xs
xsm
sm
md
lg

“ไข่แม้ว” เตะถ่วง! อ้างรอ “ผู้นำฝ่ายค้าน” ก่อนเลือก กกต.แทน “สุเมธ”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“ไข่แม้ว” สุดผวาเลือก กกต.ใหม่เสียบแทน “สุเมธ” พร้อมเดินแผนเตะถ่วงชักแม่น้ำทั้ง 5 อ้างเฉยต้องรอให้มี “ผู้นำฝ่ายค้านฯ” ก่อนสรรหา ฟูมฟาย “4 กกต.” ต้องพิจารณาตัวเองเพราะเป็นของปลอม ก่อนโบ้ยให้ “ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา” เลือกตาม รธน.

วานนี้ (4 มี.ค.) นายนิคม เชาว์กิตติโสภณ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย และคณะทำงานยุทธศาสตร์ฝ่ายกฎหมายและการเมือง กล่าวถึงกรณีการสรรหาคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) คนใหม่ ที่จะมาแทนนายสุเมธ อุปนิสากร ซึ่งจะพ้นวาระในวันที่ 8 มี.ค.นี้ว่า ขณะนี้พรรคเพื่อไทยกำลังจับตามองกระบวนการเลือก กกต.อย่างใกล้ชิด เนื่องจากการลงมติใดๆ ของ กกต.จำเป็นต้องได้รับเสียงเกินกึ่งหนึ่ง ดังนั้นหนึ่งเสียงของ กกต.ที่จะมาแทนนายสุเมธ นั้น จึงสำคัญในทางการเมือง ซึ่งเรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย เพราะเป็นหน้าที่ของกรรมการสรรหาเป็นคนเลือก ไม่ใช่ศาลฎีกา

“ปัญหาข้อกฎหมายที่เกิดขึ้น คือ เวลานี้ไม่มีผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเป็นหนึ่งในองค์ประกอบของคณะกรรมการสรรหา กกต.ตามมาตรา 231 (1) ที่ให้มีกรรมการสรรหา 7 คน เช่นประธานศาลฎีกา ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประธานสภาผู้แทนราษฎร และมีบทบัญญัติในมาตราดังกล่าวระบุด้วยว่า กรณีที่ไม่มีกรรมการในตำแหน่งใด หากกรรมการสรรหาที่เหลืออยู่มีจำนวนไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่ง ให้กรรมการที่เหลืออยู่ปฏิบัติหน้าที่เลือก กกต.ได้” นายนิคม กล่าว

นายนิคมกล่าวอีกว่า ดังนั้น ตามขั้นตอนแล้วเมื่อสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาเรียกประชุมคณะกรรมการสรรหา ทางคณะกรรมการสรรหาที่แม้จะสามารถดำเนินการเลือก กกต.ได้ แต่ก็ควรต้องรักษาธรรมเนียมปฏิบัติทางการเมือง เพราะผู้นำฝ่ายค้านถือว่ามีความสำคัญมาก เนื่องจากเป็นตัวแทนจากสภาฯ และซีกพรรคการเมือง ไม่ได้เข้าไปมีส่วนร่วมในการสรรหา กกต. อาจทำให้กระบวนการได้ กกต.คนใหม่ถูกตั้งคำถามถึงความเหมาะสม ความชอบธรรมได้ ดังนั้นทางออกที่ดีที่สุด คือ กรรมการสรรหาไม่ควรเลือก กกต.คนใหม่ แต่ให้ส่งเรื่องไปให้วุฒิสภา เพื่อให้วุฒิสภาส่งเรื่องต่อไปให้ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาเป็นฝ่ายลงมติเลือก ซึ่งกระบวนการทั้งหมดต้องทำภายใน 60 วันนับจากวันที่นายสุเมธ พ้นวาระ

“ทางออกที่ดีที่สุด คือ กกต.ทั้ง 4 คนที่เหลือ ควรต้องลาออกไป เพราะวันนี้ความชอบธรรมไม่เหลือแล้ว ขนาดนายสุเมธ ยังพูดว่า กกต.เป็นของปลอม ไม่ได้มาจากรัฐธรรมนูญ แล้วจะอยู่ต่อไปได้อย่างไร ฉะนั้นพวก กกต.ต้องพิจารณาตัวเอง และควรใช้โอกาสนี้ให้มีการเลือก กกต.ใหม่ทั้งหมดที่มาจากรัฐธรรมนูญปี 50 เพราะ กกต.ตอนนี้กลายเป็นสิ่งแปลกปลอม และถ้ามีการเลือก กกต.คนใหม่ที่มาจากรัฐธรรมนูญปี 50ให้ เข้าไปทำงานร่วมกับ กกต.เดิมอีก 4 คน ซึ่งมาจากรัฐธรรมนูญปี 40 ก็ไม่ใช่ มาจากวุฒิสภาเลือกแล้วส่งชื่อไปก็ไม่ใช่ แต่มาจากเผด็จการคณะปฏิวัติ แล้วไปทำงานกับ กกต.ใหม่ที่มาจากรัฐธรรมนูญ มาด้วยความชอบธรรม จะยิ่งทำให้ กกต.มีสภาพเป็นลูกผสม เพราะของเดิมก็เป็นของปลอม แล้วเอาของใหม่ที่เป็นของจริงเติมเข้าไป ทำให้ กกต.มีสภาพแปลกๆ ไม่รู้จะเป็นอะไร” นายนิคม ระบุ

รายงานข่าวแจ้งว่า การลงมติของ กกต.ในแต่ละเรื่องนั้น รัฐธรรมนูญบัญญัติให้ใช้เสียงข้างมาก ดังนั้น กกต.คนใหม่ที่จะมาแทนนายสุเมธ จึงถูกฝ่ายการเมืองจับตามองอย่างมาก เพราะเวลานี้เมื่อดูการลงคะแนนเสียงออกความเห็นของ กกต.ที่เหลืออยู่ 4 คน จะพบว่าแบ่งออกเป็นสองขั้วอย่างชัดเจน คือ ซีกของนายอภิชาติ สุขคานนท์ และนายประพันธ์ นัยโกวิท กับฝ่ายของนายสมชัย จึงประเสริฐ และนางสดศรี สัตยธรรม ดังนั้น กกต.คนใหม่ที่จะมาแทนนายสุเมธ จึงมีความสำคัญมากในทางการเมือง

หากมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นแล้ว กกต.ต้องวินิจฉัยให้ใบเหลือง หรือใบแดง รวมทั้งรับรองผลการเลือกตั้ง หรือทำความเห็นในสำนวนคดียุบพรรค ซึ่งหากฝ่ายการเมืองฝ่ายใดเข้ามาแทรกแซงการเลือก กกต.จนได้คนของตัวเองไปนั่งทำงาน ก็จะทำให้ได้เปรียบทางการเมืองขึ้นมาทันที จึงทำให้พรรคเพื่อไทย พยายามออกมาขัดขวางไม่ให้กรรมการสรรหาที่มีองค์ประกอบส่วนใหญ่ในขณะนี้มาจากซีกตุลาการเพื่อคัดเลือก กกต.คนใหม่ แต่ต้องการให้โยนไปให้ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาเป็นฝ่ายเลือก ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 231 (2) แทน
กำลังโหลดความคิดเห็น