ASTVผู้จัดการรายวัน – สปส. แจงผลงานปี 51 กำไรพุ่งสวนวิกฤตเศรษฐกิจ สินทรัพย์ทั้งปีพุ่งแตะ 567,906 ล้านบาท แยกเป็นรายรับรวมกว่า 24,475 หมื่นล้านบาท จากการลงทุนทั้งในตราสารหนี้ และตลาดหุ้น ฟุ้งแม้จะกระจายความเสี่ยงลงทุนต่างประเทศ แต่ยังมีกำไรสะสมถึง 367 ล้านบาท ล่าสุด บอร์ดประกันสังคม เห็นชอบแผนยุทธศาสตร์ 5 ปี วางกรอบเพิ่มสัดส่วนลงทุนเมืองนอกและการลงทุนทางเลือก เผยอยู่ระหว่างติดตามสถานการณ์อย่างใก้ลชิด จังหวะเหมาะเมื่อไหร่ พร้อมลงทุนทันที
นายปั้น วรรณพินิจ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานของปีที่ผ่านมาว่า ในส่วนของสถานะเงินลงทุน ณ วันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2551 กองทุนประกันสังคมมีเงินลงทุนรวม 567,906 ล้านบาท ในจำนวนนี้ เป็นเงินกองทุนกรณีสงเคราะห์บุตรและชราภาพ จำนวน 448,403 ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินออมของผู้ประกันตนจำนวนกว่า 9.29 ล้านคนทั่วประเทศที่สำนักงานประกันสังคมสะสมไว้เตรียมจ่ายสิทธิประโยชน์บำนาญชราภาพ โดยจะเริ่มมีการจ่ายบำนาญชราภาพในปี พ.ศ. 2557 นอกจากนั้น เป็นเงินกองทุนที่ดูแลกรณีเจ็บป่วย ตาย ทุพพลภาพ คลอดบุตร 82,508 ล้านบาท และเป็นเงินกองทุนกรณีว่างงาน 36,995 ล้านบาท
ทั้งนี้ สัดส่วนเงินลงทุนจำนวน 567,906 ล้านบาทในปัจจุบัน แบ่งลงทุนในหลักทรัพย์ที่มีความมั่นคงสูง ได้แก่ พันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรรัฐวิสาหกิจที่มีกระทรวงการคลังค้ำประกัน เงินฝากธนาคาร และหุ้นกู้เอกชน 477,694 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 84 ของเงินลงทุน และลงทุนในหลักทรัพย์ที่มีความเสี่ยง ได้แก่ ตราสารหนี้อื่นๆ หน่วยลงทุน และหุ้นสามัญ 90,212 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 16 ของเงินลงทุน
ส่วนรายรับและผลตอบแทนจากการลงทุนของกองทุนประกันสังคมในปี พ.ศ. 2551 ที่ผ่านมา กองทุนประกันสังคมมีรายรับจากการลงทุนจำนวน 24,475 ล้านบาท ซึ่งประกอบด้วยดอกเบี้ยรับจากพันธบัตรและหุ้นกู้ จำนวน 22,012 ล้านบาท เงินปันผลและกำไรจากการขายหลักทรัพย์จำนวน 2,463 ล้านบาท โดยสูงกว่าปีก่อนหน้านี้ ซึ่งกองทุนมีรายรับอยู่เพียงจำนวน 21,109 ล้านบาท
ทั้งนี้ กองทุนประกันสังคมได้รับอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนเท่ากับร้อยละ 0.36 ต่อปี โดยคิดราคาหลักทรัพย์ตามราคาตลาดเฉพาะหลักทรัพย์ที่มีไว้เผื่อขายและเพื่อค้า ในมาตรฐานบัญชี ฉบับที่ 40 และร้อยละ 9.40 ต่อปี โดยคิดราคาหลักทรัพย์ตามราคาตลาดทั้งหมด ในมาตรฐานบัญชี ฉบับที่ 42
นายปั้น กล่าวว่า จากยอดเงินลงทุนจำนวน 567,906 ล้านบาทข้างต้น สำนักงานประกันสังคมได้แบ่งลงทุนในพันธบัตรและตราสารหนี้ต่างประเทศที่มีความมั่นคงสูงจำนวน 24,301 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 4.2 ของเงินลงทุนทั้งหมด เมื่อเศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะวิกฤตในปีที่ผ่านมา นักลงทุนมีความต้องการลงทุนในพันธบัตรมากขึ้น ทำให้ราคาพันธบัตรในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น เงินลงทุนของกองทุนในต่างประเทศจึงมีกำไรสะสมรวม 367 ล้านบาท
ทั้งนี้ เงินลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศจำนวน 24,301 ล้านบาท สำนักงานประกันสังคมนำเงินไปลงทุนในหลักทรัพย์ที่มีความมั่นคงสูง ได้แก่ เงินสด พันธบัตรรัฐบาลต่างประเทศ พันธบัตรรัฐวิสาหกิจ รัฐบาลท้องถิ่น องค์กรระหว่างประเทศ และตราสารหนี้ที่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน รวมเป็นสัดส่วนร้อยละ 86 ส่วนที่เหลืออีกร้อยละ 14 เป็นการลงทุนในหุ้นกู้เอกชนที่ได้รับการจัดอันดับเครดิตในระดับ BBB ขึ้นไป โดยยังไม่มีการลงทุนหุ้นต่างประเทศในขณะนี้
“ในช่วงที่เศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะวิกฤต นักลงทุนทั่วโลกพากันเทขายสินทรัพย์เสี่ยงแล้วนำเงินไปลงทุนในพันธบัตรและตราสารหนี้ที่มีความมั่นคงสูง ทำให้ราคาพันธบัตรต่างประเทศที่สำนักงานประกันสังคมลงทุนปรับตัวสูงขึ้น วงเงินลงทุนจำนวน 24,301 ล้านบาทข้างต้นจึงมูลค่าตามราคาตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 24,523 ล้านบาท ทำให้กองทุนประกันสังคมมีกำไรที่ยังไม่รับรู้จากการลงทุนในต่างประเทศจำนวน 222 ล้านบาท เมื่อรวมกับเงินปันผลสะสมอีกจำนวน 145 ล้านบาท สำนักงานประกันสังคมจึงมีกำไรสะสมจากการลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศจำนวน 367 ล้านบาท” นายปั้นกล่าว
นายปั้น กล่าวว่า สำหรับแผนการลงทุนในอนาคต คณะกรรมการประกันสังคมได้เห็นชอบแผนยุทธศาสตร์ 5 ปี ซึ่งได้วางกรอบให้สำนักงานประกันสังคมทยอยเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศและการลงทุนทางเลือกอื่นๆ เพื่อรองรับการเติบโตของกองทุนประกันสังคมกรณีชราภาพ อย่างไรก็ดี เนื่องจากเศรษฐกิจโลกในขณะนี้อยู่ในภาวะวิกฤต สำนักงานประกันสังคมจึงได้ชะลอการเพิ่มวงเงินลงทุนในต่างประเทศ และอยู่ระหว่างการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เมื่อมีความชัดเจนมากขึ้นและมีจังหวะการลงทุนเหมาะสมจึงจะเสนอคณะกรรมการประกันสังคมเพื่อพิจารณาเพิ่มวงเงินลงทุนต่อไป
ในขณะที่โครงการช่วยเหลือค่าครองชีพประชาชนและบุคลากรภาครัฐ หรือเช็คช่วยชาติมูลค่า 2,000 บาท เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจนั้น สปส.จะเริ่มมอบเช็คระหว่างวันที่ 26 มีนาคม - 8 เมษายน 2552 สำหรับผู้ประกันตนที่ยื่นแบบคำขอรับเงินตามโครงการช่วยเหลือค่าครองชีพประชาชนและบุคลากรภาครัฐในส่วนของผู้ประกันตน เข้ามาภายในวันที่ 6 มีนาคม 2552 ในส่วนของผู้ที่ยื่นแบบไม่ทัน หรือมีความจำเป็นต้องตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมจะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 15 พฤษภาคม 2552 นี้
ทั้งนี้ หากผู้ประกันตนมีข้อสงสัยสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานประกันสังคมเขตพื้นที่/จังหวัด/สาขาทั่วประเทศ หรือโทร 1506 ติดต่อทางระบบโทรศัพท์ตอบรับอัตโนมัติ ให้บริการทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง หรือติดต่อเจ้าหน้าที่โดยตรงให้บริการทุกวันไม่เว้นวันหยุด ตั้งแต่เวลา 07.00 – 19.00 น. หรือดูรายละเอียดได้ที่ www.sso.go.th
นายปั้น วรรณพินิจ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานของปีที่ผ่านมาว่า ในส่วนของสถานะเงินลงทุน ณ วันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2551 กองทุนประกันสังคมมีเงินลงทุนรวม 567,906 ล้านบาท ในจำนวนนี้ เป็นเงินกองทุนกรณีสงเคราะห์บุตรและชราภาพ จำนวน 448,403 ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินออมของผู้ประกันตนจำนวนกว่า 9.29 ล้านคนทั่วประเทศที่สำนักงานประกันสังคมสะสมไว้เตรียมจ่ายสิทธิประโยชน์บำนาญชราภาพ โดยจะเริ่มมีการจ่ายบำนาญชราภาพในปี พ.ศ. 2557 นอกจากนั้น เป็นเงินกองทุนที่ดูแลกรณีเจ็บป่วย ตาย ทุพพลภาพ คลอดบุตร 82,508 ล้านบาท และเป็นเงินกองทุนกรณีว่างงาน 36,995 ล้านบาท
ทั้งนี้ สัดส่วนเงินลงทุนจำนวน 567,906 ล้านบาทในปัจจุบัน แบ่งลงทุนในหลักทรัพย์ที่มีความมั่นคงสูง ได้แก่ พันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรรัฐวิสาหกิจที่มีกระทรวงการคลังค้ำประกัน เงินฝากธนาคาร และหุ้นกู้เอกชน 477,694 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 84 ของเงินลงทุน และลงทุนในหลักทรัพย์ที่มีความเสี่ยง ได้แก่ ตราสารหนี้อื่นๆ หน่วยลงทุน และหุ้นสามัญ 90,212 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 16 ของเงินลงทุน
ส่วนรายรับและผลตอบแทนจากการลงทุนของกองทุนประกันสังคมในปี พ.ศ. 2551 ที่ผ่านมา กองทุนประกันสังคมมีรายรับจากการลงทุนจำนวน 24,475 ล้านบาท ซึ่งประกอบด้วยดอกเบี้ยรับจากพันธบัตรและหุ้นกู้ จำนวน 22,012 ล้านบาท เงินปันผลและกำไรจากการขายหลักทรัพย์จำนวน 2,463 ล้านบาท โดยสูงกว่าปีก่อนหน้านี้ ซึ่งกองทุนมีรายรับอยู่เพียงจำนวน 21,109 ล้านบาท
ทั้งนี้ กองทุนประกันสังคมได้รับอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนเท่ากับร้อยละ 0.36 ต่อปี โดยคิดราคาหลักทรัพย์ตามราคาตลาดเฉพาะหลักทรัพย์ที่มีไว้เผื่อขายและเพื่อค้า ในมาตรฐานบัญชี ฉบับที่ 40 และร้อยละ 9.40 ต่อปี โดยคิดราคาหลักทรัพย์ตามราคาตลาดทั้งหมด ในมาตรฐานบัญชี ฉบับที่ 42
นายปั้น กล่าวว่า จากยอดเงินลงทุนจำนวน 567,906 ล้านบาทข้างต้น สำนักงานประกันสังคมได้แบ่งลงทุนในพันธบัตรและตราสารหนี้ต่างประเทศที่มีความมั่นคงสูงจำนวน 24,301 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 4.2 ของเงินลงทุนทั้งหมด เมื่อเศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะวิกฤตในปีที่ผ่านมา นักลงทุนมีความต้องการลงทุนในพันธบัตรมากขึ้น ทำให้ราคาพันธบัตรในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น เงินลงทุนของกองทุนในต่างประเทศจึงมีกำไรสะสมรวม 367 ล้านบาท
ทั้งนี้ เงินลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศจำนวน 24,301 ล้านบาท สำนักงานประกันสังคมนำเงินไปลงทุนในหลักทรัพย์ที่มีความมั่นคงสูง ได้แก่ เงินสด พันธบัตรรัฐบาลต่างประเทศ พันธบัตรรัฐวิสาหกิจ รัฐบาลท้องถิ่น องค์กรระหว่างประเทศ และตราสารหนี้ที่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน รวมเป็นสัดส่วนร้อยละ 86 ส่วนที่เหลืออีกร้อยละ 14 เป็นการลงทุนในหุ้นกู้เอกชนที่ได้รับการจัดอันดับเครดิตในระดับ BBB ขึ้นไป โดยยังไม่มีการลงทุนหุ้นต่างประเทศในขณะนี้
“ในช่วงที่เศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะวิกฤต นักลงทุนทั่วโลกพากันเทขายสินทรัพย์เสี่ยงแล้วนำเงินไปลงทุนในพันธบัตรและตราสารหนี้ที่มีความมั่นคงสูง ทำให้ราคาพันธบัตรต่างประเทศที่สำนักงานประกันสังคมลงทุนปรับตัวสูงขึ้น วงเงินลงทุนจำนวน 24,301 ล้านบาทข้างต้นจึงมูลค่าตามราคาตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 24,523 ล้านบาท ทำให้กองทุนประกันสังคมมีกำไรที่ยังไม่รับรู้จากการลงทุนในต่างประเทศจำนวน 222 ล้านบาท เมื่อรวมกับเงินปันผลสะสมอีกจำนวน 145 ล้านบาท สำนักงานประกันสังคมจึงมีกำไรสะสมจากการลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศจำนวน 367 ล้านบาท” นายปั้นกล่าว
นายปั้น กล่าวว่า สำหรับแผนการลงทุนในอนาคต คณะกรรมการประกันสังคมได้เห็นชอบแผนยุทธศาสตร์ 5 ปี ซึ่งได้วางกรอบให้สำนักงานประกันสังคมทยอยเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศและการลงทุนทางเลือกอื่นๆ เพื่อรองรับการเติบโตของกองทุนประกันสังคมกรณีชราภาพ อย่างไรก็ดี เนื่องจากเศรษฐกิจโลกในขณะนี้อยู่ในภาวะวิกฤต สำนักงานประกันสังคมจึงได้ชะลอการเพิ่มวงเงินลงทุนในต่างประเทศ และอยู่ระหว่างการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เมื่อมีความชัดเจนมากขึ้นและมีจังหวะการลงทุนเหมาะสมจึงจะเสนอคณะกรรมการประกันสังคมเพื่อพิจารณาเพิ่มวงเงินลงทุนต่อไป
ในขณะที่โครงการช่วยเหลือค่าครองชีพประชาชนและบุคลากรภาครัฐ หรือเช็คช่วยชาติมูลค่า 2,000 บาท เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจนั้น สปส.จะเริ่มมอบเช็คระหว่างวันที่ 26 มีนาคม - 8 เมษายน 2552 สำหรับผู้ประกันตนที่ยื่นแบบคำขอรับเงินตามโครงการช่วยเหลือค่าครองชีพประชาชนและบุคลากรภาครัฐในส่วนของผู้ประกันตน เข้ามาภายในวันที่ 6 มีนาคม 2552 ในส่วนของผู้ที่ยื่นแบบไม่ทัน หรือมีความจำเป็นต้องตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมจะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 15 พฤษภาคม 2552 นี้
ทั้งนี้ หากผู้ประกันตนมีข้อสงสัยสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานประกันสังคมเขตพื้นที่/จังหวัด/สาขาทั่วประเทศ หรือโทร 1506 ติดต่อทางระบบโทรศัพท์ตอบรับอัตโนมัติ ให้บริการทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง หรือติดต่อเจ้าหน้าที่โดยตรงให้บริการทุกวันไม่เว้นวันหยุด ตั้งแต่เวลา 07.00 – 19.00 น. หรือดูรายละเอียดได้ที่ www.sso.go.th