00 นับจากนาทีนี้เป็นต้นไปไม่ต้องมาพูดถึงเหตุผลให้โยกโย้ ไม่ยอมดำเนินการเพิกถอนหนังสือเดินทาง(พาสปอร์ต) ของ “ทักษิณ ชินวัตร” ที่หลบหนีคดีโกงอยู่ในอังกฤษ ทั้งนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีต่างประเทศไม่มีสิทธิ์บ่ายเบี่ยงใดๆ ทั้งสิ้น หรือโยนกลองกันไปมาได้อีกแล้ว
00 ไม่ว่าจะใช้วิธี “ศรีธนญชัย” แบบ “หน้าด้าน” อย่างไรก็ไม่สามารถอธิบายเป็นเหตุเป็นผลได้อีกต่อไป เพราะหลังจากที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้พิพากษาให้จำคุกในคดีทุจริตซื้อที่ดินรัชดาภิเษกโดยไม่รอลงอาญา ทำให้สถานะของ “คนหน้าเหลี่ยม” กลายเป็นอาชญากร หมดสิทธิ์จะถือหนังสือเดินทางที่มีอยู่ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น “สีแดง” หรือสีอะไรก็ตาม ต้องริบคืนทันที
00 ดังนั้น กระทรวงการต่างประเทศ โดย “สมพงษ์ อมรวิวัฒน์” ต้องดำเนินการทันที ไม่ต้องรีรออะไรอีกแล้ว ถ้าไม่ทำถือว่าอาจเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ส่วนต่อไปจะใช้หนังสือเดินทางของ “บาฮามาส” หรือที่ไหนนั้นก็อีกเรื่องหนึ่ง
00 ขณะเดียวกันอีกมุมหนึ่งพอสิ้นเสียงคำพิพากษาของศาลฎีกาฯ ก็ส่งผลให้โอกาสลี้ภัยในอังกฤษพลอยพังพาบไปด้วย หลังจากมีความหวัง “ริบหรี่” มานานแล้ว เมื่อพิจารณาจากสัญญาณจากรัฐบาลผู้ดีที่ “ยื้อ” แม้จะยื่นเอกสารส่งไปนานนับเดือน แถมยังมีเจ้าหน้าที่ “บัวแก้ว” บางคนที่ยอมเป็น“ทาส” เพื่อแลกกับลาภยศในอนาคต พินอบพิเทาร่วมร่างคำร้องกับ “ทนายหน้าหอ” จนเสร็จสรรพแล้วก็ตาม
00 แต่สิ่งที่เห็นได้ชัดก็คือ มันไม่หมูอย่างที่คิด เพราะเขาก็ไม่ได้โง่ มีการติดตามข้อมูลอยู่ตลอดเวลา ข้ออ้างเรื่องความ “ไม่ปลอดภัย-ไม่เป็นธรรม” ล้วนฟังไม่ขึ้น และงี่เง่าสิ้นดี เนื่องจาก “น้องเขย” และพรรคพลังประชาชนของตัวเองเป็นรัฐบาล ที่สำคัญอยู่ในบรรยากาศของรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งที่ชอบอ้างกันนักไม่ใช่หรือ และนี่คือสาเหตุการให้สัมภาษณ์กับสื่อต่างประเทศทันที หลังทราบผลคำพิพากษาให้จำคุกว่า ตัวเองไม่เคยขอลี้ภัย ทั้งที่แท้จริงแล้วไม่ได้รับอนุญาตให้ลี้ภัยต่างหาก
00 นี่ก็เช่นเดียวกัน ไม่ต้องมาพูดอธิบายเหตุผลข้างๆคูๆ เกี่ยวกับการตั้ง ส.ส.ร.3 เพื่อยกร่างหรือแก้ไขรัฐธรรมนูญกันอีกต่อไป เนื่องจากรัฐบาลนี้หมดความชอบธรรมโดยสิ้นเชิงแล้ว ดังนั้น จึงไม่มีสิทธิ์ด้วยประการทั้งปวง หากพิจารณาด้วยตรรกะเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง พรรคร่วมรัฐบาลถึง 3 พรรคทุจริตเลือกตั้ง และกำลังถูกศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาสั่งยุบพรรค กรณีทำผิดกฎหมายรัฐธรรมนูญมาตรา 190 ตัวนายกฯ กำลังถูกสอบสวนเรื่องถือหุ้นเกิน 5 เปอร์เซ็นต์ ถูกชี้มูลความผิดวินัยร้ายแรงสมัยเป็นปลัดกระทรวงยุติธรรม
00 ล่าสุดเป็นผู้นำทรราช มือเปื้อนเลือดสั่งฆ่าประชาชน เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 51 เมื่อมีแต่เรื่องชั่วช้าสามานย์สารพัด แค่นี้ยังไม่พออีกหรือ หรือจะให้บ้านเมืองฉิบหายป่นปี้ เมื่อไหร่ถึงจะพอเสียที !!
00 ไม่ว่าจะใช้วิธี “ศรีธนญชัย” แบบ “หน้าด้าน” อย่างไรก็ไม่สามารถอธิบายเป็นเหตุเป็นผลได้อีกต่อไป เพราะหลังจากที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้พิพากษาให้จำคุกในคดีทุจริตซื้อที่ดินรัชดาภิเษกโดยไม่รอลงอาญา ทำให้สถานะของ “คนหน้าเหลี่ยม” กลายเป็นอาชญากร หมดสิทธิ์จะถือหนังสือเดินทางที่มีอยู่ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น “สีแดง” หรือสีอะไรก็ตาม ต้องริบคืนทันที
00 ดังนั้น กระทรวงการต่างประเทศ โดย “สมพงษ์ อมรวิวัฒน์” ต้องดำเนินการทันที ไม่ต้องรีรออะไรอีกแล้ว ถ้าไม่ทำถือว่าอาจเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ส่วนต่อไปจะใช้หนังสือเดินทางของ “บาฮามาส” หรือที่ไหนนั้นก็อีกเรื่องหนึ่ง
00 ขณะเดียวกันอีกมุมหนึ่งพอสิ้นเสียงคำพิพากษาของศาลฎีกาฯ ก็ส่งผลให้โอกาสลี้ภัยในอังกฤษพลอยพังพาบไปด้วย หลังจากมีความหวัง “ริบหรี่” มานานแล้ว เมื่อพิจารณาจากสัญญาณจากรัฐบาลผู้ดีที่ “ยื้อ” แม้จะยื่นเอกสารส่งไปนานนับเดือน แถมยังมีเจ้าหน้าที่ “บัวแก้ว” บางคนที่ยอมเป็น“ทาส” เพื่อแลกกับลาภยศในอนาคต พินอบพิเทาร่วมร่างคำร้องกับ “ทนายหน้าหอ” จนเสร็จสรรพแล้วก็ตาม
00 แต่สิ่งที่เห็นได้ชัดก็คือ มันไม่หมูอย่างที่คิด เพราะเขาก็ไม่ได้โง่ มีการติดตามข้อมูลอยู่ตลอดเวลา ข้ออ้างเรื่องความ “ไม่ปลอดภัย-ไม่เป็นธรรม” ล้วนฟังไม่ขึ้น และงี่เง่าสิ้นดี เนื่องจาก “น้องเขย” และพรรคพลังประชาชนของตัวเองเป็นรัฐบาล ที่สำคัญอยู่ในบรรยากาศของรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งที่ชอบอ้างกันนักไม่ใช่หรือ และนี่คือสาเหตุการให้สัมภาษณ์กับสื่อต่างประเทศทันที หลังทราบผลคำพิพากษาให้จำคุกว่า ตัวเองไม่เคยขอลี้ภัย ทั้งที่แท้จริงแล้วไม่ได้รับอนุญาตให้ลี้ภัยต่างหาก
00 นี่ก็เช่นเดียวกัน ไม่ต้องมาพูดอธิบายเหตุผลข้างๆคูๆ เกี่ยวกับการตั้ง ส.ส.ร.3 เพื่อยกร่างหรือแก้ไขรัฐธรรมนูญกันอีกต่อไป เนื่องจากรัฐบาลนี้หมดความชอบธรรมโดยสิ้นเชิงแล้ว ดังนั้น จึงไม่มีสิทธิ์ด้วยประการทั้งปวง หากพิจารณาด้วยตรรกะเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง พรรคร่วมรัฐบาลถึง 3 พรรคทุจริตเลือกตั้ง และกำลังถูกศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาสั่งยุบพรรค กรณีทำผิดกฎหมายรัฐธรรมนูญมาตรา 190 ตัวนายกฯ กำลังถูกสอบสวนเรื่องถือหุ้นเกิน 5 เปอร์เซ็นต์ ถูกชี้มูลความผิดวินัยร้ายแรงสมัยเป็นปลัดกระทรวงยุติธรรม
00 ล่าสุดเป็นผู้นำทรราช มือเปื้อนเลือดสั่งฆ่าประชาชน เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 51 เมื่อมีแต่เรื่องชั่วช้าสามานย์สารพัด แค่นี้ยังไม่พออีกหรือ หรือจะให้บ้านเมืองฉิบหายป่นปี้ เมื่อไหร่ถึงจะพอเสียที !!
