สองวลีการเมืองแห่ง 2551 มาจากพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ สองวาระในเดือนเมษายนและพฤษภาคมจากการปาฐกถาที่มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต และหนังสือแจกในวาระวันเกิด 15 พฤษภาคม คือขบวนการล้มปืน ล้มทุน ล้มเจ้า และขบวนการซ้ายในซ้ายของ พคท.อันเป็นสิ่งพึงระวัง และเป็นอันตรายซึ่งผู้เขียนเคยเตือนสติคนไทยมาตลอดเกี่ยวกับกลุ่มนิยมอนาธิปไตยคติลัทธินิยมความรุนแรง ก็คือซ้ายในซ้ายของ พคท.ตามที่พล.อ.ชวลิตได้กล่าวเตือนไว้ ในเมื่อมีซ้ายในซ้ายของ พคท.แล้วก็ต้องมีขวาในซ้ายของ พคท.เช่นกัน ผู้เขียนได้บทความจากคุณทันพงษ์ รัศนานันท์ ผู้เขียนเรื่อง “ลุงคำตัน” และเป็นคนแนะนำให้รู้จักกับสหายเติมหรือลุงเติมแห่งค่ายกุงชิง เขาช่องช้าง จังหวัดนครศรีธรรมราช ลุงเติมหรือมะลิ สาครซึ่งเป็นที่เล่าให้ฟังว่า พคท.ต้องยุติสงครามปฏิวัติกับรัฐบาลนั้น มีองค์ประกอบหลายปัจจัย แต่ที่สำคัญที่สุดลุงเติมบอกว่า “กลัวคอมมิวนิสต์นำเข้า” อันจะเป็นบทเพิ่มเติมเรื่อง “ลุงคำตัน” ของทันพงษ์ รัศนานันท์ในอนาคต
หากจะกล่าวว่า พล.อ.ชวลิต เป็นสถาปนิกคำสั่งที่ 66/2523 ก็ว่าได้ซึ่งคำสั่งนี้มีภารกิจของรัฐ 9 ประการเพื่อยุติสงครามปฏิวัติของ พคท.ให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว และจะกล่าวได้อีกเช่นกันว่าเป็นความสามารถในการแสวงประโยชน์จากความล้มเหลวของนโยบาย “ปืนต่อปืน” สู่ความเป็น “ปัญญากับปืน” และ “ปัญญากับปัญญา” ของพล.อ.ชวลิตทั้งสอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของประชาคมคอมมิวนิสต์สากล หลังจากประธานาธิบดีสตาลินแห่งโซเวียตสิ้นชีวิตใน ค.ศ. 1953 นิคิตา ครุสซอฟ สืบอำนาจแทนและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับประเทศคอมมิวนิสต์ทั่วโลก โดยเฉพาะกับจีนด้วยการขยายการให้ความช่วยเหลือทางเทคโนโลยีอุตสาหกรรมหนัก ด้วยหวังเป็นฐานการผลิตอุตสาหกรรมของโซเวียต แต่นโยบายสงครามปฏิวัติ และการประณามสตาลินอย่างรุนแรงทำให้ประธานเหมาเจ๋อตุงไม่พอใจ และย้อนว่า “ครุสซอฟ กล่าวประณามสตาลินเป็นความผิดพลาดอย่างใหญ่หลวง”
ใน ค.ศ. 1957 มีการประชุมคอมมิวนิสต์สากลที่กรุงมอสโกเป็นครั้งแรก หลังจากสิ้นสงครามโลกครั้งที่ 2 ครุสซอฟเปลี่ยนแปลงนโยบายการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ และการเปลี่ยนแปลงสู่ลัทธิสังคมนิยมอย่างสันติ ไม่ใช่การรุกรานโดยตรง แต่ให้เกิดการปฏิวัติกันภายในประเทศ ทำให้จีนไม่ยอมรับหลักการนี้เพราะหวังการใช้กำลังทหารยึดครองไต้หวันและที่อื่นๆ เช่น สงครามเกาหลี แต่ยื่นคำขอให้โซเวียตถ่ายทอดเทคโนโลยีนิวเคลียร์ ซึ่งครุสซอฟไม่อาจปฏิเสธได้เพราะต้องรักษาเอกภาพคอมมิวนิสต์สากลไว้ และจีนกำลังทำหน้าที่เป็นตัวแทนของคอมมิวนิสต์ที่ไม่ใช่คอเคเซียน (Caucasian Race)
การแย่งความเป็นใหญ่ระหว่างจีนกับโซเวียตเริ่มพัฒนาเป็นความขัดแย้งรุนแรงใน ค.ศ. 1958 โซเวียตปฏิเสธที่จะสนับสนุนการบุกโจมตียึดไต้หวันเพราะเกรงสงครามนิวเคลียร์กับสหรัฐฯ และใน ค.ศ. 1959 โซเวียตยุติที่จะช่วยเหลือการพัฒนานิวเคลียร์ของจีนอย่างสิ้นเชิง โดยในปีต่อมาช่างเทคนิคและวิศวกรโซเวียตพร้อมครอบครัวเดินทางกลับโซเวียต พร้อมกันนั่นเอง โซเวียตส่งทหารนับแสนประชิดชายแดนจีนที่มีความยาวเป็นพันๆ ไมล์ สงครามเย็นซ้อนสงครามเย็นปะทุขึ้นในค่ายโลกคอมมิวนิสต์เป็นการเผชิญหน้าคอมมิวนิสต์ตะวันตก และคอมมิวนิสต์ตะวันออก ซึ่งเริ่มมีการแสวงแนวร่วมเพื่อลัทธิความเป็นใหญ่ในโลกคอมมิวนิสต์
และปัญหาเฉพาะระหว่างจีนกับเวียดนาม 4 ประการนำสู่การเลือกข้างของเวียดนามได้แก่ ปัญหาที่ทำนาในเขตจีนที่เต็มไปด้วยกระสุนปืนใหญ่ตกค้าง ทุ่นระเบิด และกับดักระเบิดต่างๆ ที่เวียดนามทิ้งไว้ขณะรบกับฝรั่งเศส และญี่ปุ่น แต่รัฐบาลทั้งสองประเทศไม่ดำเนินการใดๆ ชาวนาจีนจึงดำเนินการเองจึงมีการล้ำเขตเวียดนามตอบโต้รุนแรง จีนจึงป้องกันชีวิตชาวนาจีนมีการปะทะกันตามแนวชายแดน ปัญหาหมู่เกาะสแปรตลี และปัญหาคนเวียดนามเชื้อชาติจีนถูกลดศักดิ์ศรี จีนจึงทำสงครามสั่งสอนเวียดนามหนึ่งเดือนตั้งแต่ 15 กุมภาพันธ์ 1979 หลังจากเวียดนามมีชัยชนะต่อกองทัพสหรัฐฯ ในสงครามเวียดนามรวมชาติได้ในเดือนเมษายน 1975 และสถาปนาเป็นสาธารณรัฐสังคมนิยมในวันที่ 2 กรกฎาคม ค.ศ. 1976
สงครามสั่งสอนทำให้เวียดนามและลาวเข้าข้างโซเวียตอย่างสมบูรณ์ ทำให้จีนต้องแสวงการสนับสนุนจากไทยทำให้รัฐบาลพล.อ.เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ เปิดแนวรุกทางการเมืองกับจีนไม่ให้จีนสนับสนุน พคท.และแรงกดดันนี้ทำให้ พคท.ต้องพึ่งตัวเอง
แนวนี้เองทำให้นายเลอดวน เลขาธิการพรรคเหลาด่งแห่งเวียดนามยื่นข้อเสนอช่วยเหลือ พคท.โดยจะส่งกองทัพเวียดนาม และลาวเข้าช่วยปลดปล่อยประเทศไทยภาคอีสานทั้งภาคและภาคเหนือตอนบน และหวังให้ไทยเป็นรัฐกันชนเยี่ยงกรณีสหรัฐฯ สร้างยุทธศาสตร์แนวเขตกันชน และยุทธศาสตร์ปิดล้อมคอมมิวนิสต์ (Containment Strategy)
พ.ศ. 2519 พคท.จึงได้ส่งมิตร สมานันท์ เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยในขณะนั้นเดินทางไปเวียดนามผ่านจังหวัดน่านเข้าลาวที่สำนักปากแบ่งริมโขง แขวงอุดมไชยสู่เมืองลา มณฑลยูนนาน และรักษาตาต้อก่อนไปเยือนเวียดนามเพื่อหารือข้อเสนอของนายเลอดวน
พรรคเหลาด่งแห่งเวียดนามยื่นเสนอดังนี้ 1. เวียดนามจะส่งทหารราบ 3 กองพล พร้อมกองพลรถถัง กองพลปืนใหญ่ และเครื่องบินรบสนับสนุนโดยจะส่งไปประจำการที่ฐานบินในลาว 2. ใช้ทหารรบลาว 2 กองร้อยร่วมกับทหารเวียดนาม 1 กองพลบุกปลดปล่อยภาคอีสานทั้งภาค และภาคเหนือตอนบน เพราะทหารลาวรู้วัฒนธรรมและภาษาไทย 3. อาวุธยุทโธปกรณ์ทั้งหมดในการทำสงครามพรรคเหลาด่งเวียดนามจะเป็นผู้รับผิดชอบในการส่งกำลังบำรุงสู่แนวหน้าของทุกสมรภูมิ
มิตร สมานันท์ไม่สามารถให้คำตอบได้และนำข้อเสนอของเวียดนามกลับมาประชุมในพรรคซึ่งมีการประชุมพิจารณากันอย่างเคร่งเครียด ซึ่ง พคท.ซีกโซเวียตยอมรับหลักการ แต่มีจำนวนน้อยจึงต้องยอมรับเสียงข้างมากที่อยู่ในซีกจีน ซึ่งพร้อมที่จะรบกับกองทัพเวียดนาม หากเวียดนามขืนบุกเข้าไทย และกรรมการกลาง พคท.ประกอบด้วย ประสิทธิ์ ตะเพียนทอง (สหายห่ง) ทรง นพคุณ (สหายบา) เปลื้อง วรรณศรี (สหายจำรัส) วิรัช อังคถาวร (สหายธาร) เจริญ วรรณงาม (สหายชัด) และพ.ท.พโยม จุลานนท์ (สหายคำตัน) และดำริ เรืองสุวรรณ (สหายด่าง) มีมติไม่รับข้อเสนอ แต่ต้องหาคำตอบที่ละมุนละม่อมไปหักล้างข้อเสนอของเวียดนามซึ่งสรุปได้ว่า
ประการแรกจะเป็นเรื่องสงครามใหญ่ และเป็นสิ่งที่ พคท.ไม่ปรารถนาเพราะการรุกประเทศไทยจะดึงดูดให้เพื่อนบ้านไทยตื่นตัว และสนับสนุนไทยทางการทหาร ตลอดจนประเทศไทยจะเป็นสมรภูมิใหญ่ หากทั้งโซเวียต จีน และสหรัฐฯ เข้าสนับสนุนสงครามหลายฝ่ายนี้
ประการที่สอง พคท.ต่อต้านการรุกรานของสหรัฐฯ ในกรณีสงครามอินโดจีน 2 คือสงครามเวียดนามกับสงครามลับในลาวและเขมรขณะรณรงค์สร้างพรรค และหากรับการช่วยเหลือจากเวียดนามก็เท่ากับส่งเสริมลัทธิจักรวรรดินิยมด้วยเป็นการทำลายจุดยืนตัวเอง
และประการสุดท้ายคือถูกคนไทยประณาม พคท.ว่าขายชาติรวมทั้งคนไทยจะจับอาวุธรบกับเวียดนามเช่นเดียวกับที่ทำการขับไล่ศัตรูผู้รุกรานมาแล้วในอดีต
จากการปฏิเสธนี้เองทำให้ลาวขับไล่พลพรรค พคท.ในลาวออกจากลาว และนายฟามวันดง นายกรัฐมนตรีเวียดนามประกาศทางวิทยุฮานอยตัดสัมพันธ์กับ พคท.และในเดือนตุลาคม 2521 ได้พบกับแกนนำพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยขณะเยือนไทย พร้อมกับแจ้งว่าเวียดนามจะยุติการสนับสนุน พคท.
พคท.จึงเข้าสู่ภาวะ “ป่าแตก” ด้วยการแตกแยกกันใน พคท.ระหว่างซีกจีนกับซีกโซเวียต และเวียดนามซึ่งมีลาวเป็นบริวาร ซึ่งก่อนหน้านี้ พคท.ให้เตรียมยุทธศาสตร์รองรับไว้แล้ว เช่น การจัดตั้งคณะกรรมการประสานงานกำลังรักชาติ รักประชาธิปไตยมี อุดม ศรีสุวรรณ เป็นประธาน บุญเย็น วอทอง เป็นรองประธาน ธีรยุทธ บุญมี เป็นเลขานุการ ศรี อินทปันตี เป็นกรรมการและโฆษก
แม้ว่าการเมืองใน พคท.มีความวุ่นวายตามกระแสโลกคอมมิวนิสต์ และนโยบายที่ขัดแย้งกันระหว่างซีกโซเวียตกับซีกจีน แต่ความเป็นคนไทยรักชาติยังชัดเจน เมื่อศูนย์การนำของกองทัพปลดแอกแห่งประเทศไทย (ทปท.) เขตอีสานได้มีคำสั่งให้ ทปท.ทำการตอบโต้ปกป้องพิทักษ์เขตแดนไทย มิให้ศัตรูใดๆ ล้ำเข้ามาแม้แต่ก้าวเดียว และให้พยายามหลีกเลี่ยงการปะทะกับกองทัพรัฐบาลไทยให้มากที่สุด โดยเน้นว่า “ศัตรูเฉพาะหน้าของเราตอนนี้คือ กองกำลังเวียดนาม”
เวียดนามส่งกำลังเข้ารุกรานหลายครั้ง และปะทะกับ ทปท.พื้นที่อำเภอกาบเชิง สุรินทร์ อำเภอเขมราฐ อุบลราชธานี และอำเภอจอมกะสานในเขตเขมร เขตติดต่อกับอำเภอน้ำยืน อุบลราชธานี นอกจากนี้เขตงาน ทปท.ของ พคท.เขตอีสานใต้ได้ประสานแจ้งเตือนให้ทหารพราน และอาสาสมัครเกี่ยวกับกองทัพเวียดนามเตรียมการรุกรานประเทศไทย และเป็นไปตามนั้น แต่ ทปท.ทำการเป็นกองโจรทำลายแกนรุกของเวียดนามในหลายแนวรบ ทำให้เวียดนามบุกได้ไม่เต็มที่ จนครั้งรุนแรงที่ “โนนหมากมุ่น” ทหารเวียดนามถูกทหารไทยสังหารมากมาย ขณะที่ ทปท. เป็นกองโจรตัดแกนกลางกองกำลังเวียดนามจึงเริ่มล้มแผนรุกไทยประกอบกับประเทศเพื่อนบ้านมาเลเซีย สิงคโปร์ พม่า ญี่ปุ่น และจีนเริ่มกดดันเวียดนาม จนในที่สุดเวียดนามต้องเลิกล้มยุทธศาสตร์สหพันธ์อินโดจีนที่ครอบคลุมลาว เขมร และไทยโดยเวียดนามได้แม่น้ำโขงเป็นบำเหน็จสงครามสมบูรณ์แบบ
จิตรักชาติของสหายคำตันหรือ พ.ท.พโยม จุลานนท์และสมาชิกคนอื่นๆ ของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย เป็นอุทาหรณ์ที่ยิ่งใหญ่สำหรับคนไทยทุกคน และเป็นจิตสำนึกสำคัญของพลพรรค พคท.ที่รู้ดีว่าซ้ายในซ้ายเป็นอันตรายอย่างไร
พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ จึงกล้ากล่าวเตือนเพราะซ้ายในซ้ายไม่สนใจต่อความเป็นไทย แต่สนใจอัตตานิยมหรือมุ่งมั่นที่ให้กลุ่มตนเองเป็นใหญ่ โดยไม่คำนึงถึงฐานชาติหากใครมีทุนให้ก็จะรับใช้ประกอบกับมีคนแสวงอำนาจมากมาย มีคนโลภเงิน โลภอำนาจมากมายจึงสนับสนุนคนคนเดียวในขณะนี้จึงเกิดวิกฤตการเมืองในประเทศไทยและเพราะการไม่คำนึงถึงระบบชาติทำให้เกิดทุ่งสังหารมาแล้ว เช่น ในเขมร และปัจจุบันมีทุ่งสังหารย่อยมากมายในแอฟริกา เพราะมีแต่คนโลภเงินและโลภอำนาจ กาฬทวีปจึงเป็นกาฬทวีปไม่เปลี่ยนแปลง.
หากจะกล่าวว่า พล.อ.ชวลิต เป็นสถาปนิกคำสั่งที่ 66/2523 ก็ว่าได้ซึ่งคำสั่งนี้มีภารกิจของรัฐ 9 ประการเพื่อยุติสงครามปฏิวัติของ พคท.ให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว และจะกล่าวได้อีกเช่นกันว่าเป็นความสามารถในการแสวงประโยชน์จากความล้มเหลวของนโยบาย “ปืนต่อปืน” สู่ความเป็น “ปัญญากับปืน” และ “ปัญญากับปัญญา” ของพล.อ.ชวลิตทั้งสอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของประชาคมคอมมิวนิสต์สากล หลังจากประธานาธิบดีสตาลินแห่งโซเวียตสิ้นชีวิตใน ค.ศ. 1953 นิคิตา ครุสซอฟ สืบอำนาจแทนและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับประเทศคอมมิวนิสต์ทั่วโลก โดยเฉพาะกับจีนด้วยการขยายการให้ความช่วยเหลือทางเทคโนโลยีอุตสาหกรรมหนัก ด้วยหวังเป็นฐานการผลิตอุตสาหกรรมของโซเวียต แต่นโยบายสงครามปฏิวัติ และการประณามสตาลินอย่างรุนแรงทำให้ประธานเหมาเจ๋อตุงไม่พอใจ และย้อนว่า “ครุสซอฟ กล่าวประณามสตาลินเป็นความผิดพลาดอย่างใหญ่หลวง”
ใน ค.ศ. 1957 มีการประชุมคอมมิวนิสต์สากลที่กรุงมอสโกเป็นครั้งแรก หลังจากสิ้นสงครามโลกครั้งที่ 2 ครุสซอฟเปลี่ยนแปลงนโยบายการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ และการเปลี่ยนแปลงสู่ลัทธิสังคมนิยมอย่างสันติ ไม่ใช่การรุกรานโดยตรง แต่ให้เกิดการปฏิวัติกันภายในประเทศ ทำให้จีนไม่ยอมรับหลักการนี้เพราะหวังการใช้กำลังทหารยึดครองไต้หวันและที่อื่นๆ เช่น สงครามเกาหลี แต่ยื่นคำขอให้โซเวียตถ่ายทอดเทคโนโลยีนิวเคลียร์ ซึ่งครุสซอฟไม่อาจปฏิเสธได้เพราะต้องรักษาเอกภาพคอมมิวนิสต์สากลไว้ และจีนกำลังทำหน้าที่เป็นตัวแทนของคอมมิวนิสต์ที่ไม่ใช่คอเคเซียน (Caucasian Race)
การแย่งความเป็นใหญ่ระหว่างจีนกับโซเวียตเริ่มพัฒนาเป็นความขัดแย้งรุนแรงใน ค.ศ. 1958 โซเวียตปฏิเสธที่จะสนับสนุนการบุกโจมตียึดไต้หวันเพราะเกรงสงครามนิวเคลียร์กับสหรัฐฯ และใน ค.ศ. 1959 โซเวียตยุติที่จะช่วยเหลือการพัฒนานิวเคลียร์ของจีนอย่างสิ้นเชิง โดยในปีต่อมาช่างเทคนิคและวิศวกรโซเวียตพร้อมครอบครัวเดินทางกลับโซเวียต พร้อมกันนั่นเอง โซเวียตส่งทหารนับแสนประชิดชายแดนจีนที่มีความยาวเป็นพันๆ ไมล์ สงครามเย็นซ้อนสงครามเย็นปะทุขึ้นในค่ายโลกคอมมิวนิสต์เป็นการเผชิญหน้าคอมมิวนิสต์ตะวันตก และคอมมิวนิสต์ตะวันออก ซึ่งเริ่มมีการแสวงแนวร่วมเพื่อลัทธิความเป็นใหญ่ในโลกคอมมิวนิสต์
และปัญหาเฉพาะระหว่างจีนกับเวียดนาม 4 ประการนำสู่การเลือกข้างของเวียดนามได้แก่ ปัญหาที่ทำนาในเขตจีนที่เต็มไปด้วยกระสุนปืนใหญ่ตกค้าง ทุ่นระเบิด และกับดักระเบิดต่างๆ ที่เวียดนามทิ้งไว้ขณะรบกับฝรั่งเศส และญี่ปุ่น แต่รัฐบาลทั้งสองประเทศไม่ดำเนินการใดๆ ชาวนาจีนจึงดำเนินการเองจึงมีการล้ำเขตเวียดนามตอบโต้รุนแรง จีนจึงป้องกันชีวิตชาวนาจีนมีการปะทะกันตามแนวชายแดน ปัญหาหมู่เกาะสแปรตลี และปัญหาคนเวียดนามเชื้อชาติจีนถูกลดศักดิ์ศรี จีนจึงทำสงครามสั่งสอนเวียดนามหนึ่งเดือนตั้งแต่ 15 กุมภาพันธ์ 1979 หลังจากเวียดนามมีชัยชนะต่อกองทัพสหรัฐฯ ในสงครามเวียดนามรวมชาติได้ในเดือนเมษายน 1975 และสถาปนาเป็นสาธารณรัฐสังคมนิยมในวันที่ 2 กรกฎาคม ค.ศ. 1976
สงครามสั่งสอนทำให้เวียดนามและลาวเข้าข้างโซเวียตอย่างสมบูรณ์ ทำให้จีนต้องแสวงการสนับสนุนจากไทยทำให้รัฐบาลพล.อ.เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ เปิดแนวรุกทางการเมืองกับจีนไม่ให้จีนสนับสนุน พคท.และแรงกดดันนี้ทำให้ พคท.ต้องพึ่งตัวเอง
แนวนี้เองทำให้นายเลอดวน เลขาธิการพรรคเหลาด่งแห่งเวียดนามยื่นข้อเสนอช่วยเหลือ พคท.โดยจะส่งกองทัพเวียดนาม และลาวเข้าช่วยปลดปล่อยประเทศไทยภาคอีสานทั้งภาคและภาคเหนือตอนบน และหวังให้ไทยเป็นรัฐกันชนเยี่ยงกรณีสหรัฐฯ สร้างยุทธศาสตร์แนวเขตกันชน และยุทธศาสตร์ปิดล้อมคอมมิวนิสต์ (Containment Strategy)
พ.ศ. 2519 พคท.จึงได้ส่งมิตร สมานันท์ เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยในขณะนั้นเดินทางไปเวียดนามผ่านจังหวัดน่านเข้าลาวที่สำนักปากแบ่งริมโขง แขวงอุดมไชยสู่เมืองลา มณฑลยูนนาน และรักษาตาต้อก่อนไปเยือนเวียดนามเพื่อหารือข้อเสนอของนายเลอดวน
พรรคเหลาด่งแห่งเวียดนามยื่นเสนอดังนี้ 1. เวียดนามจะส่งทหารราบ 3 กองพล พร้อมกองพลรถถัง กองพลปืนใหญ่ และเครื่องบินรบสนับสนุนโดยจะส่งไปประจำการที่ฐานบินในลาว 2. ใช้ทหารรบลาว 2 กองร้อยร่วมกับทหารเวียดนาม 1 กองพลบุกปลดปล่อยภาคอีสานทั้งภาค และภาคเหนือตอนบน เพราะทหารลาวรู้วัฒนธรรมและภาษาไทย 3. อาวุธยุทโธปกรณ์ทั้งหมดในการทำสงครามพรรคเหลาด่งเวียดนามจะเป็นผู้รับผิดชอบในการส่งกำลังบำรุงสู่แนวหน้าของทุกสมรภูมิ
มิตร สมานันท์ไม่สามารถให้คำตอบได้และนำข้อเสนอของเวียดนามกลับมาประชุมในพรรคซึ่งมีการประชุมพิจารณากันอย่างเคร่งเครียด ซึ่ง พคท.ซีกโซเวียตยอมรับหลักการ แต่มีจำนวนน้อยจึงต้องยอมรับเสียงข้างมากที่อยู่ในซีกจีน ซึ่งพร้อมที่จะรบกับกองทัพเวียดนาม หากเวียดนามขืนบุกเข้าไทย และกรรมการกลาง พคท.ประกอบด้วย ประสิทธิ์ ตะเพียนทอง (สหายห่ง) ทรง นพคุณ (สหายบา) เปลื้อง วรรณศรี (สหายจำรัส) วิรัช อังคถาวร (สหายธาร) เจริญ วรรณงาม (สหายชัด) และพ.ท.พโยม จุลานนท์ (สหายคำตัน) และดำริ เรืองสุวรรณ (สหายด่าง) มีมติไม่รับข้อเสนอ แต่ต้องหาคำตอบที่ละมุนละม่อมไปหักล้างข้อเสนอของเวียดนามซึ่งสรุปได้ว่า
ประการแรกจะเป็นเรื่องสงครามใหญ่ และเป็นสิ่งที่ พคท.ไม่ปรารถนาเพราะการรุกประเทศไทยจะดึงดูดให้เพื่อนบ้านไทยตื่นตัว และสนับสนุนไทยทางการทหาร ตลอดจนประเทศไทยจะเป็นสมรภูมิใหญ่ หากทั้งโซเวียต จีน และสหรัฐฯ เข้าสนับสนุนสงครามหลายฝ่ายนี้
ประการที่สอง พคท.ต่อต้านการรุกรานของสหรัฐฯ ในกรณีสงครามอินโดจีน 2 คือสงครามเวียดนามกับสงครามลับในลาวและเขมรขณะรณรงค์สร้างพรรค และหากรับการช่วยเหลือจากเวียดนามก็เท่ากับส่งเสริมลัทธิจักรวรรดินิยมด้วยเป็นการทำลายจุดยืนตัวเอง
และประการสุดท้ายคือถูกคนไทยประณาม พคท.ว่าขายชาติรวมทั้งคนไทยจะจับอาวุธรบกับเวียดนามเช่นเดียวกับที่ทำการขับไล่ศัตรูผู้รุกรานมาแล้วในอดีต
จากการปฏิเสธนี้เองทำให้ลาวขับไล่พลพรรค พคท.ในลาวออกจากลาว และนายฟามวันดง นายกรัฐมนตรีเวียดนามประกาศทางวิทยุฮานอยตัดสัมพันธ์กับ พคท.และในเดือนตุลาคม 2521 ได้พบกับแกนนำพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยขณะเยือนไทย พร้อมกับแจ้งว่าเวียดนามจะยุติการสนับสนุน พคท.
พคท.จึงเข้าสู่ภาวะ “ป่าแตก” ด้วยการแตกแยกกันใน พคท.ระหว่างซีกจีนกับซีกโซเวียต และเวียดนามซึ่งมีลาวเป็นบริวาร ซึ่งก่อนหน้านี้ พคท.ให้เตรียมยุทธศาสตร์รองรับไว้แล้ว เช่น การจัดตั้งคณะกรรมการประสานงานกำลังรักชาติ รักประชาธิปไตยมี อุดม ศรีสุวรรณ เป็นประธาน บุญเย็น วอทอง เป็นรองประธาน ธีรยุทธ บุญมี เป็นเลขานุการ ศรี อินทปันตี เป็นกรรมการและโฆษก
แม้ว่าการเมืองใน พคท.มีความวุ่นวายตามกระแสโลกคอมมิวนิสต์ และนโยบายที่ขัดแย้งกันระหว่างซีกโซเวียตกับซีกจีน แต่ความเป็นคนไทยรักชาติยังชัดเจน เมื่อศูนย์การนำของกองทัพปลดแอกแห่งประเทศไทย (ทปท.) เขตอีสานได้มีคำสั่งให้ ทปท.ทำการตอบโต้ปกป้องพิทักษ์เขตแดนไทย มิให้ศัตรูใดๆ ล้ำเข้ามาแม้แต่ก้าวเดียว และให้พยายามหลีกเลี่ยงการปะทะกับกองทัพรัฐบาลไทยให้มากที่สุด โดยเน้นว่า “ศัตรูเฉพาะหน้าของเราตอนนี้คือ กองกำลังเวียดนาม”
เวียดนามส่งกำลังเข้ารุกรานหลายครั้ง และปะทะกับ ทปท.พื้นที่อำเภอกาบเชิง สุรินทร์ อำเภอเขมราฐ อุบลราชธานี และอำเภอจอมกะสานในเขตเขมร เขตติดต่อกับอำเภอน้ำยืน อุบลราชธานี นอกจากนี้เขตงาน ทปท.ของ พคท.เขตอีสานใต้ได้ประสานแจ้งเตือนให้ทหารพราน และอาสาสมัครเกี่ยวกับกองทัพเวียดนามเตรียมการรุกรานประเทศไทย และเป็นไปตามนั้น แต่ ทปท.ทำการเป็นกองโจรทำลายแกนรุกของเวียดนามในหลายแนวรบ ทำให้เวียดนามบุกได้ไม่เต็มที่ จนครั้งรุนแรงที่ “โนนหมากมุ่น” ทหารเวียดนามถูกทหารไทยสังหารมากมาย ขณะที่ ทปท. เป็นกองโจรตัดแกนกลางกองกำลังเวียดนามจึงเริ่มล้มแผนรุกไทยประกอบกับประเทศเพื่อนบ้านมาเลเซีย สิงคโปร์ พม่า ญี่ปุ่น และจีนเริ่มกดดันเวียดนาม จนในที่สุดเวียดนามต้องเลิกล้มยุทธศาสตร์สหพันธ์อินโดจีนที่ครอบคลุมลาว เขมร และไทยโดยเวียดนามได้แม่น้ำโขงเป็นบำเหน็จสงครามสมบูรณ์แบบ
จิตรักชาติของสหายคำตันหรือ พ.ท.พโยม จุลานนท์และสมาชิกคนอื่นๆ ของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย เป็นอุทาหรณ์ที่ยิ่งใหญ่สำหรับคนไทยทุกคน และเป็นจิตสำนึกสำคัญของพลพรรค พคท.ที่รู้ดีว่าซ้ายในซ้ายเป็นอันตรายอย่างไร
พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ จึงกล้ากล่าวเตือนเพราะซ้ายในซ้ายไม่สนใจต่อความเป็นไทย แต่สนใจอัตตานิยมหรือมุ่งมั่นที่ให้กลุ่มตนเองเป็นใหญ่ โดยไม่คำนึงถึงฐานชาติหากใครมีทุนให้ก็จะรับใช้ประกอบกับมีคนแสวงอำนาจมากมาย มีคนโลภเงิน โลภอำนาจมากมายจึงสนับสนุนคนคนเดียวในขณะนี้จึงเกิดวิกฤตการเมืองในประเทศไทยและเพราะการไม่คำนึงถึงระบบชาติทำให้เกิดทุ่งสังหารมาแล้ว เช่น ในเขมร และปัจจุบันมีทุ่งสังหารย่อยมากมายในแอฟริกา เพราะมีแต่คนโลภเงินและโลภอำนาจ กาฬทวีปจึงเป็นกาฬทวีปไม่เปลี่ยนแปลง.