นักวิชาการอิสระ ยื่นศาลปกครองฟ้อง “โสภณ” พร้อมพวก 6 คน เหตุสั่งย้ายสนามบินสุวรรณภูมิไม่ชอบด้วยกฎหมาย เผย มีหลักฐานเกี้ยเซี้ย ลั่นเอื้อประโยชน์พวกพ้อง ผลาญงบ 7 หมื่นล้าน จับเท็จ รมว.คมนาคม อ้างใช้แค่หมื่นล้านขยายสนามบินสุวรรณภูมิเพิ่ม เผย ถูกข่มขู่เหตุฟ้องนักการเมืองระดับสูง
วันนี้ (18 มี.ค.) ที่รัฐสภา นายสมคิด หอมเนตร นักวิชาการอิสระ กล่าวถึงการยื่นฟ้อง นายโสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคม อธิบดีกรมการขนส่ง กรรมการผู้อำนวยการใหญ่บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กรรมการผู้อำนวยการใหญ่บริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) นายศรีสุข จันทรางศุ ประธานคณะกรรมการฟื้นฟูพัฒนาโครงข่ายขนส่งทางอากาศ และคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ ในคดีพิพาทที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐออกคำสั่งทางปกครองโดยมิชอบด้วยกฎหมาย โดยขอให้ระงับการย้ายเที่ยวบินเครื่องบินและอุปกรณ์สายพานลำเลียง จากสนามบินดอนเมือง ว่า ตนฟ้องในฐานะที่ตนเป็นประชาชนที่เสียสิทธิ์ได้รับความเดือดร้อนหากมีการย้ายสนามบินจากดอนเมืองไปยังสนามบินสุวรรณภูมิ การย้ายสนามบินดังกล่าวเป็นการริดรอนสิทธิ์ประชาชน โดยตนได้ยื่นต่อศาลปกครองสูงสุดเมื่อวันที่ 16 มีนาคม และศาลประทับรับฟ้องแล้ว เรื่องนี้ตนเห็นว่าเป็นการดำเนินการโดยมิชอบเป็นการขัดแย้งภายในระหว่างพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคภูมิใจไทย อีกทั้งมีหลักฐาน เชื่อว่า การย้ายครั้งนี้มีผลประโยชน์ทับซ้อน
นายสมคิด กล่าวอีกว่า ตนยังมีหลักฐานโดยเป็นเอกสารมติของคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ โดยมติดังกล่าวเป็นการยืนยันว่าจะพัฒนาระบบขนส่งมวลชนทางรางเชื่อมโยงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิกับระบบไฟฟ้าขนส่งมวลชนกรุงเทพสายสีเขียวที่สถานีพญาไท และเชื่อมต่อกับโครงการระบบรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีเขียวหมอชิต-สะพานใหม่ เข้าสู่ท่าอากาศยานดอนเมือง เพื่อให้การเดินทางเชื่อมต่อท่าอากาศยานทั้ง2 แห่งเป็นไปอย่างสะดวกรวดเร็ว โดยรายงานดังกล่าวเป็นการระบุชัดเจนให้มีการสร้างระบบขนส่งเชื่อมต่อท่าอากาศยานทั้ง2แห่ง แต่กลับจะสั่งย้ายสนามบินจากดออนเมืองไปยังสุวรรณภูมิ จึงเห็นได้ชัดว่านายโสภณ ที่ยังยืนยันจะย้ายเที่ยวบินของการบินไทยและบริษัทอื่นๆภายในวันที่29 มีนาคมนี้ มีวาระซ่อนเร้นมีผลประโยชน์ทับซ้อนในเชิงนโยบาย
“เรื่องการย้ายสนามบินครั้งนี้มองเผินๆเหมือนย้ายทั่วไปแต่ตนเห็นว่าจะมีผู้ได้รับผลประโยชน์เต็มคือบริษัทผู้รับเหมาก่อสร้างขนาดใหญ่ที่มีความสัมพันธ์กับรัฐบาล และยังเป็นคู่สัมปทานของรัฐอีกจำนวนหลายโครงการ และยังเป็นผู้เข้าประมูลแข่งขันงานก่อสร้างท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระยะที่ 2 (เฟส 2) เพื่อรองรับผู้โดยสารให้ได้ 60 ล้านคนต่อปี จำนวน 10 โครงการอาทิ การก่อสร้างทางวิ่งเส้นที่ 3 การก่อสร้างอาคารเทียบเครื่องบินหลังที่ 2 การขยายพื้นที่อาคารผู้โดยสาร ในวงเงินงบประมาณ 73,734.74 ล้านบาท ซึ่งแตกต่างจากที่นายโสภณ แถลงไว้ว่าใช้งบประมาณเพียง1หมื่นล้านบาท” นายสมคิด กล่าว
นายสมคิด กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ โจทก์ผู้ถูกฟ้องอีก6 รายนั้นมีความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ สมรู้ร่วมคิด โดยเฉพาะ นายศรีสุข จันทรางศุ อดีตปลัดกระทรวงคมนาคม ที่ร่วมอนุมัติในที่ประชุมอีกทั้งยังเป็นบุคคลที่มีความใกล้ชิดกับนายเนวิน ชิดชอบ และนายอนุทิน ชาญวีรกุล จนได้รับการเสนอชื่อเป็นประธานคณะกรรมการฟื้นฟูพัฒนาโครงข่ายขนส่งทางอากาศ จึงมีการกระทำผิดขัดต่อพ.ร.บ.ว่าด้วยการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 มาตรา5, 7, 10 และ ม.11 ผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 152, 157, 341 ประกอบมาตรา 83 และมาตรา 86
นายสมคิด กล่าวอีกว่า การฟ้องดังกล่าวเป็นสิทธิ์ของตน เพราะได้รับความเดือดร้อนซึ่งตนยังได้ถูกโทรศัพท์มาข่มขู่เนื่องจากแต่ละคดีมีเรื่องเกี่ยวข้องกับผู้ใหญ่ระดับสูงของบ้านเมือง โดยมีการโทรศัพท์ไปข่มขู่คนที่บ้านตน อย่างไรก็ตาม ตนไม่รู้สึกหวั่นไหว เนื่องจากได้ทำหน้าที่ของประชาชนแล้ว