ASTVผู้จัดการรายวัน - นักวิชาการอิสระ ยื่นฟ้อง “โสภณ”พร้อมพวก เหตุสั่งย้ายสนามบินจากดอนเมืองไปสุวรรณภูมิไม่ชอบด้วยกฎหมาย เผยมีหลักฐานเกี่ยเซี๊ย เอื้อประโยชน์พวกพ้อง จับเท็จรมว.คมนาคมอ้างใช้แค่หมื่นล้านบาทขยายสนามบินสุวรรณภูมิเฟส 2 แต่ตัวเลขจริงทะลุ 7.3 หมื่นล้านบาท ขณะที่การบินไทยเตรียมฝ่ายกม.ชี้แจงศาลปกครอง ยันย้าย 29 มี.ค.ไม่เปลี่ยน
นายสมคิด หอมเนตร นักวิชาการอิสระ เปิดเผยกรณีที่ยื่นฟ้องนายโสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคม รวมทั้ง อธิบดีกรมการขนส่ง กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด กรรมการผู้อำนวยการใหญ่บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) นายศรีสุข จันทรางศุ ประธานคณะกรรมการฟื้นฟูพัฒนาโครงข่ายขนส่งทางอากาศ และคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ ในคดีพิพาทที่หน่วยงานทางปกครอง หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐออกคำสั่งทางปกครองโดยมิชอบด้วยกฎหมาย โดยขอให้ระงับการย้ายเที่ยวบิน เครื่องบิน และอุปกรณ์สายพานลำเลียง จากสนามบินดอนเมืองว่า ได้ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองสูงสุดเมื่อวันที่ 16 มี.ค.ที่ผ่านมา ในฐานะประชาชนที่เสียสิทธิ์ได้รับความเดือดร้อน หากมีการย้ายสนามบินจากดอนเมืองไปยังสนามบินสุวรรณภูมิ การย้ายสนามบินดังกล่าว ถือเป็นการลิดรอน สิทธิ์ประชาชน โดย ศาลประทับรับฟ้องแล้ว
คำสั่งย้ายสนามบินจากดอนเมืองไปสุวรรณภูมินั้น เห็นว่าเป็นการดำเนินการโดยมิชอบ เป็นการขัดแย้งภายในระหว่าง พรรคประชาธิปัตย์ กับพรรคภูมิใจไทย อีกทั้งมีหลักฐานเชื่อว่าการย้ายครั้งนี้มีผลประโยชน์ทับซ้อน
นายสมคิด กล่าวว่า ตนยังมีหลักฐานเป็นเอกสารมติของคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ โดยมติดังกล่าว เป็นการยืนยันว่า จะพัฒนาระบบขนส่งมวลชนทางรางเชื่อมโยงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิกับระบบไฟฟ้าขนส่งมวลชนกรุงเทพสายสีเขียว ที่สถานีพญาไท และเชื่อมต่อกับโครงการระบบรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีเขียวหมอชิต-สะพานใหม่ เข้าสู่ท่าอากาศยานดอนเมือง เพื่อให้การเดินทางเชื่อมต่อท่าอากาศยานทั้ง 2 แห่งเป็นไปอย่างสะดวกรวดเร็ว โดยรายงานดังกล่าว เป็นการระบุชัดเจน ให้มีการสร้างระบบขนส่งเชื่อมต่อท่าอากาศยานทั้ง 2 แห่ง แต่กลับจะสั่งย้ายสนามบินจากดอนเมืองไปยังสุวรรณภูมิ โดยนายโสภณ รมว.คมนาคม ยืนยันจะย้ายเที่ยวบินของการบินไทย และบริษัทอื่นๆ ภายในวันที่ 29 มีนาคมนี้ มีวาระซ่อนเร้น มีผลประโยชน์ทับซ้อนในเชิงนโยบาย
“ การย้ายสนามบินครั้งนี้ มองเผินๆ เหมือนย้ายทั่วไป แต่ผมเห็นว่าจะมีผู้ได้รับผลประโยชน์เต็มคือ บริษัทผู้รับเหมาก่อสร้างขนาดใหญ่ที่มีความสัมพันธ์กับรัฐบาล และยังเป็นคู่สัมปทานของรัฐอีกจำนวนหลายโครงการ และยังเป็นผู้เข้าประมูลแข่งขันงานก่อสร้างท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระยะที่ 2 (เฟส 2) เพื่อรองรับผู้โดยสารให้ได้ 60 ล้านคนต่อปี จำนวน 10 โครงการ อาทิ การก่อสร้างทางวิ่งเส้นที่ 3 การก่อสร้างอาคารเทียบเครื่องบินหลังที่ 2 การขยายพื้นที่อาคารผู้โดยสาร ในวงเงินงบประมาณ 73,734.74 ล้านบาท ซึ่งแตกต่างจากที่ นายโสภณ แถลงไว้ว่า ใช้งบประมาณเพียง 1 หมื่นล้านบาท” นายสมคิด กล่าว
นอกจากนี้ ผู้ถูกฟ้องอีก 6 รายนั้น ยังมีความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ สมรู้ร่วมคิด โดยเฉพาะนายศรีสุข จันทรางศุ อดีตปลัดกระทรวงคมนาคม ที่ร่วมอนุมัติในที่ประชุมอีกทั้งยังเป็นบุคคลที่มีความใกล้ชิดกับ นายเนวิน ชิดชอบ และนายอนุทิน ชาญวีรกุล อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยที่ถูกตัดสิทธิ์การเมืองอยู่บ้านเลขที่ 111 จนได้รับการเสนอชื่อเป็นประธานคณะกรรมการฟื้นฟูพัฒนาโครงข่ายขนส่งทางอากาศ จึงมีการกระทำผิดขัดต่อ พ.ร.บ.ว่าด้วยการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 มาตรา 5 ,7 ,10 และ ม.11 ผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 152 ,157 ,341 ประกอบมาตรา 83 และมาตรา 86
“ การฟ้องดังกล่าว เป็นสิทธิ์ของผม เพราะได้รับความเดือดร้อน ซึ่งผมได้ถูกโทรศัพท์มาข่มขู่ เนื่องจากแต่ละคดีมีเรื่องเกี่ยวข้องกับผู้ใหญ่ระดับสูงของบ้านเมือง โดยมีการโทรศัพท์ไปข่มขู่คนที่บ้าน แต่ก็ไม่รู้สึกหวั่นไหว เนื่องจากได้ทำหน้าที่ของประชาชนแล้ว” นายสมคิดกล่าว
******* *บินไทยเตรียมชี้แจงศาลปกครอง
ด้านนายสุรชัย ธารสิทธิ์ ปลัดกระทรวงคมนาคม ในฐานะประธานคณะกรรมการ บริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงกรณีที่สหภาพฯ การบินไทยยื่นหนังสือคัดค้านการย้ายเที่ยวบินของการบินไทยกลับมาให้บริการที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและกลุ่มนักวิชาการอิสระยื่นฟ้องศาลปกครอง ว่า เป็นสิทธิที่จะทำได้ และหากศาลปกครองต้องการที่จะให้การบินไทยชี้แจงหรือให้ข้อมูลเพิ่มรายละเอียดเติม การบินไทยก็พร้อมที่จะให้ความร่วมมือ โดยการชี้แจงดังกล่าวนั้น การบินไทยได้เตรียมฝ่ายกฎหมายเพื่อชี้แจงรายละเอียดทั้งหมด เป็นที่เรียบร้อย
นายสุรชัย กล่าวว่า ขณะนี้ ยังไม่มีการสั่งชะลอการย้ายแต่อย่างใด โดยกำหนดการย้ายสนามบินยังเป็นไปตามกำหนดเดิม เพราะถือว่ากรณีดังกล่าวเป็นเรื่องภายในของบริษัท ที่ฝ่ายบริหารมีสิทธิ์ตัดสินใจ
“เรื่องนี้เรามีฝ่ายกฎหมายดูแลอยู่แล้ว ตอนนี้ยังไม่ได้สั่งชะลอ หรือมีคำสั่งเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น เพราะเป็นเรื่องบริหารจัดการภายในที่ฝ่ายบริหารดำเนินการไปแล้ว หากภายหลังศาลอาจมีคำสั่งระงับการย้ายสนามบิน ก็คงต้องรอให้ถึงเวลานั้นก่อน ถึงจะตอบได้ว่าต้องทำยังไง แต่คงไม่ต้องเป็นห่วงว่าจะทำให้ผู้โดยสารสับสน ปัญหามีไว้ให้แก้อยู่แล้ว จะใช้สนามบินไหนก็มีความสะดวกเหมือนกัน” นายสุรชัย กล่าว
สำหรับตัวเลขต้นทุนและค่าใช้จ่ายที่ชัดเจนนั้น ขณะนี้ฝ่ายบริหารกำลังคำนวณเพื่อความชัดเจนว่าสรุปแล้วหากบริษัทย้ายกลับสนามบินสุวรรณภูมิจะทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายได้กว่า 600 ล้านบาทจริงหรือไม่ โดยจะมีความชัดเจนภายใน 1-2 วันนี้ และจะรายงานให้ นายกรัฐมนตรีรับทราบ
ด้านพลอากาศเอกณรงค์ศักดิ์ สังขพงศ์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่อาวุโส สำนักเลขานุการ รักษาการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย กล่าวว่า ขณะนี้การบินไทยได้มีการเตรียมความพร้อม การย้ายเที่ยวบินทั้งหมดของการบินไทยกลับมาใช้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเรียบร้อยแล้ว ส่วนใหญ่จะเป็นการย้ายอุปกรณ์ภาคพื้นเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งอุปกรณ์ส่วนใหญ่จะให้บริการที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่วนข้อสรุปเรื่องของตัวเลขใช้จ่ายของการบินไทย คาดว่าจะได้ข้อสรุปอีกประมาณ1-2วันนี้
นายสมคิด หอมเนตร นักวิชาการอิสระ เปิดเผยกรณีที่ยื่นฟ้องนายโสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคม รวมทั้ง อธิบดีกรมการขนส่ง กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด กรรมการผู้อำนวยการใหญ่บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) นายศรีสุข จันทรางศุ ประธานคณะกรรมการฟื้นฟูพัฒนาโครงข่ายขนส่งทางอากาศ และคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ ในคดีพิพาทที่หน่วยงานทางปกครอง หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐออกคำสั่งทางปกครองโดยมิชอบด้วยกฎหมาย โดยขอให้ระงับการย้ายเที่ยวบิน เครื่องบิน และอุปกรณ์สายพานลำเลียง จากสนามบินดอนเมืองว่า ได้ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองสูงสุดเมื่อวันที่ 16 มี.ค.ที่ผ่านมา ในฐานะประชาชนที่เสียสิทธิ์ได้รับความเดือดร้อน หากมีการย้ายสนามบินจากดอนเมืองไปยังสนามบินสุวรรณภูมิ การย้ายสนามบินดังกล่าว ถือเป็นการลิดรอน สิทธิ์ประชาชน โดย ศาลประทับรับฟ้องแล้ว
คำสั่งย้ายสนามบินจากดอนเมืองไปสุวรรณภูมินั้น เห็นว่าเป็นการดำเนินการโดยมิชอบ เป็นการขัดแย้งภายในระหว่าง พรรคประชาธิปัตย์ กับพรรคภูมิใจไทย อีกทั้งมีหลักฐานเชื่อว่าการย้ายครั้งนี้มีผลประโยชน์ทับซ้อน
นายสมคิด กล่าวว่า ตนยังมีหลักฐานเป็นเอกสารมติของคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ โดยมติดังกล่าว เป็นการยืนยันว่า จะพัฒนาระบบขนส่งมวลชนทางรางเชื่อมโยงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิกับระบบไฟฟ้าขนส่งมวลชนกรุงเทพสายสีเขียว ที่สถานีพญาไท และเชื่อมต่อกับโครงการระบบรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีเขียวหมอชิต-สะพานใหม่ เข้าสู่ท่าอากาศยานดอนเมือง เพื่อให้การเดินทางเชื่อมต่อท่าอากาศยานทั้ง 2 แห่งเป็นไปอย่างสะดวกรวดเร็ว โดยรายงานดังกล่าว เป็นการระบุชัดเจน ให้มีการสร้างระบบขนส่งเชื่อมต่อท่าอากาศยานทั้ง 2 แห่ง แต่กลับจะสั่งย้ายสนามบินจากดอนเมืองไปยังสุวรรณภูมิ โดยนายโสภณ รมว.คมนาคม ยืนยันจะย้ายเที่ยวบินของการบินไทย และบริษัทอื่นๆ ภายในวันที่ 29 มีนาคมนี้ มีวาระซ่อนเร้น มีผลประโยชน์ทับซ้อนในเชิงนโยบาย
“ การย้ายสนามบินครั้งนี้ มองเผินๆ เหมือนย้ายทั่วไป แต่ผมเห็นว่าจะมีผู้ได้รับผลประโยชน์เต็มคือ บริษัทผู้รับเหมาก่อสร้างขนาดใหญ่ที่มีความสัมพันธ์กับรัฐบาล และยังเป็นคู่สัมปทานของรัฐอีกจำนวนหลายโครงการ และยังเป็นผู้เข้าประมูลแข่งขันงานก่อสร้างท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระยะที่ 2 (เฟส 2) เพื่อรองรับผู้โดยสารให้ได้ 60 ล้านคนต่อปี จำนวน 10 โครงการ อาทิ การก่อสร้างทางวิ่งเส้นที่ 3 การก่อสร้างอาคารเทียบเครื่องบินหลังที่ 2 การขยายพื้นที่อาคารผู้โดยสาร ในวงเงินงบประมาณ 73,734.74 ล้านบาท ซึ่งแตกต่างจากที่ นายโสภณ แถลงไว้ว่า ใช้งบประมาณเพียง 1 หมื่นล้านบาท” นายสมคิด กล่าว
นอกจากนี้ ผู้ถูกฟ้องอีก 6 รายนั้น ยังมีความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ สมรู้ร่วมคิด โดยเฉพาะนายศรีสุข จันทรางศุ อดีตปลัดกระทรวงคมนาคม ที่ร่วมอนุมัติในที่ประชุมอีกทั้งยังเป็นบุคคลที่มีความใกล้ชิดกับ นายเนวิน ชิดชอบ และนายอนุทิน ชาญวีรกุล อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยที่ถูกตัดสิทธิ์การเมืองอยู่บ้านเลขที่ 111 จนได้รับการเสนอชื่อเป็นประธานคณะกรรมการฟื้นฟูพัฒนาโครงข่ายขนส่งทางอากาศ จึงมีการกระทำผิดขัดต่อ พ.ร.บ.ว่าด้วยการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 มาตรา 5 ,7 ,10 และ ม.11 ผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 152 ,157 ,341 ประกอบมาตรา 83 และมาตรา 86
“ การฟ้องดังกล่าว เป็นสิทธิ์ของผม เพราะได้รับความเดือดร้อน ซึ่งผมได้ถูกโทรศัพท์มาข่มขู่ เนื่องจากแต่ละคดีมีเรื่องเกี่ยวข้องกับผู้ใหญ่ระดับสูงของบ้านเมือง โดยมีการโทรศัพท์ไปข่มขู่คนที่บ้าน แต่ก็ไม่รู้สึกหวั่นไหว เนื่องจากได้ทำหน้าที่ของประชาชนแล้ว” นายสมคิดกล่าว
******* *บินไทยเตรียมชี้แจงศาลปกครอง
ด้านนายสุรชัย ธารสิทธิ์ ปลัดกระทรวงคมนาคม ในฐานะประธานคณะกรรมการ บริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงกรณีที่สหภาพฯ การบินไทยยื่นหนังสือคัดค้านการย้ายเที่ยวบินของการบินไทยกลับมาให้บริการที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและกลุ่มนักวิชาการอิสระยื่นฟ้องศาลปกครอง ว่า เป็นสิทธิที่จะทำได้ และหากศาลปกครองต้องการที่จะให้การบินไทยชี้แจงหรือให้ข้อมูลเพิ่มรายละเอียดเติม การบินไทยก็พร้อมที่จะให้ความร่วมมือ โดยการชี้แจงดังกล่าวนั้น การบินไทยได้เตรียมฝ่ายกฎหมายเพื่อชี้แจงรายละเอียดทั้งหมด เป็นที่เรียบร้อย
นายสุรชัย กล่าวว่า ขณะนี้ ยังไม่มีการสั่งชะลอการย้ายแต่อย่างใด โดยกำหนดการย้ายสนามบินยังเป็นไปตามกำหนดเดิม เพราะถือว่ากรณีดังกล่าวเป็นเรื่องภายในของบริษัท ที่ฝ่ายบริหารมีสิทธิ์ตัดสินใจ
“เรื่องนี้เรามีฝ่ายกฎหมายดูแลอยู่แล้ว ตอนนี้ยังไม่ได้สั่งชะลอ หรือมีคำสั่งเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น เพราะเป็นเรื่องบริหารจัดการภายในที่ฝ่ายบริหารดำเนินการไปแล้ว หากภายหลังศาลอาจมีคำสั่งระงับการย้ายสนามบิน ก็คงต้องรอให้ถึงเวลานั้นก่อน ถึงจะตอบได้ว่าต้องทำยังไง แต่คงไม่ต้องเป็นห่วงว่าจะทำให้ผู้โดยสารสับสน ปัญหามีไว้ให้แก้อยู่แล้ว จะใช้สนามบินไหนก็มีความสะดวกเหมือนกัน” นายสุรชัย กล่าว
สำหรับตัวเลขต้นทุนและค่าใช้จ่ายที่ชัดเจนนั้น ขณะนี้ฝ่ายบริหารกำลังคำนวณเพื่อความชัดเจนว่าสรุปแล้วหากบริษัทย้ายกลับสนามบินสุวรรณภูมิจะทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายได้กว่า 600 ล้านบาทจริงหรือไม่ โดยจะมีความชัดเจนภายใน 1-2 วันนี้ และจะรายงานให้ นายกรัฐมนตรีรับทราบ
ด้านพลอากาศเอกณรงค์ศักดิ์ สังขพงศ์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่อาวุโส สำนักเลขานุการ รักษาการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย กล่าวว่า ขณะนี้การบินไทยได้มีการเตรียมความพร้อม การย้ายเที่ยวบินทั้งหมดของการบินไทยกลับมาใช้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเรียบร้อยแล้ว ส่วนใหญ่จะเป็นการย้ายอุปกรณ์ภาคพื้นเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งอุปกรณ์ส่วนใหญ่จะให้บริการที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่วนข้อสรุปเรื่องของตัวเลขใช้จ่ายของการบินไทย คาดว่าจะได้ข้อสรุปอีกประมาณ1-2วันนี้