xs
xsm
sm
md
lg

เผยเจ๊ 11 พันธมิตรฯศรีราชาหวิดตาย 7 ตุลา-ไขปริศนาคนตะวันออกเลือดกู้ชาติเข้มข้น!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


โดย “ทัพหน้า”

ศูนย์ข่าวศรีราชา - เผย เจ๊ 11 พันธมิตรฯศรีราชาหวิดตาย 7 ตุลา-ไขปริศนาคนตะวันออกเลือดกู้ชาติเข้มข้น! ชักธงรบแน่ 24 พ.ย.นี้.!!

เผย เจ๊ 11 ในหนังสือตำรวจฆ่าประชาชน เฉียดความตาย ไขปริศนาคนชล คนระยอง คนจันท์ ทำไมถึงมีเลือดรักชาติเข้มข้น เข้าร่วมกู้ชาติกับพันธมิตรฯ ยอมรับ 5 ผู้กล้าแกนนำฯ ไว้ในใจ ด้วยจุดยืนมั่นคง สู้เพื่อชาติ ขับไล่คนไม่ดีออกไป

นี่คือ เบื้องหลังข่าวพันธมิตรฯ ตะวันออกและเรื่องราว 11 เจ๊อรหันต์ทองคำ

อากาศที่ชลบุรีทั้งจังหวัด กำลังเย็นสบาย ส่วนศรีราชานั้น อากาศหนาวเย็นเป็นพิเศษ ด้วยมีลมหนาวพัดผ่านลงมาจากชายเขา “ฉลาก” ชายเขา “พุทธโคดม” และชายเขา “อุตตะพงษ์” เป็นระยะๆ ชาวบางพระ-ชาวศรีราชา-แหลมฉบัง ซึ่งมีพันธมิตรฯ มากเป็นพิเศษ ก็พาสดชื่นกันเป็นพิเศษ ประกอบกับมีสตรีเพศ “แม่กู้ชาติ” ฝ่าวิกฤตเฉียดตายจากปืนตำรวจ 7 ตุลาคม 51 มาได้ จึงทำให้คนทั้งอำเภอศรีราชาช่วงเวลานี้เป็นอะไรๆ ที่พิเศษๆ

สตรีเพศแม่กู้ชาติคนนี้ ถึงจะไม่เป็นข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์รายวัน แต่ภาพสตรีคนนี้ก็มาโผล่อยู่ในหนังสือตำรวจฆ่าประชาชน !

ภาพๆ นั้นปรากฏอยู่หน้าที่ 31 ในหนังสือตำรวจฆ่าประชาชน (ซึ่งได้นำภาพนั้นนำมาตีพิมพ์ประกอบเบื้องหลังข่าว-เบื้องหลังภาพด้วย) และภาพๆ นั้น.. เป็นภาพของ สตรีแกร่งใจเพชร เพศ แม่ “กู้ชาติ” คนนั้น นั่งทรุดกายอยู่ด้านหลัง ชายชาตรีนัยตาสีเหล็กบ่งบอกว่าเป็นคนจริง ประเภทไม่มีทิ้งเพื่อน นั่งเอามือกุมขาข้างซ้ายที่ถูกอาวุธร้ายแรงของตำรวจยิงเข้าใส่ทำให้ “ขาขาด”

สตรีคนในภาพ คือ เจ๊เจ๋ง...คนศรีราชา เป็นพันธมิตรฯขนานแท้ เป็นหัวหน้ากลุ่มพันธมิตรฯที่นั่น ร่วมกู้ชาติ รัก และเทิดทูนชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ยิ่งชีวิต มีจุดยืนที่มั่นคงไล่คนไม่ดีออกไป ซึมซับองค์ความรู้เรื่องต่างๆ จาก 5 ผู้กล้าแกนนำพันธมิตรฯ เข้าร่วมชุมนุมขับไล่ทักษิณ ขับไล่สมัครและร่วมชุมนุมขับไล่รัฐบาลน้องเขยทักษิณอยู่ปัจจุบัน (เบื้องหลังข่าว-เบื้องหลังภาพ ชิ้นนี้ จะยังไม่ขอบอกชื่อจริง นามสกุลจริงของเจ๊เจ๋ง ขอสงวนเอาไว้)

เจ๊เจ๋ง..เล่าให้เพื่อนๆ ฟัง ว่า ภาพที่เห็นนั้น ถ้าเจ๊แกไม่ได้ชายชาตรี คนที่ถูกยิงขาขาด เป็นเสมือนกำแพงบังอยู่เบื้องหน้า เจ๊..ก็คงเอาชีวิตไม่รอดหรือก็คงจะได้รับบาดเจ็บสาหัสสากรรจ์ไปกับเขามากกว่านี้

ส่วนตำรวจคนที่กำลังก้มๆ เงยๆ นั้นน่ะ ก็ไม่ได้ช่วยเหลือ ใจจืดใจดำเสียไม่มี คนกำลังเจ็บ ถูกแก๊สน้ำตา ฝ่ายผู้ชายคนขาขาดก็เสียเลือดไปมากนั่งอยู่ต่อหน้าต่อตา ก็ไม่เรียกรถพยาบาลมาให้ แต่กลับถามชื่อถามเสียง ขอจดชื่อ ถามไถ่ในหลายเรื่องที่ตำรวจอยากจะรู้เสียอีก นี่แหละตำรวจไทยใจกล้าเขาล่ะ

ดูภาพนี้แล้วเห็นหรือยังว่า สตรีใจแกร่งประดุจเพชร อย่างเจ๊เจ๋งผู้ นี้..กล้าหาญชาญชัยอย่างไรบ้าง ไอ้เราเสียอีก เป็นผู้ชายแท้ๆ อกศอกเดียวได้ยินเสียงระเบิดแก๊สน้ำตา วี๊ดบึมส์ วี๊ดบึมส์ ก็ ยังวิ่งหนีเป็นสุนัขหางจุกก้น ..สู้เจ๊แกไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง

เรื่องของเจ๊เจ๋งนี้ นับว่า เป็นผู้เสียสละกล้าหาญ เราขอยกย่องให้เป็นเจ๊ 11 ประเภทเจ๊อรหันต์ทองคำเพิ่มขึ้นมาอีก 1 เจ๊บนทำเนียบข่าว เจ๊ๆ พันธมิตรฯ ซึ่งเดิมมีอยู่ แค่ 10 เจ๊อรหันต์

7 ตุลาคม 51 วันนั้น มีผู้รักชาติพันธมิตรฯนับแสนคน ไปชุมนุมประชันหน้ากับตำรวจตามช่องทางถนนเส้นทางต่างๆ ที่จะเข้าไปยังรัฐสภา แต่..ก็ไม่มีใครคาดคิดว่า ตำรวจจะบ้าอำนาจ บ้าเลือดโหดเหี้ยม..รับคำสั่งพวกนักการเมืองชั่วทำร้ายสตรีเพศแม่ได้ลงคอ ทั้งทำร้ายผู้ชายประชาชนคนไทยด้วยกัน ซึ่งน่าจะมีการเจรจากันก่อนว่าจะทำประการใด

แต่นี่..เล่นทั้งยิงทั้งขว้างด้วยอาวุธนานาชนิดประเคนเข้าใส่ประชาชนทั้งชายและหญิงอย่างเมามัน มีทั้งยิงด้วยปืนลูกซอง (กระสุนยาง!?) ทั้งระเบิดแก๊สน้ำตาแบบยิงและแบบขว้าง ทั้งที่ประชาชนไม่อาวุธ จะมีก็แค่มือตบคนละ 1 อัน

นี่..คือ ห้วงหนึ่งของชีวิตที่เฉียดความตายผ่านอันตรายของเจ๊ เจ๋ง เจ๊ อรหันต์ 11 ชาวศรีราชาคนเมืองชล ผู้ผ่านสมรภูมิสงครามศักดิ์สิทธิ์ เพื่อกู้ชาติบ้านเมือง โดยมีภาพเหตุการณ์ 7 ตุลาคม 51 ยืนยันได้

วันนั้น 7 ตุลาคม 51 ตำรวจกระทำการยิงปืนขว้างแก๊สน้ำตาอาวุธร้ายแรงแบบโหดเหี้ยมถึง 3 รอบ รอบเช้า รอบบ่ายและรอบค่ำ เพียงต่างสถานที่กันเท่านั้น !!

สำหรับเรื่องราว 10 เจ๊ อรหันต์เลือดเมืองชลคนน้ำเค็ม เดิมมีที่มาดังนี้ เริ่มต้นด้วย เจ๊หมวยใหญ่ในตัวเมือง (เจ๊อรหันต์ทองคำเจ๊ 1 เริ่มต้นเมื่อปลายปี พ.ศ.2548 ) เจ๊หมวย คนนี้ใจใหญ่จริง ใจถึงจริง พูดน้อย เป็นคนไม่เรื่องมาก เรียกว่า เป็นพันธมิตรฯไม่คิดมาก เจ๊หมวยใหญ่เป็นผู้นำกลุ่มพันธมิตรฯชล ประเภทถึงไหนถึงกัน แต่ใครจะให้เจ๊ขึ้นเวทีปราศรัย เจ๊ไม่เอา ใครจะให้เจ๊เป็น หัวหน้ากลุ่มพันธมิตรฯให้เป็นอะไรๆ เจ๊ไม่เอาทั้งสิ้น เจ๊แกทำแต่งานให้พันธมิตรฯอย่างเดียว

เพราะเจ๊ 1 หรือเจ๊หมวย รักนับถือศรัทธาต่อ คุณสนธิ ลิ้มทองกุล มาแต่ต้น และก็รักนับถือยกย่องความกล้าหาญของแกนนำทุกคน ไม่ว่าจะเป็น พลตรีจำลอง ศรีเมือง คุณพิภพ ธงไชย คุณสมศักดิ์ โกศัยสุข คุณสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ทุกคน รวมทั้ง คุณสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย

ไม่ว่า 5 แกนนำพันธมิตรฯจะไปปราศรัยที่ไหน จะเป็นต่างจังหวัดต่างถิ่น ไม่ว่าจะใกล้ไกลแค่ใหน ก็เช่ารถบัส จัดรถตู้พาพวกพันธมิตรฯไปให้กำลังใจบรรดาแกนนำกันอย่างเต็มที่ มีชายชาตรีร่วมอุดมการณ์ ประสานทำงานให้เจ๊หมวยใหญ่ โดยไม่เกี่ยงงอน เจ๊หมวยใหญ่เจ๊ 1 เป็นผู้มีผลงานให้ปรากฏต่อสายตาของบรรดาพันธมิตรฯมาแล้วมากหลาย มีบารมีเป็นที่ยอมรับนับถือโดยทั่วหน้ากัน

ต่อมาวันหนึ่งของปี 2549 เจ๊สายชล คนหมอนนางพนัสนิคมอรหันต์ เจ๊อรหันต์คนที่ 2 จัดงานหาเงินสมทบสานอุดมการณ์ให้ astv ผ่าน คุณสนธิ ลิ้มทองกุล 1 ใน 5 แกนนำ เจ๊หมวยใหญ่ ในตัวเมือง ก็พาพรรคพวกไปร่วมงานเต็มที่

งานครานั้นจัดที่ภัตตาคารอาหารวังเดือนห้า พนัสนิคม มีพันธมิตรฯไปร่วมงานคับคั่งนับพันๆ คน โต๊ะจีนกว่า 150 โต๊ะเต็มไปด้วยพันธมิตรฯ บรรยากาศบ่งถึงความสามัคคี มีใจถึงกันของบรรดาพันธมิตรฯ

ต่อมา เจ๊หมวยใหญ่ เจ๊อรหันต์คนที่ 1 จัดงานที่ ภัตตาคารไต้ฮี้ ข้างวัดจีนเมืองชลบุรี เป็นการจัดงานครั้ง 2 เชิญ คุณสนธิ ลิ้มทองกุล รวมทั้งแกนนำหลายคนมาร่วมงาน มีบรรดา พันธมิตรฯตะวันออกนับพันคน พันธมิตรชลฯ-ระยอง ค่อนข้างหนาตา งานสำเร็จด้วยดี ซึ่งช่วงเวลาดังกล่าว เป็นช่วงของการต่อสู้กับ ทักษิณโดยตรง

ต่อมาก็มีการจัดงานที่โรงแรมแห่งหนึ่งในพัทยาเป็นงานครั้ง 3 ครั้นตกค่ำก็มีการจัดงานเลี้ยงพันธมิตรฯ ที่บ้านเจ๊หมวยเล็กที่โรงโป๊ะ งานสำเร็จลงด้วยดี ผู้บริจาคเงินเข้ามูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดินและสมัครเป็นสมาชิกยามเฝ้าแผ่นดิน จะได้รับองค์พ่อจตุคามคนละ 1 องค์

ที่สุด..มีการจัดตั้งกลุ่มพันธมิตรฯพัทยา-นาเกลือ เป็นทางการ ตั้งเวทีปราศรัยขึ้นที่ลานวัดโพธิสัมพันธ์ เชิญบรรดาแกนนำมาปราศรัยเพื่อจัดงานให้ลุล่วงไป มีสุภาพสตรีคนหลักๆ ก็คือ เจ๊หมวยเล็ก เจ๊แอ๋ว มหากรี เจ๊เจ็ง นาเกลือ เจ๊เงาะ พัทยา ริเริ่มตั้งกลุ่มพันธมิตรฯร่วมกัน ครั้งนั้นได้ อาจารย์เสรี วงษ์มณฑา อาจารย์สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ มาปราศรัย ส่วนตัวหลักปราศรัยมี คุณสุวิทย์ วัดหนู เลือดเมืองชลคนน้ำเค็ม ชาวบางเสร่ขนานแท้ ทำให้การจัดตั้งกลุ่มพันธมิตรฯพัทยา-นาเกลือ ชลบุรี สำเร็จด้วยดี

ก็เลยลำดับเลขที่เจ๊ๆ 3, 4, 5, 6 ตรงที่สตรีใจเพชร 4 คนนี้ สรุปว่า ที่พัทยา- นาเกลือ อำเภอบางละมุงนั้น เจ๊หมวยเล็ก คือเจ๊ 3 เจ๊เงาะ คือ เจ๊ 4 เจ๊แอ๋ว มหากรี คือ เจ๊ 5 และเจ๊เจ็ง คือ เจ๊ 6 ซึ่งบรรดาเจ๊อรหันต์ทั้ง 4 คนของกลุ่มพัทยา-นาเกลือ-บางละมุง ต่างก็เป็นผู้ทุ่มเทระดมมวลชนเพื่อพันธมิตรฯโดยแท้ มีผลงานของกลุ่มร่วมกับชายชาตรีร่วมอุดมการณ์อีกจำนวนมาก ให้การสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง

ทางด้านอำเภอบางละมุง ณ ปัจจุบัน ที่พัทยา-นาเกลือ พันธมิตรฯที่นี่ได้แตกตัวเป็นสองกลุ่มใหญ่ๆ

จุดยืนเหมือนเดิม การแตกตัวเป็นสองกลุ่มนี้ คือที่สุดแล้ว ก็แตกตัวเติบโตขึ้นและแยกย้ายกันทำงานเพื่อพันธมิตรฯ มีความคล่องตัวมากยิ่งขึ้น ก็เท่านั้นไม่มีอะไรในกอไผ่และช่วยกันจัดรถบัสรถตู้ ขนมวลพันธมิตรฯที่พัทยา-นาเกลือ มุ่งหน้าทำเนียบ ก็มาจากผลงานของกลุ่มเจ๊เงาะ เจ๊ 4 กับคณะพรรค รวมทั้งของคณะพรรคเจ๊ หมวยเล็ก เจ๊ 3 อีกคณะหนึ่ง

เดิมมีแค่ 10 เจ๊อรหันต์ทองคำ ส่วนเจ๊อรหันต์คนที่ 7 มีฉายาว่า เจ๊ต้อย เสม็ด เจ๊ 7 นี้เป็นคนตรงแบบขวานผ่าซาก มีอะไรว่ากันซึ่งหน้าไม่คิดมาก เวลาจะเดินทางไปชุมนุมกันที่ใดก็ตามของพันธมิตรฯจะ ขึ้นรถที่ใด ค่ารถเท่าไหร่ แชร์กันอย่างไร ต้องจ่ายคนละกี่บาท เจ๊ต้อยเป็นคนจัดการให้จ่ายเท่าเทียมกันทุกคน

เจ๊ต้อยเสม็ด เจ๊ 7 คนนี้มีพรรคมีพวกมาก มีพวกเป็นพันคน เคยเป็นฐานเสียงคนสำคัญให้ ส.ส.คนหนึ่งมาแล้ว เจ๊ต้อยช่วยใครคนนั้นชนะเลือกตั้งทุกครั้ง ขณะนี้เจ๊ต้อย เสม็ด เป็นหนึ่งของแกนหลักๆพันธมิตรฯชลบุรีเต็มตัว ทำงานร่วมกับเจ๊หมวยใหญ่ เจ๊ต้อยไม่อยากจะมีตำแหน่งใดๆของพันธมิตรฯที่เป็นทางการ แต่ให้ใจเกินร้อย ถึงไหนถึงกัน ล่าสุดเราได้พบเจ๊ต้อย เสม็ด เจ๊ 7 อรหันต์ที่วัดบางละมุง ไปกับพรรคพวกหลายคน เอาอาวุธประจำกายคือมือตบไปตบ ร่วมกับพันธมิตรฯคนอื่นๆเสียงมือตบดังก้องที่หน้าโบสถ์วัดบางละมุง วัดที่เจ้าอาวาส(ผู้นิยมทักษิณ) ทำอะไรๆให้อื้อฉาวนั่นแหละ

เจ๊อรหันต์คนที่ 8 เจ๊คนนี้ ชื่อเจ๊ ติ๋ว วัดกำแพง ขณะนี้ทำหน้าที่เป็นเลขาฯ กลุ่มม.พ.ด. (กลุ่มเมืองไทยรายสัปดาห์ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยและยามเฝ้าแผ่นดิน) ในปัจจุบัน แต่ก่อนเจ๊ 8 เป็นเลขายามเฝ้าดินเมืองชล ซึ่งมีการพบปะทานอาหาร หารือกันทุกเดือน

เมื่อ..“มีงานเข้า” ต้องระดมพันธมิตรฯไปชุมนุมที่ทำเนียบประชาชนมากขึ้น ไม่มีเวลามาทำงานให้กลุ่มก็เลยปลีกตัวออกมา เลยต้องไปตามเสียงเป่านกหวีดร่วมกับเพื่อนๆร่วมยุทธการดาวกระจายกับพันธมิตรฯส่วนกลาง เจ๊ 8 กับ พันธมิตรฯกลุ่ม ม.พ.ด.ร่วมทำงานเดินหน้าสู้ไล่รัฐบาลทักษิณ มาตั้งแต่ต้นปี 2549 ร่วมขับไล่รัฐบาลทรราชสมัคร.. มือเปื้อนเลือด ขณะนี้เดินหน้าขับไล่รัฐบาลชายสวาท จนกว่าจะลาออก แบบถึงไหนถึงกัน

สำหรับ..เจ๊อรหันต์คนที่ 9 คือ เจ๊เล็ก พนัสนิคม หัวหน้ากลุ่มพนัสนิคม ใจเกินร้อย จริงใจ เป็นพันธมิตรฯไม่คิดมาก ซึ่งขณะนี้ก็ยังคงเดินหน้า อธิบายให้ความรู้กับประชาชนที่อยู่ในท้องถิ่นไกลปืนเที่ยง ขณะนี้เจ๊เล็กได้นำหนังสือ-วีซีดี ตำรวจฆ่าประชาชน ประมาณ 1,200 เล่ม 1,200 แผ่นเพื่อกระจายไปตามผู้ที่ยังไม่ทราบเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้น ซึ่งจะว่าไปแล้วก็ยังอีกจำนวนมาก เจ๊เล็ก พนัสนิคม เจ๊ 9 ร่วมทำงานกับเพื่อนๆ พันธมิตรฯพนัสนิคมไปแจกจ่ายให้ประชาชนจนถึงมือด้วยตัวเอง

คราวนี้มาถึงเจ๊ 10 คือ เจ๊กั๊ว หรือ เจ๊ไพจิตร บ้านสวน เจ๊ 10 เพิ่งไปบริจาคเงินให้ astv.ขึ้นเวทีบริจาคเงินจำนวนสิบหมื่นไปแล้ว เจ๊ 10 คนนี้ จุดยืนมั่งคน แต่เจ๊ 10 จะไปทุกที่ที่พันธมิตรฯมียุทธการดาวกระจาย ที่ปราสาทพระวิหารไกลแสนไกลถึงศรีษะเกษ เจ๊ก็ไป ไม่ไปเปล่าพกมือตบพร้อมพาสามีคุณเชาวน์ ตามไปด้วย ไปอดตาหลับขับตานอนเสี่ยงภัยกับพวกนปก.มาแล้ว

เจ๊ 10 เอาทุกอย่างเวลาพันธมิตรกรุงเทพฯจะทำอะไรก็ให้ความร่วมมือ เจ๊ 10 เริ่มจากครอบครัวญาติพี่น้องและเพื่อนๆ ที่วัดบางละมุงเจ๊ก็ไป ที่ตชด.มะขามจันทบุรีก็ไป เจ๊10เจ๊ไพจิตรคนนี้ตามติดพันธมิตรฯ โดยเฉพาะ คุณสนธิ ลิ้มทองกุล มาตั้งแต่ เมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร เจ๊10 มีบทบาททำงานพันธมิตรฯมาเป็นลำดับ ว่ากันว่า ในเขตบ้านสวนเจ๊10 มีบทบาทมากไม่น้อยหน้าใครในขณะนี้

การที่เราเขียนถึง เจ๊ๆ กลุ่ม 11 เจ๊อรหันต์ ขึ้นมา ก็เพื่อให้เนื้อเรื่องเจ๊ๆอรหันต์ที่มีอยู่สมบูรณ์ ว่าใครเป็นใครที่ร่วมชุมนุม ร่วมงานกับพันธมิตรฯ และสะท้อนตัวตนของกลุ่ม 11 เจ๊อรหันต์ทองคำกลุ่มนี้ให้เห็นว่า เป็นผู้เสียสละ เป็นสตรีเพศแม่กู้ชาติ ใจถึงทุกคน ซึ่งบทบาทของเจ๊1-จนถึง 11 นั้น...ล้วนมีผลงานการต่อสู้เพื่อชาติ เพื่อสถาบัน ใจเต็มร้อยกันทุกคน และขณะนี้มี เจ๊อรหันต์คนที่ 11

คนล่าสุดคือ เจ๊เจ๋ง ผู้เฉียดความตาย จากเหตุการณ์ 7 ตุลาคม .. คนที่ปรากฏภาพอยู่ในหนังสือ ตำรวจฆ่าประชาชน ที่สตรีเพศแม่เหล่านี้ได้รับฉายาว่าเป็นกลุ่มเจ๊อรหันต์นั้นเป็นเพราะว่านอกจาก พวกเจ๊ๆ จะเดินทางไปร่วมชุมนุมที่ทำเนียบประชาชนแล้ว กลุ่มพันธมิตรฯของบรรดาเจ๊ๆยังเสียสละจัดข้าวปลาอาหารไปเลี้ยงผู้ชุมนุมหมุนเวียนสลับสับเปลี่ยนกันไปเป็นประจำมีใจเอื้ออาทรต่อพันธมิตรฯที่มาร่วมชุมนุม

หลายครั้งหลายหนต้องทนต่อการโดนกลั่นแกล้งจากนักการเมทองพันธุชั่วซึ่งให้ ตั้งเจ้าหน้าที่สรรพากรมาจ้องเก็บภาษีไปจนถึงเจ้าหน้าที่ในเครื่องแบบ ที่ยกโขยงมาข่มขู่ มาดักจับรถที่นำเพื่อนพันธมิตรฯเข้ากรุงและอื่นๆสารพัน แต่พวกเจ๊ๆเหล่านี้ก็ไม่หวั่น แล้วจะไม่ให้เรียกขานกันว่า เจ๊อรหันต์ทองคำได้อย่างไร ไม่ว่าสตรีเพศแม่หรือพวกผู้ชายชาตรีของพันธมิตรฯนั้นแต่ละคนล้วนผ่านอุปสรรคผ่านขวากหนามมามาก ยอมเจ็บ ยอมปวดเก็บทุกอย่างไว้ในใจ

ตั้งแต่ครั้งพวกเราชุมนุมขับไล่ทักษิณ..ปี 2549 จนได้ชัยชนะ

ถ้า..พวกเราพันธมิตรฯไม่คิดมาก ทั้งพันธมิตรฯผู้ร่วมอุดมการณ์ใหม่ ทั้งพันธมิตรฯดั้งเดิม ผู้มีจุดยืนเดียวกัน รวมใจรวมพลังร่วมกับพันธมิตรฯจากทั่วประเทศที่ชุมนุมมาอย่างยาวนาน จะได้นึกถึง การร่วมชุมนุม ตั้งแต่สะพานมัฆวาน 25 พฤษภาคม 2551 เป็นต้นมา จนถึงที่ทำเนียบประชาชน ด้วยความทรหด อดทนต่อความยากลำบาก หน้าฝนก็ต้องนั่งฟังการปราศรัยกางร่ม ใส่เสื้อกันฝน อยู่ท่ามกลางสายฝน แดดร้อนก็ต้องทน เพื่อขับไล่คนไม่ดี สู้เพื่อชาติ เพื่อบ้านเพื่อเมืองและสถาบันสูงสุด ก็จะทำให้พวกเราพันธมิตรฯมีความทรงจำที่ดี มีพลังใจเข้มแข็งขึ้นไปอีก

พันธมิตรฯ 7 ตะวันออกขณะนี้ เฉพาะชลบุรีเติบโตเต็มที่ การเติบโตของพันธมิตรฯชลบุรีมีที่มาที่ไปน่าศึกษาเพราะไม่เหมือนกับจังหวัดอื่น ซึ่งพันธมิตรฯเหล่านี้ กระจายตัวลงไปทุกชุมชน สังเกตุดูได้จากป้ายบอกสถานะภาพของพันธมิตรฯ เช่นพันธมิตรฯซอยบ้านลำภู พันธมิตรฯบางทราย พันธมิตรฯท่าถ่าน (นี่ก็บางทราย ติดต่อ ต.บ้านโขด) พันธมิตรฯซอยเจ้าแม่มาลัยทอง พันธมิตรฯต.เสม็ด พันธมิตรฯเมืองใหม่ พันธมิตรฯบางแสน แดนดินถิ่นกำนันเป๊าะ พันธมิตรฯอ่างศิลา พันธมิตรฯบ้านบึง พันธมิตรฯบ่อทอง พันธมิตรฯศรีราชา พันธมิตรฯแหลมฉบัง พันธมิตรฯพัทยา –นาเกลือ พันธมิตรฯสัตหีบเมืองทหารน้ำ หรือแม้แต่พันธมิตรฯเกาะสีชังและอื่นๆ จาระไนไม่หวาดไม่ไหว เพราะมีหลายกลุ่ม นี่ของจริงพ่อแม่พี่น้อง

แต่ที่ๆ ออกจะมีชื่อเสียงโด่งดังเอามากๆเพราะว่ากลุ่มพันธมิตรฯกลุ่มนี้รวมตัวสุภาพบุรุษได้มากกว่าทุกกลุ่มก็คือ กลุ่มพันธมิตรฯท้ายบ้านสะพาน3 นี่แหละ หัวหน้ากลุ่มคือ คุณมาณพ บุญทวงค์..ซึ่งเจ้าตัวยินดีให้ลงชื่อจริงเสียงจริงได้

พันธมิตรฯชลบุรีเติบโตก็จริง แต่ขณะนี้ชลบุรี และจังหวัดภาคตะวันออกมีการเปลี่ยนแปลงผู้นำจังหวัดและทีมงาน ซึ่งผู้นำเหล่านี้พร้อมผู้นำจังหวัดคนอื่นๆจะต้องทำงานสนองตอบนโยบายของเจ้ากระทรวงฯ เพื่อดึงฐานมวลชนพื้นที่!!

ก็เริ่มมีปรากฏการณ์แปลกๆเกิดขึ้นให้เห็นบ้างแล้ว มีนักวิชาเกินบางคน ซึ่งเป็นผู้ที่ไม่ได้ซึมซับอุดมการณ์ เป็นผู้ที่ไม่มีจุดยืนที่มั่นคง ไม่เคยโผล่หน้าออกมาก่อนไม่ว่าจะเป็นปีไหนของการต่อสู้ของพันธมิตรฯ แต่ตอนนี้เกิดอาการ อยากจะรู้อยากจะเห็น

เริ่ม.... ตั้งข้อปุจฉา เช่นเรื่อง ต้องการรู้ว่าพันธมิตรของแต่ละพื้นที่ มีความเข้มแข็งอย่างไรและแนวโน้มจะเป็นเช่นใด/ ค่าใช้จ่ายเกี่ยวเนื่องกับการชุมนุมของพันธมิตรฯในแต่ละพื้นที่และทำเนียบ / การสื่อสารข้อมูลของพันธมิตรฯในพื้นที่จังหวัดต่างๆ/และการสื่อสารกับส่วนกลาง(หลังเวที )เป็นต้น. แต่..ก็มีอีกปุจฉาหนึ่ง ที่น่าจะเป็นเรื่องแปลกก็คือ หัวข้อปุจฉาถึงสถานภาพต่างๆของผู้ชุมนุมที่ทำเนียบและมาตรการรักษาความปลอดภัย!!

บางคนที่มาใหม่ไปไกลถึงว่า พันธมิตรฯไม่ค่อยจะฟังใครไปโน้นอีก ทั้งบางเรื่อง ก็จะตั้งข้อปุจฉา ต้องการคำวิสัชนาให้ทันใจ

ซึ่งถ้ามองจากหลักการเหตุผลทบทวนทุกเหตุการณ์ที่ผ่าน ก็จะพบสัจจธรรม ซึ่งเราพันธมิตรฯไม่คิดมาก ขอยกคำพูดของ คุณเกษม จาติกวณิช มาให้อ่านเพื่อเตือนใจเตือนความทรงจำ

“ขอให้ย้อนกลับไปดูจุดมุ่งหมายของพันธมิตรฯ ว่าแท้ที่จริงแล้วพวกเขาสู้เพื่ออะไร ความรุนแรง ความเสียหายต่อชาติบ้านเมือง มีเหตุมาจากใครกันแน่ และให้เปรียบเทียบกับการชุมนุมของ นปช.ว่า สู้เรื่องอะไรหากเทียบกันแล้วจะเห็นเป็นคนละเรื่องกัน ฝ่ายแรกสู้เพื่อชาติบ้านเมือง ขับไล่คนไม่ดี ส่วนฝ่ายหลังสู้เพื่อทักษิณและพวกให้พ้นผิด”

นี่คือคำวิสัชนา ที่หาอ่านได้ ถึงบอกไงว่าพวกเราพันธมิตรฯต้องแน่วแน่ในอุดมการณ์ และจุดยืนที่มั่นคง ไม่ไขว่เขวตามกระแสข่าวปล่อยจากฝ่ายตรงกันข้าม

ข้อปุจฉาที่มีขึ้น แม้จะได้คำวิสัชนาแล้วบางเรื่อง พวกเราพันธมิตรฯเมืองชลส่วนใหญ่ ต้องมานั่งขบคิด เดินหน้าตั้งวงเล็กๆวงย่อยๆหารือกันอีก ต้องหาข้อสรุปให้ได้ ว่าแต่ละจังหวัดมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง และได้ข้อสรุปหลายข้อ แต่..เรื่องทั้งหมดนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน เพราะว่าการดิ้นรนเฮือกสุดท้ายของทักษิณ ซึ่งใช้ บรรดาทาสน้ำเงินของเขา ใช้กลไก เครื่องมือของรัฐฯที่มีอยู่ทุกอย่างระดมเข้ามา พวกเราพันธมิตรฯก็ต้องระวัง ไม่ประมาท ที่สำคัญคือการดึงพลังเงียบที่ยังไม่ทราบข้อมูลอีกมาก ออกมาเป็นพวกและให้ร้ายพันธมิตรฯด้วยเครื่องมือเครื่องไม้ของกรมกร๊วก ซึ่งมาจากเงินภาษีอากรของประชาชนเป็นที่ตั้ง

อย่างไรก็ดี การต่อสู้ของพันธมิตรฯทุกเรื่องที่ผ่านมาล้วนมีผล ขณะนี้รัฐบาลนอมินี่ทรราชสมัครซึ่งสร้างเรื่องอื้อฉาว กรณียกเขาพระวิหารให้เขมร จดทะเบียนมรดกโลกโดยไม่ผ่านความเห็นชอบของรัฐสภาไว้นั้น...

ป.ป.ช มีมติแจ้งข้อกล่าวหา ต่อนายนพดล ปัทมะ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศและคณะรัฐมนตรี 28 คนในรัฐบาลสมัคร ที่ฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 (2) ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยไปแล้ว โดยถือเป็นการละเว้น การปฏิบัติหน้าโดยมิชอบ.

ทรราชสมัคร ผู้กระหายเลือดซึ่งรับกรรมที่ก่อไว้ไปรักษามะเร็งอยู่ที่สหรัฐอเมริกาหลังกระเด็นจากเก้าอี้นายกรัฐมนตรี และเรื่องที่ป.ป.ช.มีมติแจ้งข้อกล่าวนี้ ทรราชสมัครจะติดคุก

ที่สำคัญก็คือทักษิณเองต้องร่อนเร่ กลายเป็นสัมภเวสี หนีคดีโทษจำคุก 2ปีไปอยู่อังกฤษและที่สุดอังกฤษถอนวีซ่า ยิ่งทำให้ต้องร่อนเร่สัญจรไปประเทศโน้นประเทศนี้ หนีไม่พ้นต้องตรมตรอมใจ เพราะกรรมเวรนั้นมีจริง มีเงินทองเท่าไหร่ก็ต้องเอามาใช้ให้พวกงกเงิน ทาสน้ำเงิน เพื่อนำมาใช้จ่ายปลุกม็อบคนเสื้อแดง ให้ต่อสู้แทนตัว

พวกเราจึงได้เห็น....บรรดานักการเมืองพันธุ์ชั่วทั้งที่มีตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีบินกันว่อนไปหาทักษิณที่เมืองจีน ที่ฮ่องกงก็ปรากฏเป็นข่าว เพราะถือดีว่ามีอำนาจ เป็นทาสทักษิณ ไปเพื่อกินข้าวกับทักษิณเพื่อปกป้องตำแหน่งหน้าที่ทางการเมืองทางเมืองไทย ด้วยหวาดหวั่นว่า ทักษิณจะสั่งรัฐบาลน้องเขยชายสวาทให้ออกจากเก้าอี้รัฐมนตรี

ส่วนทาสคนอื่นๆก็ไปเพียงรับเงินจากทักษิณนำมาใช้ปลุกระดมม็อบเสื้อแดงป่วนเมืองเท่านั้น

ทักษิณมีเงินมากเป็นเงินจากผลประโยชน์ทับซ้อน เชิงคอร์รัปชั่นนโยบาย ดังนั้นจึงใช้กรรมที่ก่อไว้ เอาเงินที่มีอยู่มาก ออกมาแจกจ่ายให้กับพวกงกเงิน ทาสน้ำเงินไปเรื่อยๆต่อท่อน้ำเลี้ยงไปทุกๆวัน นั่นก็คือการชดใช้กรรมวิธีหนึ่งและทรราชทักษิณ ต้องเผชิญกับนรกในใจตัวเองหมกไหม้ทุกๆวัน.

สำหรับพันธมิตรฯ ตะวันออก ซึ่ง ก็มีพันธมิตรฯที่เหนื่อยนักก็พักบ้าง ที่ล้าก็ผ่อนบ้าง ส่วนที่เจ็บไข้ได้ป่วยก็พักรักษาตัวกันไป ส่วนใหญ่จะเป็นโรคแพ้แก๊สน้ำตา ที่ทำมาหากินก็ไปทำกินกันบ้าง ด้วยเป็นเพราะนี่เป็นฤดูกาลเปิดเทอมลูกหลาน ต้องไปเรียนหนังสือหนังหาก็ว่ากันไป

แต่..หากเมื่อมีสถานการณ์ใดๆที่ 5 ผู้กล้าแกนนำต้องการให้พันธมิตรฯผู้รักชาติเข้ากรุงมุ่งสู่ทำเนียบประชาชน หรือหากมีการเป่านกหวีดเพื่อความเข้มข้นของการชุมนุมขึ้น ก็พร้อมระดมกันไปให้มืดฟ้ามัวดินเช่นเคย ด้วยระบบการแชร์กันออกค่าใช้จ่าย เกื้อกูลกันเหมือนเดิม ไปด้วยใจ ไม่มีใครจ้าง..

นี่ก็คือคำวิสัชนาที่บางคนตั้งข้อปุจฉา..เป็นคำตอบที่พอหาได้ด้วยเหตุและผล บ่งบอกถึงความแน่วแน่ในอุดมการณ์ ของพันธมิตรฯชลบุรี ภายใต้หลักการเดิม “ตายเป็นตาย เจ๊งเป็นเจ๊ง”

“อันคนเราเกิดมาทั้งที หากไม่ได้ตอบแทนพระคุณแผ่นดินเกิด ก็เสียชาติเกิดเปล่าๆหรือมีชีวิตอยู่ไปวันๆ อยู่จนแก่เพราะกินข้าว เฒ่าเพราะอยู่นาน แล้วจะเอาอะไรไป ตอบลูกตอบหลาน..ว่า ตั้งแต่ 25 พฤษภาคม 51 เป็นต้นมา มีผู้คนนับแสน นับล้านออกมากู้ชาติกันนั้น.. ลุง ป้า พ่อแม่ น้าอา พี่ๆไปทำอะไรไว้ลูกหลานได้มีผู้คนนับหน้าถือตากับเขาได้บ้าง...”

อย่างไรก็ตาม ชลบุรี ระยอง จันทบุรี เป็นเมืองที่บรรพบุรุษของเขา เข้าร่วมกู้ชาติมาตั้งแต่สมัยสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ปี 2309 ขณะเป็น พระยาวชิรปราการ นำไพร่พลผู้รักชาติทหารกล้ารู้ใจ 500 คน ผนึกกำลังตีฝ่าวงล้อมทัพพม่าที่ล้อมกรุงศรีอยุธยา เดินทัพมาตะวันออก รวบรวมไพร่พลคนน้ำเค็มเป็นทหาร กลับเข้าไปกู้ชาติ

เส้นทางประวัติศาสตร์ เมื่อครั้งเดินทัพม้า ทัพช้าง ทัพเดินเท้า มีจารึกไว้ เมื่อ ทัพผ่านถึงท้องทุ่งนาอำเภอบางคล้าแวะพักทัพ สร้างศาลเจ้าลักษณะเก๋งจีนไว้ เรียกขานกันต่อมาว่าศาลพระเจ้าตากสิน แล้วยกทัพผ่านชายทุ่งพนัสนิคม มุ่งวัดใหญ่กลางใจเมืองชล ตั้งทัพรวบรวมไพร่พลผู้รักชาติอยู่ที่นี่หลายวัน

เมืองชลบุรี-เมืองบางปลาสร้อยมีอนุสรณ์สถานพระยาวิชรปราการอยู่มาก ก่อนเคลื่อนทัพไป หยุดพักทัพที่วัดสว่างอารมณ์ บางพระ ไปบางละมุงสร้างโบสถ์ ปลูกต้นสนหลักของชาติไว้ 1 ต้นหน้าโบสถ์วัดบางละมุง ก่อนยกทัพไปหมู่บ้านทัพพระยา เดินทัพไประยอง ที่ระยองมีอนุสรณ์สถานเกี่ยวกับพระยาวชิรปราการอยู่เช่นต้นสตือทรงช้างอยู่ที่วัดป่าตัวเมือง จากนั้นก็เดินทัพมุ่งจันทบุรี แต่เจ้าเมืองจันท์แข็งข้อต้องเสียเวลาตีเมืองจันท์ ครั้น..ตีเมืองจันท์ได้ รวบรวมไพร่พลทหารผู้กล้ากู้ชาติ สร้างอู่ต่อเรือขึ้นที่บ้านเสม็ดงาม ต.หนองบัว แล้วจึงยกทัพเรือ บรรทุกทหารกล้าร่วมกู้ชาตินับหมื่นคนเข้าตีกรุงธนบุรี ตั้งเป็นฐานบัญชาการ เข้ารบพุ่งกับพม่าตีทัพพม่าล้มตายแตกกระเจิงออกไปจากแผ่นดินไทยในเวลา 7 เดือน จากนั้นก็ใช้เวลาอีก 3 ปีปราบก๊กต่างๆลงอย่างราบคาบ.

นั่นคือประวัติศาสตร์ส่วนหนึ่งเพียงย่อๆ เท่าที่ปู่ย่าตาทวดเล่าสืบต่อๆกันมา ซึ่งเป็นการต่อสู้กู้ชาติของบรรพบุรุษของคนตะวันออก ที่เข้าร่วมกู้ชาติเป็นไพร่พลทหารในกองทัพพระยาวชิรปราการ มีราษฎรทุกหมู่บ้านกองทัพเดินผ่าน อาสาเข้าร่วมทัพกู้ชาติ

เพราะฉะนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่สายเลือดคนน้ำเค็ม 3 จังหวัด ซึ่งบรรพบุรุษของเขาอยู่ในทัพกู้ชาติพระยาวชิรปราการ จึงมีเลือดที่เข้มข้น ออกมาร่วมกู้ชาติในปัจจุบันเป็นพันธมิตรกู้ชาติกันทั้งบ้านทั้งเมือง

นี่..ก็คือข้อไขปริศนา..ทำไม คนชล คนระยอง คนจันท์ ถึงไปกู้ชาติร่วมกับ 5 ผู้กล้าแกนนำพันธมิตรฯแบบยกจังหวัด.!!

ขณะนี้สถานการณ์ชุมนุมย่างเข้า เดือนที่ 6 ผู้ชุมนุมพันธมิตรฯผ่านเหตุการณ์ต่างๆมามาก พวกเราบาดเจ็บ เสียชีวิตก็เป็นเรื่องที่พวกเราทำใจกันไว้แล้ว เพราะรัฐบาลนอมินี กระหายเลือดประชาชนเป็นผู้สั่งการ เอาตำรวจมาไล่ทุบตีประชาชน ก็เกิดจากการกระทำของ พวกบ้า..อำนาจรับใช้ทรราชมือเปื้อนเลือด สมัคร –เฉลิม มาแล้วครั้งแรก เมื่อ 29 สิงหาคมและ1 กันยายน 51

และมาถูกกระทำอย่างรุนแรงโหดเหี้ยม ขณะที่ “ชายสวาท ” หน้าจืด เป็นผู้นำอีกครั้งหนึ่ง นั่นก็คือเหตุการณ์ 7 ตุลาคม 51 ซึ่งรุนแรง อำมหิต ดังที่ปรากฏภาพเหตุการณ์ในหนังสือ-วีซีดี ตำรวจฆ่าประชาชน ภายใต้ความรับผิดชอบของ “ ชายสวาทหน้าจืดผู้มีรสนิยมชอบกินข้ามต้มกลางวันตามโรงแรมม่านรูดผู้นี้ ” เป็นนิยมความรุนแรง ไร้ซึ่งศิลธรรม จริยธรรมประจำใจ ฆ่าประชาชน ตาย 2 คนบาดเจ็บ 400 กว่าคน

ล่าสุดมีข่าวทรราชทักษิณ...หลังจากที่มีนักการเมืองพันธุ์ชั่ว ทาสน้ำเงินอีกจำนวนหนึ่งจากเมืองไทยบินไปพบที่ฮ่องกงกันมาแล้ว..ก็เริ่มปรากฏพฤติกรรมจ้องทำร้ายแผ่นดินเกิดและต่อสถาบันฯเกิดขึ้น พฤติกรรมหลายสิ่งซึ่งปรากฏออกมามีให้เห็นที่ภาคอิสาณ และผู้นำจังหวัดภาคใต้บางจังหวัดก็เหิมเกริมรับใช้ทรราชโกวิทผู้กระหายเลือด ขนาดสั่งห้ามข้าราชการใส่เสื้อเหลืองในทุกวันจันทร์และยังมีพฤติกรรมอื่นๆอีกมาก ที่รอวันปะทุ เพราะพวกเขากำลังดำเนินการแยกประชาชนออกจากกัน โดยไม่สำนึกในการเป็นข้าแผ่นดิน โดยไม่สำนึกในการเป็นข้าราชการของหลวงและแยกแยะว่าทุกวันนี้ นักการเมืองมันชั่ว มันทำร้ายแผ่นดินเกิด พวกเขาร่วมกันทำร้ายประชาชนอย่างไรบ้าง...

จังหวัดตะวันออก ก็ไม่ได้อยู่ในข้อยกเว้น พฤติกรรมต่างๆของพวกทาสทักษิณ กำลังจะเผยโฉมออกมาเรื่อยๆ ขณะนี้ยังต้องสงวนไว้เป็นความลับ...เพราะพวกเขาดำเนินการขั้นดึงมวลชนที่ขาดข้อมูลข่าวสาร มาเป็นฐานตัดกำลังพันธมิตรฯให้น้อยลง เพียงแต่ทำกันแบบเงียบๆไปเรื่อยๆไม่โฉ่งฉ่าง.

24 พฤศจิกายนนี้ นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาฯ เตรียมบรรจุวาระการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นวาระเร่งด่วนเร่งแก้ไขรัฐธรรมนูญบางมาตราและซ่อนรัฐธรรมนูญฉบับนายแพทย์ เหวง โตจิราการ เอาไว้ จะแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ให้จงได้เพื่อช่วยทรราชทักษิณให้พ้นผิดและปกป้องพวกพ้องของตัวเองเป็นสำคัญ

24 พฤศจิกายนนี้ พวกเราพี่น้องพันธมิตรชลบุรีและทุกจังหวัดตะวันออก ผนึกใจกันแล้ว พวกเราจะเข้าไปทำเนียบประชาชนและจะร่วมสู้กันจนเลือดหยดสุดท้าย คาดว่าคงมืดฟ้ามัวดิน “ไปด้วยใจไปด้วยเงินของตัวเองเป็นสำคัญ”.

ขอโทษ..ท่านผู้อ่านเพราะเดิมตั้งใจเขียนถึงเบื้องหลังข่าวนี้ ให้เป็นเรื่องเบาๆแต่ด้วยจำเป็นต้องสื่อสารถึงกัน ต้องเขียนเรื่องหนักๆปะปนบ้าง ที่สำคัญคือการเขียนถึงเหล่าเจ๊อรหันต์ทองคำทั้ง 11 เจตนายกย่อง ความดีความหาญกล้า ความเสียสละของสตรีเพศแม่ทุกคน รวมทั้งเพศพ่อที่มีอยู่จำนวนมากในการเข้าร่วมกู้ชาติ

เพราะวันหนึ่งข้างหน้าข้อเขียนชิ้นนี้จะเป็นหน้าหนึ่งของประวัติศาสตร์การกู้ชาติของเหล่าพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่มีจุดยืนขับไล่คนไม่ดีไม่ให้ได้ปกครองบ้านเมือง ปกป้องแผ่นดินเกิดและสถาบันสูงสุดด้วยชีวิต.

ขอจบเรื่อง 11เจ๊อรหันต์ทองคำไว้เพียงนี้ หากใครพบเห็น เจ๊อรหันต์คนที่ 12 เกิดขึ้นที่ใดในจังหวัดตะวันออก ก็บอกให้ทราบ จะได้นำมาบันทึกไว้ บนทำเนียบสตรีเพศแม่กู้ชาติกันต่อไป

แหละ 24 พฤศจิกายนที่จะมา วันจันทร์นี้ ..ประโยคที่ว่า “ สู้ไม่สู้..” จะดังกึกก้องทั้งในทำเนียบและนอกทำเนียบประชาชนอีกครั้งหนึ่ง !!แหละพวกนักการเมืองพันธุ์ชาติชั่วทาสน้ำเงินทักษิณ จะได้จดจำวันนี้ รวมทั้งคนที่ชื่อ นายเหล่ ตาบอดตาใสข้างหนึ่งสันดานขะแมร์ ที่ ชื่อ ช.













กำลังโหลดความคิดเห็น