xs
xsm
sm
md
lg

ศึกทักษิณชิงเมือง : จินตยุทธ์ 2552

เผยแพร่:   โดย: ว.ร.ฤทธาคนี

จินตยุทธ์คือการจินตนาการถึงการสงครามว่าจะมีลักษณะเป็นอย่างไร มีแผนอย่างไร อะไรเป็นเป้าประสงค์ในการทำสงครามนั้น จินตยุทธ์เป็นสิ่งหนึ่งที่คนหลีกเลี่ยงไม่อยากคิด เช่น กรณี 9/11 เมื่อมีนักยุทธศาสตร์สงครามการก่อการร้ายตั้งสมมติฐานว่า กลุ่มก่อการร้ายจะจี้เครื่องบินแล้วชนตึกระฟ้าในนครใหญ่ๆ สหรัฐฯ แนวคิดนี้ก็จะถูกต่อต้านทันทีเพราะผู้เกี่ยวข้องกลัวว่าจะเสียเวลาคิด เสียเวลาหารายละเอียดความเชื่อมโยงว่า กลุ่มก่อการร้ายกลุ่มไหนเข้ามาในสหรัฐฯ ได้อย่างไร เข้ามาแล้วอยู่ที่ไหน ทำอะไร เป็นนักบินมาก่อนหรือไม่ ถ้าไม่เป็นแล้วจะฝึกบินที่ไหน จะปฏิบัติการอย่างไร เป้าหมายคืออะไร และ ฯลฯ

คำถามเหล่านี้เกี่ยวข้องกับหน่วยงายหลายหน่วยงานมากที่อาจจะร่วมมือหรือไม่ร่วมมือ หรือเห็นว่าเป็นเพียงความคิดบ้าๆ หรืออาจทำให้หน่วยตนเกิดจุดอ่อนหรือมีข้อบกพร่อง

หรือกรณีที่นักยุทธศาสตร์บางคนวิเคราะห์ว่า โฮจิมินห์ต้องการยึดประเทศไทยในห้วงปี 2525-2528 โดยมีแผนการ 2 แผนคือ ยึดบางส่วนของภาคเหนือและภาคอีสานทั้งหมดแล้ว ลากผ่านตรง ลงใต้แล้วลากตัดออกทางทิศตะวันออกผ่านเขตอีสานใต้ หรือยึดภาคอีสานทั้งหมด เรียกว่า ตัวแอลใหญ่ (L) และตัวแอลเล็ก เพราะหากเป็นไปได้โฮจิมินห์จะได้แม่น้ำโขงเป็นรางวัลและเป็นเส้นโลหิตของสหพันธ์อินโดจีนที่รวมเวียดนาม ลาว เขมร และไทยบางส่วนตามแผนแอลใหญ่หรือแอลเล็ก ทั้งยังสามารถสนับสนุนการปฏิวัติของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย ให้สามารถเป็นเขตป้องกันให้กับสหพันธ์อินโดจีนจากทางใต้หรือตะวันตก

ในช่วงแรกๆ ไม่มีคนเชื่อว่าโฮจิมินห์จะมีความตั้งใจเช่นนั้น แต่การยึดครองลาวและมีแผนกลืนชาติลาวที่เรียกกันในช่วงนั้นว่า ยุทธศาสตร์ “นอนสามัคคี” คือการแต่งงานระหว่างทหารเวียดนามที่ยึดครองกับสาวชาวลาวอันเป็นการสร้างประชากรลูกครึ่งเวียดนาม ลาว และถ้าเป็นลูกชายก็จะถูกเลี้ยงอย่างคนเวียดนาม พูดเวียดนาม เรียนรู้วัฒนธรรมเวียดนาม ซึ่งเรื่องราวเหล่านี้ปัจจุบันเป็นตำนานไปแล้วแต่ลึกๆ แล้วคนลาวทุกคนรู้ดี

หรือการสร้างถนนยุทธศาสตร์จากเมืองกาบัง หรือเรียกว่า เส้นทางเศรษฐกิจตะวันออกสู่ตะวันตก (East-West Economic Corridor) ผ่าน ไทย และพม่า เส้นทางนี้โฮจิมินห์เตรียมไว้สำหรับการขนส่งจากเขตอีสานและลาวสู่ท่าเรือเมืองดาบัง และเข้า-ออกประเทศไทยที่มุกดาหารระยะทาง 1,450 กิโลเมตร

ดังนั้น จินตยุทธ์ว่าด้วยแผนยึดภาคอีสานของโฮจิมินห์เกือบเป็นจริง เมื่อเวียดนามบุกกัมพูชาในปี 2521 โดยอ้างว่าจะขจัดเขมรแดงที่สร้างตำนาน “ทุ่งสังหาร” พิฆาตคนชาติเดียวกันกว่า 3 ล้านคน และมีการปะทะกับทหารไทย และกองกำลังปลดแอกแห่งประชาชนชาวไทยของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย บริเวณชายแดนหลายครั้งทำให้ฝ่ายทหารและคนไทยในพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย ยอมรับว่าโฮจิมินห์ต้องการยึดประเทศไทยจริง และสหายคำตันเป็นท่านหนึ่งที่ต่อสู้กับกองกำลังเวียดนามในห้วงนั้น

สหายคำตันคือ พ.ท.โพยม จุลานนท์ บิดาของ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ที่ไม่ยอมให้เวียดนามรุกรานไทยจนพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยแตกแยกขั้นสลายพรรค ทำให้รัฐบาลพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์สร้างนโยบายร่วมพัฒนาชาติไทยที่เป็นกลไกให้สมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยออกจากป่า

เมื่อเคลาสวิทซ์ กล่าว “สงครามคือการดำเนินนโยบายทางการเมืองอีกรูปแบบหนึ่ง” ก็หมายความว่า สงครามมีหลายรูปแบบก่อนที่จะเกิดเป็นสงครามร้อนหรือสงครามที่พิฆาตกันด้วยอาวุธ

การสูญเสียอำนาจและเงินทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ต้องฮึดสู้โดยไม่ได้คำนึงถึงความเสียหายอะไรเลย และความเลยเถิดทำให้เขาถลำตัวลึกเกินที่จะถอนตัวแล้ว เข้าข่ายหลังชนฝาหรือหมาจนตรอก มีความบ้าคลั่งไม่คำนึงถึงชาติกำเนิดหรือผลเสียหายอะไรทั้งสิ้น มีสภาพเป็นคนบ้าพลีชีพตัวเองเพื่อตัวเอง

เพราะพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ขณะนี้อยู่ในสภาพที่ไม่มีอะไรจะสูญเสียแล้วประกอบกับเลยจุดนั้นมานานแล้ว ซึ่งในระยะแรกหลังจากการสูญเสียอำนาจ 19 กันยายน 2549 นั้นได้เคยประกาศที่จะยุติบทบาททางการเมือง และจะต่อสู้คดีต่างๆ ตามกระบวนการยุติธรรม แต่เขาจนด้วยหลักฐานหลายประการจึงพาลเกเรเอาเกียรติในอดีตและชีวิตในอนาคตเข้าแลก และสำแดงการโกหกอันเป็นอุปนิสัยพื้นฐานของเขาอยู่แล้วการที่ได้อำนาจรัฐจากการเลือกตั้ง พ.ศ. 2544 ก็ด้วยการโกหกคนไทยทั้งชาติว่า จะทำสงครามกับการทุจริตคอร์รัปชัน แต่อิเหนาเป็นเอง ทำการโกงกินอย่างไม่เกรงกลัวบาป และสร้างกลไกทางนิติบัญญัติเพื่อโกงรัฐหรือเอาเปรียบประชาชน ซึ่งทั้งหมดเป็นการโกหกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติไทย

ขณะนี้เลือดเข้าตาแล้ว จึงต้องทำสงครามการเมืองกลางเมืองอย่างต่อเนื่องรุนแรง ด้วยพลพรรคที่เกิดจากความลุ่มหลงในคำมดเท็จของ พ.ต.ท.ทักษิณ หรือเกิดจากความมีปมด้อยในสังคม หรือความด้อยความคิดผิดชอบชั่วดี และความขาดจิตสำนึกในเรื่องชาติกำเนิดชาติบ้านเมืองเพราะขาดการปลูกฝังที่ดี

การโฟนอินเป็นกลยุทธ์ทางสงครามสารสนเทศที่กระทำถี่ขึ้นโดยจะมีเนื้อหายุยง เช่น ถูกทหารรังแก ถูกองคมนตรีรังแกอันเป็นการทำลายภาพลักษณ์ขององคมนตรี โดยเฉพาะการมดเท็จว่า พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรีมีส่วนในการวางแผนรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่ท่านจะกระทำเช่นนั้นเพราะผลเสียมากมายมหาศาลหรือการพูดเพื่อให้ทหารแตกกัน

จินตยุทธ์ 2552 ว่าด้วย พ.ต.ท.ทักษิณเปิดศึกชิงเมืองกับรัฐบาล และประชาชนชาวไทยที่มาพร้อมกับแผนตากสินของฝ่าย นปช. ซึ่งรหัสชื่อแผนมีนัยสำคัญเชิงประวัติศาสตร์ หรือต้องการให้กระทบสถาบันด้วยประวัติศาสตร์ราชวงศ์จักรีกับราชวงศ์ธนบุรีของพระเจ้าตากสินมหาราช และการดึงเอา พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรีว่าร่วมวางแผนนั้นเป็นการเลือกเป้าที่ 2 รองจากการโจมตี พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ มาก่อนหน้านี้ถี่และรุนแรงด้วยหวังผลให้คณะองคมนตรีท่านอื่นๆ ไม่กล้าที่จะถวายงานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว หรือเป็นการลิดรอนความตั้งใจในการถวายงานของคณะองคมนตรี หรือมีนัยก้าวเลยกว่านี้อีกก็เป็นได้ เพราะความเป็นหมาบ้าของเขานั้น ทำให้เราต้องสร้างสมมติฐานที่เลวร้ายที่สุด ว่าเขาจะทำอะไรได้บ้างเพื่อเป็นการล้างแค้นเพราะเขาคิดว่าประธานองคมนตรี และองคมนตรีมีส่วนในการโค่นอำนาจล้มเขา

เขาคิดว่าทฤษฎีจิตวิทยาตามที่เขาเรียนมาในวิชาอาชญวิทยาคาดหวังให้เกิดการต่อต้าน ถ้ามีการตอบโต้ ก็จะเกิดความต่อเนื่องและเขาจะได้แสวงผลจากการกระตุ้นนี้เพื่อสร้างสถานการณ์เรื่องราวต่างๆ ให้รุนแรงมากขึ้น โดยหวังให้กลุ่มคนที่ลุ่มหลงเขามีความจงเกลียดจงชังองคมนตรีมากขึ้น ซึ่งการนี้เขาต้องการสร้างผลกระทบทางอ้อม เพราะองคมนตรีเป็นที่ปรึกษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้สร้างมวลชนจากที่สาวกของเขาซื้อไว้หรือที่เขาได้สร้างบุญคุณไว้ หรือผู้มีผลประโยชน์ร่วมกับเขา การรวบรวมมวลชนที่ขาดจุดยืนทางอุดมการณ์ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ หรือมีปมด้อยทั้งทางสติปัญญาและทางสังคม รวมทั้งพวกด้อยความคิดเรื่องความถูกต้องชอบธรรม แต่ที่สำคัญบุคคลเหล่านี้มีจำนวนมากพอที่จะเป็นเกราะให้เขาได้ แต่เขาต้องการเกราะเหล่านี้เพื่ออะไร

ขณะที่การเป็นนกขมิ้นของ พ.ต.ท.ทักษิณ กำลังจะถึงจุดจบเพราะประเทศที่มีอารยะทางการเมืองรู้ว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ และด้วยมารยาททางการเมืองแล้ว ประเทศเจ้าภาพที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ไปขออาศัยพักพิงจะต้องเตือนเขาไม่ให้ใช้ประเทศเหล่านั้นเป็นฐานโจมตีรัฐบาลไทย ซึ่งก็มาจากขบวนการรัฐธรรมนูญและเป็นประชาธิปไตย

แผ่นดินของเขาเล็กลง และในที่สุดเขาคงต้องตัดสินใจแอบเข้าไทยทางภาคอีสาน และใช้ประชาชนบางส่วนซึ่งมากพอเป็นเกราะให้เขา ปกป้องเขาไม่ให้ถูกจับกุมและคนเหล่านี้อาจจะพร้อมที่จะสู้กับเจ้าหน้าที่รัฐ

หากเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จะอยู่ในฐานะได้เปรียบและในขณะนี้เวลานี้เขากำลังชั่งใจว่า มวลชนที่ออกมาแสดงความจงรักภักดีต่อเขานั้น จะกล้ายืนหยัดต่อสู้กับเจ้าหน้าที่รัฐแทนเขาจริงใจหรือไม่ เขากำลังเสี่ยงว่านายทุน นักวิชาการ และข้าราชการ ทั้งทหาร ตำรวจ หรือพลเรือนที่เขาเคยฟูมฟักจะออกมาเป็นเกราะให้เขาหรือไม่ และแผนตากสินเป็นแผนหนึ่งที่เขาใช้ทดลองหยั่งเสียง

หากเกิดการสู้รบ เขาจะประกาศเขตอีสานเป็นเขตพักพิงลี้ภัยการเมือง เพื่อต่อรองกับรัฐบาลเพราะเป็นเรื่องยากมากที่ตำรวจและทหารจะปราบปรามมวลชนที่เป็นเกราะปกป้อง พ.ต.ท.ทักษิณ ที่สามารถใช้กลไกสากลเรื่องสิทธิมนุษยชนเป็นเครื่องป้องกันไม่ให้รัฐทำการรุนแรงได้อีกกระบวนยุทธ์หนึ่ง

นี่คือจินตยุทธ์ 2552 เป็นเรื่องสมมติในมุมมองที่นักยุทธศาสตร์จะต้องจินตนาการแนวคิดนี้ เพราะขณะนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กำลังดำเนินกลยุทธ์สงครามสารสนเทศอย่างเข้มข้นรุนแรงและถี่ เพื่อหวังขยายผลให้เป็นสงครามกลางเมืองขั้นแตกหักเลยก็เป็นได้

จากคำพูดโฟนอินหลายครั้งที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ปลุกระดมให้ดูเหมือนว่าเขา และสาวกจะยึดภาคอีสานเป็นฐานปฏิบัติการ ซึ่งเขาและพวกอาจจะคิดเลยเถิดแยกตัวเป็นประเทศอิสระประเทศหนึ่งก็ได้เพราะ ในประวัติศาสตร์หลายประเทศมีบทเรียนลักษณะนี้ให้คิดให้เลียนแบบและองค์การสากลอาจเสนอให้ประชาชนคนไทยออกประชามติ เพื่อหลีกเลี่ยงการนองเลือดก็เป็นไปได้ซึ่งจินตยุทธ์นี้เป็นอันตรายจริงๆ

nidd.riddhagni@gmail.com
กำลังโหลดความคิดเห็น