นายจรัญ ภักดีธนากุล ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ กล่าวระหว่างเสวนาวันสตรีสากล ปี 2552 เรื่อง กฎระเบียบข้าราชการ พนักงานรัฐกับการบังคับใช้ : คุ้มครองหรือละเมิดสิทธิสตรีทางเพศ ตอนหนึ่งว่า ปัญหาการคุมคาม ทางเพศสตรีในหน่วยราชการยังไม่เป็นที่รับรู้กันมาก แม้ผู้ถูกคุกคามยังไม่รู้ว่าตัวเองมีสิทธิในการปกป้องต่อสู้ ทั้งนี้ น่าจะทำให้ผู้บังคับบัญชาตระหนัก ว่า การทำพฤติกรรมสุนัขจิ้งจอกครองอำนาจไปคุกคามใครไม่ได้ หากทำให้เป็นเรื่องที่รับรู้กันทั้งองค์กรผู้บังบัญชาจะไม่กล้าทำ แต่ตอนนี้ยังกล้าทำกันอยู่เงียบๆ ลับๆ เนื่องจากโทษทางวินัยอาญาของภาครัฐยังอ่อนกว่าภาคเอกชน ที่มีกฎหมายคุ้มครองแรงงานห้ามนายจ้างล่วงเกินทางเพศลูกจ้างมีโทษทางอาญาและเรื่องอยู่ที่ศาลแรงงานจำนวนมาก
ขณะที่การคุกคามทางเพศในระบบราชการ ทำได้แค่ร้องขอความเป็นธรรมผู้บังคับบัญชา อย่างมากทำเพียงขอให้ระงับพฤติกรรม หากมีหลักฐานมัดแน่น ก็มีความผิดวินัยไม่ร้ายแรง ทำอะไรไม่ได้ ส่วนใหญ่ก็มาขอให้รอมชอม ว่ากล่าวตักเตือน ภาคทัณฑ์หรือลดเงินเดือนแทบไม่มีให้เห็น
ผมคิดว่าถึงเวลาภาครัฐต้องมีกฎหมายคุกคามทางเพศโดยเฉพาะเหมือนภาคเอกชน และทำให้เข้มข้นจริงจัง ปรับโทษทางอาญาเพิ่มขึ้น และต้องมีโทษทางแพ่ง เพราะการคุกคามทางเพศเป็นการละเมิดทางแพ่งที่กดขี่ข่มเหงที่ชั่วร้าย คนกระทำต้องรับผิดชอบทางละเมิดจ่ายค่าเสียหาย มิฉะนั้นจะยับยั้งพฤติกรรมพวกนี้ไม่ได้ อย่างสหรัฐอเมริกา หากมีพฤติกรรมแบบนี้จะโดนค่าเสียหายแรงมาก และเอาผิดไปถึงผู้บังคับบัญชา หน่วยงาน กระทรวง ทบวง กรม บริษัทของผู้มีพฤติกรรมคุกคาม ฐานปล่อยปละละเลยให้มีการละเมิดในองค์กรหรือเอาคนไม่ดีเข้ามาทำงานก็ต้องร่วมรับผิดชอบด้วย
นายจรัญ กล่าวว่าพรรคการเมืองมีอำนาจต้องแก้ปัญหาจริงจัง ไม่ใช่เฉยชาให้การยกย่องผู้บริหารนักรัก แบบผู้ชนะสิบทิศที่รบก็เก่งรักก็รอบทิศ ให้ถือเป็นลักษณะด้อยของผู้บริหาร ภาครัฐเจอเมื่อใดต้องตัดทิ้งไม่ให้ขึ้นสู่ตำแหน่ง หรือขึ้นมาแล้ว แววสุนัขจิ้งจอกออกมา ก็ต้องถูกตัดไม่ให้เป็นผู้บริหารราชการ เพราะใจคอพวกนี้จะคอยแต่งาบลูกน้อง ไม่ว่าผู้หญิงหรือผู้ชาย เราจะปล่อยให้มีบิ๊กขี้หลีต่อไปไม่ได้
ด้านนายอิสระ สมชัย รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กล่าวว่า ผู้บริหารหน่วยงานรัฐหรือเอกชน โดยเฉพาะรัฐต้องไม่ใช้อำนาจจากตำแหน่ง ไปล่วงเกินทางเพศสตรีที่เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้มักเกิดจากสันดาน ถือเป็นผู้ที่ไม่ควรได้รับการส่งเสริมให้ขึ้นเป็นผู้บริหาร รวมทั้งผู้ที่แสวงหาความก้าวหน้า ในตำแหน่งหน้าที่โดยใช้เรือนร่างตัวเอง
ส่วนกรณีผู้บริหารของกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ุกคามทางเพศ ตนก็ได้ยิน จากข่าวก่อนมาเป็นรัฐมนตรี ไม่ทราบว่า มีลักษณะอย่างไรแต่ตอนนี้คิดว่าไม่น่าจะมีอีก แต่หากมีผู้ร้องเรียนเข้ามาตนก็พร้อมจะตรวจสอบ
อย่างไรก็ตามกฎหมายลงโทษมีทั้งทางอาญาวินัย ขึ้นอยู่กับผู้ใช้กฎหมายจะเอาจริงหรือไม่ ทั้งนี้ตนเน้นให้กระทรวงพม.คุ้มครองสิทธิสตรีให้มากขึ้น เพื่อเป็นต้นแบบการต่อต้านการละเมิดทางเพศและเอาเปรียบผู้หญิง
ขณะที่การคุกคามทางเพศในระบบราชการ ทำได้แค่ร้องขอความเป็นธรรมผู้บังคับบัญชา อย่างมากทำเพียงขอให้ระงับพฤติกรรม หากมีหลักฐานมัดแน่น ก็มีความผิดวินัยไม่ร้ายแรง ทำอะไรไม่ได้ ส่วนใหญ่ก็มาขอให้รอมชอม ว่ากล่าวตักเตือน ภาคทัณฑ์หรือลดเงินเดือนแทบไม่มีให้เห็น
ผมคิดว่าถึงเวลาภาครัฐต้องมีกฎหมายคุกคามทางเพศโดยเฉพาะเหมือนภาคเอกชน และทำให้เข้มข้นจริงจัง ปรับโทษทางอาญาเพิ่มขึ้น และต้องมีโทษทางแพ่ง เพราะการคุกคามทางเพศเป็นการละเมิดทางแพ่งที่กดขี่ข่มเหงที่ชั่วร้าย คนกระทำต้องรับผิดชอบทางละเมิดจ่ายค่าเสียหาย มิฉะนั้นจะยับยั้งพฤติกรรมพวกนี้ไม่ได้ อย่างสหรัฐอเมริกา หากมีพฤติกรรมแบบนี้จะโดนค่าเสียหายแรงมาก และเอาผิดไปถึงผู้บังคับบัญชา หน่วยงาน กระทรวง ทบวง กรม บริษัทของผู้มีพฤติกรรมคุกคาม ฐานปล่อยปละละเลยให้มีการละเมิดในองค์กรหรือเอาคนไม่ดีเข้ามาทำงานก็ต้องร่วมรับผิดชอบด้วย
นายจรัญ กล่าวว่าพรรคการเมืองมีอำนาจต้องแก้ปัญหาจริงจัง ไม่ใช่เฉยชาให้การยกย่องผู้บริหารนักรัก แบบผู้ชนะสิบทิศที่รบก็เก่งรักก็รอบทิศ ให้ถือเป็นลักษณะด้อยของผู้บริหาร ภาครัฐเจอเมื่อใดต้องตัดทิ้งไม่ให้ขึ้นสู่ตำแหน่ง หรือขึ้นมาแล้ว แววสุนัขจิ้งจอกออกมา ก็ต้องถูกตัดไม่ให้เป็นผู้บริหารราชการ เพราะใจคอพวกนี้จะคอยแต่งาบลูกน้อง ไม่ว่าผู้หญิงหรือผู้ชาย เราจะปล่อยให้มีบิ๊กขี้หลีต่อไปไม่ได้
ด้านนายอิสระ สมชัย รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กล่าวว่า ผู้บริหารหน่วยงานรัฐหรือเอกชน โดยเฉพาะรัฐต้องไม่ใช้อำนาจจากตำแหน่ง ไปล่วงเกินทางเพศสตรีที่เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้มักเกิดจากสันดาน ถือเป็นผู้ที่ไม่ควรได้รับการส่งเสริมให้ขึ้นเป็นผู้บริหาร รวมทั้งผู้ที่แสวงหาความก้าวหน้า ในตำแหน่งหน้าที่โดยใช้เรือนร่างตัวเอง
ส่วนกรณีผู้บริหารของกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ุกคามทางเพศ ตนก็ได้ยิน จากข่าวก่อนมาเป็นรัฐมนตรี ไม่ทราบว่า มีลักษณะอย่างไรแต่ตอนนี้คิดว่าไม่น่าจะมีอีก แต่หากมีผู้ร้องเรียนเข้ามาตนก็พร้อมจะตรวจสอบ
อย่างไรก็ตามกฎหมายลงโทษมีทั้งทางอาญาวินัย ขึ้นอยู่กับผู้ใช้กฎหมายจะเอาจริงหรือไม่ ทั้งนี้ตนเน้นให้กระทรวงพม.คุ้มครองสิทธิสตรีให้มากขึ้น เพื่อเป็นต้นแบบการต่อต้านการละเมิดทางเพศและเอาเปรียบผู้หญิง