"ชัย ชิดชอบ"เดินเกมเขย่าขวัญฝ่ายค้านอ้างศึกซักฟอกส่อล่ม เหตุเสนอญัตติซ้อนญัตติ อาจตีกลับให้ฝ่ายค้านแก้ ขณะที่ เลขาฯสภาฯยันไร้ปัญหาเพราะญัตติอภิปรายฯคนละมาตรา "เหลิม"โวอีก อ้างหลักฐานเจ๋งทำ "เสื้อเหลือง"อ้าปากข้างแน่ เผยขน 30 ส.ส.ถล่ม "มาร์ค"หนักถูกซักฟอก 1 วันเต็ม
นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่าญันติอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรี 5 คนของฝ่ายค้านนั้นมีข้อสังเกตอยู่ 2 ประเด็น คือฝ่ายค้านได้ยื่นญัตติตามมาตรา 158 เป็นการขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี และได้ยื่นญัตติตามมาตรา 159 เป็นการขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ซึ่งมีนักกฎหมายตั้งข้อสังเกตุว่า ส.ส.1 คนจะเสนอ 2 ญัตติรวมกันได้หรือไม่ เพราะกฎหมายรัฐธรรมนูญเขียนก่ำกึ่งอยู่ ซึ่งกรณีนี้ต้องรอบคอบ หากมีปัญหาจริง อาจต้องเสนอให้ตีความในข้อกฎหมาย
นายชัย กล่าวว่าความจริงแล้วฝ่ายค้านไม่จำเป็นต้องเสนอญัตติมา 2 ญัตติ เพราะเมื่อเสนอญัตติให้มีการอภิปรายนายกฯแล้วเมื่อนายกฯถูกถอดถอน ครม.ก็จะหลุดไปทั้งคณะ แต่ขณะนี้ยังไม่เห็นตัวญัตติมีเพียงแต่เจ้าหน้าที่แจ้งให้ทราบ
อย่างไรก็ตามทางสภาฯมีเวลาพิจารณาภายใน 7 วัน หลังจากนั้นก็จะแจ้งให้ฝ่ายค้านทราบภายในวันที่ 19 มี.ค. หากพบว่าญัตติมีปัญหาไม่ถูกต้องก็จะส่งให้ไปแก้ไขแล้วให้ฝ่ายค้านเสนอญัตติเข้ามาใหม่ แต่หากญัตติเรียบร้อยก็จะแจ้งให้รัฐบาลทราบเพื่อเตรียมตัวภายใน 15 วัน
"การอภิปรายไม่ไว้วางใจถือเป็นญัตติธรรมดา ทุกอย่างมันอยู่ที่มือ แล้วก็เสียงโหวตว่ามีเสียงถึง 234 เสียงหรือไม่ หากเสียงเกินก็ได้เป็นนายกฯต่อ หากเสียงต่ำกว่า 234 ก็ถูกปลดออก มีครบก็ได้เป็นนายกฯต่อไป"
ขณะที่ นายพิทูร พุ่มหิรัญ เลขาธิการสำนักงานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่าญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯและ รัฐมนตรีที่ฝ่ายค้านยื่นมาเป็นคนละฉบับและต่างมาตรากัน จึงสามารถทำได้ไม่มีอะไรห้ามไว้ว่าคนที่ลงชื่อในญัตติอภิปรายฯนายกฯตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 158 จะมาลงชื่อในญัตติภิปรายฯรัลมนตรี ตามมาตรา 159 ไม่ได้ ซึ่งในอดีตก็เคยมีการยื่นญัตติในลักษณะนี้มาแล้ว แต่ถ้าเป็นการแยกยื่นญัตติในมาตราเดียวกันผู้ที่ลงชื่อเสนอญัตติจะมีรายชื่อซ้ำกันไม่ได้
ร.ต.อ. เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส. พรรคเพื่อไทย กล่าวว่าตนจะอภิปรายนำ โดยจะชี้ให้เห็นปัญหาการบริหารงานที่ผิดพลาดของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะนายกรัฐมนตรี และการทุจริตของรัฐมนตรีแต่ละคน ส่วน ส.ส.ที่อภิปรายฯจะกระชับ ไม่เยิ่นเย้อ สุดท้ายตนจะเป็นผู้อภิปรายสรุปอีกครั้งหนึ่ง และไม่จำเป็นต้องขุดเรื่องส่วนตัวของรัฐมนตรีมาพูด
"ผมมั่นใจในเนื้อหาการอภิปรายครั้งนี้จะต้องมีการเปลี่ยนแปลงในรัฐบาลแน่ ภายหลังการอภิปราย ถึงแม้ว่า สุดท้าย รัฐบาลจะเอาตัวรอดโดยอาศัยจำนวนมือที่มากกว่าในสภาฯลงมติ ไว้วางใจ แต่ในการอภิปรายมี การถ่ายทอดสดทั้งทางโทรทัศน์และวิทยุ ที่จะถ่ายทอดสู่ประชาชน แม้กระทั่งพวกเสื้อเหลือง ก็ต้องอ้าปากค้าง หันมาถามกันเองว่า ขนาดนี้เลยหรือ และจะเลิกสนับสนุนรัฐบาลแน่นอน"
นายพีระพันธ์ พาลุสุข ส.ส.ยโสธร พรรคเพื่อไทย กล่าวว่าในส่วนของ ผู้อภิปรายครั้งนี้ จะต้องมาพิจารณาให้เหมาะสมกับ เวลาในการอภิปรายซึ่งคาดว่าจะใช้เวลา 2 วันน่าจะเพียงพอ โดยเบื้องต้น ในส่วนของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี คาดว่าจะใช้เวลาอภิปราย 1 วันเต็มๆ ถือว่าเป็นการให้เกียรติเป็นผู้กำกับดูแลในการบริหารราชการแผ่นดินมีหลายประเด็นที่เกี่ยวข้อง จะมี ร.ต.อ .เฉลิม อยู่บำรุง หัวหน้าทีมอภิปราย พร้อมคณะ ส.ส. จะร่วมอภิปราย ส่วนอีกวัน จะเป็นการอภิปรายรัฐมนตรีทั้ง 5 คนซึ่งพรรคจะจัดทีมอภิปรายให้กำชับชัดเจน โดยจะมี ส.ส.30 คนอภิปราย
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี มั่นใจว่านายกฯและรัฐมนตรีที่จะถูกอภิปรายฯจะสามารถชี้แจงประเด็นต่างๆ ได้ชัดเจน และน่าจะเป็นโอกาสดีที่รัฐบาลจะได้อธิบายประเด็นที่ฝ่ายค้านกล่าวหาให้ประชาชนเข้าใจ และจากที่ติดตามการทำงานของรัฐมนตรีก็ไม่มีใครทำให้บ้านเมืองเสียหาย
ส่วนที่ฝ่ายค้านอภิปรายฯนายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รมช.คลัง เลขาธิการพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา ในเรื่องเงินบริจาค 258 ล้านให้กับพรรคประชาธิปัตย์สมัยเป็นเลขาธิการพรรคนั้น นายสุเทพ เชื่อว่าฝ่ายค้านต้องการเล่นงาน พรรคประชาธิปัตย์ โดยเอานายประดิษฐ์มาเป็นตัวล่อ เพราะเห็นว่าถ้าจะอภิปรายฯนายกฯในประเด็นนี้จะไม่เข้าข่าย เพราะไม่ใช่เรื่องที่นายกฯรับผิดชอบ จึงหันมาอภิปรายนายประดิษฐ์ เพื่อทำลายเครดิตพรรคประชาธิปัตย์ ถ้าอภิปรายฯเกินขอบเขตที่นายประดิษฐ์จะชี้แจงพวกเราพรรคประชาธิปัตย์ก็จะใช้สิทธิชี้แจง
นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกส่วนตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ประเด็นที่ยื่น ยังไม่ถึงขั้นเป็นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ เพราะการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ทางการเมืองเป็นโทษถึงขั้นประหารชีวิต แต่ญันตินี้เปรียบได้แค่กระทู้ถามธรรม เป็นกระทู้ถามสดยังไม่ได้ด้วยซ้ำ เพราะเป็นเรื่องเก่าเก็บ ที่ไม่จำเปก็นต้องตอบในสภา
นอกจากนี้ฝ่ายค้านยังลุกลี้ลุกลนเหมือนไม่พร้อม ขนาดพิมพ์ชื่อและตำแหน่งตกหล่น จึงไม่แน่ใจว่าเป็นการยื่นแบบขอไปทีหรือขอแก้บน ดังนั้นโดยภาพรวมจึงไม่น่าหนักใจ
นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่าญันติอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรี 5 คนของฝ่ายค้านนั้นมีข้อสังเกตอยู่ 2 ประเด็น คือฝ่ายค้านได้ยื่นญัตติตามมาตรา 158 เป็นการขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี และได้ยื่นญัตติตามมาตรา 159 เป็นการขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ซึ่งมีนักกฎหมายตั้งข้อสังเกตุว่า ส.ส.1 คนจะเสนอ 2 ญัตติรวมกันได้หรือไม่ เพราะกฎหมายรัฐธรรมนูญเขียนก่ำกึ่งอยู่ ซึ่งกรณีนี้ต้องรอบคอบ หากมีปัญหาจริง อาจต้องเสนอให้ตีความในข้อกฎหมาย
นายชัย กล่าวว่าความจริงแล้วฝ่ายค้านไม่จำเป็นต้องเสนอญัตติมา 2 ญัตติ เพราะเมื่อเสนอญัตติให้มีการอภิปรายนายกฯแล้วเมื่อนายกฯถูกถอดถอน ครม.ก็จะหลุดไปทั้งคณะ แต่ขณะนี้ยังไม่เห็นตัวญัตติมีเพียงแต่เจ้าหน้าที่แจ้งให้ทราบ
อย่างไรก็ตามทางสภาฯมีเวลาพิจารณาภายใน 7 วัน หลังจากนั้นก็จะแจ้งให้ฝ่ายค้านทราบภายในวันที่ 19 มี.ค. หากพบว่าญัตติมีปัญหาไม่ถูกต้องก็จะส่งให้ไปแก้ไขแล้วให้ฝ่ายค้านเสนอญัตติเข้ามาใหม่ แต่หากญัตติเรียบร้อยก็จะแจ้งให้รัฐบาลทราบเพื่อเตรียมตัวภายใน 15 วัน
"การอภิปรายไม่ไว้วางใจถือเป็นญัตติธรรมดา ทุกอย่างมันอยู่ที่มือ แล้วก็เสียงโหวตว่ามีเสียงถึง 234 เสียงหรือไม่ หากเสียงเกินก็ได้เป็นนายกฯต่อ หากเสียงต่ำกว่า 234 ก็ถูกปลดออก มีครบก็ได้เป็นนายกฯต่อไป"
ขณะที่ นายพิทูร พุ่มหิรัญ เลขาธิการสำนักงานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่าญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯและ รัฐมนตรีที่ฝ่ายค้านยื่นมาเป็นคนละฉบับและต่างมาตรากัน จึงสามารถทำได้ไม่มีอะไรห้ามไว้ว่าคนที่ลงชื่อในญัตติอภิปรายฯนายกฯตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 158 จะมาลงชื่อในญัตติภิปรายฯรัลมนตรี ตามมาตรา 159 ไม่ได้ ซึ่งในอดีตก็เคยมีการยื่นญัตติในลักษณะนี้มาแล้ว แต่ถ้าเป็นการแยกยื่นญัตติในมาตราเดียวกันผู้ที่ลงชื่อเสนอญัตติจะมีรายชื่อซ้ำกันไม่ได้
ร.ต.อ. เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส. พรรคเพื่อไทย กล่าวว่าตนจะอภิปรายนำ โดยจะชี้ให้เห็นปัญหาการบริหารงานที่ผิดพลาดของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะนายกรัฐมนตรี และการทุจริตของรัฐมนตรีแต่ละคน ส่วน ส.ส.ที่อภิปรายฯจะกระชับ ไม่เยิ่นเย้อ สุดท้ายตนจะเป็นผู้อภิปรายสรุปอีกครั้งหนึ่ง และไม่จำเป็นต้องขุดเรื่องส่วนตัวของรัฐมนตรีมาพูด
"ผมมั่นใจในเนื้อหาการอภิปรายครั้งนี้จะต้องมีการเปลี่ยนแปลงในรัฐบาลแน่ ภายหลังการอภิปราย ถึงแม้ว่า สุดท้าย รัฐบาลจะเอาตัวรอดโดยอาศัยจำนวนมือที่มากกว่าในสภาฯลงมติ ไว้วางใจ แต่ในการอภิปรายมี การถ่ายทอดสดทั้งทางโทรทัศน์และวิทยุ ที่จะถ่ายทอดสู่ประชาชน แม้กระทั่งพวกเสื้อเหลือง ก็ต้องอ้าปากค้าง หันมาถามกันเองว่า ขนาดนี้เลยหรือ และจะเลิกสนับสนุนรัฐบาลแน่นอน"
นายพีระพันธ์ พาลุสุข ส.ส.ยโสธร พรรคเพื่อไทย กล่าวว่าในส่วนของ ผู้อภิปรายครั้งนี้ จะต้องมาพิจารณาให้เหมาะสมกับ เวลาในการอภิปรายซึ่งคาดว่าจะใช้เวลา 2 วันน่าจะเพียงพอ โดยเบื้องต้น ในส่วนของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี คาดว่าจะใช้เวลาอภิปราย 1 วันเต็มๆ ถือว่าเป็นการให้เกียรติเป็นผู้กำกับดูแลในการบริหารราชการแผ่นดินมีหลายประเด็นที่เกี่ยวข้อง จะมี ร.ต.อ .เฉลิม อยู่บำรุง หัวหน้าทีมอภิปราย พร้อมคณะ ส.ส. จะร่วมอภิปราย ส่วนอีกวัน จะเป็นการอภิปรายรัฐมนตรีทั้ง 5 คนซึ่งพรรคจะจัดทีมอภิปรายให้กำชับชัดเจน โดยจะมี ส.ส.30 คนอภิปราย
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี มั่นใจว่านายกฯและรัฐมนตรีที่จะถูกอภิปรายฯจะสามารถชี้แจงประเด็นต่างๆ ได้ชัดเจน และน่าจะเป็นโอกาสดีที่รัฐบาลจะได้อธิบายประเด็นที่ฝ่ายค้านกล่าวหาให้ประชาชนเข้าใจ และจากที่ติดตามการทำงานของรัฐมนตรีก็ไม่มีใครทำให้บ้านเมืองเสียหาย
ส่วนที่ฝ่ายค้านอภิปรายฯนายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รมช.คลัง เลขาธิการพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา ในเรื่องเงินบริจาค 258 ล้านให้กับพรรคประชาธิปัตย์สมัยเป็นเลขาธิการพรรคนั้น นายสุเทพ เชื่อว่าฝ่ายค้านต้องการเล่นงาน พรรคประชาธิปัตย์ โดยเอานายประดิษฐ์มาเป็นตัวล่อ เพราะเห็นว่าถ้าจะอภิปรายฯนายกฯในประเด็นนี้จะไม่เข้าข่าย เพราะไม่ใช่เรื่องที่นายกฯรับผิดชอบ จึงหันมาอภิปรายนายประดิษฐ์ เพื่อทำลายเครดิตพรรคประชาธิปัตย์ ถ้าอภิปรายฯเกินขอบเขตที่นายประดิษฐ์จะชี้แจงพวกเราพรรคประชาธิปัตย์ก็จะใช้สิทธิชี้แจง
นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกส่วนตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ประเด็นที่ยื่น ยังไม่ถึงขั้นเป็นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ เพราะการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ทางการเมืองเป็นโทษถึงขั้นประหารชีวิต แต่ญันตินี้เปรียบได้แค่กระทู้ถามธรรม เป็นกระทู้ถามสดยังไม่ได้ด้วยซ้ำ เพราะเป็นเรื่องเก่าเก็บ ที่ไม่จำเปก็นต้องตอบในสภา
นอกจากนี้ฝ่ายค้านยังลุกลี้ลุกลนเหมือนไม่พร้อม ขนาดพิมพ์ชื่อและตำแหน่งตกหล่น จึงไม่แน่ใจว่าเป็นการยื่นแบบขอไปทีหรือขอแก้บน ดังนั้นโดยภาพรวมจึงไม่น่าหนักใจ