ASTVผู้จัดการรายวัน-"สนธิ"ยังข้องใจมติป.ป.ช.แจ้งข้อกล่าวหา"พัชรวาท"ในคดีสลายการชุมนุม 7 ตุลาฯ เบาหวิว เพียงแค่โทษทางวินัย ขณะที่"สมชาย-บิ๊กจิ๋ว"ผบช.น. และรอง ผบช.น.โดนวินัยควบอาญา ตั้งคำถามป.ป.ช.มีปัญหาหรือเป็นข้อตกลงกับ"พล.อ.ประวิตร"ตอนจัดตั้งรัฐบาล จี้ "มาร์ค"ย้าย ผบ.ตร.เข้าสำนักนายกฯ เพื่อตั้งกรรมการสอบฐานทำผิดทางวินัย จวกเสื้อแดง อ้างจะชุมนุมโดยสงบ แต่กลับโดนจับอาวุธ-ระเบิดเพียบ ชี้ข้ออ้างขับไล่รัฐบาลเหลวไหลทั้งเพ
เช้าวานนี้ (17 มี.ค.) นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้กลับมาจัดรายการ “Good Morning Thailand” ทางเอเอสทีวี ในช่วงเวลา 06.00-07.00 น. ตามปกติอีกครั้ง หลังเดินทางกลับจากงานคอนเสิร์ตการเมือง ที่นครลอสแองเจลิส สหรัฐอเมริกา โดยนายสนธิ กล่าวว่างานคอนเสิร์ตการเมืองครั้งนี้มีคนไทยจากมลรัฐต่างๆ ของสหรัฐฯมาร่วมงานจำนวนมาก โดยสามารถขายบัตรได้ 4-5 พันใบ ซึ่งในงานครั้งนี้ได้มีการสอบถามพันธมิตรฯในสหรัฐฯ ถึงการตั้งพรรคการเมือง ซึ่งก็ได้ฉันทามติเป็นเอกฉันท์ว่า สมควรจะตั้งพรรคการเมืองของพันธมิตรฯเอง
อย่างไรก็ตาม นายสนธิกล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ถือว่าพันธมิตรฯจะตั้งพรรคการเมืองแน่นอน เพราะเป็นแค่ครั้งแรกที่มีการสอบถามในเรื่องนี้ ส่วนการตัดสินจริงๆจะมีขึ้นในวันที่ 24 พ.ค.นี้ ถ้าสมาชิกส่วนใหญ่ของพันธมิตรฯไม่เห็นด้วย ก็จะไม่ตั้ง แต่ถ้าเห็นด้วยก็จะตั้ง แต่โดยเบ็ดเสร็จพันธมิตรฯที่สหรัฐฯ เห็นด้วยว่าจะต้องมีการเมืองใหม่ พวกเขารับไม่ได้กับการประนีประนอม หรือการยอมความกับความไม่ดี จึงขอให้นักการเมืองดูไว้ว่า ความต้องการการมเมืองใหม่แรงมาก เขารับไม่ได้กับการเข้ามาแล้วมาทำมาหากินกับทรัพยากรของชาติ มีการแบ่งปัน หรือทอนตังค์กันแล้วก็อยู่ร่วมกันอย่างสงบ พวกเขารับไม่ได้
จากนั้นนายสนธิได้กล่าวถึงข่าวประธานาธิบดีบารัค โอบามา ของสหรัฐฯ ออกมาอาละวาดเรื่องที่ผู้บริหารเอไอจี จะเอาเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลซึ่งมาจากภาษีของประชาชนไปเป็นโบนัสว่า นี่คือจริยธรรมและความกล้าตัดสินใจของนายโอบามา ซึ่งอาจจะต่างจากนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีของไทย เพราะพรรคเดโมแครตนั้นได้เสียงข้างมากเด็ดขาด ต่างจากนายอภิสิทธิ์ ที่ยังต้องฟังเสียงพรรคร่วมรัฐบาล อย่างไรก็ตาม นายอภิสิทธิ์ ก็พยายามขวางหลายเรื่อง เช่น การย้ายสนามบิน แต่ก็ต้องดูว่านายอภิสิทธิ์ จะทนกับเรื่องพวกนี้ได้แค่ไหน
"ยงยุทธ"เจอ 2 คดี
ต่อมานายสนธิกล่าวถึงกรณี นายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตประธานสภาผู้แทนฯ และพวกได้ไปขึ้นศาลในฐานะจำเลยคดีบุกยิงบ้านตายายตระกูลศตะกูรมะ ที่จ.พระนครศรีอยุธยา เมื่อปี 47 ว่าเรื่องนี้มีความพยายามที่จะเจรจาหลายครั้ง แต่ไม่สำเร็จ จึงต้องขึ้นสู่ศาล และศาลได้ประทับรับฟ้อง โดยเพิ่งจะมีการเริ่มสืบพยาน หลังจากเกิดเหตุมา 4 ปีกว่า
นอกจากนี้ นายยงยุทธ ยังมีอีกคดีคือ การทุจริตเลือกตั้งที่ จ.เชียงราย ซึ่งศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง ได้ตัดสินให้ใบแดงและสั่งตัดสิทธิทางการเมืองไปแล้ว และต่อมากกต.ได้ไปแจ้งความเป็นคดีอาญาไว้ที่ สน.วังทองหลาง แต่ก็มีตำรวจนายหนึ่งพยายามเข้าไปแทรกแซงคดีนี้
หนุนประกาศเขตควบคุมมลพิษ
หลังจากนั้น นายสนธิได้กล่าวถึงข่าวที่ศาลปกครองมีคำสั่งให้คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ประกาศให้พื้นที่มาบตาพุดเป็นเขตควบคุมมลพิษว่า เป็นปัญหาอันเนื่องมาจากการพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งทะเลภาคตะวันออก ที่ต้องการให้เป็นที่ตั้งของโรงงานอุตสาหกรรมปิโตรเคมี แต่กลุ่มนายทุนที่มาลงทุนก็เห็นแก่ตัว ไม่มีการควบคุมการปล่อยของเสีย จนเกิดปัญหาสิ่งแวดล้อม โรงเรียนหลายแห่งต้องปิดเรียน เป็นปัญหามานาน จนกลุ่มชาวบ้านนำโดยนายสุทธิ อัชฌาศัย แกนนำพันธมิตรฯ ระยอง ยื่นฟ้องต่อศาลปกครอง และศาลปกครองได้มีคำสั่งให้ประกาศเป็นเขตควบคุมมลพิษ ซึ่งในประเทศไทยมีแล้ว 16 แห่ง แต่มาบตาพุดกลับยังไม่มี เพราะอิทธิพลของกลุ่มทุน ซึ่งถ้าย้ายไปตั้งโรงงานลึกเข้าไปในแผ่นดินสัก 100 กิโลเมตร ก็ไม่มีปัญหา แล้วสร้างรถไฟลงสู่ชายฝั่งทะเลก็ได้ แต่ความต้องการประหยัดต้นทุนจึงไม่สนใจว่าสภาพแวดล้อมจะเสียหาย
นายสนธิกล่าวต่อว่า คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมมีมติไม่อุทธรณ์คำสั่งศาลปกครอง กรณีการประกาศเขตควบคุมมลพิษ เพราะทนแรงกดดันสังคมไม่ได้ ซึ่งถ้าไม่ประกาศมาบตาพุดจะเต็มไปด้วยมลพิษ แต่ขออุทธรณ์ข้อเดียวคือ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ที่น่าสนในสนใจคือ มีคนประท้วง 2 ฝ่าย ฝ่ายหนึ่งขอให้ไม่อุทธรณ์ กับอีกฝ่ายขอให้อุทธรณ์ นำโดยนายสุทธา เหมสถล นายกสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวและสิ่งแวดล้อม อ.บ้านฉาง จ.ระยอง ทั้งที่ การประกาศเขตควบคุมมลพิษน่าจะเป็นผลดี เพราะการแก้ไขปัญหามลพิษจะได้ทำอย่างมีหลักการ และได้ผล แต่นายสุทธา ก็อ้างว่าอยากให้ปัญหามาบตาพุดเป็นปัญหาระดับชาติ ให้ระดับอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ อธิบดีกรมโรงงาน และมีระดับรัฐมนตรีเป็นประธานน่าจะดีกว่าระดับท้องถิ่น
นายสนธิกล่าวว่า ที่จริงมันก็เป็นปัญหาระดับชาติแล้ว และประชาชนก็รอมานาน จึงต้องประกาศเป็นเขตควบคุมมลพิษ และให้ท้องถิ่นมาร่วมคุ้มครอง เพราะท้องถิ่นจะรู้ปัญหาดีที่สุด และถ้ายอมให้นายทุนลูกหลานก็จะอยู่ไม่ได้ แต่ถ้าให้ระดับรัฐมนตรีคุ้มครอง ทุนก็จะวิ่งเข้าหารัฐมนตรีได้ และรัฐมนตรี ก็สั่งกรมโรงงานหรือกรมควบคุมมลพิษได้
ข้อเรียกร้อง"เสื้อแดง"ไร้สาระ
ต่อมานายสนธิ กล่าวถึงกรณีหนังสือพิมพ์มติชนรายวัน เปิดหน้าโฆษณาชวนเชื่อให้ไปชมเทปการบรรยายของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่อยู่ระหว่างหลบหนีคดี ทางสถานีโทรทัศน์ดีสเตชั่น ว่า ตนพูดมานานแล้วว่า ไม่ว่ามติชน หรือ ข่าวสด ไม่ใช่หนังสือพิมพ์อีกต่อไป แต่เป็นสื่อในเครือข่ายระบอบทักษิณ ที่รับจ้างโฆษณาชวนเชื่อ ท่านผู้ชมจะอ่านหรือไม่อ่านก็สุดแท้แต่ อย่างไรก็ตามขอว่าอย่าไปซื้อ เพราะเขาไปทางโน้นแล้ว แต่ก็สงสารหลายคนดีๆ หลายคนในเครือมติชนที่รู้จัก และนับถือกัน
หลังจากนั้นนายสนธิกล่าวถึงการนัดชุมนุมใหญ่ของคนเสื้อแดงว่า ในวันที่ 29 มี.ค.จะมีม็อบประจำเดือน ระดมคนมาล้อมทำเนียบฯ โดยนัดรวมที่สนามหลวง ซึ่งแกนนำคนเสื้อแดงอ้างว่า จะมีคนมามากกว่าเมื่อก่อน โดยนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วนพรรคเพื่อไทย แกนนำคนเสื้อแดงอ้างว่า ที่ต้องมาชุมนุมครั้งนี้ เพราะรัฐบาลละเลยข้อเรียกร้อง 4 ข้อ โดยข้อ 1. คือให้เร่งดำเนินคดีกับพันธมิตรฯ ที่ยึดสนามบิน
นายสนธิกล่าวว่า กรณีนี้ไม่ต้องไปเร่งรัฐบาล เพราะตำรวจในมือของพวกเสื้อแดง ก็เร่งทำคดีของพันธมิตรฯ อยู่แล้ว บางเรื่องก็ไปถึงอัยการแล้ว ไม่จำเป็นต้องไปบอกรัฐบาล และที่สำคัญรัฐบาลนี้ไม่ได้มาช่วยพันธมิตรฯ อยู่แล้ว ขนาดรัฐบาลถูกคนเสื้อแดงปาไข่ และระเบิดปิงปองใส่ ก็ยังทำอะไรไมได้
ส่วนข้อที่ 2 ที่เรียกร้องให้ปลดนายกษิต ภิรมย์ ออกจากตำแหน่ง รมว.ต่างประเทศนั้น ก็คงปลดไม่ได้ เพราะนายกษิต ทำงานดีกว่านายนพดล ปัทมะ หรือนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ตั้งมากมาย แต่พวกเสื้อแดง ต้องการให้ปลดนายกษิต ก็เพราะกำลังประสานกับประเทศต่างๆ เอาตัวนายของพวกเสื้อแดงมาดำเนินคดี
สำหรับข้อ 3 ที่ให้เอารัฐธรรมนูญ 2540 มาใช้แทนฉบับปี 2550 นั้น ก็เป็นเรื่องเดิมที่ฝ่ายคนเสื้อแดงจะให้แก้รัฐธรรมนูญ 2550 พันธมิตรฯ ที่รักชาติบ้านเมือง จึงต้องออกมาประท้วงในปี 2551 ที่ผ่านมา จนกระทั่งไม่สามารถยกเลิกได้ และนายใหญ่ของพวกเสื้อแดงต้องติดคุก และไม่สามารถปลดล็อกความผิดได้ นี่เป็นข้อเรียกร้องเพื่อนายใหญ่ของพวกเสื้อแดงโดยเฉพาะ ส่วนข้อที่ 4. ให้ยุบสภา ต้องไปถามนายอภิสิทธิ์ เอง พันธมิตรฯไม่เกี่ยวข้อง
ตร.กวาดจับอาวุธแก๊งเสื้อแดง
นายสนธิกล่าวว่า การเคลื่อนไหวครั้งนี้ พวกแกนนำคนเสื้อแดงอ้างว่าจะชุมนุมโดยสงบปราศจากอาวุธ แต่กลับพบว่ามีการเตรียมอาวุธไว้แล้วแต่โดนจับได้ก่อน นอกจากนั้นยังอ้างว่าจะป้องกันมือที่ 3 ไม่ให้เข้าไปสร้างสถานการณ์เหมือนที่ธัญบุรี เมื่อวันที่ 14 มี.ค. ซึ่งจะมีการไปแจ้งความในบ่ายวันนี้
นายสนธิ กล่าวว่า พวกเสื้อแดงจะชุมนุมก็ชุมนุมไป พันธมิตรฯ ไม่เคยไปยุ่ง เสื้อแดงจะไปชุมนุมที่ไหนเราไม่เคยสนใจ เราชุมนุมโดยอหิงสาจริงๆ เราไม่กินเหล้ากินเบียร์ เราไม่จับทหารมากระทืบ ไม่เอาก้อนหินไปทุบรถ ส.ส. ตรงกันข้ามพวกเราชุมนุมกลับโดนตำรวจของพวกเสื้อแดงไล่ยิงตายไป 10 กว่าคน พิการอีก 20 คน บาดเจ็บอีก 700 กว่าคน
“คุณเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า เพราะฉะนั้นแล้ว มือที่ 3 คือ มือของพวกคุณเอง ไม่ใช่มือของพวกผม พวกเราไม่เคยถ่อย พวกเรามีบุคคลหลายประเภทที่เข้ามา คนที่ถ่อยคือพวกเสื้อแดง พวกคุณทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นวาจาที่ก้าวร้าว ไม่ว่าจะเป็นวาจาที่หยาบคาย ไม่ว่าจะเป็นการจาบจ้วงแม้กระทั่งสถาบันกษัตริย์”
นายสนธิกล่าวย้ำว่า สิ่งที่พวกเสื้อแดงทำทั้งหมดก็เพื่อให้นายใหญ่ของพวกเขาพ้นผิด โดยไม่เห็นแก่ชาติบ้านเมือง คนเสื้อแดงโชคดีที่รัฐบาลนี้มี นายสุเทพ เมือกสุบรรณ ที่วางเฉย และพูดเหมารวมว่าทั้งเสื้อแดงเสื้อเหลืองป่วนประเทศ ทั้งที่เสื้อเหลืองไม่เคยป่วน ที่ป่วนคือเสื้อแดง ถ้าตนเป็นรัฐบาล จะบอกเลยว่าคนเสื้อแดง คือตัวป่วน จะไม่เอาคนอื่นมาเป็นตัวประกอบ เพราะไม่มี คนเสื้อเหลืองเดินหน้าเพื่อความถูกต้อง เพื่อจริยธรรม
นายสนธิกล่าวต่อว่า เมื่อวานนี้ (16 มี.ค.) เวลาบ่ายโมง ตำรวจได้ตรวจค้นเต็นท์พวกเเสื้อแดงที่สนามหลวง พบระเบิดแสวงเครื่อง 2 ลูก ระเบิดปิงปอง และอาวุธอื่นๆ อีกหลายรายการ ซึ่งระเบิดที่พบนั้นสามารถตั้งเวลาให้ระเบิดได้ หลังจากถูกจับแล้วพวกเสื้อแดงก็อ้างว่าไม่เกี่ยว แต่เวลา 2 ทุ่มครึ่ง พวกเสื้อแดง 50 คนในนามกลุ่มรักสนามหลวง ก็ขนกันมาเยี่ยมคนที่ถูกจับ ที่ สน.ชนะสงคราม เรื่องนี้ชี้ชัดว่าคนเสื้อแดงสะสมอาวุธ วัตถุระเบิดแสวงเครื่อง เตรียมพร้อมวางระเบิดในกรุงเทพฯ เพื่อให้เกิดความวุ่นวาย แม้ตอนแรกจะปฏิเสธว่าไม่ใช่ แต่ตอนหลังมาเยี่ยมกันก็พิสูจน์ชัดว่า เป็นกลุ่มเดียวกัน
ตร.ต้องรักษาระบบนิติรัฐให้ได้
หลังจากนั้น นายสนธิกล่าวถึงกรณีที่ พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผบช.น. ให้สัมภาษณ์ว่า ตอนนี้ตำรวจพูดอะไรคนก็ไม่เชื่อว่า แทนที่จะพูดแบบนี้ ตำรวจควรจะทำงานรับใช้ประชาชน และรักษาระบบนิติรัฐให้ได้จริงๆเสียก่อน อยากให้ลองไปดูคำพูดของ พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น.ที่ทำกับพันธมิตรฯ ก็จะเห็นถึงความไม่ยุติธรรมที่ตำรวจทำกับเรา ซึ่งแทนที่จะไปบ่นว่าตำรวจพูดอะไรคนก็ไม่เชื่อ ควรจะไปทำความยุติธรรมให้เกิดขึ้นดีกว่า ถ้าเห็นว่ากรณีที่ พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน ดำเนินคดีกับพันธมิตรฯ ไม่ยุติธรรมกับผู้ถูกกล่าว เพราะ พล.ต.ต.อำนวย เป็นปฏิปักษ์กับพันธมิตรฯ ก็ควรเสนอให้เปลี่ยนหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีพันธมิตรฯ เสียใหม่ ได้แสดงออกได้เท่านี้ ตนสามารถยกมือไหว้ได้ อย่าไปมัวโม้ ทำตัวให้คนไม่เชื่อ
สำหรับกรณีที่ นายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา เลื่อนวันอภิปรายไม่ไว้วางใจมาเป็นวันที่ 19-20 มี.ค.นี้ นายสนธิกล่าวว่า พรรคฝ่ายค้านโวยวาย เพราะกะจัดตั้งกันพอดีๆ อภิปรายเสร็จวันที่ 20 กว่า ก็จะจัดตั้งคน ซึ่งต้องใช้หัวคะแนน และเอาเงินไปวาง จัดการเหมารถเหมารา ต่างจากพันธมิตรฯ ที่มากันเองในการชุมนุมแต่ละครั้ง พออภิปรายเร็วขึ้น พวกเสื้อแดงก็โวย เพราะเดิมนัดไว้วันที่ 26 พออภิปรายจบวันที่ 20 ก็หมดแล้ว ไม่เหลืออะไรแล้ว
ป.ป.ช.แจ้งข้อหา"พัชรวาท"เบาหวิว
นายสนธิ ยังกล่าวถึงกรณี ป.ป.ช. มีมติแจ้งข้อกล่าวหานักการเมืองและข้าราชการ 7 คน ที่มีความผิดกรณีสลายการชุมนุมของพันธมิตรฯ เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2551 ว่า ไม่เห็นด้วยกับการแจ้งข้อกล่าวหา พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. เพียงแค่ผิดวินัย ฐานไม่ปฏิบัติหน้าที่ราชการด้วยความอุตสาหะ เอาใจใส่ระมัดระวังรักษาประโยชน์ของทางราชการ ประมาทเลินเล่อในหน้าที่ราชการ ซึ่งคิดว่า กรณีนี้ป.ป.ช.เพี้ยน ส่อให้เข้าใจว่า อาจมีการวิ่งเต้นป.ป.ช.
นายสนธิ กล่าวว่านายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ ถูกกล่าวหากระทำผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 เพราะสั่งให้มีการประชุมสภาในวันที่ 7 ต.ค. จนทำให้มีผู้บาดเจ็บล้มตาย และพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตรองนายกฯ ก็ผิดด้วย เพราะได้รับหมอบหมายให้เป็นผู้รับผิดชอบ
ดังนั้น พล.ต.อ.พัชรวาท ก็น่าจะมีความผิดเหมือนนายสมชาย ที่มอบหมายให้นายตำรวจคนอื่นรับผิดชอบแทน แต่เพราะพล.ต.อ.พัชรวาท เป็นน้องชายของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม จึงพ้นข้อนี้ และผิดแค่ทางวินัย ใช่หรือไม่
นายสนธิ กล่าวว่า อยากฝากถามนายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ว่าผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ผู้บริหารสูงสุดของตำรวจ หากโดนข้อหาไม่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความอุตสาหะ ประมาทเลินเล่อในหน้าที่ราชการ ความผิดทางวินัยนี้ต้องถูกย้ายเข้าสำนักนายกฯ เพื่อตั้งกรรมการสอบสวน จะปล่อยให้ลอยนวลไม่ได้
นอกจากนี้ กรณีพล.ต.อ.วิโรจน์ พหลเวชช์ รองผบ.ตร. ที่ได้รับมอบหมายจากผบ.ตร. ให้สั่งและปฏิบัติราชการแทน ถูกแจ้งข้อกล่าวหาความผิดทางวินัย เช่นเดียวกับ พล.ต.อ.พัชรวาท ก็ถือว่าเป็นมวยล้ม และไม่ถูกต้อง ในเมื่อบอกว่า พล.ต.อ.พัชรวาท มอบหมายให้ พล.ต.อ.วิโรจน์ดูแล้วทำไม พล.ต.อ.วิโรจน์ไม่โดนหนัก แต่ไปโดนหนักที่ พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว อดีต ผบช.น. คนเดียว แน่นอนพล.ต.ท.สุชาติสมควรถูกแจ้งข้อกล่าวหาทางอาญาด้วยอยู่แล้ว แต่พล.ต.อ.วิโรจน์ ในฐานะผู้ได้รับมอบหมายจากผบ.ตร. ทำไมจะไม่รู้ว่า มีประชาชนบาดเจ็บล้มตาย แล้วไม่สั่งให้หยุด
"กรณีนี้ ผมว่าป.ป.ช.มีปัญหา แต่ไม่รู้ว่าเป็นฝีมือใคร แต่คงไม่ใช่คุณวิชา มหาคุณ แน่นอน เพราะท่านเป็นป.ป.ช.คณะใหญ่ ต้องเข้าที่ประชุมใหญ่ลงมติอีกครั้ง"
นายสนธิ กล่าวอีกว่า เป็นเรื่องที่น่าเจ็บปวด เพราะนายตำรวจหลายคนที่โดนแจ้งข้อกล่าวหานั้น ตนรู้จักทุกคน ยกเว้นพล.ต.อ.วิโรจน์ พล.ต.ต.เอกรันต์ มีปรีชา รอง ผบช.น.นั้น พ่อเป็นคนดีมาก ส่วน พล.ต.ท.สุชาติ ก็รู้จักกัน สมัยที่ตนโดนจับข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ที่มีคนปั้นเรื่องใส่ร้ายนั้น นายตำรวจคนนี้ก็ประสานงาน พล.ต.ต.ลิขิต กลิ่นอวล รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ตนก็รู้จัก เพราะเป็นอดีตผู้กำกับ สน.ชนะสงคราม และทำให้เห็นว่า ทุกอย่างมันเป็นอนิจจัง
ในส่วน พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น. ที่ป.ป.ช.บอกว่ายังไม่พบการกระทำผิด เพราะมีการเปลี่ยนเวรกับ พล.ต.ต.เอกรัตน์ ในวันที่ 7 ต.ค.นั้น แม้จะยังไม่มีข้อกล่าวหา แต่ถ้ามีข้อมูลใหม่ก็พร้อมแจ้ง ดังนั้น พล.ต.ต.อำนวย อย่าเพิ่งดีใจ เพราะเป็นตำรวจที่ประชาชนเกลียดมากที่สุด ไม่เคยเห็นตำรวจคนไหนที่มีประชาชนเกลียดมากเท่านี้
ที่สำคัญ พันธมิตรจะฟ้องศาลอาญาเอง เพราะฉะนั้น พล.ต.ต.อำนวย คนเดียวจะเจอกับพันธมิตรฯ ทั้งประเทศ ทั้งอเมริกาและออสเตรเลีย
นายสนธิ กล่าวในตอนท้ายว่า วันศุกร์นี้ตนจะพูดเรื่อง พล.ต.อ.พัชรวาท อีกครั้งในรายการพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย โดยจะพูดถึงความผิดของพล.ต.อ.พัชรวาท ซึ่งไม่ได้มีแค่เรื่อง 7 ตุลาฯ เรื่องเดียว แต่ยังมีเรื่องอื่นๆ ที่ทำให้นายอภิสิทธิ์ หรือนายสุเทพ ไม่ควรเก็บพล.ต.อ.พัชทรวาทไว้อีกต่อไป เว้นแต่จะมีข้อตกลงกันกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ตอนจัดตั้งรัฐบาล
เช้าวานนี้ (17 มี.ค.) นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้กลับมาจัดรายการ “Good Morning Thailand” ทางเอเอสทีวี ในช่วงเวลา 06.00-07.00 น. ตามปกติอีกครั้ง หลังเดินทางกลับจากงานคอนเสิร์ตการเมือง ที่นครลอสแองเจลิส สหรัฐอเมริกา โดยนายสนธิ กล่าวว่างานคอนเสิร์ตการเมืองครั้งนี้มีคนไทยจากมลรัฐต่างๆ ของสหรัฐฯมาร่วมงานจำนวนมาก โดยสามารถขายบัตรได้ 4-5 พันใบ ซึ่งในงานครั้งนี้ได้มีการสอบถามพันธมิตรฯในสหรัฐฯ ถึงการตั้งพรรคการเมือง ซึ่งก็ได้ฉันทามติเป็นเอกฉันท์ว่า สมควรจะตั้งพรรคการเมืองของพันธมิตรฯเอง
อย่างไรก็ตาม นายสนธิกล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ถือว่าพันธมิตรฯจะตั้งพรรคการเมืองแน่นอน เพราะเป็นแค่ครั้งแรกที่มีการสอบถามในเรื่องนี้ ส่วนการตัดสินจริงๆจะมีขึ้นในวันที่ 24 พ.ค.นี้ ถ้าสมาชิกส่วนใหญ่ของพันธมิตรฯไม่เห็นด้วย ก็จะไม่ตั้ง แต่ถ้าเห็นด้วยก็จะตั้ง แต่โดยเบ็ดเสร็จพันธมิตรฯที่สหรัฐฯ เห็นด้วยว่าจะต้องมีการเมืองใหม่ พวกเขารับไม่ได้กับการประนีประนอม หรือการยอมความกับความไม่ดี จึงขอให้นักการเมืองดูไว้ว่า ความต้องการการมเมืองใหม่แรงมาก เขารับไม่ได้กับการเข้ามาแล้วมาทำมาหากินกับทรัพยากรของชาติ มีการแบ่งปัน หรือทอนตังค์กันแล้วก็อยู่ร่วมกันอย่างสงบ พวกเขารับไม่ได้
จากนั้นนายสนธิได้กล่าวถึงข่าวประธานาธิบดีบารัค โอบามา ของสหรัฐฯ ออกมาอาละวาดเรื่องที่ผู้บริหารเอไอจี จะเอาเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลซึ่งมาจากภาษีของประชาชนไปเป็นโบนัสว่า นี่คือจริยธรรมและความกล้าตัดสินใจของนายโอบามา ซึ่งอาจจะต่างจากนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีของไทย เพราะพรรคเดโมแครตนั้นได้เสียงข้างมากเด็ดขาด ต่างจากนายอภิสิทธิ์ ที่ยังต้องฟังเสียงพรรคร่วมรัฐบาล อย่างไรก็ตาม นายอภิสิทธิ์ ก็พยายามขวางหลายเรื่อง เช่น การย้ายสนามบิน แต่ก็ต้องดูว่านายอภิสิทธิ์ จะทนกับเรื่องพวกนี้ได้แค่ไหน
"ยงยุทธ"เจอ 2 คดี
ต่อมานายสนธิกล่าวถึงกรณี นายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตประธานสภาผู้แทนฯ และพวกได้ไปขึ้นศาลในฐานะจำเลยคดีบุกยิงบ้านตายายตระกูลศตะกูรมะ ที่จ.พระนครศรีอยุธยา เมื่อปี 47 ว่าเรื่องนี้มีความพยายามที่จะเจรจาหลายครั้ง แต่ไม่สำเร็จ จึงต้องขึ้นสู่ศาล และศาลได้ประทับรับฟ้อง โดยเพิ่งจะมีการเริ่มสืบพยาน หลังจากเกิดเหตุมา 4 ปีกว่า
นอกจากนี้ นายยงยุทธ ยังมีอีกคดีคือ การทุจริตเลือกตั้งที่ จ.เชียงราย ซึ่งศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง ได้ตัดสินให้ใบแดงและสั่งตัดสิทธิทางการเมืองไปแล้ว และต่อมากกต.ได้ไปแจ้งความเป็นคดีอาญาไว้ที่ สน.วังทองหลาง แต่ก็มีตำรวจนายหนึ่งพยายามเข้าไปแทรกแซงคดีนี้
หนุนประกาศเขตควบคุมมลพิษ
หลังจากนั้น นายสนธิได้กล่าวถึงข่าวที่ศาลปกครองมีคำสั่งให้คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ประกาศให้พื้นที่มาบตาพุดเป็นเขตควบคุมมลพิษว่า เป็นปัญหาอันเนื่องมาจากการพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งทะเลภาคตะวันออก ที่ต้องการให้เป็นที่ตั้งของโรงงานอุตสาหกรรมปิโตรเคมี แต่กลุ่มนายทุนที่มาลงทุนก็เห็นแก่ตัว ไม่มีการควบคุมการปล่อยของเสีย จนเกิดปัญหาสิ่งแวดล้อม โรงเรียนหลายแห่งต้องปิดเรียน เป็นปัญหามานาน จนกลุ่มชาวบ้านนำโดยนายสุทธิ อัชฌาศัย แกนนำพันธมิตรฯ ระยอง ยื่นฟ้องต่อศาลปกครอง และศาลปกครองได้มีคำสั่งให้ประกาศเป็นเขตควบคุมมลพิษ ซึ่งในประเทศไทยมีแล้ว 16 แห่ง แต่มาบตาพุดกลับยังไม่มี เพราะอิทธิพลของกลุ่มทุน ซึ่งถ้าย้ายไปตั้งโรงงานลึกเข้าไปในแผ่นดินสัก 100 กิโลเมตร ก็ไม่มีปัญหา แล้วสร้างรถไฟลงสู่ชายฝั่งทะเลก็ได้ แต่ความต้องการประหยัดต้นทุนจึงไม่สนใจว่าสภาพแวดล้อมจะเสียหาย
นายสนธิกล่าวต่อว่า คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมมีมติไม่อุทธรณ์คำสั่งศาลปกครอง กรณีการประกาศเขตควบคุมมลพิษ เพราะทนแรงกดดันสังคมไม่ได้ ซึ่งถ้าไม่ประกาศมาบตาพุดจะเต็มไปด้วยมลพิษ แต่ขออุทธรณ์ข้อเดียวคือ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ที่น่าสนในสนใจคือ มีคนประท้วง 2 ฝ่าย ฝ่ายหนึ่งขอให้ไม่อุทธรณ์ กับอีกฝ่ายขอให้อุทธรณ์ นำโดยนายสุทธา เหมสถล นายกสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวและสิ่งแวดล้อม อ.บ้านฉาง จ.ระยอง ทั้งที่ การประกาศเขตควบคุมมลพิษน่าจะเป็นผลดี เพราะการแก้ไขปัญหามลพิษจะได้ทำอย่างมีหลักการ และได้ผล แต่นายสุทธา ก็อ้างว่าอยากให้ปัญหามาบตาพุดเป็นปัญหาระดับชาติ ให้ระดับอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ อธิบดีกรมโรงงาน และมีระดับรัฐมนตรีเป็นประธานน่าจะดีกว่าระดับท้องถิ่น
นายสนธิกล่าวว่า ที่จริงมันก็เป็นปัญหาระดับชาติแล้ว และประชาชนก็รอมานาน จึงต้องประกาศเป็นเขตควบคุมมลพิษ และให้ท้องถิ่นมาร่วมคุ้มครอง เพราะท้องถิ่นจะรู้ปัญหาดีที่สุด และถ้ายอมให้นายทุนลูกหลานก็จะอยู่ไม่ได้ แต่ถ้าให้ระดับรัฐมนตรีคุ้มครอง ทุนก็จะวิ่งเข้าหารัฐมนตรีได้ และรัฐมนตรี ก็สั่งกรมโรงงานหรือกรมควบคุมมลพิษได้
ข้อเรียกร้อง"เสื้อแดง"ไร้สาระ
ต่อมานายสนธิ กล่าวถึงกรณีหนังสือพิมพ์มติชนรายวัน เปิดหน้าโฆษณาชวนเชื่อให้ไปชมเทปการบรรยายของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่อยู่ระหว่างหลบหนีคดี ทางสถานีโทรทัศน์ดีสเตชั่น ว่า ตนพูดมานานแล้วว่า ไม่ว่ามติชน หรือ ข่าวสด ไม่ใช่หนังสือพิมพ์อีกต่อไป แต่เป็นสื่อในเครือข่ายระบอบทักษิณ ที่รับจ้างโฆษณาชวนเชื่อ ท่านผู้ชมจะอ่านหรือไม่อ่านก็สุดแท้แต่ อย่างไรก็ตามขอว่าอย่าไปซื้อ เพราะเขาไปทางโน้นแล้ว แต่ก็สงสารหลายคนดีๆ หลายคนในเครือมติชนที่รู้จัก และนับถือกัน
หลังจากนั้นนายสนธิกล่าวถึงการนัดชุมนุมใหญ่ของคนเสื้อแดงว่า ในวันที่ 29 มี.ค.จะมีม็อบประจำเดือน ระดมคนมาล้อมทำเนียบฯ โดยนัดรวมที่สนามหลวง ซึ่งแกนนำคนเสื้อแดงอ้างว่า จะมีคนมามากกว่าเมื่อก่อน โดยนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วนพรรคเพื่อไทย แกนนำคนเสื้อแดงอ้างว่า ที่ต้องมาชุมนุมครั้งนี้ เพราะรัฐบาลละเลยข้อเรียกร้อง 4 ข้อ โดยข้อ 1. คือให้เร่งดำเนินคดีกับพันธมิตรฯ ที่ยึดสนามบิน
นายสนธิกล่าวว่า กรณีนี้ไม่ต้องไปเร่งรัฐบาล เพราะตำรวจในมือของพวกเสื้อแดง ก็เร่งทำคดีของพันธมิตรฯ อยู่แล้ว บางเรื่องก็ไปถึงอัยการแล้ว ไม่จำเป็นต้องไปบอกรัฐบาล และที่สำคัญรัฐบาลนี้ไม่ได้มาช่วยพันธมิตรฯ อยู่แล้ว ขนาดรัฐบาลถูกคนเสื้อแดงปาไข่ และระเบิดปิงปองใส่ ก็ยังทำอะไรไมได้
ส่วนข้อที่ 2 ที่เรียกร้องให้ปลดนายกษิต ภิรมย์ ออกจากตำแหน่ง รมว.ต่างประเทศนั้น ก็คงปลดไม่ได้ เพราะนายกษิต ทำงานดีกว่านายนพดล ปัทมะ หรือนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ตั้งมากมาย แต่พวกเสื้อแดง ต้องการให้ปลดนายกษิต ก็เพราะกำลังประสานกับประเทศต่างๆ เอาตัวนายของพวกเสื้อแดงมาดำเนินคดี
สำหรับข้อ 3 ที่ให้เอารัฐธรรมนูญ 2540 มาใช้แทนฉบับปี 2550 นั้น ก็เป็นเรื่องเดิมที่ฝ่ายคนเสื้อแดงจะให้แก้รัฐธรรมนูญ 2550 พันธมิตรฯ ที่รักชาติบ้านเมือง จึงต้องออกมาประท้วงในปี 2551 ที่ผ่านมา จนกระทั่งไม่สามารถยกเลิกได้ และนายใหญ่ของพวกเสื้อแดงต้องติดคุก และไม่สามารถปลดล็อกความผิดได้ นี่เป็นข้อเรียกร้องเพื่อนายใหญ่ของพวกเสื้อแดงโดยเฉพาะ ส่วนข้อที่ 4. ให้ยุบสภา ต้องไปถามนายอภิสิทธิ์ เอง พันธมิตรฯไม่เกี่ยวข้อง
ตร.กวาดจับอาวุธแก๊งเสื้อแดง
นายสนธิกล่าวว่า การเคลื่อนไหวครั้งนี้ พวกแกนนำคนเสื้อแดงอ้างว่าจะชุมนุมโดยสงบปราศจากอาวุธ แต่กลับพบว่ามีการเตรียมอาวุธไว้แล้วแต่โดนจับได้ก่อน นอกจากนั้นยังอ้างว่าจะป้องกันมือที่ 3 ไม่ให้เข้าไปสร้างสถานการณ์เหมือนที่ธัญบุรี เมื่อวันที่ 14 มี.ค. ซึ่งจะมีการไปแจ้งความในบ่ายวันนี้
นายสนธิ กล่าวว่า พวกเสื้อแดงจะชุมนุมก็ชุมนุมไป พันธมิตรฯ ไม่เคยไปยุ่ง เสื้อแดงจะไปชุมนุมที่ไหนเราไม่เคยสนใจ เราชุมนุมโดยอหิงสาจริงๆ เราไม่กินเหล้ากินเบียร์ เราไม่จับทหารมากระทืบ ไม่เอาก้อนหินไปทุบรถ ส.ส. ตรงกันข้ามพวกเราชุมนุมกลับโดนตำรวจของพวกเสื้อแดงไล่ยิงตายไป 10 กว่าคน พิการอีก 20 คน บาดเจ็บอีก 700 กว่าคน
“คุณเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า เพราะฉะนั้นแล้ว มือที่ 3 คือ มือของพวกคุณเอง ไม่ใช่มือของพวกผม พวกเราไม่เคยถ่อย พวกเรามีบุคคลหลายประเภทที่เข้ามา คนที่ถ่อยคือพวกเสื้อแดง พวกคุณทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นวาจาที่ก้าวร้าว ไม่ว่าจะเป็นวาจาที่หยาบคาย ไม่ว่าจะเป็นการจาบจ้วงแม้กระทั่งสถาบันกษัตริย์”
นายสนธิกล่าวย้ำว่า สิ่งที่พวกเสื้อแดงทำทั้งหมดก็เพื่อให้นายใหญ่ของพวกเขาพ้นผิด โดยไม่เห็นแก่ชาติบ้านเมือง คนเสื้อแดงโชคดีที่รัฐบาลนี้มี นายสุเทพ เมือกสุบรรณ ที่วางเฉย และพูดเหมารวมว่าทั้งเสื้อแดงเสื้อเหลืองป่วนประเทศ ทั้งที่เสื้อเหลืองไม่เคยป่วน ที่ป่วนคือเสื้อแดง ถ้าตนเป็นรัฐบาล จะบอกเลยว่าคนเสื้อแดง คือตัวป่วน จะไม่เอาคนอื่นมาเป็นตัวประกอบ เพราะไม่มี คนเสื้อเหลืองเดินหน้าเพื่อความถูกต้อง เพื่อจริยธรรม
นายสนธิกล่าวต่อว่า เมื่อวานนี้ (16 มี.ค.) เวลาบ่ายโมง ตำรวจได้ตรวจค้นเต็นท์พวกเเสื้อแดงที่สนามหลวง พบระเบิดแสวงเครื่อง 2 ลูก ระเบิดปิงปอง และอาวุธอื่นๆ อีกหลายรายการ ซึ่งระเบิดที่พบนั้นสามารถตั้งเวลาให้ระเบิดได้ หลังจากถูกจับแล้วพวกเสื้อแดงก็อ้างว่าไม่เกี่ยว แต่เวลา 2 ทุ่มครึ่ง พวกเสื้อแดง 50 คนในนามกลุ่มรักสนามหลวง ก็ขนกันมาเยี่ยมคนที่ถูกจับ ที่ สน.ชนะสงคราม เรื่องนี้ชี้ชัดว่าคนเสื้อแดงสะสมอาวุธ วัตถุระเบิดแสวงเครื่อง เตรียมพร้อมวางระเบิดในกรุงเทพฯ เพื่อให้เกิดความวุ่นวาย แม้ตอนแรกจะปฏิเสธว่าไม่ใช่ แต่ตอนหลังมาเยี่ยมกันก็พิสูจน์ชัดว่า เป็นกลุ่มเดียวกัน
ตร.ต้องรักษาระบบนิติรัฐให้ได้
หลังจากนั้น นายสนธิกล่าวถึงกรณีที่ พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผบช.น. ให้สัมภาษณ์ว่า ตอนนี้ตำรวจพูดอะไรคนก็ไม่เชื่อว่า แทนที่จะพูดแบบนี้ ตำรวจควรจะทำงานรับใช้ประชาชน และรักษาระบบนิติรัฐให้ได้จริงๆเสียก่อน อยากให้ลองไปดูคำพูดของ พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น.ที่ทำกับพันธมิตรฯ ก็จะเห็นถึงความไม่ยุติธรรมที่ตำรวจทำกับเรา ซึ่งแทนที่จะไปบ่นว่าตำรวจพูดอะไรคนก็ไม่เชื่อ ควรจะไปทำความยุติธรรมให้เกิดขึ้นดีกว่า ถ้าเห็นว่ากรณีที่ พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน ดำเนินคดีกับพันธมิตรฯ ไม่ยุติธรรมกับผู้ถูกกล่าว เพราะ พล.ต.ต.อำนวย เป็นปฏิปักษ์กับพันธมิตรฯ ก็ควรเสนอให้เปลี่ยนหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีพันธมิตรฯ เสียใหม่ ได้แสดงออกได้เท่านี้ ตนสามารถยกมือไหว้ได้ อย่าไปมัวโม้ ทำตัวให้คนไม่เชื่อ
สำหรับกรณีที่ นายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา เลื่อนวันอภิปรายไม่ไว้วางใจมาเป็นวันที่ 19-20 มี.ค.นี้ นายสนธิกล่าวว่า พรรคฝ่ายค้านโวยวาย เพราะกะจัดตั้งกันพอดีๆ อภิปรายเสร็จวันที่ 20 กว่า ก็จะจัดตั้งคน ซึ่งต้องใช้หัวคะแนน และเอาเงินไปวาง จัดการเหมารถเหมารา ต่างจากพันธมิตรฯ ที่มากันเองในการชุมนุมแต่ละครั้ง พออภิปรายเร็วขึ้น พวกเสื้อแดงก็โวย เพราะเดิมนัดไว้วันที่ 26 พออภิปรายจบวันที่ 20 ก็หมดแล้ว ไม่เหลืออะไรแล้ว
ป.ป.ช.แจ้งข้อหา"พัชรวาท"เบาหวิว
นายสนธิ ยังกล่าวถึงกรณี ป.ป.ช. มีมติแจ้งข้อกล่าวหานักการเมืองและข้าราชการ 7 คน ที่มีความผิดกรณีสลายการชุมนุมของพันธมิตรฯ เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2551 ว่า ไม่เห็นด้วยกับการแจ้งข้อกล่าวหา พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. เพียงแค่ผิดวินัย ฐานไม่ปฏิบัติหน้าที่ราชการด้วยความอุตสาหะ เอาใจใส่ระมัดระวังรักษาประโยชน์ของทางราชการ ประมาทเลินเล่อในหน้าที่ราชการ ซึ่งคิดว่า กรณีนี้ป.ป.ช.เพี้ยน ส่อให้เข้าใจว่า อาจมีการวิ่งเต้นป.ป.ช.
นายสนธิ กล่าวว่านายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ ถูกกล่าวหากระทำผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 เพราะสั่งให้มีการประชุมสภาในวันที่ 7 ต.ค. จนทำให้มีผู้บาดเจ็บล้มตาย และพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตรองนายกฯ ก็ผิดด้วย เพราะได้รับหมอบหมายให้เป็นผู้รับผิดชอบ
ดังนั้น พล.ต.อ.พัชรวาท ก็น่าจะมีความผิดเหมือนนายสมชาย ที่มอบหมายให้นายตำรวจคนอื่นรับผิดชอบแทน แต่เพราะพล.ต.อ.พัชรวาท เป็นน้องชายของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม จึงพ้นข้อนี้ และผิดแค่ทางวินัย ใช่หรือไม่
นายสนธิ กล่าวว่า อยากฝากถามนายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ว่าผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ผู้บริหารสูงสุดของตำรวจ หากโดนข้อหาไม่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความอุตสาหะ ประมาทเลินเล่อในหน้าที่ราชการ ความผิดทางวินัยนี้ต้องถูกย้ายเข้าสำนักนายกฯ เพื่อตั้งกรรมการสอบสวน จะปล่อยให้ลอยนวลไม่ได้
นอกจากนี้ กรณีพล.ต.อ.วิโรจน์ พหลเวชช์ รองผบ.ตร. ที่ได้รับมอบหมายจากผบ.ตร. ให้สั่งและปฏิบัติราชการแทน ถูกแจ้งข้อกล่าวหาความผิดทางวินัย เช่นเดียวกับ พล.ต.อ.พัชรวาท ก็ถือว่าเป็นมวยล้ม และไม่ถูกต้อง ในเมื่อบอกว่า พล.ต.อ.พัชรวาท มอบหมายให้ พล.ต.อ.วิโรจน์ดูแล้วทำไม พล.ต.อ.วิโรจน์ไม่โดนหนัก แต่ไปโดนหนักที่ พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว อดีต ผบช.น. คนเดียว แน่นอนพล.ต.ท.สุชาติสมควรถูกแจ้งข้อกล่าวหาทางอาญาด้วยอยู่แล้ว แต่พล.ต.อ.วิโรจน์ ในฐานะผู้ได้รับมอบหมายจากผบ.ตร. ทำไมจะไม่รู้ว่า มีประชาชนบาดเจ็บล้มตาย แล้วไม่สั่งให้หยุด
"กรณีนี้ ผมว่าป.ป.ช.มีปัญหา แต่ไม่รู้ว่าเป็นฝีมือใคร แต่คงไม่ใช่คุณวิชา มหาคุณ แน่นอน เพราะท่านเป็นป.ป.ช.คณะใหญ่ ต้องเข้าที่ประชุมใหญ่ลงมติอีกครั้ง"
นายสนธิ กล่าวอีกว่า เป็นเรื่องที่น่าเจ็บปวด เพราะนายตำรวจหลายคนที่โดนแจ้งข้อกล่าวหานั้น ตนรู้จักทุกคน ยกเว้นพล.ต.อ.วิโรจน์ พล.ต.ต.เอกรันต์ มีปรีชา รอง ผบช.น.นั้น พ่อเป็นคนดีมาก ส่วน พล.ต.ท.สุชาติ ก็รู้จักกัน สมัยที่ตนโดนจับข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ที่มีคนปั้นเรื่องใส่ร้ายนั้น นายตำรวจคนนี้ก็ประสานงาน พล.ต.ต.ลิขิต กลิ่นอวล รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ตนก็รู้จัก เพราะเป็นอดีตผู้กำกับ สน.ชนะสงคราม และทำให้เห็นว่า ทุกอย่างมันเป็นอนิจจัง
ในส่วน พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น. ที่ป.ป.ช.บอกว่ายังไม่พบการกระทำผิด เพราะมีการเปลี่ยนเวรกับ พล.ต.ต.เอกรัตน์ ในวันที่ 7 ต.ค.นั้น แม้จะยังไม่มีข้อกล่าวหา แต่ถ้ามีข้อมูลใหม่ก็พร้อมแจ้ง ดังนั้น พล.ต.ต.อำนวย อย่าเพิ่งดีใจ เพราะเป็นตำรวจที่ประชาชนเกลียดมากที่สุด ไม่เคยเห็นตำรวจคนไหนที่มีประชาชนเกลียดมากเท่านี้
ที่สำคัญ พันธมิตรจะฟ้องศาลอาญาเอง เพราะฉะนั้น พล.ต.ต.อำนวย คนเดียวจะเจอกับพันธมิตรฯ ทั้งประเทศ ทั้งอเมริกาและออสเตรเลีย
นายสนธิ กล่าวในตอนท้ายว่า วันศุกร์นี้ตนจะพูดเรื่อง พล.ต.อ.พัชรวาท อีกครั้งในรายการพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย โดยจะพูดถึงความผิดของพล.ต.อ.พัชรวาท ซึ่งไม่ได้มีแค่เรื่อง 7 ตุลาฯ เรื่องเดียว แต่ยังมีเรื่องอื่นๆ ที่ทำให้นายอภิสิทธิ์ หรือนายสุเทพ ไม่ควรเก็บพล.ต.อ.พัชทรวาทไว้อีกต่อไป เว้นแต่จะมีข้อตกลงกันกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ตอนจัดตั้งรัฐบาล