“สนธิ” ยังข้องใจมติ ป.ป.ช.แจ้งข้อกล่าวหา “พัชรวาท” 7 ตุลาฯ เบาหวิวเพียงโทษทางวินัย ขณะที่ “สมชาย-จิ๋ว” ผบช.น.และ รอง ผบช.น.โดนวินัยควบอาญา ตั้งคำถาม ป.ป.ช.มีปัญหา หรือเป็นข้อตกลงกับ “พล.อ.ประวิตร” ตอนจัดตั้งรัฐบาล จี้ “มาร์ค” ย้าย ผบ.ตร.เข้าสำนักนายกฯ เพื่อตั้งกรรมการสอบฐานทำผิดทางวินัย จวกเสื้อแดง อ้างจะชุมนุมโดยสงบ แต่กลับโดนจับอาวุธ-ระเบิดเพียบ ชี้ข้ออ้างขับไล่รัฐบาลเหลวไหลทั้งเพ
คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ "Good Morning Thailand"
รายการ “Good Morning Thailand” ดำเนินรายการโดย นายสนธิ ลิ้มทองกุล ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี-ทีวีของประชาชน เวลา 06.00-07.00 น.วันจันทร์ถึงศุกร์ สำหรับวันอังคารที่ 17 มีนาคม 2552 ได้นำข่าวคราวต่างๆ มาวิเคราะห์ และนำเสนออย่างหลากหลายเช่นเคย
"สวัสดีครับ What a Wonderful World Wonderful มากเลยนะครับ ท่านผู้ชม และพี่น้องประชาชนชาวพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เพิ่งจะลงจากเครื่องเมื่อตะกี้นี้เอง จากลอสแองเจลิส มาต่อเครื่องที่ญี่ปุ่น ถึงสนามบินกรุงเทพฯ ก็ประมาณเที่ยงคืนกว่า กว่าจะเข้าบ้านอาบน้ำอาบท่าก็ประมาณตี 1 กว่า เกือบตี 2 เสร็จเรียบร้อยแล้วก็ต้องเตรียมข่าวคราวต่างๆ ไล่ข่าวเก่าเพื่อจะออกมาพูดให้พ่อแม่พี่น้องฟัง ตี 4 กว่าก็มาถึงที่ทำงานแล้ว ไม่เป็นไรครับ เพื่อท่านผู้ชมของ ASTV ถึงจะเหนื่อยแค่ไหนก็ต้องทำให้
ลอสแองเจลิส เป็นอะไรบางอย่างที่ต้องเล่าให้ฟังกันนิดนึง สนุกสนาน เข้มข้น คนไทยในต่างแดน ธรรมดาแล้วแค่จะพบกันในฐานะเป็นญาติพี่น้อง หรือเพื่อนฝูงก็พบกันยาก เพราะระยะทางมันไกล หลายคนต้องเดินทางด้วยรถยนต์ หลายคนต้องนั่งเครื่องบินมา เป็นที่น่าปลื้มใจมากที่มีแกนนำพันธมิตรฯ ของมลรัฐต่างๆมากันเยอะแยะไปหมด จากมหานครนิวยอร์ก นั่งเครื่องบินมาโดยคุณพี่ไพลิน ของเรา พามาเกือบร้อยชีวิต ซีแอตเทิล มากันหลายสิบ ลาสเวกัสก็มากันหลายสิบ มีเทกซัส ดาลัส ก็มา ฮิวส์ตัน ก็มา แคนซัสก็มา ซานฟรานซิสโก ก็มา แอริโซนา ยังมาเลยครับ ออริกอน ก็มา แม้กระทั่งเชื่อหรือเปล่าครับ มอนแทนา เมืองที่หนาวสุดๆก็มากัน
ส่วนพี่น้องในย่านของลอสแองเจลิสก็มากันมากมายมหาศาล ตั๋วที่ขายได้ก็ประมาณสัก 4,000 - 5 ,000 ใบ บางคนซื้อตั๋วมาแล้วก็ไม่มา วอชิงตัน ดี.ซี.ก็มา ชิคาโก ก็มา เล่ากันไม่หมดนะครับ แคนาดาก็มา แม้กระทั่งมีตัวแทนมาจากอังกฤษก็ยังมา ทั้งหมดมาเบ็ดเสร็จแล้วก็สนุกสนาน ได้ความรู้ไป ได้ความบันเทิง สิ่งสำคัญที่สุด พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้สอบถามฉันทานุมัติที่พี่น้องพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่สหรัฐอเมริกาเป็นแห่งแรกว่า เห็นด้วยหรือไม่เป็นด้วยกับการที่จะต้องตั้งพรรคการเมือง ก็ปรากฏว่าฉันทามติอาจจะเรียกว่าเป็นเอกฉันท์ก็ได้ ว่าให้ตั้ง
แต่นั่นไม่ได้แปลว่าเราจะตั้งนะครับ เพราะนี่คือจุดแรกที่เราถามฉันทามติ เรายังต้องประชุมใหญ่วันที่ 24 พฤษภาคม กับพันธมิตรฯ ทั่วประเทศไทยก่อน หากพี่น้องพันธมิตรฯ ทั่วประเทศไทยบอกว่าไม่ตั้ง ก็ไม่ตั้ง แต่หากเสียงส่วนใหญ่บอกว่าตั้งก็แน่นอนที่สุดครับ ก็คงจะได้เห็นพรรคพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
โดยเบ็ดเสร็จแล้ว ทั้งหมดเท่าที่ฟังแล้วก็ซาวด์เสียงกันแล้ว เขาต้องการการเมืองใหม่จริงๆ เขารับไม่ได้กับระบบเก่า เขารับไม่ได้กับการประนีประนอม การเจรจายอมความ ซึ่งอันนี้เป็นเรื่องที่ต้องรับฟังเอาไว้ ผมอยากให้นักการเมืองทั้งหลายที่กำลังดูรายการนี้ให้รู้ว่าในขณะนี้ความที่เขาต้องการการเมืองใหม่นั้น มันมีแรงมาก และเขารับไม่ได้จริงๆกับวิธีการที่ท่านทำมาหากินกับผลประโยชน์ของชาติบ้านเมือง ทรัพยากร แลกเปลี่ยนทอนสตางค์กัน คุณได้อันนั้นไป ผมได้อันนี้ไป แล้วก็อยู่กันอย่างสงบ เขารับไม่ได้จริงๆ กับการซึ่งเขาเป็นประชาชนคนไทยที่มีสิทธิ์แค่ 4 วินาที 4 วินาทีก็คือว่า ไปหย่อนบัตรลงกล่องบัตรเลือกตั้งแล้ว เสร็จเรียบร้อยแล้ว สิทธิพวกประชาชนก็หมดไปแล้ว ก็ปล่อยให้พวกคุณไปปู้ยี่ปู้ยำกัน
ลองมาดูเหตุการณ์สักนิดนึง ซึ่งมันสะท้อนถึงนักการเมืองต่างชาติบ้าง เมื่อวานนี้ ประธานาธิบดีบารัก โอบามา ออกมาอาละวาดหลังจากที่มีข่าวว่า บริษัท AIG ได้ประกาศที่จะให้โบนัสพนักงานเป็นจำนวนเงินเบ็ดเสร็จ 5,000 กว่าล้านบาท ประธานาธิบดีบารัก โอบามา พูดชัดเจนเลยว่ารับไม่ได้ รับไม่ได้ที่เอาเงินภาษีอากรของประชาชนมาอุ้มบริษัท AIG เป็นจำนวนเงินเท่าไหร่พ่อแม่พี่น้องรู้ไหม 173,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ คิดเป็นเงินไทยก็ประมาณ 6 ล้านล้านบาท
แล้ว AIG ยังมีผลขาดทุน ผลบริหารการขาดทุนที่ขาดทุน ฟังให้ดีๆนะครับ นาทีละ 18 ล้านบาทต่อนาที แล้วยังมีหน้าจะมาจ่ายโบนัสให้ผู้บริหาร บารัก โอบามา ออกมาอาละวาด บอกเลยว่าเรื่องนี้รับไม่ได้เด็ดขาด แม้กระทั่งแชร์แมนของเฟด หรือว่าผู้ว่าฯแบงก์ชาติของสหรัฐฯ ก็ออกมาบอกว่ารับไม่ได้
นี่คือจริยธรรมของผู้นำทางการเมือง เป็นที่เข้าใจดีว่าบารัก โอบามา นั้นทำอะไรได้มากกว่าท่านนายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เพราะบารัก โอบามา คะแนนเสียงของพรรคเดโมแครตท่วมท้น สามารถจะตัดสินใจอะไรก็ได้ แต่ท่านนายกฯ อภิสิทธิ์ ท่านทำอะไรก็ต้องระวังเสียงของพรรคร่วมรัฐบาล แต่ที่ผมอยากจะเตือนสักนิดนึงว่า อย่างน้อยที่สุด ท่านนายกฯ อภิสิทธิ์ ก็ได้พยายามที่จะขวางอะไรหลายอย่างอยู่พอสมควร ไม่ว่าจะเป็นการย้ายดอนเมือง ที่จะกลับไปสุวรรณภูมิ ท่านบอกให้ไปทบทวนมาใหม่ แต่จริงๆท่านก็ทำได้เพียงเท่านี้เอง เพราะว่าอีกฝ่ายเข้ามาร่วมเพื่อจะล้มพรรคเพื่อไทย แต่ในที่สุดต้องการที่จะเชิดชูตัวเองให้มีอำนาจขึ้นมาด้วยการฉ้อราษฎร์บังหลวงโครงการใหญ่ๆทุกโครงการ คำถามคือ คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ของพวกเราที่พวกเรารัก จะทนต่อพฤติกรรมโจรอย่างนี้ได้อีกนานแค่ไหน ก็เลยเป็นเรื่องที่จะต้องพูดคุยกันต่อไปนะครับ
เรื่องนี้ 2 วันนี้ เมื่อวานนี้ก็มีข่าวชิ้นนึงซึ่งพี่น้องหลายคนอาจจะลืมแล้วก็ได้ คุณยงยุทธ ติยะไพรัช แล้วจำเลยอีกประมาณสิบกว่าคน ซึ่งเป็นตำรวจทั้งนั้น ไปขึ้นศาลที่ จ.อยุธยา ย้อนหลังกลับไปประมาณ 4 ปีกว่า ประมาณวันที่ 7 กรกฎาคม พุทธศักราช 2547 มีครอบครัวนึงนามสกุล "ศตะกูรมะ" ได้ถูกคุณยงยุทธ นำทีมตำรวจไปล้อมบ้าน โดยข้อกล่าวหา คุณตา คุณยาย 2 คน เป็นเอเย่นต์ค้ายาเสพติดรายใหญ่ของ จ.ลพบุรี เข้าไปโดยไม่แจ้ง ไม่ขอหมายจับ ไม่ขอหมายค้น ไม่แจ้งความเข้าไป ไปล้อมบ้านเขา คุณตาก็สงสัยว่าเป็นโจรหรือเปล่า คนบ้านนอก ว่ากันว่าก็เอาปืนยิงออกไปนัดนึง เท่านั้นเองแหละครับ ทั้งเอ็ม 16 ทั้งปืนกลทุกประเภทถล่มตายาย ตายายก็เลยต้องหลบไปอยู่หลังตู้เย็น ตู้เย็นนั้นถูกยิงพรุนไปหมด ทะลุจนกระทั่งไม่เหลือ ในที่สุดแล้วหลังจากนั้นพวกนั้นก็เข้ามาในบ้าน พอเข้ามาในบ้านก็จับตายาย ใส่กุญเเจมือ แล้วค้นบ้าน ปรากฏว่าไม่พบอะไรแม้แต่นิดเดียว
สมัยนั้นคุณยงยุทธ ติยะไพรัช เป็นเลขาธิการนายกรัฐมนตรี มีหน้าที่จัดทีมงานเฉพาะกิจทำเรื่องของการปราบปรามยาเสพติด เมื่อไม่พบอะไรเลยก็มีการขอโทษขอโพย คุณตาคุณยาย ก็เลยดำเนินคดีฟ้องร้องต่อศาล เป็นที่น่าสังเกตว่าได้มีการเจรจากันหลายคน แต่เจรจากันไม่สำเร็จ ในที่สุดคดีความก็เลยปรากฏที่ศาลเมื่อวานนี้
ที่ปรากฏที่ศาลก็มีคนต้องเป็นจำเลยคดี คือศาลประทับรับฟ้องเรียบร้อยแล้วว่ามีมูล ก็จะเริ่มสืบพยานโจทก์ เรื่องเกิดขึ้นมา 4 ปีกว่าแล้ว พี่น้องครับ ความยุติธรรมบางทีกว่าจะมานั้นมันช่างช้าเหลือเกิน เหมือนในกรณีของคุณยงยุทธ ติยะไพรัช ขณะนี้ก็ได้ข่าวว่า จะต้องมีคดี ซึ่งตัวเองหลังจากที่ถูกศาลฎีกา แผนกคดีเลือกตั้งให้ใบแดงแล้ว กกต.ก็ทำเรื่องแจ้งความไปยัง สน.วังทองหลาง ดำเนินคดีอาญาต่อไป และในการดำเนินคดีนั้นก็มีรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล 1 คน อย่าให้ผมเอ่ยชื่อเลยนะครับ เข้าไปแทรกแซงการสอบสวน ไปชี้นำ หรือพูดง่ายๆว่า พยายามจะไปพลิกคดี เพราะฉะนั้นแล้วคอยติดตามกระบวนการยุติธรรมต่อไป เพราะว่าคำว่ายุติธรรมนั้นในประเทศไทยมันหายากเหลือเกิน พวกผมรู้มานานแล้ว นั่นคือเหตุผลที่ผมยังสู้ต่อไป เพราะว่าพวกผมไม่ยอมกับความยุติธรรม ที่อยุติธรรมแบบนี้
พี่น้องครับ ความอยุติธรรมอีกอันที่เกิดขึ้นก็คือ ศาลปกครอง เมื่อวันที่ 3 ที่ผ่านมานี้ เพิ่งสั่งให้มาบตาพุดเป็นเขตควบคุมมลพิษ เรื่องของเรื่องก็มีอยู่ว่า การสร้างเขตเศรษฐกิจอีสเทิร์นซีบอร์ด เกิดขึ้นมาสมัยพรรคประชาธิปัตย์ สมัยพรรคประชาธิปัตย์ คุณสาวิตต์ โพธิวิหค เป็นผู้ก่อตั้ง ความใฝ่ฝันที่จะให้ประเทศไทยเป็นอุตสาหกรรมโดยที่ใช้ชายฝั่งทะเลตะวันออกนั้น เป็นความคิดที่ฝันเฟื่อง อยากจะเห็นริมชายฝั่งทะเลตะวันออกมีประกอบด้วยโรงงานปิโตรเคมีคัล โรงงานทำพลาสติก โรงงานแยกแก๊ส เต็มไปหมด แต่บนความที่ต้องการให้ประเทศไทยเจริญเติบโตทางอุตสาหกรรมนั้น กลุ่มทุนกลับเป็นกลุ่มที่เห็นแก่ตัวที่สุดในโลก เพราะว่าโรงงานอุตสาหกรรมใดก็ตาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรงงานอุตสาหกรรมที่จะต้องมีปัญหาเกี่ยวกับมลภาวะเรื่องแก๊สนั้น ถ้าไปตั้งที่ริมทะเลแล้ว การถ่ายของเสียลงทะเล ถึงแม้ว่าจะมีบ่อบำบัดอย่างดีก็ตาม แต่บ่อบำบัดนั้นบางทีเข้าไปควบคุมอย่างไปตรงมาก็ควบคุมไม่ได้
คดีต่างๆเหล่านี้ก็มีคดีสิ่งแวดล้อมเกิดขึ้น โรงเรียนหลายโรงเรียนต้องประกาศปิดไปหมดเลย เพราะเด็กนั้นต้องดมกลิ่นแก๊ส และไม่สบายกันทั้งโรงเรียน เป็นอย่างนี้มานานแล้วครับ จนในที่สุดแล้ว พวกคุณสุทธิ ซึ่งเป็นแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่ระยอง ตัดสินใจที่จะฟ้องกับศาลปกครอง ในที่สุดศาลปกครองก็มีคำสั่งออกมา ว่าให้สั่งมาบตาพุดเป็นเขตควบคุมมลพิษ ซึ่งเขตควบคุมมลพิษ น่าสนใจมาก มีอยู่ประมาณ 16 แห่งทั่วประเทศไทย แต่มาบตาพุด ซึ่งมีมลพิษเยอะที่สุดกลับไม่มี
พี่น้องเห็นอิทธิพลของทุนหรือยังครับ จริงๆแล้วพวกทุนถ้าเลื่อนเข้าไปในพื้นที่เขตดินแดนภายในสักร้อยกว่ากิโลเมตร ปัญหาก็ไม่เกิดขึ้น เพราะมีที่ดินว่างเปล่าเยอะ ไปตั้งที่นั่น เรื่องค่าใช้จ่าย เรื่องการขนส่งก็ไม่ยากเลย ก็สร้างทางรถไฟมาซิครับ รถไฟขนส่งสินค้าออกท่าเรือที่แหลมฉบัง ที่มาบตาพุดก็ย่อมได้อยู่แล้ว แต่ความที่ต้องการซึ่งประหยัดต้นทุน โดยไม่สนใจว่ามลพิษสิ่งแวดล้อมจะพังพินาศฉิบหายอย่างไร เขาก็ทำเต็มที่ โดยเขาไม่แคร์
ที่น่าสนใจอย่างคือ มีการเรียกร้องไม่ให้คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมอุทธรณ์คำสั่งศาลปกครอง ปรากฏว่าสำนักงานสิ่งแวดล้อมก็มีมติว่าไม่อุทธรณ์ เหมือนกับว่าทนต่อแรงกดดันทางสังคมไม่ได้ คือทุกคนยอมรับแล้วว่าตอนนี้หากมาบตาพุดไม่มีการควบคุมมลพิษ จะเป็นเมืองที่มีมลพิษทั้งหมด ปรากกว่ามีจะอุทธรณ์ก็เฉพาะข้อหาข้อเดียวคือข้อหาว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ เพราะว่าถ้าหากไม่อุทธรณ์แล้ว ถ้าสมมติว่า พิพากษาออกมาแล้ว และยืนตามเช่นนั้นแล้ว คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมจะต้องโดน 157 ด้วยนะครับ ก็เลยอุทธรณ์ตรงนี้ไป แต่อุทธรณ์คำสั่งในเรื่องของที่สั่งให้เป็นเขตควบคุมมลพิษของมาบตาพุดเขาไม่อุทธรณ์
น่าสนใจมากตรงที่ว่ามีคนประท้วง 2 ฝ่าย ฝ่ายนึงคือประท้วงบอกว่า ขอให้ไม่อุทธรณ์ ให้ยืนอย่างนี้ดีแล้ว อีกฝ่ายน่าสนใจมาก คือฝ่ายที่ประท้วงขอให้อุทธรณ์ นำโดยคุณสุธา เหมสถล นายกสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวและสิ่งแวดล้อม อ.บ้านฉาง มาบตาพุด จ.ระยอง ผมฟังตรรกะของท่านไม่ออก เพราะว่าการซึ่งประกาศว่ามาบตาพุดเป็นเขตควบคุมมลพิษนั้น น่าจะเป็นผลดีของการท่องเที่ยว เพราะการท่องเที่ยวสามารถจะพูดได้ ว่าระยองตอนนี้อยู่ในเขตควบคุมมลพิษแล้ว เพราะฉะนั้นแล้วมลพิษ สารพิษที่หลุดออกมาทำร้ายประชาชน ทำร้ายหลายๆคนนั้นย่อมหมดไป การแก้ไขปัญหาต่างๆ ย่อมแก้ไขโดยหลักการ อย่างซื่อตรง และโปร่งใส ตรงไปตรงมา น่าจะเป็นผลดี แต่กลับมาประท้วง เพราะว่ากลัวจะทำให้การท่องเที่ยวสูญเสีย ซึ่งจริงๆแล้วท่านบอกว่าท่านไม่อยาก คือคุณสุธา ท่านอ้างว่า จริงๆแล้วอยากจะให้ปัญหามลพิษอันนี้เป็นปัญหาระดับชาติเข้ามาคุ้มครอง ก็เป็นปัญหาระดับชาติคุ้มครองตั้งนานแล้วนี่ครับ คุ้มครองไม่ได้ เลยต้องประกาศเป็นเขตควบคุมมลพิษ เพื่อให้ท้องถิ่นเป็นคนคุ้มครอง
คุณสุธา บอกว่า หน่วยงานระดับประเทศ เช่น กรมควบคุมมลพิษ กรมโรงงาน มีระดับรัฐมนตรีเป็นประธาน กับถ้ามีการประกาศเขตควบคุมมลพิษ ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเข้ามาดูแลสิ่งแวดล้อม โดยผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน อย่างไหนมีประสิทธิภาพมากกว่า ก็เราลองมาตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ ที่จะให้พวกรัฐมนตรีพวกโน้น คือผมจะเรียนคุณสุธานิดนึง การที่ให้ท้องถิ่นดูแล เป็นเรื่องที่ดี เพราะว่าคนที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือท้องถิ่น ท้องถิ่นต้องตัดสินใจสู้ ว่าถ้าหากท้องถิ่นยังถูกทุนของนายทุนครอบงำอยู่ พ่อแม่พี่น้องลูกหลานของคนท้องถิ่นก็จะอยู่ไม่ได้ แต่ถ้าหากระดับชาติคุ้มครองแล้ว ทุนสามารถจะวิ่งเต้นโดยรัฐมนตรี และรัฐมนตรีสามารถที่จะสั่งกรมโรงงาน คุณอ้างถึงกรมโรงงานอุตสาหกรรม กรมควบคุมมลพิษ อยู่ในกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กรมโรงงาน อยู่ที่กระทรวงอุตสาหกรรม คุณรู้ใช่ไหมนักการเมืองทุกวันนี้ ขอให้เงินเข้าใต้โต๊ะ อะไรที่ผิดก็ทำเป็นถูก อะไรที่สกปรกก็ทำเป็นสะอาดได้หมด เพราะฉะนั้นผมเห็นด้วยอย่างยิ่งกับคุณสุทธิ แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่นำเรื่องนี้เข้ามาร้องเรียน และผมก็เห็นด้วยว่าที่เขาประกาศควบคุมนั้นเป็นเรื่องที่ดีมาก
อีกข่าวนึง เป็นข่าวเล็กๆ แต่ก็มีนัยสำหรับคนที่ชอบตัวอักษร รักหนังสือ คือการสิ้นชีวิตของ คุณรงค์ วงษ์สวรรค์ พี่รงค์นะครับ พี่รงค์อายุ 70 กว่าแล้ว พี่รงค์เป็นคนมีชื่อเสียงมากในวงการประพันธ์ พี่รงค์ เป็นถึงศิลปินแห่งชาติ ผมยังจำได้เลยสมัยที่ผมเป็นเด็กๆ เป็นหนุ่มๆ ชอบอ่านหนังสือพี่รงค์มาก หนังสือที่เขียนแล้วมีชื่อเสียงมากที่สุดก็คือ ชื่อเรื่อง "ใต้ถุนป่าคอนกรีต" พี่รงค์ วงษ์สวรรค์ พออายุมากขึ้นก็เลยไปพักผ่อน ปลูกบ้านอยู่ที่เชียงใหม่ ไปพักอยู่ที่นั่นกับภรรยา และลูกๆ
คุณรงค์ วงษ์สวรรค์ เป็นคนซึ่งเคยไปใช้ชีวิตอยู่ที่สหรัฐอเมริกา ถ้าจำไม่ผิดคือเมืองซานฟรานซิสโก แล้วไปเขียนถึงชีวิตคนไทยในอเมริกา สำนวนสวิงสวาย หวือหวามากในขณะนั้น เป็นหนังสือที่ทุกคนในรุ่นผมจะต้องเอามาอ่านกัน ก็ขอให้วิญญาณของพี่รงค์ จงไปสู่ที่ชอบ เพราะว่า เรื่องราวแบบนี้ มาถึงจุดๆหนึ่งมันก็อนิจจังทั้งนั้น คือทุกขัง อนัตตา ไม่มีใครที่ไม่ตาย แต่อย่างน้อยที่สุด พี่รงค์ตายไปก็ไม่ได้ทำความเจ็บช้ำน้ำใจ ไม่ได้ทำร้ายทำลายประเทศชาติ อย่างน้อยที่สุดก็ยังมีคนเทิดทูนคุณงามความดีของพี่รงค์อยู่ครับ
การตายของคนนั้น ตายได้หลายอย่างพ่อแม่พี่น้อง ที่สำคัญตายหนักอย่างขุนเขา หรือตายเบาอย่างขนนก หลายๆ คนยังไม่ตาย ก็เที่ยวก่อกวนประเทศไทยให้วุ่นวาย ขอให้เชื่อครับ เวลาตายไปแล้ว ยมบาลจะต้องมาแย่งกันเอาวิญญาณคนๆ นั้นไปลงนรกขุมไหนก็ไม่รู้
อีกข่าวนึงคือข่าวคุณต้อย แอคเนอร์ คุณเกรียงศักดิ์ สกุลชัย เป็นคนที่มีชื่อเสียงมาก เป็นนักข่าวที่อยู่ในวงการบันเทิง แล้วก็อยู่ในแวดวงบันเทิง แล้วก็สร้างเนื้อสร้างตัวขึ้นมา มีภรรยาคนหนึ่งซึ่งตามข่าวก็อ้างว่าเลิกกันไปแล้ว ภรรยาคนนี้ก็เป็นคนทำรายการทีวี แล้วก็เป็นเจ้าของนิตยสารทีวีพูล
คุณเกรียงศักดิ์ มีชื่อเสียงโด่งดังมานานแล้ว แล้วก็โด่งดังมากขึ้น เมื่อล่าสุด มีน้องเพชรคัมภรณ์ งามช่อชัยพฤกษ์ อายุ 25 ปี นักศึกษาปี 4 คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีปทุม ได้แจ้งความว่า ได้ไปฝึกงานที่หนังสือพิมพ์มายาชาแนล ซึ่งเป็นหนังสือพิมพ์เกี่ยวกับข่าวบันเทิงหลายเล่ม แล้วอ้างว่าคุณเกรียงศักดิ์ กระทำอนาจาร ลวนลามพยายามปลุกปล้ำ โอบกอด และหอมแก้ม เหตุเกิดที่คอนโดเลิศอุบล ย่านลาดพร้าว สน.สุทธิสาร ปรากฏว่าเมื่อวานนี้ก็คุณน้องคนนี้แกก็ไปฟ้องที่ศาล แล้วแกก็ไปแจ้งความตำรวจหลายๆคน ตอนนั้นก็เห็นใจคุณน้องคนนี้ คุณต้อย แอคเนอร์ ก็ออกมาให้ข่าวว่า อยากดังมั่ง ไม่ได้ทำ อดีตภรรยาคุณต้อย แอคเนอร์ บอกว่าน้องคนนี้หาเรื่อง คุณเกรียงศักดิ์ เป็นคนใสซื่อบริสุทธิ์ ไม่มีปัญหาอะไรทั้งสิ้น
ในที่สุดแล้ว เรื่องราวก็ไปถึงตำรวจ พอไปถึงตำรวจเสร็จเรียบร้อยแล้ว คุณต้อย แอคเนอร์ ก็พยายามผลัดตัวเอง ไม่ยอมมามอบตัว จนในที่สุดก็ต้องออกมามอบตัว เรื่องไปถึงอัยการ เมื่อวานนี้ก็มีข่าวคราวว่า คู่กรณีมานั่งจับมือกัน โดยที่คุณต้อย แอคเนอร์ อ้างว่า เรื่องราวที่จะต้องไปถูกเนื้อถูกตัวคุณน้องเพราะว่าคุณต้อย แอคเนอร์ พยายามจะใส่รองเท้า แล้วมันล้ม พอมันจะล้มก็เลยเอามือไปเกาะน้อง น้องที่มีเรื่องมีราวคนนี้ก็เลยหาว่าถูกลวนลาม กลั่นแกล้ง คุณน้องก็บอกว่า ทางอัยการท่านก็ชี้แจงมาน่ารักมาก ท่านก็พูดว่า คดีนี้อย่างมากก็ปรับ 500 บาท นอกจากปรับ 500 บาท คดีสืบพยานกันอีกหลายปี ไม่รู้จะจบจะสิ้นหรือเปล่า คุณน้องก็มีแม่ซึ่งทำมาค้าขายก็ไม่อยากให้แม่เดือดร้อน ก็เลยสรุปง่ายๆ ว่าเอาเถิด ข้อเท็จจริงมันเป็นอย่างไร
ท่านผู้ชมที่ติดตามเรื่องนี้ คงจะรู้เรื่องดีว่าล้มจริง หรือล้มไม่จริงครับ ก็เลยมีการประกาศยอมความกัน มีการออกมาจับมือกันขอโทษขอโพย ก็แปลกนะครับ การประกาศยอมความก็คือว่า ขอโทษขอขมาบอกว่า ไม่ได้ตั้งใจ ขอโทษทีถ้าเข้าใจผิด ผมไม่ได้มีเจตนาอย่างนั้น น่าจะยกมือไหว้สักทีนึงก็พอ นี่กลายเป็นเอามาจับมือกัน คล้ายๆ ว่าเอาละ เรื่องราวทั้ง 2 ฝ่าย คุณก็ผิด ผมก็ผิด ตอนนี้เรามายกเลิกความผิดซึ่งกันและกันนะ เราเลิกกันนะ นี่คือวงมายาของประเทศไทย ด้วยเหตุนี้เขาจึงใช้คำว่า "มายา"
มีข่าวต่างประเทศอีกสักข่าว เพื่อที่จะมายืนยันว่า อีกหน่อยถ้าคุณต้อย แอคเนอร์ จะหกล้ม หกล้มกับนางแบบคนนี้ก็ได้
มีนักวิจัยชาวญี่ปุ่น เขาคิดค้นหุ่นยนต์นางแบบขึ้นมา ใช้มูลค่า 72 ล้าน ดูในรูปเห็นไหมครับ นางแบบทำได้ทุกอย่าง ทำได้เช่น มีอารมณ์โกรธ สนุก ประหลาดใจ คือ วิธีผ่านคำสั่งคือผ่านคำสั่งจากบลูทูธ หุ่นยนต์นี้เขาบอกสูง 158 เซนติเมตร เป็นส่วนสูงเฉลี่ยของผู้หญิงญี่ปุ่นที่มีอายุระหว่าง 19 -22 ปี แต่ก็หนักเหมือนสาวผอมบางเพียง 43 กิโลกรัม รวมทั้งแบตเตอรี่ด้วย
เขาบอกว่า หน้าตาของหุ่นยนต์นี้ ได้รับแรงบันดาลใจมาจากการ์ตูนญี่ปุ่น แต่เขาบอกว่า เขาก็สามารถทำหุ่นยนต์เหมือนมนุษย์จริงๆ ถ้ามันเหมือนจริงๆมันมากเกินไป มันจะดูแล้วน่าขนลุกนะครับ นายซูจิ คาจิตะ หัวหน้าทีมวิจัย เป็นคนเล่าให้ฟังนะครับ
สถาบันเจ้าของนวัตกรรมชิ้นนี้เผยว่า ใช้งบประมาณพัฒนาหุ่นยนต์ตัวนี้ไปมากกว่า 200 ล้านเยน หรือราว 72 ล้านบาท โดยหุ่นยนต์ตัวนี้ถูกพัฒนามาเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมด้านบันเทิงเป็นหลัก แต่ตอนนี้ยังไม่มีการวางขายในบ้านเรา ความจริงหุ่นยนต์นี้พัฒนามาเพื่อจะให้คนที่หกล้มง่ายๆ แล้วก็โอบกอด แล้วก็เกาะ ก็ดีเหมือนกันนะครับ อย่างน้อยก็ประหยัดเวลาที่จะต้องมาทะเลาะ เบาะแว้งกัน ไม่ต้องมาแจ้งความกัน เสร็จเรียบร้อยแล้วไม่ต้องมามีข่าวหนังสือพิมพ์ลงกัน แล้วไม่ต้องสาดโคลนใส่ซึ่งกันและกัน ในที่สุดก็ไม่ต้องมายื่นมือ จับมือกัน แล้วบอกว่าไม่เอาเรื่องกันแล้วนะ กลายเป็นโจ๊กหมูชามใหญ่ที่จะให้ท่านผู้ชม และพ่อแม่พี่น้องได้ฟังกัน
เดี๋ยวเราพักกันสักครู่ก่อนนะครับ แล้วเดี๋ยวค่อยกลับมาตอนที่ 2 ของรายการ Goodmorning Thailand ครับ
(เบรก)
กลับมาช่วงที่ 2 และเป็นช่วงที่ค่อนข้างสำคัญ วันนี้เราเอาเรื่องราวที่สำคัญที่สุดเอาไว้ในช่วงสุดท้าย ก่อนที่จะไปในเรื่องมติของ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดว่าใครบ้างผิดในการฆ่าประชาชนวันที่ 7 ตุลาคม เอาข่าวเล็กๆ ซึ่งโยงกันหน่อยนะครับ
เมื่อวานนี้หนังสือพิมพ์มติชนรายวัน หน้าที่ 21 เปิดพื้นที่โฆษณาให้กับการปาฐกถาของนายทักษิณ ชินวัตร อย่างเต็มตัว ซึ่งนายทักษิณ มีความผิดในฐานะเป็นนักโทษชาย ถูกจำคุก 2 ปี และหนีคดีอยู่ แต่มติชนก็ไม่รีรอที่จะเอาการโฆษณาชวนเชื่อของนายทักษิณออกในหน้าหนังสือพิมพ์ฉบับนี้ ก็เป็นที่น่าเสียใจเหมือนกันนะครับ
หนังสือพิมพ์ฉบับนี้ผมเคยพูดมานานแล้ว ในเครือของเขา ไม่ว่าจะเป็นมติชน หรือข่าวสด ตลอดจนมติชนสุดสัปดาห์ เคยเล่าให้พ่อแม่พี่น้อง ตลอดจนท่านผู้ชมฟัง ว่าฉบับนี้ไม่ใช่หนังสือพิมพ์อีกต่อไปแล้ว หนังสือพิมพ์ฉบับนี้เป็นสื่อมวลชนที่อยู่ในเครือข่ายของระบอบทักษิณ รับจ้างระบอบทักษิณในการเผยแพร่โฆษณาชวนเชื่อ ข้อมูลข่าวสารต่างๆ เพราะฉะนั้นแล้วท่านผู้ชมอยากจะอ่าน หรือไม่อ่าน ก็สุดแล้วแต่ท่านผู้ชมก็แล้วกัน ผมเคยบอกท่านผู้ชมแล้วว่าท่านผู้ชมใช้วิจารญาณเอง หนังสือพิมพ์ฉบับไหนเล่าความจริงให้ประชาชนฟัง ฉบับไหน ถ้าไม่ใช่ข่าวสด ที่อ้างบอกว่า นายตี๋ของเรา มือกำระเบิดอยู่ มือที่ขาดไปกำระเบิด ทั้งๆ ที่กำพวงกุญแจ
หรือจงใจลงเรื่องว่าเสื้อผ้าน้องโบว์นั้นมีสารซีโฟร์อยู่ เป็นการส่อนัยว่าน้องโบว์นั้นพกระเบิดติดตัว โดยที่อ้างคำให้การของตำรวจออกมา นี่คือหนังสือพิมพ์ข่าวสด มติชน และมติชนสุดสัปดาห์ แต่เวรกรรมก็มีจริง วันนี้หนังสือพิมพ์มติชนสุดสัปดาห์ขายแทบไม่ออกเลย มติชนก็ขายยอดตกหมด ข่าวสดก็ขายยอดตกหมด
พี่น้อง ถ้าผมจะขอว่าอย่าไปซื้อเลย พี่น้อง เชื่อผมสิครับ ไม่มีประโยชน์ ไหนๆ เขาไปทางโน้นแล้วก็ให้เขาไปทางโน้นเลยก็แล้วกัน ให้คนเสื้อแดงไปรุมซื้อหนังสือพิมพ์ของเขา ที่ผมจะสงสาร ผมจะสงสารพนักงานมติชนหลายๆ คนซึ่งเป็นคนดีมาก ไม่ว่าจะเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ที่ผมเคารพนับถือ เช่น อาจารย์ป๋อง คุณพงษ์ศักดิ์ พยัฆวิเชียร คุณประสงค์ เก๋ มติชนเหลือคอลัมนิสต์ที่ดีๆ อยู่เพียงไม่กี่คน ผมไม่อยากจะเอ่ยชื่อนะครับ นอกนั้นเป็นเครื่องมือของทักษิณหมด
พี่น้องครับ วันที่ 29 มีนาคมนี้ ก็เป็นรายการของม็อบประจำเดือนมาอีกครั้งหนึ่งแล้ว เพราะว่าคุณจตุพร พรหมพันธุ์ ได้ฤกษ์ประกาศเป็นม็อบประจำเดือน เคาะกะลาป๊อกๆๆๆ ระดมคนล้อมทำเนียบฯ 29 มีนาคม คือเขาอ้างว่าเขาจะมาขับไล่รัฐบาล มากกว่าชุมนุมครั้งก่อน นัดรวมตัวที่บริเวณท้องสนามหลวงเหมือนเดิม ก่อนเคลื่อนขบวนไปปิดล้อมทำเนียบรัฐบาลช่วงกลางวัน และเขาก็พูดโกหกอีกเหมือนเดิม เขาบอกว่า เนื่องจากข้อเรียกร้องของกลุ่ม นปช.ทั้ง 4 ข้อ ไม่ได้รับการตอบสนองจากรัฐบาล ได้แก่ 1. การเร่งการดำเนินคดีกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่ยึดทำเนียบรัฐบาลและสนามบิน อันนี้คุณไม่ต้องบอกหรอกครับ เพราะตำรวจที่อยู่ในอาณัติคุณน่ะเขาเร่งดำเนินคดีอยู่แล้ว และก็ฟ้องร้องอยู่แล้ว หลายคดีก็ไปถึงอัยการเรียบร้อยแล้ว อัยการกำลังจะพิจารณาอยู่ คุณไม่ต้องบอกหรอกครับ คุณมีตำรวจอยู่ในมือ เขาก็ทำให้อยู่แล้ว เพราะฉะนั้นเขาทำให้อยู่แล้วคุณไม่ต้องมาบอกหรอกครับว่ารัฐบาลชุดนี้ไม่ได้เร่ง และคุณไม่ต้องกังวลหรอกครับ รัฐบาลชุดนี้ไม่ได้ช่วยอะไรพวกเราเลยแม้แต่นิดเดียว แม้กระทั่งคุณเอาไข่ไปขว้างเขา เอาระเบิดปิงปองไปปา รัฐบาลชุดนี้ก็ยังเฉยๆ เขาไม่รู้หนาวรู้ร้อนอะไรทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นคุณไม่ต้องมาเอาข้อนี้มาอ้างนะครับ
อีกข้อหนึ่ง เขาบอกว่าให้ปลดนายกษิต ภิรมย์ ออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ไอ้เรื่องการปลดนายกษิต ภิรมย์ นั้น คุณคงปลดเขาไม่ได้หรอก เพราะเขาทำงานดีกว่านายนพดล ปัทมะ ของคุณเยอะแยะ หรือว่านายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ที่คุณไปให้ปลดก็เพราะว่านายกษิต ภิรมย์ กำลังดำเนินคดี ที่จะเรียกร้องให้ต่างประเทศส่งผู้ร้ายข้ามแดน เจ้านายคุณ ซึ่งให้เศษเนื้อติดกระดูกให้พวกคุณทานใช่ไหม คุณก็เลยต้องดำเนินการ
ยกเลิกรัฐธรรมนูญ ปี 50 และนำรัฐธรรมนูญปี 40 มาประกาศใช้แทน มันก็เป็นอันเดิมไม่ใช่หรือที่คุณต้องการจะให้ยกเลิกปี 50 และใช้ 40 จนกระทั่งพวกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ซึ่งมีความรักชาติ รักบ้านรักเมือง มากกว่าคุณ ออกมาประท้วงเพื่อไม่ให้คุณยกเลิกปี 50 จนกระทั่งพวกคุณยกเลิกไม่ได้ แล้วนี่คือเหตุผลที่ทำให้นายคุณต้องติดคุกไง และไม่สามารถที่จะปลดล็อกความผิดของนายคุณได้ นี่คือข้อเรียกร้อง ข้อเรียกร้องอันนี้เป็นข้อเรียกร้องเพื่อนายคุณโดยเฉพาะนะครับ และการยุบสภา ไอ้เรื่องการยุบสภานั้นคุณต้องไปถามคุณอภิสิทธิ์เองแล้วกัน พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยไม่เกี่ยวข้องอยู่แล้วนะครับ
เขาบอกว่าเขาประกาศที่จะให้มีการญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจผ่านพ้นไป ก็จะมีการนัดหมายชุมนุมคนเสื้อแดงอีกครั้งในวันที่ 29 มีนาคม เขาบอกการเคลื่อนไหวครั้งนี้จะเป็นการสงบ ปราศจากอาวุธ และจะเคลื่อนกลุ่มผู้ชุมนุม เดี๋ยวผมจะเล่าให้พ่อแม่พี่น้องฟังว่า เขาบอกว่าสงบ โดยปราศจากอาวุธ แต่มีการเตรียมอาวุธไว้เรียบร้อยแล้ว แต่เผอิญโดนจับได้เสียก่อน เคลื่อนกลุ่มผู้ชุมนุมไปยังทำเนียบรัฐบาลในเวลากลางวัน เพื่อป้องกันการแทรกแซงของมือที่สาม เหมือนเหตุการณ์วันที่ 14 มีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งจะมีการแจ้งความดำเนินคดีที่ สภ.ธัญบุรี ในช่วงบ่ายวันนี้
พี่น้องครับ เสื้อเหลือง พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ไม่เคยไปยุ่งกับเสื้อแดงเลย คุณจตุพร พรหมพันธุ์ คุณวีระ มุสิกพงศ์ และคุณณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ พวกคุณจะชุมนุมที่ไหนพวกเราไม่เคยสนใจ เพราะพวกเราไม่ได้คิดว่าคุณกับพวกเราเป็นชนชั้นเดียวกัน พวกเราที่สงบอหิงสาจริงๆ เราไม่มีการกินเบียร์ กินเหล้า เราไม่เคยเอาทหารเขามากระทืบ เราไม่เคยเอาก้อนหินไปทุบรถของ ส.ส. ตรงกันข้าม พวกเรากลับโดนตำรวจของพวกคุณไล่ยิง ฆ่าจนกระทั่งพวกเราตายไป 10-11 คน พิการอีกเกือบ 20 คน บาดเจ็บอีก 700 กว่าคน คุณเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า เพราะฉะนั้นแล้วมือที่สามที่เกิดขึ้นคือมือของพวกคุณเอง ไม่ใช่มือของพวกผม พวกเราไม่เคยถ่อย พวกเรามีบุคคลหลายประเภทที่เข้ามา คนที่ถ่อยคือพวกเสื้อแดง พวกคุณทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นวาจาที่ก้าวร้าว ไม่ว่าจะเป็นวาจาที่หยาบคาย ไม่ว่าจะเป็นการจาบจ้วงแม้กระทั่งสถาบันกษัตริย์
การขึ้นป้าย คุณจำได้หรือเปล่า ที่พวกคุณขึ้นป้ายมีรูปพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ และมีรูปอภิสิทธิ์ และคุณก็เขียนว่าอภิสิทธิ์ ชน ข้างล่างคุณเขียนว่าโจร คุณสื่อความหมายแบบสองแง่สองง่าม ทุกคนเขารู้หมด และคุณสู้เพื่อนายคุณ ทั้งหมดที่คุณออกมาป่วนเมือง เพียงเพื่อต้องการทำให้นายคุณพ้นผิด แค่นั้นเอง คุณไม่ได้สนใจว่าชาติบ้านเมืองมันจะเสียหายไปแค่ไหน เผอิญคุณโชคดีที่รัฐบาลชุดนี้มีคุณสุเทพ เทือกสุบรรณ ซึ่งท่านวางตัวเฉย เป็นกลาง และท่านยังพูดบอกว่า เสื้อแดงกับเสื้อเหลืองนั้นคือตัวป่วนประเทศ แต่ข้อเท็จจริง พวกเสื้อเหลือง พันธมิตรฯ ไม่เคยป่วนใครทั้งสิ้น อยู่เฉยๆ โดนเขาทุบ โดนเขาตี โดนเขาไล่ยิง ไอ้ตัวป่วนคือเสื้อแดง แต่ไม่มีใครกล้าพูดว่าพวกคุณเป็นตัวป่วนประเทศ ผมนี่กล้าพูด ถ้าผมเป็นรัฐบาลผมจะพูดเลยว่าพวกคุณน่ะตัวป่วนประเทศ จะต้องถูกจัดการอย่างเด็ดขาด ผมจะไม่เอาคนอื่นมาเป็นตัวประกอบในการที่จะจัดการ เพื่ออ้างว่าประเทศชาติแตกแยก ไม่มี
พวกเราพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เดินหน้าต่อไป เพื่อที่จะเอาความถูกต้องกลับคืนมาสู่สังคม ความถูกต้องซึ่งมันหายไปนานแล้ว จริยธรรมซึ่งมันหายไปนานแล้ว เพราะฉะนั้นแล้ว ปัญหาที่สำคัญที่สุดที่เห็นชัดก็คืออยู่ที่ตัวนายพวกคุณ ไม่ได้อยู่ที่คนอื่น
ผมจะถามว่า แกนนำกลุ่ม นปช.กล่าวว่า การเคลื่อนไหวจะเป็นไปด้วยความสงบ ปราศจากอาวุธ พี่น้องและท่านผู้ชมชมนะครับ เขาบอกว่าสงบ ปราศจากอาวุธ คุณจตุพรพูดเมื่อวาน เมื่อวานก็พอดี ตอนบ่ายโมง ท่านผู้บัญชาการตำรวจนครบาล คุณวรพงษ์ ชิวปรีชา และ พ.ต.ท.ขิง แขวงวิเศษไชยชาญ ผู้กำกับ สน.ชนะสงคราม ร่วมแถลงว่าได้มีการค้นพบเต็นท์พวกกลุ่มเสื้อแดงอยู่ มีอะไรรู้ไหมพี่น้อง ท่านผู้ชม มีระเบิดแสวงเครื่องจำนวน 2 ลูก ระเบิดปิงปองจำนวน 2 ลูก วัตถุทรงกระบอกจำนวน 7 ลูก ลูกยางสีดำภายในบรรจุน็อตจำนวน 9 ตัว อาวุธมีด 8 เล่ม แส้เหล็ก 4 อัน ท่อนเหล็ก ท่อนไม้ กว่า 10 อัน เสื้อกั๊กที่ดัดแปลงให้เหมือนเสื้อเกราะกันกระสุน 1 ตัว หน้ากากกันแก๊ส 1 อัน และหนังสติ๊กอีก 3 อัน ที่สำคัญนะครับท่านผู้ชม คือคำว่า ระเบิดแสวงเครื่อง 2 ลูก แปลว่าอะไร นี่คือการวางระเบิดแล้วก็กำหนดเวลาให้ระเบิด เหมือนระเบิดเวลาพวกนี้ คนพวกที่ถูกจับพวกนี้เป็นคนซึ่งเช่าเต็นท์อยู่ที่สนามหลวง เป็นเต็นท์ซึ่งพวกคุณ พวกเสื้อแดง เข้าไปชุมนุม
นี่ผมไม่อยากแบ่งชนชั้นนะ คุณดูหน้าตาแต่ละคนก็แล้วกัน คุณดูหน้าตาแต่ละคนที่ถูกจับ กับหน้าตาของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เขาเป็นหมอ เป็นพยาบาล เป็นนักธุรกิจ เป็นนักศึกษา ปริญญาตรี ปริญญาโท คุณดูหน้าตาพวกคุณสิ ผมไม่กล้าพูดว่าพวกคุณหน้าตาเหมือนโจร และผมไม่อยากจะแบ่งคนโดยหน้าตา เพราะบางครั้งคนหน้าตาไม่ดีแต่เขาจิตใจดีงามก็มีเยอะ แต่ประเด็นมีอยู่ว่า เมื่อวานนี้เขาไปจับเจอ ที่สำคัญก็คือว่า ที่สำคัญที่สุดคือหลังจากจับแล้วคุณก็ปฏิเสธว่าไม่เกี่ยวกับ นปช. ทันทีเลย ไอ้ระเบิดปิงปองนี่ที่คุณเอาไปขว้างคุณสุเทพ เทือกสุบรรณ ใช่ไหม และไอ้ระเบิดปิงปองนี่ก็เป็นระเบิดอันเดียวกับ พ.ต.อ.ลือชัย สุดยอด ซึ่งขว้างใส่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ในวันที่ฆ่าประชาชนเช่นกัน
นอกจากนั้นแล้ว เพื่อพิสูจน์ว่าเป็นของพวกคุณ ยังไม่ทันไรเลย พวกคุณโดนจับตอนก่อนเที่ยง ปรากฏว่าตอนสองทุ่มครึ่ง ที่ สน.ชนะสงคราม พวกคุณซึ่งอ้างว่าเป็นกลุ่มคนรักสนามหลวง คุณไม่ต้องมารักสนามหลวงหรอก สนามหลวงน่ะมันสงบ เรียบร้อย มันเริ่มเลวทรามต่ำช้าตั้งแต่พวกคุณเข้ามายึดครองสนามหลวง สวมเสื้อแดง โบกธง พร้อมด้วยอาหารและเครื่องดื่ม เดินทางมาหน้า สน.ชนะสงคราม เพื่อขอเข้าเยี่ยมนายบรรธง สมคำ อายุ 35 นายประนอม จันทร์เทศ อายุ 34 นายสมพร เขียวอ่อน 29 นายยอดรัก แท่นศิลา 33 นายสมยศ ศีลา อายุ 36 นายจรัล เส็งนา อายุ 32 ที่ถูกจับกุม คุณไม่ต้องยกพล คุณยกมาเถอะ ยังไงเขาก็ให้เยี่ยม คุณไม่ต้องห่วง แต่ปรากฏว่าวันนี้ชี้ชัดแล้วว่า กลุ่มคนซึ่งสะสมอาวุธ วัตถุระเบิดแสวงเครื่อง พี่น้องต้องเข้าใจหมายความว่ายังไง หมายความว่านี่คือการวางระเบิด แล้วใช้กดปุ่มเอา อยู่ห่างจากสถานที่ ใช้โทรศัพท์มือถือกด เบอร์อะไรก็ตามที่ตั้งโปรแกรมเอาไว้ ตรงนั้นก็ระเบิด
แสดงว่านี่เป็นการที่พร้อมที่จะวางระเบิดในกรุงเทพฯ โดยพวกคุณ ให้ก่อให้เกิดความวุ่นวายขึ้นมา ใช่ไหม เพราะฉะนั้นแล้วการที่คุณปฏิเสธตอนต้นว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับ นปช. แต่พอตอนหลังมีพวก นปช.เข้ามาเยี่ยมกัน มันพิสูจน์ชัดว่ามันเป็นกลุ่มเดียวกัน มันเป็นกลุ่มเดียวกันนะครับ
และอีกอันหนึ่งซึ่งผมอยากจะพูดให้ฟังนิดหนึ่ง คือ วันนี้ท่าน พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ซึ่งท่านเป็นผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ท่านให้กำลังใจตำรวจ ท่านให้กำลังใจว่ายังไงรู้ไหมพี่น้อง ท่านบอกให้ตำรวจอดทน ทำความดี และท่านพูดอะไรออกมารู้ไหม ท่านบอกว่าบางทีตำรวจพูด คนไม่เชื่อ ผมอยากให้ท่านผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ถ้าท่านมองย้อนหลังไปสักนิดหนึ่ง แล้วท่านอย่าไปมัวอ่านข่าวสดเพียงฉบับเดียว หรือไทยรัฐ ท่านอ่านคม-ชัด-ลึก บ้าง ท่านอ่านเอเอสทีวีผู้จัดการบ้าง ท่านอ่านไทยโพสต์บ้าง หรือท่านหัดดูเอเอสทีวีบ้าง ท่านจะเห็นว่าความจริงที่ท่านคิดว่าเป็นความจริง ที่ท่านได้จากหนังสือพิมพ์ฉบับนั้น กับความจริงที่เราเสนอมา ของเรานี่ความจริงต่างกว่าคนอื่นเขา ของเรานี่ความจริงมีภาพ มีหลักฐานให้ดู ท่านจะเห็นได้ชัดว่าคนที่ป่วนบ้านป่วนเมืองที่แท้จริงนั้น คือพวกเสื้อแดง และท่านต้องยอมรับว่าตำรวจท่านหลายคนแอบสนับสนุนพวกเสื้อแดงอยู่
เพราะฉะนั้นแทนที่ท่านจะบอกว่า ตำรวจพูดอะไรคนไม่เชื่อ ท่านต้องพูดบอกว่า ประการแรก ตำรวจต้องจัดระเบียบตัวเองเสียก่อน ต้องทำให้ตำรวจเป็นตำรวจที่รับใช้ประชาชนจริงๆ เพียงแต่ท่านสามารถทำทุกอย่างให้อยู่ในหลักนิติรัฐ หลักนิติธรรม ปัญหาก็จะไม่มี เพียงแต่ถ้าท่านมีสตินิดหนึ่ง ท่านคิดดูนิดหนึ่ง ว่า พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน ตำแหน่งหน้าที่เป็นรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ซึ่งเป็นปฏิปักษ์กับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ท่านไปดูคำพูดของคุณอำนวย ท่านไปดูคดีความที่คุณอำนวยทำกับพวกเรามาตั้งแต่ต้น แล้วยังมาทำเรื่องนี้ต่อ ถ้าท่านมีจิตใจเป็นต้นน้ำแห่งกระบวนการยุติธรรมจริง ท่านจะต้องพูดได้ ว่าเฮ้ยมันไม่ยุติธรรมกับผู้ถูกกล่าวหา เพราะฉะนั้นต้องเปลี่ยนคณะสอบสวนหมดเลย ท่านอาจจะบอกว่ามันเป็นปัญหาอยู่ที่กรม แต่ถ้าท่านรักความจริง รักความยุติธรรม ท่านต้องพูดได้สิ ท่านต้องเสนอไปที่กรม เพื่อป้องกันปัญหาความขัดแย้งในหลักนิติธรรม ซึ่งอาจจะนำไปอ้างอิงในกระบวนการศาลได้ จึงขอเสนอให้เปลี่ยนผู้ที่เป็นหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวน และคณะพนักงานสอบสวน ซึ่งสอบสวนกลุ่มพันธมิตรฯ ที่จะเข้าไปมอบตัวในวันที่ 30 มีนาคมนี้ เสียใหม่ เนื่องจากกลุ่มผู้สอบสวนเดิมนั้นเคยได้ทำคดีของกลุ่มคนพวกนี้มาแล้ว เพราะฉะนั้นอาจจะเป็นความไม่เป็นธรรมกับฝ่ายผู้ถูกกล่าวหาได้ ท่านเพียงแสดงออกแค่นี้ ผมสามารถยกมือไหว้ท่านได้เลยว่าท่านเป็นตำรวจใช้ได้ ท่านอย่าไปเที่ยวโม้ว่าตำรวจพูดอะไรแล้วคนไม่เชื่อ ก็เพราะว่าพวกคุณทำตัวแล้วทำให้คนไม่เชื่อไงล่ะ นี่คือตัวอย่างที่เห็นได้ชัด ก็ฝากเอาไว้หน่อยนะครับ
อีกข่าวหนึ่งนะครับ คุณชัย ชิดชอบ ประธานสภาฯ เลื่อนการอภิปรายฯ เร็วขึ้น เป็น 19 และ 20 มีนาคมนี้ ท่านฝ่ายท่านนายกฯ อภิสิทธิ์ ก็ไม่สนใจ ท่านบอกว่าท่านไม่ได้หนีหรอก ฝ่ายค้านนัดชุมนุมก็ชุมนุมไป ปรากฏว่าฝ่ายค้านโวย ทำไมต้องโวยรู้หรือเปล่าพี่น้อง เพราะว่าเขากะจัดตั้งกันพอดีๆ อภิปรายไม่ไว้วางใจปั๊บ ฝ่ายนั้น 20 กว่าๆ เขาก็จัดตั้งคน เพราะการระดมคนของพวกเขา กับการระดมคนของพันธมิตรฯ ไม่เหมือนกัน ของพวกเขานี่ต้องลงไปที่หัวคะแนนก่อน หัวคะแนนกำเงินไปก้อนหนึ่ง เอาไปแจกหัวคะแนนย่อย หัวคะแนนย่อยเอาไปจ่ายมัดจำก่อน เสร็จแล้วต้องไปวางมัดจำรถยนต์ จะเอากี่คน ต้องเหมารถกี่คัน ไม่เหมือนของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ถ้าจะมาเขามากันเอง เขาขึ้นรถไฟมา เขาขับรถมา บางคนเหมาเครื่องบินจากสมุยมาทั้งลำ บางคนเป็นนายทุนอยู่ที่ต่างจังหวัด ไม่ชอบรัฐบาลชุดนี้ บอก เอาออกเลย รถออกทุกคัน บอกคิวรถให้มาเก็บเงินกับฉัน กี่คันก็เก็บเงินมา ที่นั่นคือที่มาของ "เต็มออกๆ ไม่อั้น"
เพราะฉะนั้นแล้ว ข้อแตกต่างระหว่างเขากับเราก็อยู่ตรงนี้ ด้วยเหตุนี้ พอคุณชัย ผมเข้าใจว่าคงเป็นวิชามารที่จะมาดัดแปลงและดัดหลังพวกเสื้อแดง ก็คือให้อภิปรายไม่ไว้วางใจเร็วขึ้น พอเร็วขึ้นคราวนี้ต้องโวยสิ เพราะว่าทุกอย่างมันต้อง 26 ใช่มั้ย ถ้าอภิปราย 20 มันมีเวลาอีกตั้ง 6 วัน มันจบแล้วนี่ อภิปรายหมดแล้ว ไม่มีอะไรแล้ว จะมาล้อมสภาก็ล้อมไม่ได้ จะมาล้อมรัฐบาลก็ไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้น นี่ล่ะครับพี่น้อง ม็อบรับจ้าง กับม็อบมาด้วยใจ มันต่างกันตรงนี้ครับพี่น้องครับ
พี่น้องครับ ช่วงสุดท้ายของรายการ จะเป็นเรื่องราวของข่าว ป.ป.ช. เมื่อวานนี้ วันที่ 16 สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ได้มีการประชุมพร้อมแถลงข่าว โดยมีนายวิชา มหาคุณ เป็นประธานอนุกรรมการไต่สวนถึงกรณีการใช้ความรุนแรงในการสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย โดยมีมติตั้งข้อกล่าวหาบุคคลที่เกี่ยวข้องในการสั่งสลายการชุมนุม ซึ่งก่อให้เกิดการบาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิต ทั้งหมดมี 7 คนนะครับ
นักการเมืองมี 2 คน พี่น้อง เอานักการเมืองก่อน คนแรกก็คือ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ในฐานะหัวหน้ารัฐบาล ซึ่งเรียกประชุมคณะรัฐมนตรีนัดพิเศษ และมีมติให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดำเนินการเปิดทางให้สมาชิกรัฐบาลเข้าประชุมในวันที่ 7 ตุลาคม 51 จนมีผู้บาดเจ็บ มีผู้บาดเจ็บแล้วก็ยังมิได้ยับยั้งไม่ให้เกิดความรุนแรงขึ้นอีก จึงแจ้งข้อกล่าวหาเกี่ยวกับความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ก็คือว่า ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ นัยก็คือว่า คุณสมชายรู้อยู่แล้วว่ามีการชุมนุมปิดล้อมรัฐสภา แทนที่จะชุมนุมต่อ ประชุมต่อ หรือหาที่ประชุมใหม่ หรือเลื่อนการประชุมสภา คุณสมชายก็สั่งตำรวจบอกให้จัดการเสีย เปิดประชุมให้ได้ จะด้วยวิธีใดก็ตาม นัยอันนี้คือนัยของการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และเมื่อตัวเองรู้ว่ามีการตาย มีการฆ่ากัน ก็ยังให้ดำเนินการต่อไปได้โดยที่ไม่ได้ยับยั้ง นั่นคือ 157
คนที่ 2 คือพี่จิ๋วของผม พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ในฐานะรองนายกรัฐมนตรี และได้รับการมอบหมายจากนายกรัฐมนตรี ให้เป็นผู้รับผิดชอบเหตุการณ์ และสั่งการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ดำเนินการทุกวิถีทางในอันที่จะผลักดันกลุ่มผู้ชุมนุมโดยใช้แก๊สน้ำตา แม้ พล.อ.ชวลิต จะลาออกจากตำแหน่งในเวลา 09.00 น.ตอนเช้า ก็ถือว่ามีส่วนรับผิดชอบในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จึงแจ้งข้อกล่าวหาเกี่ยวกับความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเช่นกัน ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
จริงๆ แล้ว พล.อ.ชวลิต ถ้าท่านมีสตินิดหนึ่ง ถ้าท่านต้องการพิสูจน์ตัวท่านเอง วันที่เขามอบหมายให้ท่านรับผิดชอบ ท่านต้องปฏิเสธไป การที่ท่านไม่ปฏิเสธ แล้วท่านเข้ามาประชุมที่กองบัญชาการตำรวจนครบาลด้วย นั่นคือหลักฐานที่มัดตัวท่าน ว่าท่านเกี่ยวข้องอย่างเต็มๆ และท่านก็มีลูกน้องหลายคนซึ่งเป็นตำรวจ ก็ดำเนินการทำให้ เพราะฉะนั้นท่านผิด ปฏิเสธเลยไม่ได้เลยนะครับ
อันที่ 3 พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ในฐานะผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งรับผิดชอบตามอำนาจหน้าที่ แม้ได้ความว่า ท่านผู้ฟังฟังดีๆ นะครับ แม้ได้ความว่ามีการมอบหมายให้มีผู้ปฏิบัติหน้าที่แทน และแต่งตั้งผู้บัญชาการเหตุการณ์ให้เป็นผู้รับผิดชอบโดยตรง แต่ก็ต้องให้ความสำคัญติดตามความเคลื่อนไหวในการชุมนุมอย่างใกล้ชิด เมื่อเกิดเหตุรุนแรง ขาขาด แขนขาด ก็ต้องยับยั้งมิให้เกิดเหตุการณ์ลุกลามต่อไป จึงแจ้งข้อกล่าวหาทางวินัยฐานไม่ปฏิบัติหน้าที่ราชการด้วยความอุตสาหะ เอาใจใส่ ระมัดระวังผลประโยชน์ของทางราชการ ประมาทเลินเล่อในหน้าที่ราชการ ตรงนี้พี่น้องครับ ผมไม่เห็นด้วย ตรงนี้ผมคิดว่า ป.ป.ช.เพี้ยน ส่อให้มีความเข้าใจได้ว่ามีการวิ่งเต้นกับ ป.ป.ช. เพราะอะไรพี่น้อง พี่น้องย้อนหลังกลับไปดูนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์
นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ถูกข้อกล่าวหาว่าผิดอาญา ประมวลกฎหมาย มาตรา 157 เพราะสั่งการให้มีการประชุมสภา ส่วนในฐานะรองนายกฯ พล.อ.ชวลิต ผิดด้วย เพราะว่าได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรีให้เป็นผู้รับผิดชอบ ฉันใดฉันนั้น พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ก็เปรียบเสมือนนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ถึงแม้ไม่ได้เป็นคนปฏิบัติ แต่ได้มอบหมายให้คนอื่นปฏิบัติแทน ตัวเองต้องรับผิดชอบด้วย จะโดนแค่วินัยธรรมดาไม่ได้ แต่เผอิญ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ท่านเป็นน้องชาย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญในการจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้ ที่ได้มีการพูดคุยกับแกนนำพรรคประชาธิปัตย์บางคน ก็เลยทำให้ พล.ต.อ.พัชรวาท ต้องพ้นความผิดคดีอาญาไป แต่ก็ยังต้องโดนวินัย ไม่ปฏิบัติหน้าที่ราชการด้วยความอุตสาหะ
ที่น่าสนใจครับ ผมจะถามท่านนายกฯ อภิสิทธิ์นิดหนึ่ง ฝากถามท่านหน่อย พี่น้องชาวพรรคประชาธิปัตย์ หรือนักการเมืองพรรคประชาธิปัตย์ ที่ฟังเรื่องนี้ ช่วยฝากถามต่อด้วยนะครับ ว่าในฐานะที่เป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ผู้บริหารสูงสุดของตำรวจ หากโดนข้อหาวินัยฐานไม่ปฏิบัติหน้าที่ราชการด้วยความอุตสาหะ อันนี้จะว่าเบาก็ไม่ได้นะครับ ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความไม่อุตสาหะ เอาใจใส่ ระมัดระวังผลประโยชน์ของทางราชการ ประมาทเลินเล่อในหน้าที่ราชการ ถ้าประมาทเลินเล่อในหน้าที่ราชการ ในฐานะที่เป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ความผิดทางวินัยอันนี้ต้องถูกย้ายเข้าไปประจำสำนักนายกฯ ทันที เพื่อตั้งคณะกรรมการสอบสวนครับ จะปล่อยให้ลอยนวลอย่างนี้ต่อไปไม่ได้
ทั้งๆ ที่ผมไม่เห็นด้วยกับคำตัดสินของ ป.ป.ช.ในกรณีคุณพัชรวาท วงษ์สุวรรณ เพราะถ้าคุณเอาคุณสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ผู้ซึ่งมอบให้ พล.อ.ชวลิต รับผิดชอบทำงานต่อ คุณสมชายผิด คุณพัชรวาทไม่ผิดได้อย่างไร เพราะคุณพัชรวาทก็ได้มอบให้ พล.ต.อ.วิโรจน์ พหลเวชช์ และ พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ทำงานต่อ เมื่อคุณสมชายผิด คุณพัชรวาทก็ต้องผิดเช่นกัน เพราะคุณไปเอาคุณชวลิตผิด เมื่อคุณเอาคุณชวลิตผิด คุณวิโรจน์ กับคุณสุชาติ เหมือนแก้ว ก็ผิดเหมือนกัน
คนที่ 4 คือ พล.ต.อ.วิโรจน์ พหลเวชช์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้รับมอบหมายหน้าที่จากผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ใหัสั่งและปฏิบัติราชการแทน ได้รับทราบนโยบายและควบคุมการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยในการสลายฝูงชน จึงแจ้งข้อกล่าวหาความผิดทางวินัยเช่นเดียวกับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ อันนี้มวยล้มครับพี่น้อง ป.ป.ช.มวยล้มมาก คุณวิโรจน์ อย่างที่ผมบอก เหมือนกับ พล.อ.ชวลิต ใช่ไหม รับงานมา ถ้าคุณวิโรจน์รู้อยู่แล้วว่ามีการยิงประชาชน มีคนแขนขาด มีคนขาขาด มีคนตาย คุณวิโรจน์ต้องสั่งระงับทันที แต่คุณวิโรจน์ไม่สั่งระงับ โดนแค่ผิดทางวินัย
พี่น้อง ผมจะเล่าให้ฟัง คุณวิโรจน์นี่คือเด็กของ พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ และวันนี้พ่อแม่พี่น้องรู้ไหม พี่น้องเห็นในข่าวไหมที่มีตำรวจคนหนึ่งที่ใส่ฮูดปิดหัว แล้วเอามือขว้างระเบิด รูปนั้นน่ะ นั่นชื่อ พ.ต.อ.ลือชัย สุดยอด นั่งอยู่ที่สำนักงาน พล.ต.อ.วิโรจน์ คุณวิโรจน์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจตระเวนชายแดนเก่า เป็นมือของ พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ อย่างแท้จริง เพราะฉะนั้น 2 รายการนี้ พัชรวาท และวิโรจน์ พหลเวชช์ คือมวยล้มต้มคนดูของ ป.ป.ช. ผมไม่รู้ว่าใครวิ่งใคร แต่มีข้อน่าสังเกต เรื่องนี้เดี๋ยวผมให้พี่ปองลุยต่อ แต่ผมเล่าให้ฟังก่อน ว่าไม่ถูกต้องเลย เพราะว่าในเมื่อคุณอ้างว่าคุณพัชรวาทไม่โดนหนัก ก็เพราะว่าได้มอบหมายให้คุณวิโรจน์ดู ถ้ามอบหมายให้คุณวิโรจน์ดู คุณวิโรจน์ต้องโดนหนักสิ ถูกไหม แล้วคุณวิโรจน์มาโดนเบาทำไม ทำไมมาโดนไอ้สุชาติ เหมือนแก้ว คนเดียว มันต้องโดนวิโรจน์ด้วย สุชาติ เหมือนแก้ว ยังไงก็ต้องโดน แต่วิโรจน์ต้องโดนด้วย เพราะวิโรจน์จะไม่รู้ เป็นไปไม่ได้ว่าจะไม่รู้ว่าประชาชนตายแล้ว จะไม่รู้ว่ามีการยิงแก๊สน้ำตา จะไม่รู้เป็นอันขาด เพราะว่าทีวีก็ออก มีคนขาขาดอยู่ที่นั่น ออกทีวีทุกคน คุณต้องเห็น เจ้าหน้าที่ที่อยู่กับคุณต้องรู้ ต้องรายงาน ท่านครับตอนนี้มีคนบาดเจ็บ ขาขาด เฮ้ยๆ หยุดยิง ต้องหยุดยิงเดี๋ยวนี้ บอกให้ตำรวจถอย พี่น้องเห็นหรือยัง ป.ป.ช.ท่านมีปัญหาแล้วนะ ตรรกะตรงนี้ท่านแก้ตัวไม่ออกนะ ผมไม่รู้ว่าเป็นฝีมือใคร แต่ผมคิดว่าไม่ใช่ฝีมือคุณวิชา มหาคุณ เพราะว่าเป็นคณะใหญ่ คงจะต้องลงคะแนนกัน
ส่วนสุชาติ เหมือนแก้ว นั้นแน่นอน โดนแจ้งข้อหาทั้งวินัยและอาญา ฐานกระทำหรือละเว้นการกระทำใดๆ อันเกิดความเสียหาย ลิขิต กลิ่นอวล รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ก็โดนทั้งวินัยและอาญา พล.ต.ต.เอกรัตน์ มีปรีชา ก็โดนข้อหาทางวินัยและอาญา
พี่น้อง มันน่าเจ็บปวดอะไรรู้ไหม ผมรู้จักเกือบทุกคน ยกเว้น พล.ต.อ.วิโรจน์ เอกรัตน์ มีปรีชา นี่ชื่อเล่นชื่อต้อม เป็นลูกของ พล.ต.ท.พิชิต มีปรีชา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลคนเก่า พ่อเป็นคนดีมาก ผมเสียใจแทนเขามาก เพราะผมจำได้ ที่เขามาพูดกับผมส่วนตัว บอกว่า พี่ธิ พี่เอาประชาชนถอยได้ไหม ก็บอกเฮ้ย ถอยไม่ได้หรอก เพราะว่าเขามาประท้วงตามรัฐธรรมนูญ เขามองหน้าผมแล้วก็บอก เอ้าถอยไม่ได้ก็เจอกัน เจอแล้วไง ยศแค่พลตำรวจตรี อีกไม่กี่ปีเกษียณอายุ โดนให้ออกจากราชการ
สุชาติ เหมือนแก้ว ชื่อไอ้เบื๊อก รุ่นเดียวกับทักษิณ รุ่น 26 รู้จักดี สนิทสนมกันดี เจอหน้าเอะอะเฮฮากัน สมัยที่ผมโดนหมายจับข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ที่เขาปั้นเรื่องใส่ผม ที่คุณจงรัก จุฑานนท์ จะไม่ให้ประกัน แล้วตอนหลังให้ประกัน คนนี้ก็เป็นคนประสานงานอยู่ใน บช.น. หลังจากเหตุการณ์นั้นสักพักหนึ่งก็ได้เป็นผู้บัญชาการ บช.น.แทนอัศวิน ขวัญเมือง
ลิขิต กลิ่นอวล ทำไมจะไม่รู้จัก อดีตผู้กำกับโรงพักชนะสงคราม อยู่พื้นที่นี้ ได้ดิบได้ดีมา เพราะว่าไปรับใช้สมเด็จพระสังฆราช สมเด็จญาณฯ ถึงเจริญเติบโตมา ได้เครื่องหมาย ภปร. ติดอยู่บนบ่า แล้ววันนี้มันเป็นยังไง อนิจจังไหม อนิจจังมากพี่น้องครับ
ผมคิดว่าในส่วนของ พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน ยังไม่พบว่าเป็นผู้ร่วมสั่งการหรือเกี่ยวข้องกับการสลายฝูงชน เนื่องจากมีการเปลี่ยนเวรกับ พล.ต.ต.เอกรัตน์ มีปรีชา แม้เป็นผู้แถลงข่าวในวันที่ 8 ตุลาคม ว่าผู้ร่วมชุมนุมได้รับบาดเจ็บไม่ใช่เกิดจากการใช้แก๊สน้ำตาสลายการชุมนุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ คณะกรรมการ ป.ป.ช.จึงมีมติยังไม่ดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหา เว้นแต่จะมีพยานหลักฐานเพิ่มเติมภายหลัง คุณอำนวย คุณอย่าเพิ่งดีใจ คุณรู้ไหมคุณเป็นตำรวจคนหนึ่งที่ประชาชนเกลียดคุณมากที่สุด ผมเกิดมาผมอยู่ในแวดวงตำรวจ ผมไม่เคยเจอใครเขาเกลียดคุณมากขนาดนี้เลย คุณไม่ต้องห่วงหรอก สักวันหนึ่ง มีข้อกล่าวหาเกิดขึ้น เขาเล่นงานคุณแน่ แล้วคุณจำได้ไหม คำพูด ป.ป.ช. แม้ยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหา แต่ถ้ามีข้อมูลใหม่เขาจะดำเนินการกับคุณทันที แล้วคุณคิดว่าพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยทั่วประเทศไทยเขาจะละเว้นคุณเหรอ คุณอาจจะมีความสุขสักปีหนึ่ง ปีหน้าเขาได้ข้อมูลหลักฐานใหม่ ว่าเขามีพยานหลักฐาน 3-4 คน พิสูจน์ได้ว่า สมมุติเขาพิสูจน์ได้ว่าคุณน่ะ ถึงแม้คุณแจ้งว่าคุณไปธุระปะปังส่วนตัว แต่คุณไปปรากฏตัวอยู่ในกองบัญชาการตำรวจนครบาล คุณก็ต้องโดนด้วย
และที่สำคัญ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจะฟ้องศาลอาญาเองกับคุณ คุณจะต้องขึ้นศาลไปอีกนาน เชื่อผมสิ คุณคนเดียวจะต้องเจอพันธมิตรฯ ทั้งประเทศ ไม่ใช่เฉพาะประเทศไทยนะ ทั้งอเมริกา ออสเตรเลีย ทุกแห่ง ผมไม่ได้ว่าอะไรคุณทั้งสิ้น คุณไม่ต้องขู่ผมหรอก คุณมีอะไร คุณมีอาวุธอะไรคุณออกใส่ผมให้หมดเลย ผมไม่เคยกลัวอยู่แล้ว เพราะว่าผมน่ะตายเป็นตาย เจ๊งเป็นเจ๊ง แต่คุณน่ะตายก็กลัวตาย เจ๊งคุณก็ไม่กล้าเจ๊ง เชื่อผมสิคุณอำนวย นิ่มมะโน ชื่อคุณน่ะพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเขาจำคุณแม่นมากๆ คุณไม่ต้องห่วง สักวันหนึ่งถ้าคุณเชื่อคำว่าเวรกรรมมีจริง คุณต้องได้รับกรรมอย่างแน่นอน คุณไม่เห็นเหรอ สมชาย วงศ์สวัสดิ์ ชวลิต ยงใจยุทธ โดนแล้ว
พี่น้องครับ วันศุกร์นี้ผมยังจะพูดเหมือนเดิม และผมมีเรื่องคุณพัชรวาท เรื่องที่คุณพัชรวาททำผิดกฎหมายแต่ไม่มีใครจัดการเสียที แล้วผมกำลังจะจี้จุดไปว่าไม่ใช่เฉพาะเรื่องนี้เท่านั้น ถ้าคุณพัชรวาทผิดทางวินัย ปฏิบัติหน้าที่ ผมฝากพี่ปองหน่อยนะครับ ปฏิบัติหน้าที่อย่างหละหลวม ไม่ปฏิบัติหน้าที่ราชการด้วยความอุตสาหะ ก็คือไม่ตั้งใจทำงาน ไม่เอาใจใส่ระมัดระวังรักษาผลประโยชน์ของทางราชการ ประมาทเลินเล่อในหน้าที่ราชการ ถึงจะเป็นวินัย ถ้าท่านนายกฯ ยังเก็บเอาไว้ หรือว่าคุณสุเทพ เทือกสุบรรณ อาจจะยังเก็บเอาไว้ ยังเป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพียงเพราะว่าไปแอบตกลงกับคุณประวิตร วงษ์สุวรรณ และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา แล้วคุณจะรู้ว่าประชาชนเขาจะมองพวกคุณว่าอย่างไร
วันนี้หมดเวลาแล้วนะครับพี่น้องครับ เดี๋ยวเจอพวกพี่ปองกับพี่เก๋ของผมนะครับ ไปอเมริกาหลายวันก็คิดถึงทั้งสองคนมาก พี่น้องชาวสหรัฐอเมริกาครับ ที่คิดถึงพี่ปอง พี่เก๋ เดี๋ยวผมจะบอกเขาเองว่าพี่น้องคิดถึงเขาทุกคนนะครับ สำหรับวันนี้ลาไปก่อนแล้วพรุ่งนี้เราค่อยเจอกันใหม่ตอนเวลา 06.00 น.เหมือนเดิมนะครับ เหนื่อยเราก็ไม่เหนื่อย เมื่อยเราก็ไม่เมื่อย เราต้องออกทีวีไปเรื่อยๆ เราไม่เมื่อย เราไม่เหนื่อย ขอบพระคุณมากครับพี่น้องครับ"