ASTVผู้จัดการรายวัน – หุ้นสหรัฐฯเริ่มรับสัญญาณดี แต่ฉุดราคาทองคำทั่วโลกปรับตัวลดลงต่อเนื่อง หลังนักลงทุนและบรรดากองทุนต่างชาติรุกเทขายทำกำไร พร้อมโยกเงินลงทุนไปสู่วอลล์สตรีท ล่าสุดตั้งแต่ต้นเดือนมีนาคมจนถึงวานนี้(11มี.ค.)ลดลงไปแล้วร่วม 700บาท เหลือ 15,400 บาท อีกทั้งมีโอกาสลดลงไปแตะ 14,800 บาทได้หากดัชนีหุ้นมะกันยังปรับตัวขึ้นต่อเนื่องภายในช่วง1เดือนจากนี้
จากการที่ ดัชนีดาวโจนส์ แนสแด็กและเอสแอนด์พี 500 ของตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดบวกเมื่อคืนวันที่10มี.ค. ตามแรงเข้าช้อนซื้อหุ้นกลุ่มสถาบันการเงินจากนักลงทุน หลัง Citigroup กลับมามีความสามารถในการทำกำไรในช่วง 2 เดือนแรกของปี 2551 อีกทั้งเป็นผลการดำเนินงานในปีนี้จะออกมาดีที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาส 3/2007 เร่องดังกล่าวได้ส่งผลต่อราคาซื้อขายทองคำในต่างประเทศและในประเทศไทยให้ปรับตัวลดลงด้วย
นายจิตติ ตั้งสิทธิภักดี นายกสมาคมผู้ค้าทอง เปิดเผยว่า วานนี้(11มี.ค.) ราคาทองคำปรับตัวลดลง บาทละ 300 บาท มีสาเหตุมาจากราคาทองในตลาดโลกปรับตัวลดลงมากกว่า 10 เหรียญ ล่าสุดอยู่ที่ 896 เหรียญต่อออนซ์ และแนวโน้มจากนี้อาจปรับลงมาอีกเล็กน้อย แต่จะมีโอกาสปรับตัวขึ้นในอนาคตอันใกล้ ซึ่งการปรับลงมาครั้งนี้มาจากเป็นการปรับฐานก่อนรอจังหวะปรับขึ้นอีกครั้ง โดยนักลงทุนสามารถลงทุนได้เล็กน้อย
นายพิชญา พิสุทธิกุล เลขาธิการสมาคมค้าทองคำ และผู้บริหารห้างทองเลี่ยงเส็งเฮง กล่าวให้ความเห็นถึงเรื่องดังกล่าวว่า แม้ราคาทองคำได้ปรับตัวลดลงมาแล้ว แต่ช่วงนี้การซื้อขายของบรรดาร้านทองในเยาวราชยังเป็นปกติ ไม่เหมือนช่วงที่ผ่านมา เมื่อเวลาทองคำปรับตัวลดลงจะมีคนเข้ามาซื้อเป็นจำนวนมาก และจากที่ดูข้อมูลช่วงก่อนปิดตลาดพบว่าราคายังได้ปรับลดลงมาถึง 891 เหรียญ/ออนซ์ จึงนับว่าเป็นภาวะที่ราคายังมีโอกาสลดลงไปได้อีก
ทั้งนี้ สาเหตุที่ทำให้ราคาทองปรับตัวลดลง มาจากปัจจัยหลัก 2 ประการ เรื่องแรกคือการที่ Citigroup ประกาศผลดำเนินงานที่มีกำไร ช่วยสร้างความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจในสหรัฐอเมริกาจะเริ่มดีขึ้น และมีผลมาถึงตลาดหุ้นในวอลล์สตรีท ทำให้ดัชนีตลาดปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น เพราะนักลงทุนมีความมั่นใจทำให้เกิดการเทขายทองคำจากนักลงทุนรายใหญ่ และบรรดากองทุนออกมาเพื่อทำกำไร และนำเงินต้นพร้อมกำไรบางส่วนโยกกลับเข้าไปลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯที่เริ่มเป็นบวกขึ้นมา
“หากหุ้นในวอลล์สตรีทดัชนีเริ่มเป็นบวกขึ้นไปเรื่อยๆ ก็ถือว่าจะเป็นผลดีต่อภาพรวมการลงทุน ดังนั้นในจุดนี้ทำให้นักลงทุนและกองทุนหลายรายมองว่าเป็นโอกาสที่จะเข้าเป็นเก็บหุ้นราคาถูก หรือต่ำกว่าบุ๊คแวลู เพื่อรอให้ดัชนีช่วยดีดราคาหุ้นเหล่านี้กลับมา”นายพิชญา กล่าว
ขณะเดียวกัน สาเหตุที่สอง นั่นคือ การปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมัน หลังจากที่ผ่านมามีการปรับตัวลดลงไปอย่างต่อเนื่อง นายพิชญา กล่าวว่า การเพิ่มขึ้นเป็น 48เหรียญ/บาร์เรล จากเดิม 45เหรียญ/บาร์เรลถือเป็นเร่องที่ดีต่อนักลงทุนที่ชอบการลงทุนประเภทนี้ เพราะโอกาสที่ราคาน้ำมันจะเริ่มดีดตัวกลับมาก็มีความเป็นไปได้
นายพิชญา กล่าวเพิ่มเติมว่า จากวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นส่งผลให้ตัวเลขการบริโภคทองคำที่แท้จริงปรับตัวลดลงเป็นอย่างมาก โดยในอินเดีย ซึ่งเป็นประเทศที่มีการบริโภคทองคำมาที่สุด ตัวเลขในเดือนมกราคมก็มีการปรับตัวลดลงไปกว่า60%
ส่วนแนวโน้มทิศทางของราคาทองคำในช่วงต่อไปนี้ นายพิชญา กล่าวว่า คาดการณ์ได้ลำบากแต่ในภาพรวมการปรับตัวลดลงของราคาทองน่าจะเป็นไปในระยะสั้นๆ ซึ่งจำเป็นต้องรอดูความชัดเจนของดัชนีตลาดหุ้นในสหรัฐฯอีก1สัปดาห์ว่ามีทิศทางไปในทางใด เพราะหากดัชนีอยู่ในช่วงขาขึ้นราคาทองก็จะปรับตัวลดลงไปอีก ซึ่งภายใน 1- 2 เดือนจากนี้จะมีโอกาสได้เห็นราคาปรับตัวลดลงมาแตะที่ระดับประมาณ 14,800 – 15,000 บาทได้
สำหรับความเคลื่อนไหวของราคาทองคำในช่วงที่ผ่านมา (2 – 11 มี.ค.) พบว่า ทองคำแท่ง 96.5% ที่มีการซื้อขายในประเทศมีการราคาสูงสุดที่ราคารับซื้อ 16,100 บาท เมื่อวันที่ 2 มีนาคม และมีราคารับซื้อต่ำสุด 15,400 บาทของวานนี้ ซึ่งมีส่วนต่างถึง 700 บาท
จากการที่ ดัชนีดาวโจนส์ แนสแด็กและเอสแอนด์พี 500 ของตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดบวกเมื่อคืนวันที่10มี.ค. ตามแรงเข้าช้อนซื้อหุ้นกลุ่มสถาบันการเงินจากนักลงทุน หลัง Citigroup กลับมามีความสามารถในการทำกำไรในช่วง 2 เดือนแรกของปี 2551 อีกทั้งเป็นผลการดำเนินงานในปีนี้จะออกมาดีที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาส 3/2007 เร่องดังกล่าวได้ส่งผลต่อราคาซื้อขายทองคำในต่างประเทศและในประเทศไทยให้ปรับตัวลดลงด้วย
นายจิตติ ตั้งสิทธิภักดี นายกสมาคมผู้ค้าทอง เปิดเผยว่า วานนี้(11มี.ค.) ราคาทองคำปรับตัวลดลง บาทละ 300 บาท มีสาเหตุมาจากราคาทองในตลาดโลกปรับตัวลดลงมากกว่า 10 เหรียญ ล่าสุดอยู่ที่ 896 เหรียญต่อออนซ์ และแนวโน้มจากนี้อาจปรับลงมาอีกเล็กน้อย แต่จะมีโอกาสปรับตัวขึ้นในอนาคตอันใกล้ ซึ่งการปรับลงมาครั้งนี้มาจากเป็นการปรับฐานก่อนรอจังหวะปรับขึ้นอีกครั้ง โดยนักลงทุนสามารถลงทุนได้เล็กน้อย
นายพิชญา พิสุทธิกุล เลขาธิการสมาคมค้าทองคำ และผู้บริหารห้างทองเลี่ยงเส็งเฮง กล่าวให้ความเห็นถึงเรื่องดังกล่าวว่า แม้ราคาทองคำได้ปรับตัวลดลงมาแล้ว แต่ช่วงนี้การซื้อขายของบรรดาร้านทองในเยาวราชยังเป็นปกติ ไม่เหมือนช่วงที่ผ่านมา เมื่อเวลาทองคำปรับตัวลดลงจะมีคนเข้ามาซื้อเป็นจำนวนมาก และจากที่ดูข้อมูลช่วงก่อนปิดตลาดพบว่าราคายังได้ปรับลดลงมาถึง 891 เหรียญ/ออนซ์ จึงนับว่าเป็นภาวะที่ราคายังมีโอกาสลดลงไปได้อีก
ทั้งนี้ สาเหตุที่ทำให้ราคาทองปรับตัวลดลง มาจากปัจจัยหลัก 2 ประการ เรื่องแรกคือการที่ Citigroup ประกาศผลดำเนินงานที่มีกำไร ช่วยสร้างความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจในสหรัฐอเมริกาจะเริ่มดีขึ้น และมีผลมาถึงตลาดหุ้นในวอลล์สตรีท ทำให้ดัชนีตลาดปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น เพราะนักลงทุนมีความมั่นใจทำให้เกิดการเทขายทองคำจากนักลงทุนรายใหญ่ และบรรดากองทุนออกมาเพื่อทำกำไร และนำเงินต้นพร้อมกำไรบางส่วนโยกกลับเข้าไปลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯที่เริ่มเป็นบวกขึ้นมา
“หากหุ้นในวอลล์สตรีทดัชนีเริ่มเป็นบวกขึ้นไปเรื่อยๆ ก็ถือว่าจะเป็นผลดีต่อภาพรวมการลงทุน ดังนั้นในจุดนี้ทำให้นักลงทุนและกองทุนหลายรายมองว่าเป็นโอกาสที่จะเข้าเป็นเก็บหุ้นราคาถูก หรือต่ำกว่าบุ๊คแวลู เพื่อรอให้ดัชนีช่วยดีดราคาหุ้นเหล่านี้กลับมา”นายพิชญา กล่าว
ขณะเดียวกัน สาเหตุที่สอง นั่นคือ การปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมัน หลังจากที่ผ่านมามีการปรับตัวลดลงไปอย่างต่อเนื่อง นายพิชญา กล่าวว่า การเพิ่มขึ้นเป็น 48เหรียญ/บาร์เรล จากเดิม 45เหรียญ/บาร์เรลถือเป็นเร่องที่ดีต่อนักลงทุนที่ชอบการลงทุนประเภทนี้ เพราะโอกาสที่ราคาน้ำมันจะเริ่มดีดตัวกลับมาก็มีความเป็นไปได้
นายพิชญา กล่าวเพิ่มเติมว่า จากวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นส่งผลให้ตัวเลขการบริโภคทองคำที่แท้จริงปรับตัวลดลงเป็นอย่างมาก โดยในอินเดีย ซึ่งเป็นประเทศที่มีการบริโภคทองคำมาที่สุด ตัวเลขในเดือนมกราคมก็มีการปรับตัวลดลงไปกว่า60%
ส่วนแนวโน้มทิศทางของราคาทองคำในช่วงต่อไปนี้ นายพิชญา กล่าวว่า คาดการณ์ได้ลำบากแต่ในภาพรวมการปรับตัวลดลงของราคาทองน่าจะเป็นไปในระยะสั้นๆ ซึ่งจำเป็นต้องรอดูความชัดเจนของดัชนีตลาดหุ้นในสหรัฐฯอีก1สัปดาห์ว่ามีทิศทางไปในทางใด เพราะหากดัชนีอยู่ในช่วงขาขึ้นราคาทองก็จะปรับตัวลดลงไปอีก ซึ่งภายใน 1- 2 เดือนจากนี้จะมีโอกาสได้เห็นราคาปรับตัวลดลงมาแตะที่ระดับประมาณ 14,800 – 15,000 บาทได้
สำหรับความเคลื่อนไหวของราคาทองคำในช่วงที่ผ่านมา (2 – 11 มี.ค.) พบว่า ทองคำแท่ง 96.5% ที่มีการซื้อขายในประเทศมีการราคาสูงสุดที่ราคารับซื้อ 16,100 บาท เมื่อวันที่ 2 มีนาคม และมีราคารับซื้อต่ำสุด 15,400 บาทของวานนี้ ซึ่งมีส่วนต่างถึง 700 บาท