม่เป็นธรรมแล้ว ผลของมันก็จะติดลบโดยพลัน รัฐบาลนี้ต้องฟังเสียงประชาชนบ้าง

เนื่องจากการโยกย้ายตำแหน่งระดับผู้บัญชาการตำรวจภาค ที่ผ่านมา การที่พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลโยกย้ายออกไปมีตำแหน่งเป็นผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 นั้น เรื่องอย่างนี้มีหรือที่ประชาชนจะอ่านไม่ออก ไม่ต้องให้มีใครมาบอกก็รู้เท่ารู้ทันว่านายตำรวจคนนี้ แข็งกร้าวและมีส่วนร่วมในเหตุการณ์ 7 ตุลาคมตำรวจฆ่าประชาชนอย่างไรบ้างและทำไมถึงได้ไปอยู่ในตำแหน่งเท่าเดิมอีก

ชลบุรี...เป็นจังหวัด เป็นเมืองที่มีความแข็งแกร่งในทุกด้าน ทั้งทางเศรษฐกิจ การเมืองอุตสาหกรรม การลงทุน เป็นเมืองท่องเที่ยว เป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์ในการกู้ชาติมาแล้ว ผู้คนที่นี่ มีสังคมที่ดี มีวัฒนธรรมประเพณีที่มีความแข็งแกร่ง รวมทั้งสภาพภูมิอากาศโดยทั่วไป

ครั้งคนหน้าเหลี่ยมครองประเทศไทย ได้ให้คนของเขาอดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย โยกย้ายวางคนราชการไว้ทุกที่ทุกทางแทบทุกระดับ ไม่ว่าจะเป็นด้านการปกครองท้องถิ่น ระดับผู้นำจังหวัด ระดับรองผู้นำจังหวัด

ขณะที่คนหน้าเหลี่ยมมีอำนาจล้นฟ้านั้น ได้มีผู้นำจังหวัดคนหนึ่งขณะนี้เกษียณอายุราชการไปแล้ว ขณะเป็นผู้นำจังหวัด บุคคลนี้เอาใจ คนหน้าเหลี่ยมทุกอย่าง ให้ลูกน้องไปเขียนป้ายผ้าดิบเขียนขอความด่า แกนนำพันธมิตรฯไปล้อมรั้วศาลากลางจังหวัดและที่รั้วที่ว่าการอำเภอศรีราชา ก็ยังทำได้

สู้กันมาแต่ต้นปลายปี 2548 จนเข้าต้นปี 2549 ผู้นำจังหวัดคนนั้นใช้อำนาจที่มีของหน้าเหลี่ยมปลุกเศก ทุกอย่าง บีบเคเบิ้ลท้องถิ่น ไม่ให้มีการถ่ายทอดสดสัญญาณของ ASTV. บีบคนทำงานผู้จัดการ บีบสื่อในพื้นที่ทุกอย่าง ต้องสู้กันมาแบบเสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย สู้กันจนกระทั่งคนหน้าเหลี่ยมจากไป แล้วผู้นำจังหวัดคนนั้นก็เกษียณอายุราชการลง ซึ่งขณะนี้มาเมืองชลแทบไม่มีคนยกมือไหว้ และเมื่อพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ชนะไล่คนหน้าเหลี่ยมออกไปได้แล้ว สถานการณ์ด้านชลบุรีจึงเบาลง..

โดยเฉพาะช่วงหลังการปฏิวัติของ คมช.ข้าราชการที่ดีๆ จึงลืมหน้าลืมตาอ้าปากมาได้หน่อย นั่นก็เป็นเรื่องที่ต้องยอมรับกันว่า พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยผู้รักชาติเป็นพลังใหญ่ในการชุมนุมต่อสู้จากปลายปี48 สู่พันธมิตรเมื่อ 9 ก.พ.ปี 2549 เป็นต้น.

การมีกลุ่มเสื้อแดงเกิดขึ้นได้วันนี้ เรื่องนี้ก็มีที่มามีที่ไป เพราะก่อนรัฐบาลนอมินี่สมชายผู้น้องเขยจะจบลง มีทรราชหลงอำนาจคนหนึ่งที่คุมกลไกมหาดไทยยุคนั้น (ซึ่งมีส่วนร่วมสั่งการให้ตำรวจตระเวนชายแดนจากจันทบุรี จังหวัดกาญจนบุรี) มาร่วมก่อเหตุการณ์ 7 ตุลาคม ปี2551 วันตำรวจฆ่าประชาชน ฆ่าพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ด้วย

เขาออกคำสั่งโยกย้ายผู้นำจังหวัดต่างๆในภาคตะวันออกและทั่วประเทศ โดยเฉพาะเจาะจงให้นายประชา เตรัตน์ ผู้ว่าฯ ชลบุรี ซึ่งเป็นคนเมืองชลบุรี ย้ายไปอยู่ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ให้พ้นหูพ้นตา สับเปลี่ยนคนอื่นมาแทนที่ เพื่อให้สนองนโยบาย ที่จะทำให้คนหน้าเหลี่ยม สิ่งที่สำคัญก็คือให้สลายกำลังของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยตามจังหวัดต่างๆโดยเฉพาะกับจังหวัดที่มีส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ชนะยกทีม ให้สลายฐานคะแนนเสียงลงให้จงได้ ซึ่งเขาทรราชนอมินี่หน้าเหลี่ยมได้ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์หลายหนในเรื่องผู้นำจังหวัดจะต้องทำอะไรบ้าง ส่อเจตนาออกมาให้เห็นเป็นสำคัญ.

13 ก.พ.52 วันนี้ ผู้รักชาติพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ชลบุรี ระยอง จันทบุรีและจังหวัดตะวันออกอีกหลายจังหวัด ได้ออกเดินทางมีจำนวนนับพันคน มุ่งสู่จังหวัดอุดรธานี เพื่อร่วมงาน “14ก.พ.ให้รักท่วมท้นประเทศไทย ร่วมสร้างการเมืองใหม่ที่อุดรธานี” เพื่อร่วมปักธงสีเหลืองลงบนพื้นที่สีแดง

17 ก.พ.52 เป็นวันครบวันประกาศของกลุ่มเสื้อแดง ที่ขีดเส้นตายให้รัฐบาล 3ข้อนั้น ขออย่าได้ประมาทกลุ่มพวกเสื้อแดงเป็นอันขาด ด้วยสัญญาณการต่อสู้เฮือกสุดท้ายของคนหน้าเหลี่ยมมาถึงแล้ว การต่อสู้จะต้องมีขึ้นเพราะพวกเสื้อแดงตั้งเป้าไว้จะล้มรัฐบาลชุดนี้ให้จงได้เพื่อให้มีการยุบสภาเลือกตั้งใหม่และถ้าพวกเสื้อแดงพัทยาเมืองชลจะเข้ากรุงไปได้ก็คือฝ่ายคนของหน้าเหลี่ยมที่วางไว้(ฝ่ายปกครอง )มาละเว้นการทำความเข้าใจกับประชาชนที่เข้าใจผิดกลุ่มเสื้อแดงที่เป็นผู้ตกงานและว่างงาน.

อย่างไรก็ดี รัฐบาลนี้น่าจะเบาใจได้ เพราะข้าราชการที่ดีทั้งฝ่ายปกครองที่เป็นข้าราชการหลวงและตำรวจของหลวงส่วนหนึ่ง ยังคงทำงานปิดทองหลังพระอยู่ สถานการณ์ 17 กพ.ที่ชลบุรีนั้นน่าจะเป็นการวัดดวงกัน ถ้าไปกันไม่เกิน100 คน ก็แสดงว่า การทำงานของข้าราชการของหลวงซึ่งทำตามหน้าที่แบบปิดทองหลังพระกลุ่มนี้ ได้ผล.

แต่ทว่าเม็ดเงินที่หว่านลงมาที่แกนหลักๆเสื้อแดงชลบุรีถูกเบี่ยงประเด็นการเข้ากรุง17 ก.พ.นี้ อาจช็อตลงได้หรือเมื่อมีเม็ดเงินลงมาจำนวนมหาศาล จ่ายกันทั่วถึงก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ รัฐบาลต้องระแวดระวัง..เพราะใครก็ไม่ห้ามอิทธิฤทธิ์ของเงินตราไม่ได้.

สำหรับรัฐบาลปัจจุบัน มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี นั้น ฟังเสียงจากประชาชนโดยทั่วไป พวกเขาให้เวลาบริหารประเทศ พวกเขายังคงนิยมในตัวของนายกรัฐมนตรีเป็นสำคัญ หลายคนคงยังชื่นชมนายชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรี ประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ผู้มีหลักการ รวมไปถึงนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคซึ่งเป็นรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นขณะนี้ ผู้ซึ่งมีผลงานการต่อสู้กับระบอบคนหน้าเหลี่ยมและคนหน้าเหลี่ยมมาแล้ว สองสามกรณีด้วยกัน

แต่..หากทว่ามาตรฐานในการบริหารประเทศ ที่จะต้องรอดูกันไปในภายหน้านั้นว่า จะทำได้ตามมาตรฐานที่ตั้งไว้เป็นกฎเหล็กหรือไม่อย่างใด เวลา อนาคตจะเป็นสิ่งชี้ขาด จากผลงานของรัฐบาลเป็นสำคัญ ว่าจะยืนอยู่ข้างประชาชน ประเทศชาติเป็นสำคัญหรือไม่

ซึ่งเมื่อถึงวันนั้นประชาชนคนไทยส่วนใหญ่คงตัดสินใจได้ ปัจจุบันมีประชาชนมากกว่า 20 ล้านคนทั่วประเทศ เป็นผู้รักชาติพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เป็นพลังใหญ่ เป็นพลังบริสุทธิ์ นอกจากจะมีจุดยืนที่แน่ชัดแล้ว ประชาชนเหล่านี้ต้องการ เห็นการเมืองใหม่ ต้องการเห็นนักการเมืองมีความกล้าหาญ ทำงานเสียสละเพื่อประเทศชาติ ประชาชน

อนาคตเป็นเรื่องภายหน้า แต่ภาวะปัจจุบัน หากกลุ่มเสื้อแดงทำอะไรที่ส่อว่าช่วยคนหน้าเหลี่ยมป่วนประเทศไทย ทำร้ายบ้านเกิด ทำร้ายสถาบัน ...ตามแผนเสื้อแดงทั้งแผ่นดิน ซึ่งสอดรับกับส.ส.นอมินีคนหน้าเหลี่ยมซึ่งก็ป่วนสภาฯ ด้วยกับนับองค์ประชุมอยู่ทุกครั้งที่มีการประชุม

แต่..เชื่อได้ว่าเมื่อถึงจุดๆหนึ่งประชาชนผู้รักชาติส่วนใหญ่ย่อมไม่ยอมเป็นแน่และจะลุกขึ้นมาปกป้องประเทศแผ่นดินเกิด.!!
นายจักรภพ เพ็ญแข  ได้เดินทางมา ร่วมสังสรรค์กับกลุ่มเสื้อแดง เมืองชล เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2552
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ขณะเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์มาหาเสียงที่ชลบุรี
กำลังโหลดความคิดเห็น