"เสื้อแดง" เคลื่อนพลประชิดทำเนียบฯ ขู่ไปล้อมบ้าน"อำมาตยาธิปไตย" ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ-ทหาร ตังวอร์รูมในทำเนียบฯ ตรึงกำลังห้ามบุกเข้าไปภายในโดยเด็ดขาด พร้อมเตรียมแผนป้องกันการบุกยึดสนามบิน ด้าน"แม้ว"โฟนอินชิมลาง ก่อนมาพร้อมทั้งภาพและเสียงในวันนี้ ขู่เผยชื่อใครคือผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ ที่เป็นศัตรูของตน พร้อมเป่าหูสาวก อ้างทหาร 2 มาตรฐาน ส่งกำลัง 6 พัน คุมเสื้อแดง แต่ตอนเสื้อเหลืองชุมนุม ทหารไม่ออกมา
วานนี้ (26 มี.ค.) เป็นวันนัดชุมนุมใหญ่ของกลุ่มคนเสื้อแดง ในการรวมพลังขับไล่รัฐบาล โดยนัดหมายกันที่ท้องสนามหลวง แล้วจะเคลื่อนขบวนไปปิดล้อมทำเนียบรัฐบาล ในเวลา 10.00น.
อย่างไรก็ตาม นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ยังคงเดินทางเข้าไปปฏิบัติหน้าที่ ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล โดยเข้าทางประตู 8 เมื่อเวลา 09.00น. และใช้เวลาอยู่ในทำเนียบฯ ประมาณ 30 นาที จากนั้นได้เดินทางไปยังรัฐสภา เพื่อประชุมร่วม 4 ฝ่าย ขณะที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคงได้เดินทางถึงทำเนียบฯ ตั้งแต่เวลา 8.30 น. โดยมีการหารือร่วมกับ ผบช.น. และได้ออกจากทำเนียบฯไปเมื่อเวลา 10.30 น. ส่วนข้าราชการได้เข้ามาทำหน้าที่เพียงบางส่วนเท่านั้น ส่วนหนึ่งเดินทางไปปฏิบัติหน้าที่ยังกรมประชาสัมพันธ์เป็นการชั่วคราว บางส่วนได้รับอนุญาตให้หยุดงานได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการใช้กำลังในการรักษาพื้นที่ในทำเนียบรัฐบาล ในครั้งนี้ กองทัพภาคที่ 1 ได้จัดกำลังเข้ารักษาพื้นที่ทำเนียบรัฐบาลทั้งสิ้น 20 กองร้อย จำนวน 3,000 นาย โดยจัดกำลังจากกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ (พล.1รอ.) กองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ (พล.ม.2รอ.) และหน่วยบัญชาการป้องกันภัยทางอากาศ (นปอ.) กองพลทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยาน(พล.ปตอ.) สำหรับพล.1 รอ.ได้ใช้กำลังจากกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ (ร.1รอ.) และ กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์(ร.11 รอ.) เป็นหลัก
ส่วนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้จัดกำลังจากกองบัญชาการตำรวจนครบาล อีก 4 กองร้อย จำนวน 600 นาย โดยครึ่งหนึ่งเป็นกำลังตำรวจหญิง ทั้งนี้การจัดกำลังได้แบ่งเป็น 4 โซน คือ เอ บี ซี ดี วางกำลังตามกำแพงเป็นสี่ทิศ เพื่อป้องกันรักษาพื้นที่ไม่ให้กลุ่มผู้ชุมนุมบุกเข้ามาภายในทำเนียบฯ ได้
นอกจากนี้ทางกองทัพจะมีการเสริมกำลังจากกองทัพเรือ ที่ได้รับการฝึกการเตรียมพร้อมกองร้อยรักษาความสงบ 6 กองร้อย จากเดิมที่ใช้เพียง 2 กองร้อย
ส่วนกองทัพอากาศยังคงใช้กำลังสนับสนุน 2 กองร้อยเท่าเดิม เพื่อสนับสนุนกำลังภายในทำเนียบรัฐบาล หากเกิดเหตุรุนแรงขึ้น โดยยังแบ่งกำลังในการรักษาความสงบเรียบร้อยที่ กระทรวงการต่างประเทศ เส้นทางรอบๆ พื้นที่และพระราชวังสวนจิตรลาด
ทั้งนี้ กองทัพภาคที่ 1 ยังได้เตรียมกำลังจำนวน 15 กองร้อย เพื่อรักษาพื้นที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และป้องกันการยึดสนามบินด้วย หากเกิดเหตุความไม่สงบเกิดขึ้นนั้น กำลังทั้ง 15 กองร้อย จะพร้อมเดินทางไปรักษาพื้นที่ทันที
ส่วนบริเวณรอบรั้วทำเนียบรัฐบาล ได้มีการนำลวดหนาม และตู้คอนเทนเนอร์ มาวางเป็นแนวขวางกั้นเอาไว้ ป้องกันการบุกรุกเข้ามาภายในทำเนียบรัฐบาล
นอกจากการวางกำลังรักษาความปลอดภัยแล้ว ยังมีการเตรียมความพร้อมด้านอื่นๆ อีก เช่น มีการนำรถดับเพลิงประมาณ 30 คัน รถปั่นไฟ และรถโรงพยาบาล จากโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า และโรงพยาบาลตำรวจ มาประจำการอยู่โดยรอบ
ยกตู้คอนเทนเนอร์ทิ้งคลอง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ ทหาร และตำรวจ จำนวนนับพันที่มาประจำการทำเนียบรัฐบาลตั้งแต่ช่วงเช้าได้พักผ่อนกันตามอัธยาศัย กระทั่งเวลา 14.00 น. กลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดงหลายพันคน ได้เดินเท้าจากสนามหลวง มาถึงทำเนียบรัฐบาล โดยการนำของ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และนายจักรภพ เพ็ญแข แกนนำนปช. พร้อมกับนำรถเครนมาด้วย เตรียมที่จะยกตู้คอนเทนเนอร์ และสิ่งกีดขวางที่ทางเจ้าหน้าที่ตั้งสกัดไว้
ต่อมากลุ่มผู้ชุมนุมได้พยายามยกรถผู้ต้องขังจำนวน 4 คัน ที่ขวางถนนอยู่เพื่อเข้าไปประชิดรั้วทำเนียบฯ นอกจากนี้ยังใช้รถเครน ยกตู้คอนเทนเนอร์ 2 ตู้ ที่ขวางถนนอยู่ ลงไปทิ้งในคลองเปรมประชากร ทำให้กลุ่มคนเสื้อแดงเข้ามายึดถนนเลียบคลองผดุงกรุงเกษม และถนนโดยรอบทำเนียบฯ ได้สำเร็จ แล้วพากันเดินปิดล้อมรอบๆทำเนียบรัฐบาลทันที จากนั้นได้เริ่มตั้งเวทีปราศรัย ที่บริเวณ สะพานชมัยมรุเชฐ
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตามกำนดการเดิม กลุ่มเสื้อแดงจะเคลื่นขบวนจากสนามหลวงมายังทำเนียบรัฐบาลเวลา 10.00 น. แต่ปรากฏว่า ผู้ชุมนุมมีจำนวนไม่มาก เนื่องจากส่วนหนึ่งยังไปเข้าคิวรับเช็ค 2,000 บาท ที่ลานคนเมือง จึงต้องเลื่อนเวลาเคลื่อนขบวนเป็น 13.00 น.
ขู่บุกบ้าน "ป๋าเปรม"
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังมีการยกตู้คอนเทรนเนอร์ออก นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำคนเสื้อแดง และ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วนพรรคเพื่อไทย ก็ได้ขึ้นรถปราศรัยวนรอบทำเนียบรัฐบาล ได้ปราศัยโจมตีการทำงานของนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี โดยเฉพาะกรณีการกู้เงินจากต่างประเทศ ซึ่งส่งผลให้ประเทศไทยเป็นหนี้สินอีกครั้งหนึ่ง รวมไปถึงการทำงานของกระทวงยุติธรรมที่ไม่มีความยุติธรรมในการตัดสินคดีต่างๆ และกล่าวย้ำกับผู้ชุมนุมเสื้อแดงว่าไม่ให้บุกรุกเข้าไปในทำเนียบรัฐบาลเป็นอันเด็ดขาด
ทั้งนี้ นายจตุพร ยืนยันว่าเราจะไปยังบ้าน อำมาตยาธิปไตย แน่ แต่กลุ่มคนเสื้อแดงขอหารือกันก่อน ว่าจะไปในวันไหน
รัฐบาลเปิดตึก สลน.ตั้งวอร์รูม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทางสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี (สลน.) ได้เปิดอาคารทั้งหลังของสลน.เพื่อให้เป็นศูนย์ปฏิบัติการร่วม ระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหาร ในการประชุมติดตามสถานการณ์ความเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดง โดยเป็นการสนธิกำลังกัน นอกจากนี้ยังได้เปิดตึกสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ให้เป็นศูนย์ปฏิบัติการของกองกำลังแม่ทัพภาคที่ 1 ด้วย ส่วนตึกและอาคารอื่นในทำเนียบรัฐบาลทาง สลน.ได้มีคำสั่งให้ปิดดำเนินการเป็นการชั่วคราว จนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติ
ตร.ปรับแผนรักษาทำเนียบฯ
เมื่อเวลา17.00น. พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผบช.น. ให้สัมภาษณ์ภายหลังการตรวจความเรียบร้อยภายในทำเนียบรัฐบาล ว่า จากการประชุมติดตามสถานการณ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจยังยืนยันจะยึดเรื่องการป้องกันไม่ให้มีการกระทบระหว่างประชาชนกับตำรวจ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญของเรา ส่วนความกังวลเรื่องมือที่สามนั้น เชื่อว่าไม่เฉพาะตำรวจเท่านั้น ผู้ชุมนุมเองก็คงกังวล อย่างไรก็ดี ในเรื่องนี้ทางตำรวจ จะมีการพัฒนาแผนเฉพาะหน้าอยู่ตลอดเวลา
เมื่อถามว่ารัฐบาลสามารถทำงานในทำเนียบฯได้หรือไม่ พล.ต.ท.วรพงษ์กล่าวว่า จะพยายามอย่างสุดความสามารถให้คนในรัฐบาลมาทำงานในทำเนียบฯ ได้อย่างปกติ
แม้วส่งเสียงชิมลางหน้าทำเนียบ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลาประมาณ 20.05 น. (26มี.ค.) ในช่วงที่นายวีระ มุสิกพงศ์ แกนนำคนเสื้อแดง ปราศรัยกับผู้ชุมนุมที่หน้าทำเนียบฯอยู่นั้น พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งอยู่ระหว่างหลบหนีคดีอยู่ในต่างประเทศ ได้โทรศัพท์เข้ามากล่าวทักทายกับผู้ชุมนุม ช่วงสั้นๆประมาณ 10 นาที โดยนายวีระ เป็นผู้สัมภาษณ์
เนื้อหาของการโฟนอินสรุปได้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ขอพุดสั้นๆก่อน เนื่องจากการเตรียมการยังไม่พร้อม โดยจะโฟนอินเข้ามาในวันนี้(27มี.ค.) ในแบบที่เห็นหน้ากันผ่านระบบวีดีโอลิงค์ โดยพ.ต.ท.ทักษิณได้ขู่ ว่าจะเปิดรายชื่อคนที่เป็นผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นคนสำคัญที่เป็นศัตรูของเขา
พ.ต.ท.ทักษิณ ยังอ้างว่า กำลังจะบินไปเพื่อพบประธานาธิบดีประเทศประชาธิปไตยประเทศหนึ่งเร็วๆนี้ ซึ่งผู้นำประเทศนี้รู้ว่าตนโดนรังแก และรู้ว่าประชาธิปไตยเมืองไทย กำลังเละเทะ และยุ่งเหยิง
นอกจากนี้ ยังพูดกับกลุ่มคนเสื้อแดงว่า เห็นไหม เขาปฏิบัติกับคนเสื้อแดง และเสื้อเหลืองไม่เท่าเทียมกัน รัฐบาลที่แล้วให้ทหารออกมาช่วย ตอนพันธมิตรฯชุมนุม แต่ก็ไม่ออกมา แต่พอคนเสื้อแดงมาชุมนุมก็เอาทหาร มา 6 พันคน มาอยู่ในทำเนียบฯ
ภายหลังพ.ต.ท.ทักษิณ โฟนอินเสร็จ น.ส.วิสาระดี เตชะธีราวัฒน์ ส.ส.เชียงราย ก็ขึ้นมาบนเวทีปราศรัย ทักทายผู้ชุมนุม และให้กำลังใจกับผู้ชุมนุม
ผบ.ทร.ให้รอฟังแม้วโฟนอิน
ในวันเดียวกันนี้ ที่กระทรวงกลาโหม ได้มีการประชุมสภากลาโหมโดยมี พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม เป็นประธาน ซึ่งผู้บัญชาการเหล่าทัพ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง
พล.ร.อ.กำธร พุ่มหิรัญ ผบ.ทร.ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุม ถึงการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงว่า ไม่น่าจะมีความรุนแรง ซึ่งทางกลุ่มผู้ชุมนุมก็บอกว่าจะอยู่ชั่วคราว และถึงงานกาชาดก็จะเลิก คงไม่มีอะไรรุนแรง ส่วนที่ พ.ต.ท.ทักษิณ จะโฟนอินเข้ามา แฉผู้ใหญ่ของประเทศ รวมถึงบุคคลที่อยู่เบื้องหลังทำรัฐประหารนั้น ตนคงให้ความคิดเห็นไม่ได้ เพราะยังไม่ทราบว่าจะพูดเรื่องไร แต่ก็ไม่เป็นไร ให้ลองฟังดู ซึ่งเราทุกคนมีวิจารณญาณอยู่แล้ว ว่าฟังแล้วเป็นอย่างไร คิดว่าไม่น่าเป็นห่วง
ผู้สื่อข่าวถามว่าในฐานะเพื่อน ตท.10 รุ่นเดียวกับ พ.ต.ท.ทักษิณ เห็นว่าการโฟนอินบ่อยๆ จะทำให้ประเทศชาติแย่ลงหรือไม่ พล.ร.อ.กำธร กล่าวว่า ก็เป็นห่วงว่าจะทำให้เกิดความไม่เรียบร้อย แต่ทางเราก็ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยเจ้าพนักงาน รักษาสถานที่ราชการ และดูแลให้เกิดความสงบเรียบร้อยเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ตนคงจะไม่ฝากให้พ.ต.ท. ทักษิณหยุดการโฟนอิน ไม่อยากจะพูดอะไร
เชื่อการเจรจา ใช้ไม่ได้ผล
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม กล่าวภายหลังการประชุมสภากลาโหม ว่า เจ้าหน้าที่พยายามดูแลสถานที่ราชการให้ดีที่สุด หวังว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์รุนแรงขึ้น ทุกคนเป็นคนไทยอย่าให้มีสีเสื้อ มีอะไรพูดจากัน คิดว่าทุกฝ่ายรับฟังโดยเฉพาะรัฐบาล รับฟังทุกเรื่อง
เมื่อถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่รัฐบาลจะเจรจากับแกนนำคนเสื้อแดง พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่รู้จะเจรจาเรื่องใด ไม่มีเรื่องเจรจา เมื่อถามว่า เจรจาให้ยุติการชุมนุม พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า รู้อยู่แล้ว เขาคงมีข้อเสนอต่างๆที่ให้รัฐบาลไปปฏิบัติ คงมาทวงถามให้รัฐบาลปฏิบัติ อย่างไรก็ตาม เราจะทำทุกอย่าง เพื่อดูแลรักษาสถานที่ราชการ จะไม่มีการปะทะ หรือใช้ความรุนแรง นอกจากจะมีการเข้ามาในเขตสถานที่ราชการ เพราะคงจะยอมไม่ได้ บ้านเมืองมีกฎหมายอยู่
เมื่อถามว่า จะมีการห้าม พ.ต.ท. ทักษิณโฟนอินหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า คงไม่มี เป็นเรื่องของท่านที่ต้องใช้วิจารณญาณว่า ควรพูดเรื่องอะไร เพราะท่านเป็นผู้ใหญ่ ต้องรับผิดชอบคำพูดของท่าน เราจะไปบอกอะไรท่านได้
ส่วนที่กลุ่มเสื้อแดงระบุว่า กองทัพใช้ 2 มาตรฐานในการดูแลผู้ชุมนุม ต่างจากสมัยรัฐบาลที่ผ่านมา พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า "ขอโทษครับ ตอนนี้คนละรัฐบาล ทหารทำตามรัฐบาล ไม่ใช่ทำตามอำเภอใจของทหาร รัฐบาลสั่งอย่างไร ทำอย่างนั้น อย่าเปรียบเทียบอย่างนั้นไม่ได้ ขึ้นอยู่กับรัฐบาลที่ผ่านมาใช้ทหารแค่ไหน รัฐบาลชุดนี้ใช้ทหารแค่ไหน เขามีอำนาจใช้เหมือนกัน ดังนั้นไม่แปลกอะไรเลย" รมว.กลาโหมกล่าว
"พัลลภ" ยันไม่ขึ้นเวทีเสื้อแดง
พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี อดีตรอง ผอ.รมน. กล่าวยืนยันว่าจะไม่ขึ้นเวทีกับกลุ่มนปช. เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงที่ พ.ต.ท.ทักษิณ โฟนอินที่ระบุว่ามีองคมนตรีอยู่เบื้องหลังการรัฐประหาร 19 ก.ย.49 และขณะนี้ยังไม่มีการพูดคุย หรือติดต่อกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ส่วนแนวทางออกกับปัญหาที่เกิดขึ้น ตนมองว่า ตอนนี้ฝุ่นยังตลบอยู่ มองไม่ออกว่าบ้านเมืองจะเดินไปในทิศทางไหน
เมื่อถามว่าหากมีโอกาสเจอ พ.ต.ท.ทักษิณ จะบอกให้หยุดเคลื่อนไหว เพื่อเห็นแก่ชาติบ้านเมืองหรือไม่ พล.อ.พัลลภ กล่าวว่า ตอนนี้พูดอะไรไม่ได้ ส่วนการชี้แจงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ขอพักไปก่อน ตอนนี้มีคนโทรศัพท์มาหาเยอะ ไม่อยากพูดในรายละเอียด
เด็กแม้วกระทู้รัฐบาล 2 มาตรฐาน
ส่วนการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวานนี้ นายประสิทธิ์ ชัยวิรัตนะ ส.ส.ชัยภูมิ พรรคเพื่อไทย ตั้งกระทู้ถามสด เรื่องการดำเนินการของรัฐบาล 2 มาตรฐาน โดยถามนายกรัฐมนตรีว่า วันนี้บ้านเมืองวุ่นวาย แบ่งข้าง แบ่งสี แบ่งใจ เพราะรัฐบาลมี 2 มาตรฐานในการบังคับใช้กฎหมาย
นายประสิทธิ์ ยังกล่าวถึงการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงว่า รัฐบาลสั่งให้ทหาร 6,000 นาย ให้มาดูแล ตรวจเข้ม ห้ามคนเสื้อแดงเข้ามาชุมนุม ซึ่งไม่ทราบว่านายกฯ เป็นคนสั่งหรือไม่ ซึ่งถือว่าขัดรัฐธรรมนูญ เพราะประชาชนสามารรถชุมนุมกันได้อย่างสงบ นอกจากนี้ยังมีคำสั่งให้ตำรวจ 1,000 กว่านาย ไปดูแลและอารักขากลุ่มพันธมิตรฯ ที่ จ.ชัยภูมิ ตนไม่เคยเห็น แบบนี้เขาเรียกว่า 2 มาตรฐานหรือไม่ หรือแม้แต่การปาไข่ ที่นายชวน หลีกภัย ถูกปาไข่ที่ภาคเหนือ ยังไม่ว่าอะไร แต่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ โดนครั้งเดียว สั่งดำเนินคดีเลย จึงขอถามว่านายอภิสิทธิ์ มาเป็นนายกฯ 3 เดือน เคยดำเนินการ 2 มาตรฐานหรือไม่ แล้วจะจัดการอย่างไร
มาร์คยันไม่มีเรื่อง 2 มาตรฐาน
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ ชี้แจงว่า รัฐบาลชุดนี้ไม่มีเรื่อง 2 มาตรฐานแน่นอน ตั้งแต่ตนเข้ามาทำงาน จุดยืนชัดว่าการเคลื่อนไหวตามรัฐธรรมนูญทำได้ และได้กำชับเจ้าหน้าที่ให้ดูแลและควบคุมเท่านั้น ส่วนที่บอกว่ามีการใช้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจไปรักษาการณ์ให้กับบางกลุ่มหรือไม่นั้น คือบางกลุ่มประกาศชัดว่า ไม่ยอมให้อีกกลุ่มหนึ่งทำการชุมนุม และจะไปปิดล้อม ซึ่งเสี่ยงต่อการปะทะกัน ตนจึงไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์เช่นนั้น เหมือนที่เคยเกิดขึ้นที่อุดรธานี หรือ การชุมนุมที่ทำเนียบฯ ก็มีการขว้างระเบิดเข้าไป ตนจึงกำชับให้เจ้าหน้าที่ดูแลเท่านั้น
ด้านนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ยืนยันว่ารัฐบาลนี้มีมาตรฐานเดียว และจะรักษามาตรฐานนี้อย่างแข็งแรงต่อไป ที่บอกว่ากระบวนการยุติธรรม พรรคนั้นโดนพรรคนี้ไม่โดนนั้น ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม อยู่ที่พรรคหนึ่งผิด อีกพรรคหนึ่งไม่ผิด เพราะไม่ได้ทำ
ส่วนที่เรื่องทหาร 6 พันนายนั้น นายกฯไม่ได้สั่งการให้ทหารออกมาแก้ไขปัญหาแต่อย่างใด แต่ทหารมาตามคำขอของเจ้าหน้าที่ตำรวจ หากเห็นว่าเกินกว่ากำลัง ก็จะขอทหารมาช่วย
"จำไม่ได้หรือว่า สมัยรัฐบาลท่านก็ขอให้ทหารออกมา ส่วนที่บอกว่ามีคนไปสั่งการให้ไปดูแลพันธมิตรฯ ท่านพูดไม่จริง ผมสั่งให้ไปดูแล เพื่อไม่ให้ปะทะกัน ฆ่ากัน ไม่ใช่นิ่งดูดายเหมือนบางยุคบางสมัย ส่วนที่ บอกว่ายังอยู่เฉย แม้มีคนปิดสนามบินสุวรรณภูมินั้นไม่ใช่ คดีเกี่ยวกับการชุมนุมทางการเมือง ขณะนี้กำลังดำเนินการอยู่ ไม่ได้ละเว้น ทั้งเสื้อเหลือง และเสื้อแดง แต่จะช้าหรือเร็ว อยู่ที่แต่ละกรณีทีเกิดขึ้น จึงไม่มีเรื่อง 2 มาตรฐานหรือเลือกปฏิบัติแต่อย่างใด"นายสุเทพกล่าว.
วานนี้ (26 มี.ค.) เป็นวันนัดชุมนุมใหญ่ของกลุ่มคนเสื้อแดง ในการรวมพลังขับไล่รัฐบาล โดยนัดหมายกันที่ท้องสนามหลวง แล้วจะเคลื่อนขบวนไปปิดล้อมทำเนียบรัฐบาล ในเวลา 10.00น.
อย่างไรก็ตาม นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ยังคงเดินทางเข้าไปปฏิบัติหน้าที่ ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล โดยเข้าทางประตู 8 เมื่อเวลา 09.00น. และใช้เวลาอยู่ในทำเนียบฯ ประมาณ 30 นาที จากนั้นได้เดินทางไปยังรัฐสภา เพื่อประชุมร่วม 4 ฝ่าย ขณะที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคงได้เดินทางถึงทำเนียบฯ ตั้งแต่เวลา 8.30 น. โดยมีการหารือร่วมกับ ผบช.น. และได้ออกจากทำเนียบฯไปเมื่อเวลา 10.30 น. ส่วนข้าราชการได้เข้ามาทำหน้าที่เพียงบางส่วนเท่านั้น ส่วนหนึ่งเดินทางไปปฏิบัติหน้าที่ยังกรมประชาสัมพันธ์เป็นการชั่วคราว บางส่วนได้รับอนุญาตให้หยุดงานได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการใช้กำลังในการรักษาพื้นที่ในทำเนียบรัฐบาล ในครั้งนี้ กองทัพภาคที่ 1 ได้จัดกำลังเข้ารักษาพื้นที่ทำเนียบรัฐบาลทั้งสิ้น 20 กองร้อย จำนวน 3,000 นาย โดยจัดกำลังจากกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ (พล.1รอ.) กองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ (พล.ม.2รอ.) และหน่วยบัญชาการป้องกันภัยทางอากาศ (นปอ.) กองพลทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยาน(พล.ปตอ.) สำหรับพล.1 รอ.ได้ใช้กำลังจากกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ (ร.1รอ.) และ กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์(ร.11 รอ.) เป็นหลัก
ส่วนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้จัดกำลังจากกองบัญชาการตำรวจนครบาล อีก 4 กองร้อย จำนวน 600 นาย โดยครึ่งหนึ่งเป็นกำลังตำรวจหญิง ทั้งนี้การจัดกำลังได้แบ่งเป็น 4 โซน คือ เอ บี ซี ดี วางกำลังตามกำแพงเป็นสี่ทิศ เพื่อป้องกันรักษาพื้นที่ไม่ให้กลุ่มผู้ชุมนุมบุกเข้ามาภายในทำเนียบฯ ได้
นอกจากนี้ทางกองทัพจะมีการเสริมกำลังจากกองทัพเรือ ที่ได้รับการฝึกการเตรียมพร้อมกองร้อยรักษาความสงบ 6 กองร้อย จากเดิมที่ใช้เพียง 2 กองร้อย
ส่วนกองทัพอากาศยังคงใช้กำลังสนับสนุน 2 กองร้อยเท่าเดิม เพื่อสนับสนุนกำลังภายในทำเนียบรัฐบาล หากเกิดเหตุรุนแรงขึ้น โดยยังแบ่งกำลังในการรักษาความสงบเรียบร้อยที่ กระทรวงการต่างประเทศ เส้นทางรอบๆ พื้นที่และพระราชวังสวนจิตรลาด
ทั้งนี้ กองทัพภาคที่ 1 ยังได้เตรียมกำลังจำนวน 15 กองร้อย เพื่อรักษาพื้นที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และป้องกันการยึดสนามบินด้วย หากเกิดเหตุความไม่สงบเกิดขึ้นนั้น กำลังทั้ง 15 กองร้อย จะพร้อมเดินทางไปรักษาพื้นที่ทันที
ส่วนบริเวณรอบรั้วทำเนียบรัฐบาล ได้มีการนำลวดหนาม และตู้คอนเทนเนอร์ มาวางเป็นแนวขวางกั้นเอาไว้ ป้องกันการบุกรุกเข้ามาภายในทำเนียบรัฐบาล
นอกจากการวางกำลังรักษาความปลอดภัยแล้ว ยังมีการเตรียมความพร้อมด้านอื่นๆ อีก เช่น มีการนำรถดับเพลิงประมาณ 30 คัน รถปั่นไฟ และรถโรงพยาบาล จากโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า และโรงพยาบาลตำรวจ มาประจำการอยู่โดยรอบ
ยกตู้คอนเทนเนอร์ทิ้งคลอง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ ทหาร และตำรวจ จำนวนนับพันที่มาประจำการทำเนียบรัฐบาลตั้งแต่ช่วงเช้าได้พักผ่อนกันตามอัธยาศัย กระทั่งเวลา 14.00 น. กลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดงหลายพันคน ได้เดินเท้าจากสนามหลวง มาถึงทำเนียบรัฐบาล โดยการนำของ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และนายจักรภพ เพ็ญแข แกนนำนปช. พร้อมกับนำรถเครนมาด้วย เตรียมที่จะยกตู้คอนเทนเนอร์ และสิ่งกีดขวางที่ทางเจ้าหน้าที่ตั้งสกัดไว้
ต่อมากลุ่มผู้ชุมนุมได้พยายามยกรถผู้ต้องขังจำนวน 4 คัน ที่ขวางถนนอยู่เพื่อเข้าไปประชิดรั้วทำเนียบฯ นอกจากนี้ยังใช้รถเครน ยกตู้คอนเทนเนอร์ 2 ตู้ ที่ขวางถนนอยู่ ลงไปทิ้งในคลองเปรมประชากร ทำให้กลุ่มคนเสื้อแดงเข้ามายึดถนนเลียบคลองผดุงกรุงเกษม และถนนโดยรอบทำเนียบฯ ได้สำเร็จ แล้วพากันเดินปิดล้อมรอบๆทำเนียบรัฐบาลทันที จากนั้นได้เริ่มตั้งเวทีปราศรัย ที่บริเวณ สะพานชมัยมรุเชฐ
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตามกำนดการเดิม กลุ่มเสื้อแดงจะเคลื่นขบวนจากสนามหลวงมายังทำเนียบรัฐบาลเวลา 10.00 น. แต่ปรากฏว่า ผู้ชุมนุมมีจำนวนไม่มาก เนื่องจากส่วนหนึ่งยังไปเข้าคิวรับเช็ค 2,000 บาท ที่ลานคนเมือง จึงต้องเลื่อนเวลาเคลื่อนขบวนเป็น 13.00 น.
ขู่บุกบ้าน "ป๋าเปรม"
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังมีการยกตู้คอนเทรนเนอร์ออก นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำคนเสื้อแดง และ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วนพรรคเพื่อไทย ก็ได้ขึ้นรถปราศรัยวนรอบทำเนียบรัฐบาล ได้ปราศัยโจมตีการทำงานของนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี โดยเฉพาะกรณีการกู้เงินจากต่างประเทศ ซึ่งส่งผลให้ประเทศไทยเป็นหนี้สินอีกครั้งหนึ่ง รวมไปถึงการทำงานของกระทวงยุติธรรมที่ไม่มีความยุติธรรมในการตัดสินคดีต่างๆ และกล่าวย้ำกับผู้ชุมนุมเสื้อแดงว่าไม่ให้บุกรุกเข้าไปในทำเนียบรัฐบาลเป็นอันเด็ดขาด
ทั้งนี้ นายจตุพร ยืนยันว่าเราจะไปยังบ้าน อำมาตยาธิปไตย แน่ แต่กลุ่มคนเสื้อแดงขอหารือกันก่อน ว่าจะไปในวันไหน
รัฐบาลเปิดตึก สลน.ตั้งวอร์รูม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทางสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี (สลน.) ได้เปิดอาคารทั้งหลังของสลน.เพื่อให้เป็นศูนย์ปฏิบัติการร่วม ระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหาร ในการประชุมติดตามสถานการณ์ความเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดง โดยเป็นการสนธิกำลังกัน นอกจากนี้ยังได้เปิดตึกสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ให้เป็นศูนย์ปฏิบัติการของกองกำลังแม่ทัพภาคที่ 1 ด้วย ส่วนตึกและอาคารอื่นในทำเนียบรัฐบาลทาง สลน.ได้มีคำสั่งให้ปิดดำเนินการเป็นการชั่วคราว จนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติ
ตร.ปรับแผนรักษาทำเนียบฯ
เมื่อเวลา17.00น. พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผบช.น. ให้สัมภาษณ์ภายหลังการตรวจความเรียบร้อยภายในทำเนียบรัฐบาล ว่า จากการประชุมติดตามสถานการณ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจยังยืนยันจะยึดเรื่องการป้องกันไม่ให้มีการกระทบระหว่างประชาชนกับตำรวจ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญของเรา ส่วนความกังวลเรื่องมือที่สามนั้น เชื่อว่าไม่เฉพาะตำรวจเท่านั้น ผู้ชุมนุมเองก็คงกังวล อย่างไรก็ดี ในเรื่องนี้ทางตำรวจ จะมีการพัฒนาแผนเฉพาะหน้าอยู่ตลอดเวลา
เมื่อถามว่ารัฐบาลสามารถทำงานในทำเนียบฯได้หรือไม่ พล.ต.ท.วรพงษ์กล่าวว่า จะพยายามอย่างสุดความสามารถให้คนในรัฐบาลมาทำงานในทำเนียบฯ ได้อย่างปกติ
แม้วส่งเสียงชิมลางหน้าทำเนียบ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลาประมาณ 20.05 น. (26มี.ค.) ในช่วงที่นายวีระ มุสิกพงศ์ แกนนำคนเสื้อแดง ปราศรัยกับผู้ชุมนุมที่หน้าทำเนียบฯอยู่นั้น พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งอยู่ระหว่างหลบหนีคดีอยู่ในต่างประเทศ ได้โทรศัพท์เข้ามากล่าวทักทายกับผู้ชุมนุม ช่วงสั้นๆประมาณ 10 นาที โดยนายวีระ เป็นผู้สัมภาษณ์
เนื้อหาของการโฟนอินสรุปได้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ขอพุดสั้นๆก่อน เนื่องจากการเตรียมการยังไม่พร้อม โดยจะโฟนอินเข้ามาในวันนี้(27มี.ค.) ในแบบที่เห็นหน้ากันผ่านระบบวีดีโอลิงค์ โดยพ.ต.ท.ทักษิณได้ขู่ ว่าจะเปิดรายชื่อคนที่เป็นผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นคนสำคัญที่เป็นศัตรูของเขา
พ.ต.ท.ทักษิณ ยังอ้างว่า กำลังจะบินไปเพื่อพบประธานาธิบดีประเทศประชาธิปไตยประเทศหนึ่งเร็วๆนี้ ซึ่งผู้นำประเทศนี้รู้ว่าตนโดนรังแก และรู้ว่าประชาธิปไตยเมืองไทย กำลังเละเทะ และยุ่งเหยิง
นอกจากนี้ ยังพูดกับกลุ่มคนเสื้อแดงว่า เห็นไหม เขาปฏิบัติกับคนเสื้อแดง และเสื้อเหลืองไม่เท่าเทียมกัน รัฐบาลที่แล้วให้ทหารออกมาช่วย ตอนพันธมิตรฯชุมนุม แต่ก็ไม่ออกมา แต่พอคนเสื้อแดงมาชุมนุมก็เอาทหาร มา 6 พันคน มาอยู่ในทำเนียบฯ
ภายหลังพ.ต.ท.ทักษิณ โฟนอินเสร็จ น.ส.วิสาระดี เตชะธีราวัฒน์ ส.ส.เชียงราย ก็ขึ้นมาบนเวทีปราศรัย ทักทายผู้ชุมนุม และให้กำลังใจกับผู้ชุมนุม
ผบ.ทร.ให้รอฟังแม้วโฟนอิน
ในวันเดียวกันนี้ ที่กระทรวงกลาโหม ได้มีการประชุมสภากลาโหมโดยมี พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม เป็นประธาน ซึ่งผู้บัญชาการเหล่าทัพ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง
พล.ร.อ.กำธร พุ่มหิรัญ ผบ.ทร.ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุม ถึงการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงว่า ไม่น่าจะมีความรุนแรง ซึ่งทางกลุ่มผู้ชุมนุมก็บอกว่าจะอยู่ชั่วคราว และถึงงานกาชาดก็จะเลิก คงไม่มีอะไรรุนแรง ส่วนที่ พ.ต.ท.ทักษิณ จะโฟนอินเข้ามา แฉผู้ใหญ่ของประเทศ รวมถึงบุคคลที่อยู่เบื้องหลังทำรัฐประหารนั้น ตนคงให้ความคิดเห็นไม่ได้ เพราะยังไม่ทราบว่าจะพูดเรื่องไร แต่ก็ไม่เป็นไร ให้ลองฟังดู ซึ่งเราทุกคนมีวิจารณญาณอยู่แล้ว ว่าฟังแล้วเป็นอย่างไร คิดว่าไม่น่าเป็นห่วง
ผู้สื่อข่าวถามว่าในฐานะเพื่อน ตท.10 รุ่นเดียวกับ พ.ต.ท.ทักษิณ เห็นว่าการโฟนอินบ่อยๆ จะทำให้ประเทศชาติแย่ลงหรือไม่ พล.ร.อ.กำธร กล่าวว่า ก็เป็นห่วงว่าจะทำให้เกิดความไม่เรียบร้อย แต่ทางเราก็ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยเจ้าพนักงาน รักษาสถานที่ราชการ และดูแลให้เกิดความสงบเรียบร้อยเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ตนคงจะไม่ฝากให้พ.ต.ท. ทักษิณหยุดการโฟนอิน ไม่อยากจะพูดอะไร
เชื่อการเจรจา ใช้ไม่ได้ผล
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม กล่าวภายหลังการประชุมสภากลาโหม ว่า เจ้าหน้าที่พยายามดูแลสถานที่ราชการให้ดีที่สุด หวังว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์รุนแรงขึ้น ทุกคนเป็นคนไทยอย่าให้มีสีเสื้อ มีอะไรพูดจากัน คิดว่าทุกฝ่ายรับฟังโดยเฉพาะรัฐบาล รับฟังทุกเรื่อง
เมื่อถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่รัฐบาลจะเจรจากับแกนนำคนเสื้อแดง พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่รู้จะเจรจาเรื่องใด ไม่มีเรื่องเจรจา เมื่อถามว่า เจรจาให้ยุติการชุมนุม พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า รู้อยู่แล้ว เขาคงมีข้อเสนอต่างๆที่ให้รัฐบาลไปปฏิบัติ คงมาทวงถามให้รัฐบาลปฏิบัติ อย่างไรก็ตาม เราจะทำทุกอย่าง เพื่อดูแลรักษาสถานที่ราชการ จะไม่มีการปะทะ หรือใช้ความรุนแรง นอกจากจะมีการเข้ามาในเขตสถานที่ราชการ เพราะคงจะยอมไม่ได้ บ้านเมืองมีกฎหมายอยู่
เมื่อถามว่า จะมีการห้าม พ.ต.ท. ทักษิณโฟนอินหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า คงไม่มี เป็นเรื่องของท่านที่ต้องใช้วิจารณญาณว่า ควรพูดเรื่องอะไร เพราะท่านเป็นผู้ใหญ่ ต้องรับผิดชอบคำพูดของท่าน เราจะไปบอกอะไรท่านได้
ส่วนที่กลุ่มเสื้อแดงระบุว่า กองทัพใช้ 2 มาตรฐานในการดูแลผู้ชุมนุม ต่างจากสมัยรัฐบาลที่ผ่านมา พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า "ขอโทษครับ ตอนนี้คนละรัฐบาล ทหารทำตามรัฐบาล ไม่ใช่ทำตามอำเภอใจของทหาร รัฐบาลสั่งอย่างไร ทำอย่างนั้น อย่าเปรียบเทียบอย่างนั้นไม่ได้ ขึ้นอยู่กับรัฐบาลที่ผ่านมาใช้ทหารแค่ไหน รัฐบาลชุดนี้ใช้ทหารแค่ไหน เขามีอำนาจใช้เหมือนกัน ดังนั้นไม่แปลกอะไรเลย" รมว.กลาโหมกล่าว
"พัลลภ" ยันไม่ขึ้นเวทีเสื้อแดง
พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี อดีตรอง ผอ.รมน. กล่าวยืนยันว่าจะไม่ขึ้นเวทีกับกลุ่มนปช. เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงที่ พ.ต.ท.ทักษิณ โฟนอินที่ระบุว่ามีองคมนตรีอยู่เบื้องหลังการรัฐประหาร 19 ก.ย.49 และขณะนี้ยังไม่มีการพูดคุย หรือติดต่อกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ส่วนแนวทางออกกับปัญหาที่เกิดขึ้น ตนมองว่า ตอนนี้ฝุ่นยังตลบอยู่ มองไม่ออกว่าบ้านเมืองจะเดินไปในทิศทางไหน
เมื่อถามว่าหากมีโอกาสเจอ พ.ต.ท.ทักษิณ จะบอกให้หยุดเคลื่อนไหว เพื่อเห็นแก่ชาติบ้านเมืองหรือไม่ พล.อ.พัลลภ กล่าวว่า ตอนนี้พูดอะไรไม่ได้ ส่วนการชี้แจงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ขอพักไปก่อน ตอนนี้มีคนโทรศัพท์มาหาเยอะ ไม่อยากพูดในรายละเอียด
เด็กแม้วกระทู้รัฐบาล 2 มาตรฐาน
ส่วนการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวานนี้ นายประสิทธิ์ ชัยวิรัตนะ ส.ส.ชัยภูมิ พรรคเพื่อไทย ตั้งกระทู้ถามสด เรื่องการดำเนินการของรัฐบาล 2 มาตรฐาน โดยถามนายกรัฐมนตรีว่า วันนี้บ้านเมืองวุ่นวาย แบ่งข้าง แบ่งสี แบ่งใจ เพราะรัฐบาลมี 2 มาตรฐานในการบังคับใช้กฎหมาย
นายประสิทธิ์ ยังกล่าวถึงการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงว่า รัฐบาลสั่งให้ทหาร 6,000 นาย ให้มาดูแล ตรวจเข้ม ห้ามคนเสื้อแดงเข้ามาชุมนุม ซึ่งไม่ทราบว่านายกฯ เป็นคนสั่งหรือไม่ ซึ่งถือว่าขัดรัฐธรรมนูญ เพราะประชาชนสามารรถชุมนุมกันได้อย่างสงบ นอกจากนี้ยังมีคำสั่งให้ตำรวจ 1,000 กว่านาย ไปดูแลและอารักขากลุ่มพันธมิตรฯ ที่ จ.ชัยภูมิ ตนไม่เคยเห็น แบบนี้เขาเรียกว่า 2 มาตรฐานหรือไม่ หรือแม้แต่การปาไข่ ที่นายชวน หลีกภัย ถูกปาไข่ที่ภาคเหนือ ยังไม่ว่าอะไร แต่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ โดนครั้งเดียว สั่งดำเนินคดีเลย จึงขอถามว่านายอภิสิทธิ์ มาเป็นนายกฯ 3 เดือน เคยดำเนินการ 2 มาตรฐานหรือไม่ แล้วจะจัดการอย่างไร
มาร์คยันไม่มีเรื่อง 2 มาตรฐาน
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ ชี้แจงว่า รัฐบาลชุดนี้ไม่มีเรื่อง 2 มาตรฐานแน่นอน ตั้งแต่ตนเข้ามาทำงาน จุดยืนชัดว่าการเคลื่อนไหวตามรัฐธรรมนูญทำได้ และได้กำชับเจ้าหน้าที่ให้ดูแลและควบคุมเท่านั้น ส่วนที่บอกว่ามีการใช้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจไปรักษาการณ์ให้กับบางกลุ่มหรือไม่นั้น คือบางกลุ่มประกาศชัดว่า ไม่ยอมให้อีกกลุ่มหนึ่งทำการชุมนุม และจะไปปิดล้อม ซึ่งเสี่ยงต่อการปะทะกัน ตนจึงไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์เช่นนั้น เหมือนที่เคยเกิดขึ้นที่อุดรธานี หรือ การชุมนุมที่ทำเนียบฯ ก็มีการขว้างระเบิดเข้าไป ตนจึงกำชับให้เจ้าหน้าที่ดูแลเท่านั้น
ด้านนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ยืนยันว่ารัฐบาลนี้มีมาตรฐานเดียว และจะรักษามาตรฐานนี้อย่างแข็งแรงต่อไป ที่บอกว่ากระบวนการยุติธรรม พรรคนั้นโดนพรรคนี้ไม่โดนนั้น ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม อยู่ที่พรรคหนึ่งผิด อีกพรรคหนึ่งไม่ผิด เพราะไม่ได้ทำ
ส่วนที่เรื่องทหาร 6 พันนายนั้น นายกฯไม่ได้สั่งการให้ทหารออกมาแก้ไขปัญหาแต่อย่างใด แต่ทหารมาตามคำขอของเจ้าหน้าที่ตำรวจ หากเห็นว่าเกินกว่ากำลัง ก็จะขอทหารมาช่วย
"จำไม่ได้หรือว่า สมัยรัฐบาลท่านก็ขอให้ทหารออกมา ส่วนที่บอกว่ามีคนไปสั่งการให้ไปดูแลพันธมิตรฯ ท่านพูดไม่จริง ผมสั่งให้ไปดูแล เพื่อไม่ให้ปะทะกัน ฆ่ากัน ไม่ใช่นิ่งดูดายเหมือนบางยุคบางสมัย ส่วนที่ บอกว่ายังอยู่เฉย แม้มีคนปิดสนามบินสุวรรณภูมินั้นไม่ใช่ คดีเกี่ยวกับการชุมนุมทางการเมือง ขณะนี้กำลังดำเนินการอยู่ ไม่ได้ละเว้น ทั้งเสื้อเหลือง และเสื้อแดง แต่จะช้าหรือเร็ว อยู่ที่แต่ละกรณีทีเกิดขึ้น จึงไม่มีเรื่อง 2 มาตรฐานหรือเลือกปฏิบัติแต่อย่างใด"นายสุเทพกล่าว.