ASTVผู้จัดการรายวัน- “ก๊วนเนวิน” ยื่นครม.17มี.ค.นี้ขยายกรอบวงเงินลงทุนสุวรรณภูมิเฟส 1 อีก 1.1 หมื่นล้านบาทเพื่อนำมาจ่ายผลกระทบด้านเสียง พร้อมพ่วงให้คลังจัดสรรเงินกู้ต่างประเทศเพื่อก่อสร้างทางสายหลัก 4 ช่องจราจรอีกหมื่นล้าน ด้านทอท.เตรียมความพร้อมรับการบินไทยกลับสุวรรณภูมิ แก้ปัญหารถเข็นกระเป๋า โยกสนามบินเชียงใหม่และภูเก็ตรวมกับดอนเมืองสำรอง 3,100 คัน พร้อมจ้างพนักงานอีกเดือนละ 4 แสนบาทเพื่อหมุนเวียนรถเอง ลุ้นบอร์ดเร่งยุติสัญญาแทกส์ ด้าน AOC หนุนทอท.สร้างอาคารผู้โดยสารในประเทศแยกบริการลดแออัดสุวรรณภูมิ
รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลแจ้งว่า การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)วันที่ 17 มี.ค. นี้ นายโสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคม จะเสนอครม.ผ่านนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่กำกับกระทรวงคมนาคมให้พิจารณาเห็นชอบทำการขยายกรอบวงเงินลงทุนโครงการก่อสร้างท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ระยะที่ 1) ของบมจ.ท่าอากาศยานไทยเพิ่มขึ้นอีก 11,233.70 ล้านบาท จากเดิม 123,942.24 ล้านบาทเป็น 135,175.94 ล้านบาท ซึ่งการขยายกรอบวงเงินลงทุนครั้งนี้เพื่อนำมาใช้ในการแก้ไขผลกระทบด้านเสียงที่ได้รับผลกระทบจากการดำเนินโครงการก่อสร้างท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระยะที่ 1 เพื่อลดความเดือดร้อนให้กับประชาชนโดยรอบ
สำหรับกรอบการขยายเงินดังกล่าวจะเป็นการใช้เงินรายได้ของบริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด(มหาชน) หรือ ทอท.เอง ในการทยอยจ่ายผลกระทบด้านเสียงครั้งแรก 5,000 กว่าล้านบาทหลังจากนั้นจะจ่ายส่วนที่เหลือเพิ่มเติม
ทั้งนี้ ทอท.ได้ยืนยันการขอขยายกรอบวงเงินลงทุนโดยปรับแผนดำเนินงานและเบิกจ่ายงบประมาณรายปีให้สอดคล้องกับความเป็นจริง จากเดิมที่กำหนดเวลา 3 ปี (51-53) เป็น 2 ปี (52-53) ซึ่งคณะกรรมการทอท.รับทราบแล้ว โดยแผนแก้ไขผลกระทบด้านเสียงตามมติครม.วันที่ 29 พ.ค.50 วงเงิน 7,145.24 ล้านบาท และแผนแก้ไขผลกระทบด้านเสียงสำหรับอาคารที่สำรวจเพิ่มเติม วงเงิน 4,088.45 ล้านบาท
**ขอเงินทำถนนหมื่นล้าน
นอกจากนี้กระทรวงคมนาคมยังจะขอความเห็นชอบจากครม.ให้อนุมัติให้กู้เงินจากต่างประเทศ เพื่อใช้ก่อสร้างทางสายหลักเป็น 4 ช่องจราจร ระยะที่ 2 ของกรมทางหลวง จำนวน 8 สายทาง ระยะทาง 433 กิโลเมตร วงเงินรวม 11,240 ล้านบาท โดยให้กระทรวงการคลังจัดหาเงินกู้ต่างประเทศ จำนวน 5,260 ล้านบาท และขอให้สำนักงบประมาณจัดสรรงบประมาณสมทบจำนวน 5,260 ล้านบาท และขอให้บรรจุไว้ในแผนก่อหนี้ต่างประเทศ ปี 52
สำหรับโครงการก่อสร้างทางสายหลักเป็น 4 ช่องจราจร ระยะที่ 2 ตามแผนงานได้กำหนดเวลาดำเนินการไว้ 11 ปี ตั้งแต่ปี 39-49 แต่ปัจจุบันการก่อสร้างล่าช้ากว่าแผนงานที่กำหนดไว้ โดยก่อสร้างได้เพียง 2,257 ก.ม.จากเป้าหมาย 5,387กิโลเมตร และอยู่ระหว่างก่อสร้าง 542 ก.ม.และยังไม่ได้รับงบประมาณอีก 2,588 ก.ม. โดยปัจจุบันกรมทางหลวงได้รับการจัดสรรเงินงบประมาณประจำปีไม่เพียงพอ จึงต้องใช้เงินกู้จากต่างประเทศ
**ทอท.รุกแก้ไขปัญหารถเข็นเอง
นาวาอากาศโทประทีป วิจิตรโท รองผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (สายปฏิบัติการ) บริษัท ทอท. กล่าวว่า ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิได้เตรียมความพร้อมในการรองรับการย้ายเที่ยวบินภายในประเทศของการบินไทยจากท่าอากาศยานดอนเมืองกลับมาให้บริการที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิทั้งเรื่องการปรับพื้นที่เช็คอินผู้โดยสารและการจัดเตรียมความพร้อมของสะพานเทียบเครื่องบินกรณีมีเที่ยวบินเข้ามาพร้อมๆ กันเพื่อไม่ให้เกิดความแออัดของผู้โดยสารในชั่วโมงคับคั่ง
ส่วนปัญหารถเข็นกระเป๋านั้น ในสัปดาห์นี้จะมีการนำรถเข็นกระเป๋าจากท่าอากาศยานเชียงใหม่จำนวน 200 คัน และท่าอากาศยานภูเก็ต 400 คันมาไว้ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเพิ่มซึ่งรวมกับรถเข็นกระเป๋าของท่าอากาศยานดอนเมือง ที่เตรียมสำรองไว้ก่อนหน้านี้แล้วอีก 2,500 คัน เป็น 3,100 คัน
โดยรถเข็นกระเป๋า 3,100 คันนั้นทอท.จะแยกการบริหารจัดการเองโดยจ้างพนักงานภายนอก ( Outsource) จำนวน 70 คนต่อวัน เพื่อหมุนเวียนและจัดเก็บรถเข็นกระเป๋าเองซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายประมาณ 4 แสนบาทต่อเดือน ไม่เกี่ยวกับการดำเนินงานของ บริษัท ไทยแอร์พอร์ต กราวด์ เซอร์วิสเซส จำกัด (แทกส์) ที่ได้รับสัมปทาน และมีรถเข็นกระเป๋าเหลืออยู่เพียง 2,000 คัน ซึ่งจะไม่เพียงพอต่อการให้บริการหากการบินไทยย้ายเที่ยวบินในประเทศกลับไปสุวรรณภูมทั้งหมดเพราะจะมีจำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 5,000 คนต่อวัน
“ทอท.แยกส่วนการจัดการรถเข็น และสัญญากับแทกส์เปิดช่องให้สามารถทำได้ในกรณีที่บริการไม่เพียงพอ เป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเพื่อให้บริการผู้โดยสารโดยจะทำสัญญาจ้างพนักงานภายนอกชั่วคราวขึ้นกับว่าจะยุติปัญหาสัญญาแทกส์ได้อย่างไร และการจัดหารถเข็นกระเป๋าใหม่เข้ามาใช้เวลานานแค่ไหน ส่วนค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมที่ทอท.ต้องจ่ายไปก่อนนั้นจะต้องมีการพิจารณาในทางกฎหมายว่า ฝ่ายใดจะต้องรับผิดชอบ”น.ท.ประทีปกล่าว
**AOCหนุนสร้างอาคารผู้โดยสารในประเทศ
นายชัยวัฒน์ นวราช ประธานคณะกรรมการดำเนินงานธุรกิจการบิน (AOC) กล่าวว่า เห็นด้วยกับแนวคิดการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารภายในประเทศ (Domestic Terminal) ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพราะเป็นการลงทุนน้อยในภาวะที่เศรษฐกิจไม่ดี โดยจากการประเมินของ...... IATA พบว่า ในปี 2552 การเติบโตของผู้โดยสารจะหดตัวถึง 3% ในปี 2553 จะเติบโต 0% เมื่อเทียบกับปี 2552 โดยธุรกิจการบินจะเริ่มฟื้นตัวในปี 2554 ดังนั้นใน 3 ปีนี้ทอท.มีเวลาในการเตรียมความพร้อมของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิในการรองรับการเพิ่มขึ้นของผู้โดยสารเมื่อภาวะเศรษฐกิจกลับสู่ปกติ โดยใช้เม็ดเงินที่มีอยู่จำกัดให้เกิดประโยชน์สูงสุดมากที่สุด
**ลุยปราบไกด์ผี แท็กซี่เถื่อน
สำหรับปัญหาไกด์ผี แท็กซี่เถื่อนที่สร้างความรำคาญให้กับผู้โดยสารในท่าอากาศยานสุวรรณภูมินั้น นาวาอากาศโท ประทีป กล่าวว่า ทอท.ได้ร่วมมือกับสถานีตำรวจภูธรราชาเทวะตั้งจุดสกัดและกระจายกำลังเจ้าหน้าที่ตระเวนภายในอาคารผู้โดยสารและบริเวณถนนด้านหน้าอาคารซึ่ง เดือนก.พ.สามารถจับกุมผู้กระทำผิดและเปรียบเทียบปรับได้ถึง 465 ราย
ทั้งนี้ ในเดือนเม.ย. จะมีการเข้มงวดกวดขันเป็นกรณีพิเศษ เนื่องจากจะมีผู้ใช้บริการจำนวนมากรวมถึงผู้ขับขี่รถยนต์ที่ใช้ความเร็วเกินกว่า 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ที่กำหนดภายในเขตสนามบิน ซึ่งตำรวจสภ.ราชาแทวะได้ออกใบสั่งไปแล้วจำนวน 402 ราย โดยเป็นมาตรการป้องกันและลดการเกิดอุบัติเหตุอันจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินได้ ทำให้ผู้ใช้บริการได้รับความสะดวก
