ได้เห็นข่าวและเรื่องราวที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ไปพระราชทานเพลิงศพหญิงสามัญตัวเล็กๆ ที่มีชื่อว่าน้องโบว์เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2551 แล้ว ให้รู้สึกปลื้มปีติและซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น
ผู้หญิงตัวเล็กๆ ชนสามัญที่ไม่เคยมีชื่อเสียง ไม่มีเหรียญตราและเครื่องราชอิสริยาภรณ์ประดับกาย แต่กลับได้รับพระมหากรุณาธิคุณเสด็จพระราชดำเนินไปพระราชทานเพลิงศพด้วยพระองค์เองนั้น เป็นสิ่งหาได้ยาก เกิดได้ยาก
แล้วคุณค่าของน้องโบว์ผู้หญิงตัวเล็กๆ คนนี้อยู่ที่ไหนเล่า?
ก็ปรากฏว่าคุณค่าแท้จริงนั้นเป็นที่ประจักษ์จากพระราชเสาวนีย์แห่งพระแม่ของแผ่นดินที่ทรงตรัสกับผู้เป็นพ่อของน้องโบว์ว่า “ลูกสาวเป็นเด็กดี ช่วยชาติ ช่วยรักษาสถาบันพระมหากษัตริย์”
นี่แล้วที่ปราชญ์กล่าวว่า “ทุกคนเกิดมาแล้วย่อมต้องตาย แต่คุณค่าของความตายต่างกัน บ้างก็หนักยิ่งกว่าขุนเขา บ้างก็เบายิ่งกว่าขนนก”
ตายเพื่อชาติ เพื่อพระมหากษัตริย์ และประชาชนเป็นการตายที่มีคุณค่า มีน้ำหนักกว่าขุนเขา ตายเพื่อฆาตกรที่ฉ้อฉลปล้นชาติปล้นแผ่นดินและข่มเหงรังแกประชาชนเป็นการตายที่ไร้ค่ายิ่งกว่าหมาตายข้างถนน เบายิ่งกว่าขนนก
โดยเฉพาะพระราชเสาวนีย์ที่ทรงตรัสว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงทราบเรื่องและทรงพระราชทานเงินช่วยเหลือผู้ได้รับเคราะห์กรรมนั้น เมื่อได้ทราบแล้วก็ยิ่งรู้สึกสะเทือนใจเป็นที่สุด
เห็นและเข้าใจได้ชัดเจนว่าเหตุการณ์ฆ่าและทำร้ายประชาชนโดยนักการเมืองฆาตกรมือเปื้อนเลือดและสมุนบริวารนั้น ถึงแม้ว่าจะมีการใช้สื่อและกลไกรัฐบิดเบือนใส่ร้าย กลับดำเป็นขาว กลับขาวเป็นดำประการใด ก็ไม่อาจปิดบังฟ้าได้
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงทราบความแล้ว และเงินช่วยเหลือที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้พระราชทานความช่วยเหลือในครั้งนี้นั้นเป็นเงินพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวด้วย
น้ำพระทัยอันเปี่ยมด้วยพระเมตตาคุณ พระกรุณาธิคุณอันฉ่ำเย็นได้ชะโลมใจมวลมหาประชาชนผู้รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และกระตุ้นเตือนใจให้บรรดาประชาชาวไทยทุกหมู่เหล่า ไม่ว่าจะเป็นข้าราชการ ทหาร ตำรวจ หรือประชาชนทุกหนแห่ง ได้ตระหนักถึงความจริงที่เกิดขึ้น
“โอ้ว่าพระทูลกระหม่อมแก้ว เห็นแล้วว่าประทับอยู่ข้างไหน”
เมื่อได้รู้ได้เห็นความทั้งหลายดังกล่าวมา ใจก็ประหวัดหวนรำลึกไปถึงประวัติศาสตร์ไทยแต่หนหลัง เมื่อครั้งสมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงประกาศอิสรภาพ และประกาศทำศึกสงครามกับอริราชศัตรู เพื่อเอกราชและอิสรภาพของชนเผ่าไทย
เห็นถึงความจำเป็นที่จะต้องนำความอันนั้นมาเล่าขานเป็นอุทาหรณ์สอนและเตือนใจให้ชนเผ่าไทยรุ่นเราท่าน เพื่อเป็นที่ตั้งแห่งความจงรักภักดี ความศรัทธา ความกล้าหาญ ในการตัดสินใจทำหน้าที่อันศักดิ์สิทธิ์ในการพิทักษ์รักษาชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ให้ดำรงคงอยู่ชั่วฟ้าดินสลาย
พระนเรศวรเป็นเจ้าของชาวไทยนั้น ทรงเป็นขัตติยราชอันประเสริฐ ดำรงมั่นอยู่ในทศพิธราชธรรม เปี่ยมด้วยพระเมตตาคุณ พระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นทรงเป็นหัวหน้านักรบ ทรงมีความพร้อมและวีระกล้าหาญที่จะนำพาเหล่าทหารและอาณาประชาราษฎร์เข้าต่อสู้กับอริราชศัตรูอยู่ทุกเมื่อ
ฐานะดังกล่าวได้สืบทอดสันตติมาจนถึงปัจจุบันนี้ จึงเป็นที่มาของฐานะพระมหากษัตริย์ตามรัฐธรรมนูญปัจจุบันว่าพระมหากษัตริย์ทรงเป็นจอมทัพไทย ซึ่งก็คือหัวหน้านักรบ เช่นเดียวกับที่เป็นมาในประวัติศาสตร์นั่นเอง
พระมหากษัตริย์ทั้งปวงของชนเผ่าไทยนั้น นอกจากทรงเป็นหัวหน้านักรบที่วีระกล้าหาญนำพาชาติ กองทัพ และประชาชนแล้ว ยังทรงดำรงฐานะ “สมเด็จพระราชบพิธสมภารเจ้า” คือเป็นพุทธศาสนูปถัมภกและเป็นสมภารเจ้าวัดทั้งหลายทั่วพระราชอาณาจักร เป็นเจ้าแห่งสงฆบริษัททั่วพระราชอาณาจักรอีกด้วย
ทรงมีสิทธิและเสรีภาพทุกประการและทรงดำรงอยู่ในฐานะประมุขที่ผู้ใดจะละเมิดมิได้ และย่อมเป็นที่แน่นอนด้วยว่าทรงมีพระราชอำนาจ พระราชสิทธิในการป้องกันพระองค์และสถาบันพระมหากษัตริย์ด้วยเช่นเดียวกัน
ในคราวนั้นพระนเรศวรมหาราชได้นำกองทัพบรรพบุรุษไทยไปช่วยเหลือมิตรชาวหงสาวดีเพื่อปราบกบฏ โดยอาศัยหลักคุณธรรมน้ำมิตรและพันธกรณีที่กรุงศรีอยุธยามีกับกรุงหงสาวดีที่มีมาก่อนหน้านั้น
น้ำพระทัยใสบริสุทธิ์สะอาด เปี่ยมด้วยคุณธรรมน้ำมิตรต่อผู้เป็นมิตร โดยมิได้ทรงคิดว่ามิตรมีจิตคิดทรยศหมายจะลอบสังหารพระองค์ท่าน ด้วยหวังจะตัดรอนไม่ให้กรุงศรีอยุธยามีผู้นำที่ปรีชาสามารถ เพราะความหวาดระแวงว่าจักเป็นอันตรายต่อกรุงหงสาวดีในเบื้องหน้า
อุปราชแห่งหงสาวดีรับแผนร้ายมาซุ่มซ่อนกำลังหมายจะลอบสังหารพระนเรศวรเป็นเจ้าในระหว่างทางเสด็จนำทัพไปช่วยเหลือตามคำขอร้องของฝ่ายหงสาวดี โดยกำหนดเอาภูมิประเทศเมืองแกลงอันเป็นแดนรามัญเป็นทุ่งสังหาร
อุปราชแห่งหงสาวดีผู้รับผิดชอบปฏิบัติตามแผนการร้าย มอบหมายให้สองขุนทหารชาวรามัญเป็นผู้ปฏิบัติตามแผน ซึ่งหากความทั้งนี้มิล่วงรู้ถึงพระเนตรพระกรรณก่อน ก็เห็นทีว่าพระนเรศวรเป็นเจ้าก็จะถึงคราวดับสูญด้วยแผนการอุบาทว์นี้
แต่ธรรมย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรมเสมอ ธรรมะย่อมจัดระเบียบแห่งธรรม จึงบังเอิญว่าสองขุนทหารชาวรามัญที่ได้รับมอบหมายแผนการร้ายนั้นเป็นศิษย์ของพระมหาเถรคันฉ่องซึ่งเป็นบูรพาจารย์องค์หนึ่งของพระนเรศวรเป็นเจ้า จึงนำความไปเล่าให้พระมหาเถรได้รับทราบ
พระมหาเถรคันฉ่องทราบความแล้ว น้ำใจหนึ่งก็เมตตากรุณาต่อศิษย์เอก ขัตติยราชตระกูลแห่งกรุงศรีอยุธยาที่เคยทำนุบำรุงมาแต่กาลก่อน น้ำใจหนึ่งก็เห็นแก่ธรรมที่ธรรมจะต้องรักษาผู้ประพฤติธรรม ไม่พึงปล่อยให้ธรรมถูกทำร้ายทำลายให้ดับสูญไปต่อหน้าต่อตาได้
ดังนั้นพระมหาเถรคันฉ่องจึงพร้อมด้วยสองศิษย์ขุนศึกชาวรามัญจึงเดินทางไปเฝ้าพระนเรศวรเป็นเจ้าในระหว่างทางเดินทัพใกล้จะถึงทุ่งสังหาร แล้วกราบทูลความจริงให้ทรงทราบ
พระนเรศวรเป็นเจ้าทราบความแล้วจึงตรัสสั่งให้ยั้งกองทัพตั้งมั่นไว้ ณ ที่นั้น
น้ำใจแห่งวีรกษัตริย์ที่มั่นในคุณธรรมน้ำมิตรและทศพิธราชธรรมรู้สึกสะเทือนพระราชหฤทัยเป็นที่ยิ่ง ตระหนักดีว่าแผนการร้ายเช่นนี้เป็นแผนการอุบาทว์ของฆาตกรอสูร ที่ไม่เพียงมุ่งร้ายต่อพระองค์ท่านเท่านั้น หากมุ่งร้ายต่อกรุงศรีอยุธยาอันเป็นมาตุภูมิและชนเผ่าไทยทั้งปวงด้วย และที่สำคัญเป็นการกระทำที่อธรรมทำลายคุณธรรมน้ำมิตร ไหนเลยจะยอมให้อธรรมข่มล้างผลาญอธรรมได้
ดังนั้นด้วยพระราชเจตนารมณ์ที่จะพิทักษ์ธรรมให้ปรากฏเป็นแบบอย่างไว้ในประวัติศาสตร์ ด้วยเจตนารมณ์ที่จะพิทักษ์มาตุภูมิ ตลอดจนอาณาประชาราษฎรและสมณะชีพราหมณ์ทั้งปวงให้ปลอดภัย จึงทรงตัดสินพระทัยป้องกันพระองค์เอง ป้องกันมาตุภูมิ ป้องกันพระศาสนา ตลอดจนประชาและมนตรี
จึงตรัสสั่งให้ตั้งการพิธีประกาศอิสรภาพ ทรงกระทำพิธีหลั่งทักษิโณทก ตั้งสัจจาธิษฐานประกาศแก่เทพยดาฟ้าดิน ตลอดจนพระแม่ธรณีได้เป็นสักขีพยานว่าถูกมารฆาตกรแห่งหงสาวดีปองร้าย ทำลายมิตรภาพระหว่างสองแผ่นดินจนสิ้นแล้ว นับแต่บัดนี้ไปกรุงทวารวดีศรีอยุธยาจักไม่ขึ้นต่อกรุงหงสาวดี จักดำรงเอกราชอิสรภาพเหนือสุวรรณปฐพีนี้ เพื่อประโยชน์และความสุขของชนเผ่าไทยทั้งผองสืบไป
น้ำพระทัยนี้จำแนกผิดชอบชั่วดี ผิดถูก ธรรมะ และอธรรมกระจ่างแจ้ง ไม่มีเป็นกลางหรือวางเฉย ไม่มีคลุมเครือ ไม่มีความขลาดเขลา โดยถือเอาประโยชน์และความสุขของประชาชาติไทยและมาตุภูมิเป็นที่ตั้งสูงสุด
นับแต่เพลานั้นเป็นต้นมา กรุงทวารวดีศรีอยุธยาก็เป็นไทแก่ตน พระนเรศวรทรงนำบรรพบุรุษไทยแต่โบราณเข้าสู่ศึกสงครามในทุกสมรภูมิ ทำลายล้างอริราชศัตรูอย่างมิรู้จักเหน็ดเหนื่อยเกือบตลอดพระชนม์ชีพ
ชีวิตเลือดเนื้อบรรพบุรุษไทยไหลหลั่งรินแผ่นดิน เพื่อพิทักษ์รักษาปกป้องแผ่นดินนี้ให้ตกทอดมาจนถึงรุ่นเราท่าน
พระคุณอันล้นฟ้าพระมหาสมุทรแห่งพระกษัตริยาธิราชเจ้าดั่งพรรณนามานี้ควรเป็นที่เตือนใจชนเผ่าไทยในรุ่นปัจจุบันให้สืบทอดภารกิจอันศักดิ์สิทธิ์ของบรรพบุรุษเพื่อรักษาชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ให้ดำรงสถาพรสืบไป
ใต้ร่มธงมหาราชพื้นเหลืองอันรุ่งเรืองแห่งพระมหากษัตริย์นั้นร่มเย็นเป็นสุข และปลอดภัยเสมอเป็นนิจนิรันดร์
ประชาชนชาวไทยผู้จงรักภักดีต่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ทุกหมู่เหล่า ทั้งทหาร ตำรวจที่มีผู้นำทุกเหล่าทัพและผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติและประชาชนสามัญอย่างเราท่านกำลังเคลื่อนพลดับทุกข์เข็ญให้แผ่นดินแล้ว
พรรคร่วมรัฐบาล นักการเมืองที่ไม่ต้องการเกลือกกลั้วกับความชั่วอีกต่อไป ตลอดจนข้าราชการทั้งปวงทุกกระทรวงทบวงกรมทุกแห่งหน จงย่างเท้าก้าวออกมาเข้าร่วมในแนวรบอันยิ่งใหญ่และมีเกียรตินี้อย่างพร้อมเพรียงกัน
ยุคทมิฬมารที่ผลาญชาติ ปล้นฆ่าประชาชน กำลังจะปิดฉากลงแล้ว
ราชอาณาจักรไทยที่ร่มเย็นเป็นสุขและรุ่งเรืองไพบูลย์ที่มีการเมืองใหม่เข้าแทนที่การเมืองเก่าอันเน่าเฟะและเหม็นโฉ่ กำลังทอแสงรุ่งโรจน์เบื้องขอบฟ้าบูรพาทิศแล้ว.
ผู้หญิงตัวเล็กๆ ชนสามัญที่ไม่เคยมีชื่อเสียง ไม่มีเหรียญตราและเครื่องราชอิสริยาภรณ์ประดับกาย แต่กลับได้รับพระมหากรุณาธิคุณเสด็จพระราชดำเนินไปพระราชทานเพลิงศพด้วยพระองค์เองนั้น เป็นสิ่งหาได้ยาก เกิดได้ยาก
แล้วคุณค่าของน้องโบว์ผู้หญิงตัวเล็กๆ คนนี้อยู่ที่ไหนเล่า?
ก็ปรากฏว่าคุณค่าแท้จริงนั้นเป็นที่ประจักษ์จากพระราชเสาวนีย์แห่งพระแม่ของแผ่นดินที่ทรงตรัสกับผู้เป็นพ่อของน้องโบว์ว่า “ลูกสาวเป็นเด็กดี ช่วยชาติ ช่วยรักษาสถาบันพระมหากษัตริย์”
นี่แล้วที่ปราชญ์กล่าวว่า “ทุกคนเกิดมาแล้วย่อมต้องตาย แต่คุณค่าของความตายต่างกัน บ้างก็หนักยิ่งกว่าขุนเขา บ้างก็เบายิ่งกว่าขนนก”
ตายเพื่อชาติ เพื่อพระมหากษัตริย์ และประชาชนเป็นการตายที่มีคุณค่า มีน้ำหนักกว่าขุนเขา ตายเพื่อฆาตกรที่ฉ้อฉลปล้นชาติปล้นแผ่นดินและข่มเหงรังแกประชาชนเป็นการตายที่ไร้ค่ายิ่งกว่าหมาตายข้างถนน เบายิ่งกว่าขนนก
โดยเฉพาะพระราชเสาวนีย์ที่ทรงตรัสว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงทราบเรื่องและทรงพระราชทานเงินช่วยเหลือผู้ได้รับเคราะห์กรรมนั้น เมื่อได้ทราบแล้วก็ยิ่งรู้สึกสะเทือนใจเป็นที่สุด
เห็นและเข้าใจได้ชัดเจนว่าเหตุการณ์ฆ่าและทำร้ายประชาชนโดยนักการเมืองฆาตกรมือเปื้อนเลือดและสมุนบริวารนั้น ถึงแม้ว่าจะมีการใช้สื่อและกลไกรัฐบิดเบือนใส่ร้าย กลับดำเป็นขาว กลับขาวเป็นดำประการใด ก็ไม่อาจปิดบังฟ้าได้
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงทราบความแล้ว และเงินช่วยเหลือที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้พระราชทานความช่วยเหลือในครั้งนี้นั้นเป็นเงินพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวด้วย
น้ำพระทัยอันเปี่ยมด้วยพระเมตตาคุณ พระกรุณาธิคุณอันฉ่ำเย็นได้ชะโลมใจมวลมหาประชาชนผู้รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และกระตุ้นเตือนใจให้บรรดาประชาชาวไทยทุกหมู่เหล่า ไม่ว่าจะเป็นข้าราชการ ทหาร ตำรวจ หรือประชาชนทุกหนแห่ง ได้ตระหนักถึงความจริงที่เกิดขึ้น
“โอ้ว่าพระทูลกระหม่อมแก้ว เห็นแล้วว่าประทับอยู่ข้างไหน”
เมื่อได้รู้ได้เห็นความทั้งหลายดังกล่าวมา ใจก็ประหวัดหวนรำลึกไปถึงประวัติศาสตร์ไทยแต่หนหลัง เมื่อครั้งสมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงประกาศอิสรภาพ และประกาศทำศึกสงครามกับอริราชศัตรู เพื่อเอกราชและอิสรภาพของชนเผ่าไทย
เห็นถึงความจำเป็นที่จะต้องนำความอันนั้นมาเล่าขานเป็นอุทาหรณ์สอนและเตือนใจให้ชนเผ่าไทยรุ่นเราท่าน เพื่อเป็นที่ตั้งแห่งความจงรักภักดี ความศรัทธา ความกล้าหาญ ในการตัดสินใจทำหน้าที่อันศักดิ์สิทธิ์ในการพิทักษ์รักษาชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ให้ดำรงคงอยู่ชั่วฟ้าดินสลาย
พระนเรศวรเป็นเจ้าของชาวไทยนั้น ทรงเป็นขัตติยราชอันประเสริฐ ดำรงมั่นอยู่ในทศพิธราชธรรม เปี่ยมด้วยพระเมตตาคุณ พระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นทรงเป็นหัวหน้านักรบ ทรงมีความพร้อมและวีระกล้าหาญที่จะนำพาเหล่าทหารและอาณาประชาราษฎร์เข้าต่อสู้กับอริราชศัตรูอยู่ทุกเมื่อ
ฐานะดังกล่าวได้สืบทอดสันตติมาจนถึงปัจจุบันนี้ จึงเป็นที่มาของฐานะพระมหากษัตริย์ตามรัฐธรรมนูญปัจจุบันว่าพระมหากษัตริย์ทรงเป็นจอมทัพไทย ซึ่งก็คือหัวหน้านักรบ เช่นเดียวกับที่เป็นมาในประวัติศาสตร์นั่นเอง
พระมหากษัตริย์ทั้งปวงของชนเผ่าไทยนั้น นอกจากทรงเป็นหัวหน้านักรบที่วีระกล้าหาญนำพาชาติ กองทัพ และประชาชนแล้ว ยังทรงดำรงฐานะ “สมเด็จพระราชบพิธสมภารเจ้า” คือเป็นพุทธศาสนูปถัมภกและเป็นสมภารเจ้าวัดทั้งหลายทั่วพระราชอาณาจักร เป็นเจ้าแห่งสงฆบริษัททั่วพระราชอาณาจักรอีกด้วย
ทรงมีสิทธิและเสรีภาพทุกประการและทรงดำรงอยู่ในฐานะประมุขที่ผู้ใดจะละเมิดมิได้ และย่อมเป็นที่แน่นอนด้วยว่าทรงมีพระราชอำนาจ พระราชสิทธิในการป้องกันพระองค์และสถาบันพระมหากษัตริย์ด้วยเช่นเดียวกัน
ในคราวนั้นพระนเรศวรมหาราชได้นำกองทัพบรรพบุรุษไทยไปช่วยเหลือมิตรชาวหงสาวดีเพื่อปราบกบฏ โดยอาศัยหลักคุณธรรมน้ำมิตรและพันธกรณีที่กรุงศรีอยุธยามีกับกรุงหงสาวดีที่มีมาก่อนหน้านั้น
น้ำพระทัยใสบริสุทธิ์สะอาด เปี่ยมด้วยคุณธรรมน้ำมิตรต่อผู้เป็นมิตร โดยมิได้ทรงคิดว่ามิตรมีจิตคิดทรยศหมายจะลอบสังหารพระองค์ท่าน ด้วยหวังจะตัดรอนไม่ให้กรุงศรีอยุธยามีผู้นำที่ปรีชาสามารถ เพราะความหวาดระแวงว่าจักเป็นอันตรายต่อกรุงหงสาวดีในเบื้องหน้า
อุปราชแห่งหงสาวดีรับแผนร้ายมาซุ่มซ่อนกำลังหมายจะลอบสังหารพระนเรศวรเป็นเจ้าในระหว่างทางเสด็จนำทัพไปช่วยเหลือตามคำขอร้องของฝ่ายหงสาวดี โดยกำหนดเอาภูมิประเทศเมืองแกลงอันเป็นแดนรามัญเป็นทุ่งสังหาร
อุปราชแห่งหงสาวดีผู้รับผิดชอบปฏิบัติตามแผนการร้าย มอบหมายให้สองขุนทหารชาวรามัญเป็นผู้ปฏิบัติตามแผน ซึ่งหากความทั้งนี้มิล่วงรู้ถึงพระเนตรพระกรรณก่อน ก็เห็นทีว่าพระนเรศวรเป็นเจ้าก็จะถึงคราวดับสูญด้วยแผนการอุบาทว์นี้
แต่ธรรมย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรมเสมอ ธรรมะย่อมจัดระเบียบแห่งธรรม จึงบังเอิญว่าสองขุนทหารชาวรามัญที่ได้รับมอบหมายแผนการร้ายนั้นเป็นศิษย์ของพระมหาเถรคันฉ่องซึ่งเป็นบูรพาจารย์องค์หนึ่งของพระนเรศวรเป็นเจ้า จึงนำความไปเล่าให้พระมหาเถรได้รับทราบ
พระมหาเถรคันฉ่องทราบความแล้ว น้ำใจหนึ่งก็เมตตากรุณาต่อศิษย์เอก ขัตติยราชตระกูลแห่งกรุงศรีอยุธยาที่เคยทำนุบำรุงมาแต่กาลก่อน น้ำใจหนึ่งก็เห็นแก่ธรรมที่ธรรมจะต้องรักษาผู้ประพฤติธรรม ไม่พึงปล่อยให้ธรรมถูกทำร้ายทำลายให้ดับสูญไปต่อหน้าต่อตาได้
ดังนั้นพระมหาเถรคันฉ่องจึงพร้อมด้วยสองศิษย์ขุนศึกชาวรามัญจึงเดินทางไปเฝ้าพระนเรศวรเป็นเจ้าในระหว่างทางเดินทัพใกล้จะถึงทุ่งสังหาร แล้วกราบทูลความจริงให้ทรงทราบ
พระนเรศวรเป็นเจ้าทราบความแล้วจึงตรัสสั่งให้ยั้งกองทัพตั้งมั่นไว้ ณ ที่นั้น
น้ำใจแห่งวีรกษัตริย์ที่มั่นในคุณธรรมน้ำมิตรและทศพิธราชธรรมรู้สึกสะเทือนพระราชหฤทัยเป็นที่ยิ่ง ตระหนักดีว่าแผนการร้ายเช่นนี้เป็นแผนการอุบาทว์ของฆาตกรอสูร ที่ไม่เพียงมุ่งร้ายต่อพระองค์ท่านเท่านั้น หากมุ่งร้ายต่อกรุงศรีอยุธยาอันเป็นมาตุภูมิและชนเผ่าไทยทั้งปวงด้วย และที่สำคัญเป็นการกระทำที่อธรรมทำลายคุณธรรมน้ำมิตร ไหนเลยจะยอมให้อธรรมข่มล้างผลาญอธรรมได้
ดังนั้นด้วยพระราชเจตนารมณ์ที่จะพิทักษ์ธรรมให้ปรากฏเป็นแบบอย่างไว้ในประวัติศาสตร์ ด้วยเจตนารมณ์ที่จะพิทักษ์มาตุภูมิ ตลอดจนอาณาประชาราษฎรและสมณะชีพราหมณ์ทั้งปวงให้ปลอดภัย จึงทรงตัดสินพระทัยป้องกันพระองค์เอง ป้องกันมาตุภูมิ ป้องกันพระศาสนา ตลอดจนประชาและมนตรี
จึงตรัสสั่งให้ตั้งการพิธีประกาศอิสรภาพ ทรงกระทำพิธีหลั่งทักษิโณทก ตั้งสัจจาธิษฐานประกาศแก่เทพยดาฟ้าดิน ตลอดจนพระแม่ธรณีได้เป็นสักขีพยานว่าถูกมารฆาตกรแห่งหงสาวดีปองร้าย ทำลายมิตรภาพระหว่างสองแผ่นดินจนสิ้นแล้ว นับแต่บัดนี้ไปกรุงทวารวดีศรีอยุธยาจักไม่ขึ้นต่อกรุงหงสาวดี จักดำรงเอกราชอิสรภาพเหนือสุวรรณปฐพีนี้ เพื่อประโยชน์และความสุขของชนเผ่าไทยทั้งผองสืบไป
น้ำพระทัยนี้จำแนกผิดชอบชั่วดี ผิดถูก ธรรมะ และอธรรมกระจ่างแจ้ง ไม่มีเป็นกลางหรือวางเฉย ไม่มีคลุมเครือ ไม่มีความขลาดเขลา โดยถือเอาประโยชน์และความสุขของประชาชาติไทยและมาตุภูมิเป็นที่ตั้งสูงสุด
นับแต่เพลานั้นเป็นต้นมา กรุงทวารวดีศรีอยุธยาก็เป็นไทแก่ตน พระนเรศวรทรงนำบรรพบุรุษไทยแต่โบราณเข้าสู่ศึกสงครามในทุกสมรภูมิ ทำลายล้างอริราชศัตรูอย่างมิรู้จักเหน็ดเหนื่อยเกือบตลอดพระชนม์ชีพ
ชีวิตเลือดเนื้อบรรพบุรุษไทยไหลหลั่งรินแผ่นดิน เพื่อพิทักษ์รักษาปกป้องแผ่นดินนี้ให้ตกทอดมาจนถึงรุ่นเราท่าน
พระคุณอันล้นฟ้าพระมหาสมุทรแห่งพระกษัตริยาธิราชเจ้าดั่งพรรณนามานี้ควรเป็นที่เตือนใจชนเผ่าไทยในรุ่นปัจจุบันให้สืบทอดภารกิจอันศักดิ์สิทธิ์ของบรรพบุรุษเพื่อรักษาชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ให้ดำรงสถาพรสืบไป
ใต้ร่มธงมหาราชพื้นเหลืองอันรุ่งเรืองแห่งพระมหากษัตริย์นั้นร่มเย็นเป็นสุข และปลอดภัยเสมอเป็นนิจนิรันดร์
ประชาชนชาวไทยผู้จงรักภักดีต่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ทุกหมู่เหล่า ทั้งทหาร ตำรวจที่มีผู้นำทุกเหล่าทัพและผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติและประชาชนสามัญอย่างเราท่านกำลังเคลื่อนพลดับทุกข์เข็ญให้แผ่นดินแล้ว
พรรคร่วมรัฐบาล นักการเมืองที่ไม่ต้องการเกลือกกลั้วกับความชั่วอีกต่อไป ตลอดจนข้าราชการทั้งปวงทุกกระทรวงทบวงกรมทุกแห่งหน จงย่างเท้าก้าวออกมาเข้าร่วมในแนวรบอันยิ่งใหญ่และมีเกียรตินี้อย่างพร้อมเพรียงกัน
ยุคทมิฬมารที่ผลาญชาติ ปล้นฆ่าประชาชน กำลังจะปิดฉากลงแล้ว
ราชอาณาจักรไทยที่ร่มเย็นเป็นสุขและรุ่งเรืองไพบูลย์ที่มีการเมืองใหม่เข้าแทนที่การเมืองเก่าอันเน่าเฟะและเหม็นโฉ่ กำลังทอแสงรุ่งโรจน์เบื้องขอบฟ้าบูรพาทิศแล้ว.