แนวโน้มตลาดหุ้นในเดือน เม.ย. 2552 ยังคงมีความเสี่ยงที่จะปรับตัวลดลง หลังจากตลาดหุ้นทั่วโลกฟื้นตัวขึ้นในเดือน มี.ค. ที่ผ่านมา ทั้งนี้ เนื่องจาก SCRI ประเมินว่า วิกฤตเศรษฐกิจและสถาบันการเงินในสหรัฐฯยังคงไม่ถึงจุดต่ำสุด ส่งผลให้ตลาดฯมีโอกาสกลับมาผิดหวังกับตัวเลขเศรษฐกิจ และผลการดำเนินงาน Q1/52 ซึ่งจะประกาศในช่วงปลายเดือนนี้ นอกจากนี้คาดว่าตลาดฯยังคงมีความเสี่ยงจากแผนการแก้ไขปัญหาสถาบันการเงินของสหรัฐฯที่อาจไม่สามารถทำได้เร็วตามที่คาดการณ์
อย่างไรก็ตาม ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯที่อ่อนค่าลงจะส่งผลให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวขึ้นจากการเก็งกำไร โดยสินค้าที่ SCRI คาดว่ามีแนวโน้มปรับตัวขึ้นโดดเด่น ได้แก่ น้ำมัน น้ำตาล และทองคำ ซึ่งจะส่งผลให้คาดว่าจะมีการเก็งกำไรในหุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์มากขึ้น ตลาดหุ้นอาจจะผิดหวังอีกครั้งจากรายงานผลประกอบการกลุ่มการเงินสหรัฐฯในเดือน เม.ย. : เนื่องจากในเดือน เม.ย. หลังจากสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนจะเป็นช่วงของการประกาศผลประกอบการกลุ่มการเงินสหรัฐฯ ในหลายบริษัท ซึ่งอาจจะทำให้ตลาดผิดหวัง หลังจากที่ในเดือน มี.ค. หลายบริษัทออกมาเปิดเผยถึงแนวโน้มผลประกอบการที่ดีขึ้น ซึ่งในความคิดเห็นของ SCRI ประเมินว่าความเสี่ยงของการตัดขาดทุนสินทรัพย์จะมีออกมาได้อีก หลังจากรายงานราคาภาคอสังหาฯในสหรัฐฯ ยังคงปรับตัวลดลง นอกจากนี้สิ่งที่ต้องติดตามคือ ผลการทดสอบความสามารถในการรักษาฐานะทางการเงิน (Stress Test) ของธนาคารพาณิชย์ 19 แห่ง แต่เชื่อว่าจะไม่มีการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการเนื่องจากจะส่งผลต่อราคาหุ้น แต่อย่างน้อยหากธนาคารเหล่านี้ให้ข้อมูลตามความเป็นจริงจะช่วยให้รัฐบาลสามารถวางแผนการช่วยเหลือได้อย่างเหมาะสมอย่างไรก็ดีในแง่ของจิตวิทยาตลาดอาจจะมีความกังวลที่จะเกิดการการแปรกิจการสถาบันการเงินเอกชนให้เป็นของรัฐ (Nationalization)
ตัวเลขเศรษฐกิจโดยรวม เชื่อว่าจะยังคงเป็นลบแต่อาจจะต้องติดตามตัวเลขที่อาจจะบ่งชี้ถึงสัญญาณฟื้นตัวเศรษฐกิจ : SCRI ติดตามดัชนีที่จะเป็นตัวชี้นำการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดยเฉพาะตัวเลขในเดือน มี.ค. ที่เริ่มมีการฟื้นตัว ต่อเนื่องในบางกลุ่ม อาทิ Purchasing manager index (PMI) ของจีน ซึ่งปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในเดือน ม.ค.-ก.พ. ดัชนีภาคอุตสาหกรรมสหรัฐฯ (ISM index of manufacturing activity) ที่ปรับเพิ่มขึ้นนับจากเดือน ธ.ค. อย่างไรก็ดี ดัชนีทั้ง 2 ยังคงบ่งชี้ถึงการชะลอตัวของเศรษฐกิจ โดยนอกจากนี้การพิจารณาหรือตีความตัวเลขอาจจะต้องใช้ความระมัดระวัง เนื่องจากหากพิจารณาเฉพาะในส่วนของการเปลี่ยนแปลงเพียงอย่างเดียวอาจะเกิดการผิดพลาดจากฐานคำนวณที่ต่ำ หรือมีตัวแปรที่ทำให้ตัวเลขเกิดการคลาดเคลื่อน ดังเช่นตัวเลขส่งออกไทยในเดือน ก.พ. ซึ่งลดลง แต่ได้รวมการส่งออกทองคำที่สูงขึ้นจากช่วงเทศกาลเป็นต้น
แรงขายของนักลงทุนต่างชาติในตลาดหุ้นเอเชียเริ่มชะลอลงในช่วงปลายเดือน มี.ค. : แต่ SCRI เชื่อว่าจะยังไม่มีการไหลเข้าของเงินทุนกลับเข้ามาสู่ตลาดหุ้นเร็วนัก และคาดว่านักลงทุนจะรอผลของแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจที่กำลังจะเริ่มปฏิบัติจริง จะช่วยลดผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจได้มากน้อยเพียงใด หลัง IMF ออกมาปรับลดประมาณการ GDP โลกสู่ระดับ (-0.5) ถึง (-1)% โดยเฉพาะแผนช่วยเหลือภาคการเงินของสหรัฐฯ
คาดค่าเงินดอลลาร์จะมีแนวโน้มอ่อนค่าซึ่งจะทำให้ตลาดจะหันมาเก็งกำไรสินค้าโภคภัณฑ์มากขึ้น : SCRI ได้ตั้งข้อสังเกตว่ามีแนวโน้มมากขึ้นที่จะมีการปรับพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ จากปัจจัยหนุนหลักคือการกลับมาอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งจะส่งผลให้มีการไหลออกของเงินทุนโดยเฉพาะจากตลาดตราสารหนี้สหรัฐฯ ซึ่งมีอัตราผลตอบแทนที่ลดต่ำลง (ราคาปรับเพิ่มขึ้น) จากการไหลเข้าของเงินลงทุนในช่วงก่อนหน้าในฐานะสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ โดยคาดว่าจะมีการกลับเข้าไปเก็งกำไรมากขึ้นในสินค้าโภคภัณฑ์ อีกทั้งเริ่มเห็นสถานะซื้อสุทธิ (Long position) ในตลาดน้ำมันล่วงหน้ามากขึ้น ต่อเนื่องในช่วงเดือน ธ.ค.–ก.พ. และการทยอยเทขายตราสารหนี้ของนักลงทุนต่างชาติในตลาดพันธบัตรสหรัฐฯ
โครงการช่วยเหลือจากรัฐบาลจะเข้าถึงประชาชนเป็นเดือนแรก เชื่อว่าจะกระตุ้นการบริโภคได้ในระยะสั้นเท่านั้น : ในเดือน เม.ย. โครงการต่างๆของรัฐบาลที่เป็นหนึ่งในแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจ ได้มีผลในทางปฏิบัติจริง อาทิ เงินช่วยเหลือประชาชนที่มีรายได้ต่ำ (เช็คช่วยชาติ), นโยบายเรียนฟรี 15 ปี และโครงการช่วยเหลือประชาชนตกงาน (ต้นกล้าอาชีพ) SCRI เชื่อว่าจะส่งผลดีต่อการบริโภคในประเทศในช่วงระยะสั้น และในแง่ของการลงทุนในหุ้นที่จะได้รับประโยชน์ คือ กลุ่มพาณิชย์ (Commerce) นับจากต้นปีพบว่าราคาหุ้นในกลุ่มพาณิชย์ปรับเพิ่มสูงสุดถึง 6% (ในช่วงปลายเดือน ก.พ.) ในขณะที่ดัชนีตลาดหุ้นปรับลดลง 3.4% และ เมื่อพิจารณาโดยใช้ Beta ของกลุ่มค้าปลีกระหว่างเดือน ส.ค. 2551 และ มี.ค. 2552 พบว่าค่า Beta ปรับเพิ่มขึ้นจาก 0.46 เป็น 0.75 สะท้อนการเข้ามาลงทุนในหุ้นที่นักลงทุนเลือกให้เป็นหุ้นที่มีความเสี่ยงต่ำในแง่ของผลประกอบการ (safe haven) SCRI ประเมินว่าราคาหุ้น และ ค่า Beta ของกลุ่มที่ปรับขึ้นเป็นการสะท้อนปัจจัยดังกล่าวไปแล้ว
ปัจจัยการเมืองในประเทศติดตามการขยายผลของ กกต. กรณีข้อกล่าวหาพรรคประชาธิปปัตย์รับเงินจากบริษัทเอกชน : หลังจากดีเอสไอได้ส่งสำนวนคดีให้ กกต. พิจารณา ซึ่งอาจนำไปสู่การกระทำความผิดตาม พ.ร.บ. ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 94 ซึ่งสามารถนำไปสู่ขั้นยุบพรรคได้
สำหรับ Investment Theme ในเดือน เม.ย. 2552 SCRI คงคำแนะนำซื้อเมื่อราคาอ่อนตัวในหุ้นกลุ่ม Value stocks BCP-DR1 และ BGH และ เปลี่ยนกลยุทธ์การลงทุนจากกลุ่มค้าปลีก เป็นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ โดย หุ้นที่มีความเกี่ยวข้องกับโภคภัณฑ์ และ SCRI แนะนำ" ลงทุน" ได้แก่ TSTH / KSL / BANPU / PTTEP/PTT
อย่างไรก็ตาม ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯที่อ่อนค่าลงจะส่งผลให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวขึ้นจากการเก็งกำไร โดยสินค้าที่ SCRI คาดว่ามีแนวโน้มปรับตัวขึ้นโดดเด่น ได้แก่ น้ำมัน น้ำตาล และทองคำ ซึ่งจะส่งผลให้คาดว่าจะมีการเก็งกำไรในหุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์มากขึ้น ตลาดหุ้นอาจจะผิดหวังอีกครั้งจากรายงานผลประกอบการกลุ่มการเงินสหรัฐฯในเดือน เม.ย. : เนื่องจากในเดือน เม.ย. หลังจากสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนจะเป็นช่วงของการประกาศผลประกอบการกลุ่มการเงินสหรัฐฯ ในหลายบริษัท ซึ่งอาจจะทำให้ตลาดผิดหวัง หลังจากที่ในเดือน มี.ค. หลายบริษัทออกมาเปิดเผยถึงแนวโน้มผลประกอบการที่ดีขึ้น ซึ่งในความคิดเห็นของ SCRI ประเมินว่าความเสี่ยงของการตัดขาดทุนสินทรัพย์จะมีออกมาได้อีก หลังจากรายงานราคาภาคอสังหาฯในสหรัฐฯ ยังคงปรับตัวลดลง นอกจากนี้สิ่งที่ต้องติดตามคือ ผลการทดสอบความสามารถในการรักษาฐานะทางการเงิน (Stress Test) ของธนาคารพาณิชย์ 19 แห่ง แต่เชื่อว่าจะไม่มีการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการเนื่องจากจะส่งผลต่อราคาหุ้น แต่อย่างน้อยหากธนาคารเหล่านี้ให้ข้อมูลตามความเป็นจริงจะช่วยให้รัฐบาลสามารถวางแผนการช่วยเหลือได้อย่างเหมาะสมอย่างไรก็ดีในแง่ของจิตวิทยาตลาดอาจจะมีความกังวลที่จะเกิดการการแปรกิจการสถาบันการเงินเอกชนให้เป็นของรัฐ (Nationalization)
ตัวเลขเศรษฐกิจโดยรวม เชื่อว่าจะยังคงเป็นลบแต่อาจจะต้องติดตามตัวเลขที่อาจจะบ่งชี้ถึงสัญญาณฟื้นตัวเศรษฐกิจ : SCRI ติดตามดัชนีที่จะเป็นตัวชี้นำการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดยเฉพาะตัวเลขในเดือน มี.ค. ที่เริ่มมีการฟื้นตัว ต่อเนื่องในบางกลุ่ม อาทิ Purchasing manager index (PMI) ของจีน ซึ่งปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในเดือน ม.ค.-ก.พ. ดัชนีภาคอุตสาหกรรมสหรัฐฯ (ISM index of manufacturing activity) ที่ปรับเพิ่มขึ้นนับจากเดือน ธ.ค. อย่างไรก็ดี ดัชนีทั้ง 2 ยังคงบ่งชี้ถึงการชะลอตัวของเศรษฐกิจ โดยนอกจากนี้การพิจารณาหรือตีความตัวเลขอาจจะต้องใช้ความระมัดระวัง เนื่องจากหากพิจารณาเฉพาะในส่วนของการเปลี่ยนแปลงเพียงอย่างเดียวอาจะเกิดการผิดพลาดจากฐานคำนวณที่ต่ำ หรือมีตัวแปรที่ทำให้ตัวเลขเกิดการคลาดเคลื่อน ดังเช่นตัวเลขส่งออกไทยในเดือน ก.พ. ซึ่งลดลง แต่ได้รวมการส่งออกทองคำที่สูงขึ้นจากช่วงเทศกาลเป็นต้น
แรงขายของนักลงทุนต่างชาติในตลาดหุ้นเอเชียเริ่มชะลอลงในช่วงปลายเดือน มี.ค. : แต่ SCRI เชื่อว่าจะยังไม่มีการไหลเข้าของเงินทุนกลับเข้ามาสู่ตลาดหุ้นเร็วนัก และคาดว่านักลงทุนจะรอผลของแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจที่กำลังจะเริ่มปฏิบัติจริง จะช่วยลดผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจได้มากน้อยเพียงใด หลัง IMF ออกมาปรับลดประมาณการ GDP โลกสู่ระดับ (-0.5) ถึง (-1)% โดยเฉพาะแผนช่วยเหลือภาคการเงินของสหรัฐฯ
คาดค่าเงินดอลลาร์จะมีแนวโน้มอ่อนค่าซึ่งจะทำให้ตลาดจะหันมาเก็งกำไรสินค้าโภคภัณฑ์มากขึ้น : SCRI ได้ตั้งข้อสังเกตว่ามีแนวโน้มมากขึ้นที่จะมีการปรับพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ จากปัจจัยหนุนหลักคือการกลับมาอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งจะส่งผลให้มีการไหลออกของเงินทุนโดยเฉพาะจากตลาดตราสารหนี้สหรัฐฯ ซึ่งมีอัตราผลตอบแทนที่ลดต่ำลง (ราคาปรับเพิ่มขึ้น) จากการไหลเข้าของเงินลงทุนในช่วงก่อนหน้าในฐานะสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ โดยคาดว่าจะมีการกลับเข้าไปเก็งกำไรมากขึ้นในสินค้าโภคภัณฑ์ อีกทั้งเริ่มเห็นสถานะซื้อสุทธิ (Long position) ในตลาดน้ำมันล่วงหน้ามากขึ้น ต่อเนื่องในช่วงเดือน ธ.ค.–ก.พ. และการทยอยเทขายตราสารหนี้ของนักลงทุนต่างชาติในตลาดพันธบัตรสหรัฐฯ
โครงการช่วยเหลือจากรัฐบาลจะเข้าถึงประชาชนเป็นเดือนแรก เชื่อว่าจะกระตุ้นการบริโภคได้ในระยะสั้นเท่านั้น : ในเดือน เม.ย. โครงการต่างๆของรัฐบาลที่เป็นหนึ่งในแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจ ได้มีผลในทางปฏิบัติจริง อาทิ เงินช่วยเหลือประชาชนที่มีรายได้ต่ำ (เช็คช่วยชาติ), นโยบายเรียนฟรี 15 ปี และโครงการช่วยเหลือประชาชนตกงาน (ต้นกล้าอาชีพ) SCRI เชื่อว่าจะส่งผลดีต่อการบริโภคในประเทศในช่วงระยะสั้น และในแง่ของการลงทุนในหุ้นที่จะได้รับประโยชน์ คือ กลุ่มพาณิชย์ (Commerce) นับจากต้นปีพบว่าราคาหุ้นในกลุ่มพาณิชย์ปรับเพิ่มสูงสุดถึง 6% (ในช่วงปลายเดือน ก.พ.) ในขณะที่ดัชนีตลาดหุ้นปรับลดลง 3.4% และ เมื่อพิจารณาโดยใช้ Beta ของกลุ่มค้าปลีกระหว่างเดือน ส.ค. 2551 และ มี.ค. 2552 พบว่าค่า Beta ปรับเพิ่มขึ้นจาก 0.46 เป็น 0.75 สะท้อนการเข้ามาลงทุนในหุ้นที่นักลงทุนเลือกให้เป็นหุ้นที่มีความเสี่ยงต่ำในแง่ของผลประกอบการ (safe haven) SCRI ประเมินว่าราคาหุ้น และ ค่า Beta ของกลุ่มที่ปรับขึ้นเป็นการสะท้อนปัจจัยดังกล่าวไปแล้ว
ปัจจัยการเมืองในประเทศติดตามการขยายผลของ กกต. กรณีข้อกล่าวหาพรรคประชาธิปปัตย์รับเงินจากบริษัทเอกชน : หลังจากดีเอสไอได้ส่งสำนวนคดีให้ กกต. พิจารณา ซึ่งอาจนำไปสู่การกระทำความผิดตาม พ.ร.บ. ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 94 ซึ่งสามารถนำไปสู่ขั้นยุบพรรคได้
สำหรับ Investment Theme ในเดือน เม.ย. 2552 SCRI คงคำแนะนำซื้อเมื่อราคาอ่อนตัวในหุ้นกลุ่ม Value stocks BCP-DR1 และ BGH และ เปลี่ยนกลยุทธ์การลงทุนจากกลุ่มค้าปลีก เป็นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ โดย หุ้นที่มีความเกี่ยวข้องกับโภคภัณฑ์ และ SCRI แนะนำ" ลงทุน" ได้แก่ TSTH / KSL / BANPU / PTTEP/PTT