ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาว่า จากกรณีที่คณะกรรมการสรรหา กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แทนนายสุเมธ อุปนิสากร กกต.ที่ได้พ้นวาระ กำหนดเปิดรับสมัครผู้สมควรเป็น กกต. ตั้งแต่วันที่ 13-19 มี.ค.นั้น ปรากฏว่า จนถึงวันที่16 มี.ค. เปิดรับสมัครมา 4 วันแล้ว ยังไม่มีใครมายื่นใบสมัครเลย มีเพียงผู้ที่ให้ความสนใจมาขอใบสมัครเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ผู้ที่มีคุณสมบัติยังสามารถมายื่นใบสมัครด้วยตัวเองได้ จนถึงวันที่ 19 มี.ค.นี้ในเวลาราชการ ณ บริเวณห้องโถง ชั้น 1 อาคารรัฐสภา 2 สำนักงานเลขาฯวุฒิสภา
ทั้งนี้ กรรมการสรรหาได้นัดประชุมเพื่อลงมติเลือกผู้ที่สมควรเป็นกรรมการการเลือกตั้งจำนวน 1 คน ในวันที่ 27 มี.ค. เพื่อเสนอชื่อต่อประธานวุฒิสภาต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันเดียวกันนี้ นายประพันธ์ นัยโกวิท กกต. ด้านบริหารการเลือกตั้ง ได้เป็นประธานในการเปิดโครงการยุวชนประชาธิปไตย รุ่นที่ 1 ประจำปี พ.ศ.2552 โดยมีตัวแทนเยาวชนจากทั่วประเทศ เดินทางเข้าร่วมงาน โดยนายประพันธ์ กล่าวในตอนหนึ่งว่า รัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 มีการเปลี่ยนแปลงในส่วนของกฎหมายการเลือกตั้ง โดยเฉพาะการซื้อสิทธิ์ขายเสียงที่พยายามหาทางแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยปรับปรุงให้มีความเข้มข้นมากขึ้น และเพิ่มกรณีการยุบพรรค ตามมาตรา 237 ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นยาแรง และที่ผ่านมาทาง กกต.ได้ส่งสัญญาณในเรื่องดังกล่าวไปหลายครั้ง แต่ก็ยังพบปัญหาซื้อสิทธิขายเสียงอยู่ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่น่าเสียใจ เพราะผลที่ตามมาทำให้มีการยุบพรรคการเมืองต่างๆ ทั้งที่กกต.ได้บอกตั้งแต่แรกแล้ว แต่ก็ไม่มีใครเชื่ออีก ทั้งกลับหาว่า กกต.เป็นพวกเสือกระดาษ คิดว่าไม่สามารถทำอะไรได้ อย่างไรก็ตาม หากยังมีการบังคับใช้รัฐธรรมนูญปี 2550 อยู่ ปัญหาการซื้อสิทธิ ขายเสียง ก็จะทำได้ด้วยความยากลำบาก และลดลง
"ผมคิดว่า ในปัจจุบันเราไม่ควรไปหวังอะไรกับนักการเมืองมากนัก ซึ่งส่วนใหญ่มีแต่พวกไม้แก่ดัดยาก จึงคิดว่าถึงเวลาแล้วที่ควรหาคนรุ่นใหม่เข้ามาทำงานเพื่อประเทศชาติ โดยคนรุ่นใหม่ที่จะเข้ามาทำงาน น่าจะมาแทนพวกคลื่นลูกเก่าได้ และผมเห็นว่าน่าจะให้ เด็กอายุสิบแปด ที่มีสิทธิเลือกตั้งมาร่วมเป็นกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้ง เพราะเชื่อว่าคนรุ่นนี้ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับพรรคการเมือง"
นายประพันธ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์ ลงโฆษณาเชิญชวนให้ประชาชนบริจาคเงินภาษีให้กับพรรคว่า กรณีนี้เป็นไปตามกฎหมาย เพราะผู้เสียภาษีสามารถบริจาคเงินให้กับพรรคการเมืองได้คนละ 100 บาท อีกทั้งการที่พรรคจะไปรณรงค์ กฎหมายก็ไม่ได้ห้ามไว้ เนื่องจากเป็นไปตามกฎหมาย หากพรรคอื่นอยากทำ ก็สามารถทำได้ เพราะจะได้ช่วยประชาสัมพันธ์ในเรื่องนี้ด้วย อีกทั้งเรื่องนี้ยังไม่มีกฎหมายห้ามไว้ ส่วนเรื่องของความเหมาะสมหรือการหาเสียงแฝงนั้น เราต้องดูในรายละเอียดอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม ผู้ที่มีคุณสมบัติยังสามารถมายื่นใบสมัครด้วยตัวเองได้ จนถึงวันที่ 19 มี.ค.นี้ในเวลาราชการ ณ บริเวณห้องโถง ชั้น 1 อาคารรัฐสภา 2 สำนักงานเลขาฯวุฒิสภา
ทั้งนี้ กรรมการสรรหาได้นัดประชุมเพื่อลงมติเลือกผู้ที่สมควรเป็นกรรมการการเลือกตั้งจำนวน 1 คน ในวันที่ 27 มี.ค. เพื่อเสนอชื่อต่อประธานวุฒิสภาต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันเดียวกันนี้ นายประพันธ์ นัยโกวิท กกต. ด้านบริหารการเลือกตั้ง ได้เป็นประธานในการเปิดโครงการยุวชนประชาธิปไตย รุ่นที่ 1 ประจำปี พ.ศ.2552 โดยมีตัวแทนเยาวชนจากทั่วประเทศ เดินทางเข้าร่วมงาน โดยนายประพันธ์ กล่าวในตอนหนึ่งว่า รัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 มีการเปลี่ยนแปลงในส่วนของกฎหมายการเลือกตั้ง โดยเฉพาะการซื้อสิทธิ์ขายเสียงที่พยายามหาทางแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยปรับปรุงให้มีความเข้มข้นมากขึ้น และเพิ่มกรณีการยุบพรรค ตามมาตรา 237 ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นยาแรง และที่ผ่านมาทาง กกต.ได้ส่งสัญญาณในเรื่องดังกล่าวไปหลายครั้ง แต่ก็ยังพบปัญหาซื้อสิทธิขายเสียงอยู่ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่น่าเสียใจ เพราะผลที่ตามมาทำให้มีการยุบพรรคการเมืองต่างๆ ทั้งที่กกต.ได้บอกตั้งแต่แรกแล้ว แต่ก็ไม่มีใครเชื่ออีก ทั้งกลับหาว่า กกต.เป็นพวกเสือกระดาษ คิดว่าไม่สามารถทำอะไรได้ อย่างไรก็ตาม หากยังมีการบังคับใช้รัฐธรรมนูญปี 2550 อยู่ ปัญหาการซื้อสิทธิ ขายเสียง ก็จะทำได้ด้วยความยากลำบาก และลดลง
"ผมคิดว่า ในปัจจุบันเราไม่ควรไปหวังอะไรกับนักการเมืองมากนัก ซึ่งส่วนใหญ่มีแต่พวกไม้แก่ดัดยาก จึงคิดว่าถึงเวลาแล้วที่ควรหาคนรุ่นใหม่เข้ามาทำงานเพื่อประเทศชาติ โดยคนรุ่นใหม่ที่จะเข้ามาทำงาน น่าจะมาแทนพวกคลื่นลูกเก่าได้ และผมเห็นว่าน่าจะให้ เด็กอายุสิบแปด ที่มีสิทธิเลือกตั้งมาร่วมเป็นกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้ง เพราะเชื่อว่าคนรุ่นนี้ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับพรรคการเมือง"
นายประพันธ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์ ลงโฆษณาเชิญชวนให้ประชาชนบริจาคเงินภาษีให้กับพรรคว่า กรณีนี้เป็นไปตามกฎหมาย เพราะผู้เสียภาษีสามารถบริจาคเงินให้กับพรรคการเมืองได้คนละ 100 บาท อีกทั้งการที่พรรคจะไปรณรงค์ กฎหมายก็ไม่ได้ห้ามไว้ เนื่องจากเป็นไปตามกฎหมาย หากพรรคอื่นอยากทำ ก็สามารถทำได้ เพราะจะได้ช่วยประชาสัมพันธ์ในเรื่องนี้ด้วย อีกทั้งเรื่องนี้ยังไม่มีกฎหมายห้ามไว้ ส่วนเรื่องของความเหมาะสมหรือการหาเสียงแฝงนั้น เราต้องดูในรายละเอียดอีกครั้ง