สนธิ ลิ้มทองกุลพูดที่ ASTV คืนวันศุกร์ ว่า แกนนำจะสนับสนุนพันธมิตรฯ กลุ่มต่างๆ จะ 2 หรือ 3 กลุ่มก็ตามที่อยากตั้งพรรค หากแต่ละกลุ่มจะดำรงมาตรฐาน และอยู่ภายใต้การระแวดระวังของพันธมิตรฯ เป็นการเมืองใหม่ของคนที่ซื่อสัตย์ กล้าหาญ และเสียสละอย่างแท้จริง
สนธิพูดถึงความไม่เอาไหนของรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ นอกจากไม่กล้าเกี่ยวก้อยกับพันธมิตรฯแล้ว ยังละเลยหลักการปกครองโดยกฎหมาย ปล่อยให้ตำรวจ อันธพาลการเมือง ข้าราชการ นักการเมืองที่ทำลายกฎหมาย เข่นฆ่าประชาชน และคดโกงแผ่นดิน ในยุคทักษิณ สมัคร และสมชาย ยังใหญ่โตลอยนวลอยู่ได้
วันนี้ผมขอเปิดอกพูดแรงๆ ตรงๆ สักครั้ง หากกระทบกระเทือนใครผมขอโทษ ผมมิได้มีเจตนาก้าวล่วงใครเป็นส่วนตัว
1. ผมว่าโอกาสที่เมืองไทยจะมีพรรคการเมืองใหม่และการเมืองใหม่น้อยมาก
2. เมืองไทยจะเสื่อมทรามทรุดโทรมลงเรื่อยๆ ประมาณ 5-10 ปีก็จะล้าหลังหรือลดลงเท่ากับเพื่อนบ้านยกเว้นพม่า (อย่าคิดว่าเป็นไปไม่ได้ สมัยที่ผมเรียนมหาวิทยาลัย ผู้หญิงเกาหลีใต้ในเพลงอารีดังมีค่าตัวเดือนละ 600 บาท รับใช้อยู่กินในบ้าน ผมพาลูกชายแวะญี่ปุ่น 40 ปีที่แล้ว บริกรโรงแรมยังมานัวเนียขออาหารและนมเหลือกิน สิงคโปร์ยังเป็นสลัมและแหล่งน้ำเพาะยุงเจริญน้อยกว่าโคราช เดี๋ยวนี้เขาไปถึงไหนๆ แล้ว)
3. พรรคการเมืองปัจจุบันทั้งหมด ยกเว้น ปชป.เป็นพรรคใหม่แต่ชื่อ ความจริงเป็นแก๊งเลือกตั้งเก่า-นักการเมืองเก่า ที่เปลี่ยนชื่อไปเรื่อยๆ ตามหัวหน้าและกฎหมายพรรคปัญญาอ่อน
4. น้ำดีเลือดใหม่ที่มากับเลือกตั้งทุกสมัย ไม่นานก็เก่าเสียยิ่งกว่าเก่า เฉกเช่น สุนัย จุลพงศธร พีรพันธุ์ พาลุสุข อดิศร เพียงเกษ และสุชาติ ตันเจริญ เป็นต้น คนหลังนี้อยู่กลุ่ม 16 กับเนวิน ที่ร่วมล่มธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชย์การและเศรษฐกิจไทย ด้วยการปั้นที่ดินไร้ค่ามากู้เงินมหาศาล สมควรติดคุก สังคมไทยรวมทั้งประชาธิปัตย์ นอกจากจะไม่มีความจำแล้ว ยังไม่มีความคิดอีกด้วย
5. ผมนิยมประชาธิปัตย์ที่มิใช่พรรคหัวหน้าตั้ง ไม่มีเจ้าของ ลูกหลานหัวหน้าจะมาเบ่งเป็นใหญ่เหมือนพรรคอื่นไม่ได้ แต่ประชาธิปัตย์มักง่าย ยอมเป็นแก๊งเลือกตั้ง เพราะต้องการที่นั่ง และชอบสมยอมกับอำนาจเพื่อความอยู่รอดหรือส่วนแบ่งอำนาจ (เช่น สมัยพลเอกเปรม ) แม้แต่จังหวัดตรัง ประชาธิปัตย์ยังไม่รู้จักตั้งสาขาที่เข้มแข็งและเป็นอิสระต่อนายหัว พออยากได้ที่นั่ง ก็ไปคว้าเอาทวี สุระบาลจากพรรคชาติไทยมาแทนคนของพรรคเสียดื้อๆ หลังจาก 6 สมัย ทวีก็ถีบหัวประชาธิปัตย์ไปเข้ากับทักษิณ เป็นต้น
6. เพราะเราตามใจเผด็จการทหารที่รำคาญผู้แทน และตั้งแต่รัฐประหาร 2490 เป็นต้นมา ตามก้นอเมริกันที่กลัวคอมมิวนิสต์จนต้องกวาดต้อนผู้คนลงทะเบียนหมด การบังคับจดทะเบียนพรรคการเมืองเหมือนกับบริษัทรับเหมาสร้างถนนกรมทางฯ และบังคับให้ผู้สมัครทุกคนสังกัดพรรค เป็นความโง่ของนักวิชาการ นักกฎหมาย และผู้นำการเมืองไทยที่เชื่อว่า เมื่อเขียนกฎหมายไว้อย่างไรก็จะเป็นไปตามนั้นเราจึงตกอยู่ใน “วงจรอุบาทว์” และ “วัฏจักรน้ำเน่า” กับระบบพรรคแบบ “รวมศูนย์-รวบอำนาจ-เป็นทาสหัวหน้า” แต่ละพรรคจึงสาละวนแย่งตำแหน่ง สะสมเงินเพื่อสะสมคน เพื่อรักษาอำนาจ เป็นเหตุให้บ้านเมืองด้อยพัฒนาและคอร์รัปชันอย่างมโหฬาร นี่คือปัญหาหลักและอุปสรรคสำคัญ
7. ผมเคยบ่นว่า เอกสารสมาคมชาวนาอังกฤษยังดีกว่าเอกสารนโยบายของประชาธิปัตย์ ทั้งๆ ที่ผู้นำประชาธิปัตย์จบมาจากมหาวิทยาลัยชั้นนำของอังกฤษตั้งหลายคน พรรคการเมืองไทยทุกพรรคไม่มีนโยบาย พอจะแถลงนโยบายที ก็เอาแผนพัฒนาฯ ของสภาพัฒนาฯ เป็นหลัก บวกกับสัญญาที่แต่ละพรรคหาเสียง เราชอบอ้างอังกฤษ นโยบายพรรคของอังกฤษนั้นมาจากกลุ่มอาชีพ ประชาคมและท้องถิ่นที่สนับสนุนพรรคผ่านมติการประชุมใหญ่ประจำปีของพรรค ผ่านคณะกรรมการนโยบายของพรรคที่นำมาตีพิมพ์เป็นเอกสารเรียกว่า Manifesto ในการเลือกตั้งปีนั้นๆ พอเลือกตั้งชนะ พระราชินีก็จะเอานโยบายนั้นมาอ่านในวันเปิดสภาว่า รัฐบาลของข้าพเจ้าจะออกกฎหมายดังต่อไปนี้ตาม Manifesto ของพรรค และสภาก็จะผ่านกฎหมายนั้นอย่างรวดเร็ว
8. ตามหลักวิทยาศาสตร์ การเมืองเก่าและระบบพรรคการเมืองเก่ายังไงๆ ก็เอาบ้านเมืองไว้ไม่อยู่ ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขจะสร้างไม่สำเร็จ และในที่สุดสถาบันกษัตริย์ก็จะรักษาไว้ไม่ได้ การเมืองใหม่จึงจำเป็น
9. แต่ถ้าหากการเมืองใหม่จะขึ้นกับกฎเกณฑ์และกฎหมายเก่าๆ เช่น การบังคับสังกัดพรรค การซื้อขายและประมูลอำนาจ ต้องจดทะเบียนด้วยหัวหน้าคนดัง มีนายทุนหนุนหลัง ต้องหาเงิน 2 พันล้านบาทมากองเสียก่อน จึงจะเดินหน้าได้ นี่คือการเมืองเก่า อย่าตั้งดีกว่า
10. มหกรรมการเมืองบันลือโลก 193 วันทำให้ผมเกิดความหวังว่าจะมีการเมืองใหม่ ภาวะผู้นำของ 5 แกนนำที่แตกต่างแต่กลมกลืน ความสามารถขันติและอหิงสธรรมของกองทัพธรรม มืออาชีพที่มีพรสวรรค์อย่าง ASTV ประชาชนหลากหลายอาชีพศาสนา สหภาพฯ และองค์กรสังคมต่างๆ นักวิชาการ นักการทูต ศิลปินแห่งชาติทุกสาขา แกนนำจากภูมิภาคและแต่ละจังหวัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งสตรีและผู้สูงอายุ นี่คือทรัพยากรอันยิ่งใหญ่ของการเมืองไทยและการเมืองใหม่ หากยังรักสามัคคีและเคลื่อนไหวต่อไปพร้อมๆ กัน จะเป็นคุณต่อชาติอย่างมหาศาล หากแตกสามัคคีถึงกับฟาดฟันกันเองก็จะตกเป็นเหยื่อของการเมืองเก่าด้วยกันทั้งหมด ผมจึงยินดีที่ได้ยินสนธิพูดว่า แกนนำทั้ง 5 จะไม่รับตำแหน่งหัวหน้าหรือตำแหน่งการเมือง แต่จะสนับสนุนให้สมาชิกฯ สาขาหรือภูมิภาคหรือกลุ่มต่างๆ จัดตั้งพรรคและเติบโตในครรลองและตามมาตรฐานการเมืองใหม่ของพันธมิตรฯ ปัญหามีอยู่นิดเดียว พูดง่าย-ทำยาก คือ ถ้าจะตั้ง ต้องไม่แตก ถ้าจะแตกก็อย่าตั้ง
11. ภารกิจประวัติศาสตร์ของพันธมิตรฯ คือนำรัฐบาลประชาธิปัตย์แก้หลักการและหลักเกณฑ์ของการเมืองเก่า เช่น กฎหมายพรรค กฎหมายเลือกตั้ง และระบบราชการที่ไม่เป็นกลางให้สำเร็จเสียก่อน
12. ต้องปลดปล่อยประชาธิปัตย์ออกจากกรอบความคิดเก่า วงล้อมและอุ้งเท้าของการเมืองเก่าแบบเนวินที่ครอบงำกระทรวงมหาดไทย คมนาคม ตำรวจ และภาคอีสาน เสียยิ่งกว่าสมัยทักษิณ สมัคร และสมชาย หากทำได้รัฐบาลต่อไปอาจจะเป็นการผสมระหว่างประชาธิปัตย์กับแนวร่วมพันธมิตรฯ อีก 3 พรรค ซึ่งจะทำให้อนาคตของระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข บวกสังคมนิยมสวัสดิการแจ่มใส
13. หากทำไม่ได้ เผด็จการทุนสามานย์บวกกับประชานิยมล้มชาติ ศาสน์ กษัตริย์ก็จะกลับมาอีก
โปรดอย่าดูเบาว่าประชาธิปัตย์บวกซากเดนทรยศของไทยรักไทยเวลานี้ เป็นแค่เหล้าเก่าในขวดใหม่ แท้จริง พรรคใหม่-การเมืองเก่า ก็คือ ยาพิษในถ้วยทอง ดีๆนี่เอง
สนธิพูดถึงความไม่เอาไหนของรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ นอกจากไม่กล้าเกี่ยวก้อยกับพันธมิตรฯแล้ว ยังละเลยหลักการปกครองโดยกฎหมาย ปล่อยให้ตำรวจ อันธพาลการเมือง ข้าราชการ นักการเมืองที่ทำลายกฎหมาย เข่นฆ่าประชาชน และคดโกงแผ่นดิน ในยุคทักษิณ สมัคร และสมชาย ยังใหญ่โตลอยนวลอยู่ได้
วันนี้ผมขอเปิดอกพูดแรงๆ ตรงๆ สักครั้ง หากกระทบกระเทือนใครผมขอโทษ ผมมิได้มีเจตนาก้าวล่วงใครเป็นส่วนตัว
1. ผมว่าโอกาสที่เมืองไทยจะมีพรรคการเมืองใหม่และการเมืองใหม่น้อยมาก
2. เมืองไทยจะเสื่อมทรามทรุดโทรมลงเรื่อยๆ ประมาณ 5-10 ปีก็จะล้าหลังหรือลดลงเท่ากับเพื่อนบ้านยกเว้นพม่า (อย่าคิดว่าเป็นไปไม่ได้ สมัยที่ผมเรียนมหาวิทยาลัย ผู้หญิงเกาหลีใต้ในเพลงอารีดังมีค่าตัวเดือนละ 600 บาท รับใช้อยู่กินในบ้าน ผมพาลูกชายแวะญี่ปุ่น 40 ปีที่แล้ว บริกรโรงแรมยังมานัวเนียขออาหารและนมเหลือกิน สิงคโปร์ยังเป็นสลัมและแหล่งน้ำเพาะยุงเจริญน้อยกว่าโคราช เดี๋ยวนี้เขาไปถึงไหนๆ แล้ว)
3. พรรคการเมืองปัจจุบันทั้งหมด ยกเว้น ปชป.เป็นพรรคใหม่แต่ชื่อ ความจริงเป็นแก๊งเลือกตั้งเก่า-นักการเมืองเก่า ที่เปลี่ยนชื่อไปเรื่อยๆ ตามหัวหน้าและกฎหมายพรรคปัญญาอ่อน
4. น้ำดีเลือดใหม่ที่มากับเลือกตั้งทุกสมัย ไม่นานก็เก่าเสียยิ่งกว่าเก่า เฉกเช่น สุนัย จุลพงศธร พีรพันธุ์ พาลุสุข อดิศร เพียงเกษ และสุชาติ ตันเจริญ เป็นต้น คนหลังนี้อยู่กลุ่ม 16 กับเนวิน ที่ร่วมล่มธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชย์การและเศรษฐกิจไทย ด้วยการปั้นที่ดินไร้ค่ามากู้เงินมหาศาล สมควรติดคุก สังคมไทยรวมทั้งประชาธิปัตย์ นอกจากจะไม่มีความจำแล้ว ยังไม่มีความคิดอีกด้วย
5. ผมนิยมประชาธิปัตย์ที่มิใช่พรรคหัวหน้าตั้ง ไม่มีเจ้าของ ลูกหลานหัวหน้าจะมาเบ่งเป็นใหญ่เหมือนพรรคอื่นไม่ได้ แต่ประชาธิปัตย์มักง่าย ยอมเป็นแก๊งเลือกตั้ง เพราะต้องการที่นั่ง และชอบสมยอมกับอำนาจเพื่อความอยู่รอดหรือส่วนแบ่งอำนาจ (เช่น สมัยพลเอกเปรม ) แม้แต่จังหวัดตรัง ประชาธิปัตย์ยังไม่รู้จักตั้งสาขาที่เข้มแข็งและเป็นอิสระต่อนายหัว พออยากได้ที่นั่ง ก็ไปคว้าเอาทวี สุระบาลจากพรรคชาติไทยมาแทนคนของพรรคเสียดื้อๆ หลังจาก 6 สมัย ทวีก็ถีบหัวประชาธิปัตย์ไปเข้ากับทักษิณ เป็นต้น
6. เพราะเราตามใจเผด็จการทหารที่รำคาญผู้แทน และตั้งแต่รัฐประหาร 2490 เป็นต้นมา ตามก้นอเมริกันที่กลัวคอมมิวนิสต์จนต้องกวาดต้อนผู้คนลงทะเบียนหมด การบังคับจดทะเบียนพรรคการเมืองเหมือนกับบริษัทรับเหมาสร้างถนนกรมทางฯ และบังคับให้ผู้สมัครทุกคนสังกัดพรรค เป็นความโง่ของนักวิชาการ นักกฎหมาย และผู้นำการเมืองไทยที่เชื่อว่า เมื่อเขียนกฎหมายไว้อย่างไรก็จะเป็นไปตามนั้นเราจึงตกอยู่ใน “วงจรอุบาทว์” และ “วัฏจักรน้ำเน่า” กับระบบพรรคแบบ “รวมศูนย์-รวบอำนาจ-เป็นทาสหัวหน้า” แต่ละพรรคจึงสาละวนแย่งตำแหน่ง สะสมเงินเพื่อสะสมคน เพื่อรักษาอำนาจ เป็นเหตุให้บ้านเมืองด้อยพัฒนาและคอร์รัปชันอย่างมโหฬาร นี่คือปัญหาหลักและอุปสรรคสำคัญ
7. ผมเคยบ่นว่า เอกสารสมาคมชาวนาอังกฤษยังดีกว่าเอกสารนโยบายของประชาธิปัตย์ ทั้งๆ ที่ผู้นำประชาธิปัตย์จบมาจากมหาวิทยาลัยชั้นนำของอังกฤษตั้งหลายคน พรรคการเมืองไทยทุกพรรคไม่มีนโยบาย พอจะแถลงนโยบายที ก็เอาแผนพัฒนาฯ ของสภาพัฒนาฯ เป็นหลัก บวกกับสัญญาที่แต่ละพรรคหาเสียง เราชอบอ้างอังกฤษ นโยบายพรรคของอังกฤษนั้นมาจากกลุ่มอาชีพ ประชาคมและท้องถิ่นที่สนับสนุนพรรคผ่านมติการประชุมใหญ่ประจำปีของพรรค ผ่านคณะกรรมการนโยบายของพรรคที่นำมาตีพิมพ์เป็นเอกสารเรียกว่า Manifesto ในการเลือกตั้งปีนั้นๆ พอเลือกตั้งชนะ พระราชินีก็จะเอานโยบายนั้นมาอ่านในวันเปิดสภาว่า รัฐบาลของข้าพเจ้าจะออกกฎหมายดังต่อไปนี้ตาม Manifesto ของพรรค และสภาก็จะผ่านกฎหมายนั้นอย่างรวดเร็ว
8. ตามหลักวิทยาศาสตร์ การเมืองเก่าและระบบพรรคการเมืองเก่ายังไงๆ ก็เอาบ้านเมืองไว้ไม่อยู่ ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขจะสร้างไม่สำเร็จ และในที่สุดสถาบันกษัตริย์ก็จะรักษาไว้ไม่ได้ การเมืองใหม่จึงจำเป็น
9. แต่ถ้าหากการเมืองใหม่จะขึ้นกับกฎเกณฑ์และกฎหมายเก่าๆ เช่น การบังคับสังกัดพรรค การซื้อขายและประมูลอำนาจ ต้องจดทะเบียนด้วยหัวหน้าคนดัง มีนายทุนหนุนหลัง ต้องหาเงิน 2 พันล้านบาทมากองเสียก่อน จึงจะเดินหน้าได้ นี่คือการเมืองเก่า อย่าตั้งดีกว่า
10. มหกรรมการเมืองบันลือโลก 193 วันทำให้ผมเกิดความหวังว่าจะมีการเมืองใหม่ ภาวะผู้นำของ 5 แกนนำที่แตกต่างแต่กลมกลืน ความสามารถขันติและอหิงสธรรมของกองทัพธรรม มืออาชีพที่มีพรสวรรค์อย่าง ASTV ประชาชนหลากหลายอาชีพศาสนา สหภาพฯ และองค์กรสังคมต่างๆ นักวิชาการ นักการทูต ศิลปินแห่งชาติทุกสาขา แกนนำจากภูมิภาคและแต่ละจังหวัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งสตรีและผู้สูงอายุ นี่คือทรัพยากรอันยิ่งใหญ่ของการเมืองไทยและการเมืองใหม่ หากยังรักสามัคคีและเคลื่อนไหวต่อไปพร้อมๆ กัน จะเป็นคุณต่อชาติอย่างมหาศาล หากแตกสามัคคีถึงกับฟาดฟันกันเองก็จะตกเป็นเหยื่อของการเมืองเก่าด้วยกันทั้งหมด ผมจึงยินดีที่ได้ยินสนธิพูดว่า แกนนำทั้ง 5 จะไม่รับตำแหน่งหัวหน้าหรือตำแหน่งการเมือง แต่จะสนับสนุนให้สมาชิกฯ สาขาหรือภูมิภาคหรือกลุ่มต่างๆ จัดตั้งพรรคและเติบโตในครรลองและตามมาตรฐานการเมืองใหม่ของพันธมิตรฯ ปัญหามีอยู่นิดเดียว พูดง่าย-ทำยาก คือ ถ้าจะตั้ง ต้องไม่แตก ถ้าจะแตกก็อย่าตั้ง
11. ภารกิจประวัติศาสตร์ของพันธมิตรฯ คือนำรัฐบาลประชาธิปัตย์แก้หลักการและหลักเกณฑ์ของการเมืองเก่า เช่น กฎหมายพรรค กฎหมายเลือกตั้ง และระบบราชการที่ไม่เป็นกลางให้สำเร็จเสียก่อน
12. ต้องปลดปล่อยประชาธิปัตย์ออกจากกรอบความคิดเก่า วงล้อมและอุ้งเท้าของการเมืองเก่าแบบเนวินที่ครอบงำกระทรวงมหาดไทย คมนาคม ตำรวจ และภาคอีสาน เสียยิ่งกว่าสมัยทักษิณ สมัคร และสมชาย หากทำได้รัฐบาลต่อไปอาจจะเป็นการผสมระหว่างประชาธิปัตย์กับแนวร่วมพันธมิตรฯ อีก 3 พรรค ซึ่งจะทำให้อนาคตของระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข บวกสังคมนิยมสวัสดิการแจ่มใส
13. หากทำไม่ได้ เผด็จการทุนสามานย์บวกกับประชานิยมล้มชาติ ศาสน์ กษัตริย์ก็จะกลับมาอีก
โปรดอย่าดูเบาว่าประชาธิปัตย์บวกซากเดนทรยศของไทยรักไทยเวลานี้ เป็นแค่เหล้าเก่าในขวดใหม่ แท้จริง พรรคใหม่-การเมืองเก่า ก็คือ ยาพิษในถ้วยทอง ดีๆนี่เอง