xs
xsm
sm
md
lg

จี้รัฐสั่งระงับย้ายบินไทย “ซาเล้ง” เดี้ยงแน่! ศาลปกครองรับฟ้องแล้ว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


สหภาพฯ บินไทย ส่งหนังสือฉบับที่ 2 ขอให้นายกฯ ทบทวนแผนย้ายการบินไทย 29 มี.ค.ก่อนจุดชนวนโต้แย้งในสังคม เพราะยังขาดความโปร่งใส พร้อมชี้เป้าข้อมูลแผนบิดเบือนข้อเท็จจริง เพราะถูกสั่งเมกขึ้นแบบรีบเร่ง แนะรัฐบาลในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ ต้องสั่งระงับในทันที “สมคิด หอมเนตร” นักวิชาการอิสระ สวมวิญญาณราษฎรเต็มขั้น ยื่นฟ้องศาลปกครอง จี้เอาผิด รมว.คมนาคม และพวกรวม 6 คน สั่งย้ายเที่ยวไปบินไปสุวรรณภูมิ โดยมิชอบ พร้อมโชว์หลักฐานโยงใยผลประโยชน์เอื้อพวกพ้อง หวังผลาญงบกว่า 7 หมื่น ล.โดยศาลปกครองได้รับฟ้องแล้ว

นางแจ่มศรี สุกโชติรัตน์ ประธานสหภาพแรงงานวิสาหกิจการบินไทย ได้ทำหนังสือถึง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ฉบับที่ 2 ในวันนี้ เพื่อขอให้รัฐบาลในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) สั่งระงับการย้ายการให้บริการเที่ยวบินที่สนามบินดอนเมือง เพราะขณะนี้กำลังเป็นข้อโต้แย้งในสังคมอย่างรุนแรงในเรื่องความโปร่งใส ผลดีและผลเสียของบริษัทในอนาคต ประกอบกับได้ปรากฏข้อเท็จจริง ว่า ข้อมูลต่างๆ ที่นำมาประกอบการพิจารณาไม่ตรงกับความเป็นจริง โดยเฉพาะเรื่องของการลดค่าใช้จ่ายประมาณปีละ 648 ล้านบาท

ดังนั้น เพื่อประโยชน์ของบริษัทจึงควรมีคำตอบถึงความชัดเจนในแนวทางการบริหารธุรกิจในอนาคต ซึ่งจะมีผลกระทบต่อบริษัทและพนักงานทุกคน

ทั้งนี้ สหภาพแรงงานฯ จึงเรียนมาเพื่อขอให้นายกรัฐมนตรีพิจารณาระงับการย้ายการให้บริการเที่ยวบินออกจากท่าอากาศยานดอนเมือง และนำประเด็นปัญหานี้กลับมาพิจารณาอีกครั้ง

ล่าสุด มีรายงานข่าวว่า นายสมคิด หอมเนตร นักวิชาการอิสระ ได้เปิดเผยกับสื่อมวลชนโดยระบุว่า ตนเองได้ยื่นฟ้อง นายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม พร้อมกับ อธิบดีกรมการขนส่ง กรรมการผู้อำนวยการใหญ่บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กรรมการผู้อำนวยการใหญ่บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) นายศรีสุข จันทรางศุ ประธานคณะกรรมการฟื้นฟูพัฒนาโครงข่ายขนส่งทางอากาศ และคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ ในคดีพิพาทที่หน่วยงานทางปกครอง หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐออกคำสั่งทางปกครองโดยมิชอบด้วยกฎหมาย โดยขอให้ระงับการย้ายเที่ยวบิน เครื่องบิน และอุปกรณ์สายพานลำเลียง จากสนามบินดอนเมือง พร้อมระบุว่า ตนฟ้องในฐานะที่ตนเป็นประชาชนที่เสียสิทธิ์ได้รับความเดือดร้อน หากมีการย้ายสนามบินจากดอนเมืองไปยังสนามบินสุวรรณภูมิ การย้ายสนามบินดังกล่าวเป็นการลิดรอนสิทธิ์ประชาชน โดยตนได้ยื่นต่อศาลปกครองสูงสุด เมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2552 ที่ผ่านมา และศาลประทับรับฟ้องแล้ว

นายสมคิด กล่าวอีกว่า เรื่องนี้ตนเห็นว่าเป็นการดำเนินการโดยมิชอบเป็นการขัดแย้งภายในระหว่างพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคภูมิใจไทย อีกทั้งมีหลักฐานเชื่อว่า การย้ายครั้งนี้มีผลประโยชน์ทับซ้อน และมีหลักฐานโดยเป็นเอกสารมติของคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ โดยมติดังกล่าวเป็นการยืนยันว่าจะพัฒนาระบบขนส่งมวลชนทางรางเชื่อมโยงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิกับระบบไฟฟ้าขนส่งมวลชนกรุงเทพสายสีเขียวที่สถานีพญาไท และเชื่อมต่อกับโครงการระบบรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีเขียว หมอชิต-สะพานใหม่ เข้าสู่ท่าอากาศยานดอนเมือง เพื่อให้การเดินทางเชื่อมต่อท่าอากาศยานทั้ง 2 แห่งเป็นไปอย่างสะดวกรวดเร็ว โดยรายงานดังกล่าวเป็นการระบุชัดเจนให้มีการสร้างระบบขนส่งเชื่อมต่อท่าอากาศยานทั้ง 2 แห่ง แต่กลับจะสั่งย้ายสนามบินจากดออนเมืองไปยังสุวรรณภูมิ จึงเห็นได้ชัดว่านายโสภณ ที่ยังยืนยันจะย้ายเที่ยวบินของการบินไทยและบริษัทอื่นๆ ภายในวันที่ 29 มีนาคม 2552 นี้ มีวาระซ่อนเร้นมีผลประโยชน์ทับซ้อนในเชิงนโยบาย

นายสมคิด กล่าวอีกว่า เรื่องการย้ายสนามบินครั้งนี้มองเผินๆ เหมือนย้ายทั่วไป แต่ตนเห็นว่าจะมีผู้ได้รับผลประโยชน์เต็ม ๆ คือ บริษัทผู้รับเหมาก่อสร้างขนาดใหญ่ ที่มีความสัมพันธ์กับรัฐบาล และยังเป็นคู่สัมปทานของรัฐอีกจำนวนหลายโครงการ และยังเป็นผู้เข้าประมูลแข่งขันงานก่อสร้างท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระยะที่ 2 (เฟส 2) เพื่อรองรับผู้โดยสารให้ได้ 60 ล้านคนต่อปี จำนวน 10 โครงการ อาทิ การก่อสร้างทางวิ่งเส้นที่ 3 การก่อสร้างอาคารเทียบเครื่องบินหลังที่ 2 การขยายพื้นที่อาคารผู้โดยสาร ในวงเงินงบประมาณ 73,734.74 ล้านบาท ซึ่งแตกต่างจากที่ นายโสภณ แถลงไว้ว่าใช้งบประมาณเพียง1หมื่นล้านบาท”

นอกจากนี้ โจทก์ผู้ถูกฟ้องอีก 6 รายนั้น มีความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ สมรู้ร่วมคิด โดยเฉพาะนายศรีสุข จันทรางศุ อดีตปลัดกระทรวงคมนาคม ที่ร่วมอนุมัติในที่ประชุมอีกทั้งยังเป็นบุคคลที่มีความใกล้ชิดกับนายเนวิน ชิดชอบ และ นายอนุทิน ชาญวีรกูล จนได้รับการเสนอชื่อเป็นประธานคณะกรรมการฟื้นฟูพัฒนาโครงข่ายขนส่งทางอากาศ จึงมีการกระทำผิดขัดต่อ พ.ร.บ.ว่าด้วยการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 มาตรา5 ,7 ,10 และ ม.11 ผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 152, 157, 341 ประกอบมาตรา 83 และมาตรา86

นายสมคิด กล่าวอีกว่า การฟ้องดังกล่าวเป็นสิทธิ์ของตน เพราะได้รับความเดือดร้อน ซึ่งตนยังได้ถูกโทรศัพท์มาข่มขู่ เนื่องจากแต่ละคดีมีเรื่องเกี่ยวข้องกับผู้ใหญ่ระดับสูงของบ้านเมือง โดยมีการโทรศัพท์ไปข่มขู่คนที่บ้านตน อย่างไรก็ตาม ตนไม่รู้สึกหวั่นไหว เนื่องจากได้ทำหน้าที่ของประชาชนแล้ว
กำลังโหลดความคิดเห็น