เอเอฟพี - ชาวออสเตรเลียควรต้องกินเนื้ออูฐ เพื่อหยุดยั้งไม่ให้สัตว์ชนิดนี้สร้างความเสียหายร้ายแรงต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้เป็นคำแนะนำที่เสนอเมื่อวานนี้(9) โดยศาสตราจารย์ เมอร์เรย์ แมคเกรเกอร์ แห่งศูนย์สหกรณ์ความรู้เกี่ยวกับทะเลทรายของออสเตรเลีย
ตามรายงานการศึกษาที่ใช้เวลาจัดทำกันอยู่ 3 ปีของทางศูนย์แห่งนี้ พบว่าปัจจุบันออสเตรเลียมีอูฐป่าอยู่กว่า 1 ล้านตัว ซึ่งกำลังสร้างความเสียหายให้แก่ระบบนิเวศในเขตทะเลทรายตลอดจนแหล่งน้ำต่างๆ อย่างชนิดควบคุมอะไรไม่ได้ ดังนั้น แมคเกรเกอร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้เขียนร่วมรายงานฉบับนี้จึงเสนอว่า ควรที่จะกินอูฐ พร้อมกับโฆษณาว่า เนื้ออูฐเป็นเนื้อชั้นดีที่มีลักษณะคล้ายเนื้อวัวอยู่มาก เป็นเนื้อที่มีมันน้อยจึงดีต่อสุขภาพของผู้รับประทานด้วย
อูฐก็เช่นเดียวกับสัตว์อีกหลายๆ ชนิด ไม่ใช่สัตว์พื้นถิ่นของออสเตรเลีย แต่เป็นมนุษย์ที่นำเข้ามาเพื่อใช้งานขนส่งสินค้าในปลายศตวรรษที่ 19 และต้นศตวรรษที่ 20 ทว่าหลังมีการสร้างทางรถไฟและถนน สัตว์พวกนี้ก็ถูกปล่อยเข้าป่าไป และขยายพันธุ์อย่างรวดเร็ว
ทั้งนี้นอกเหนือจากอูฐป่าแล้ว ในบัญชีรายชื่อสัตว์ที่ "น่าวิตกเป็นเป็นอย่างมาก" ของกรมสิ่งแวดล้อมของออสเตรเลีย ยังมี ม้า, ลา, หมู, กระต่ายป่ายุโรป, สุนัขจิ้งจอกสีแดงยุโรป, แมว, แพะ, และคางคกยักษ์
ตามรายงานการศึกษาที่ใช้เวลาจัดทำกันอยู่ 3 ปีของทางศูนย์แห่งนี้ พบว่าปัจจุบันออสเตรเลียมีอูฐป่าอยู่กว่า 1 ล้านตัว ซึ่งกำลังสร้างความเสียหายให้แก่ระบบนิเวศในเขตทะเลทรายตลอดจนแหล่งน้ำต่างๆ อย่างชนิดควบคุมอะไรไม่ได้ ดังนั้น แมคเกรเกอร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้เขียนร่วมรายงานฉบับนี้จึงเสนอว่า ควรที่จะกินอูฐ พร้อมกับโฆษณาว่า เนื้ออูฐเป็นเนื้อชั้นดีที่มีลักษณะคล้ายเนื้อวัวอยู่มาก เป็นเนื้อที่มีมันน้อยจึงดีต่อสุขภาพของผู้รับประทานด้วย
อูฐก็เช่นเดียวกับสัตว์อีกหลายๆ ชนิด ไม่ใช่สัตว์พื้นถิ่นของออสเตรเลีย แต่เป็นมนุษย์ที่นำเข้ามาเพื่อใช้งานขนส่งสินค้าในปลายศตวรรษที่ 19 และต้นศตวรรษที่ 20 ทว่าหลังมีการสร้างทางรถไฟและถนน สัตว์พวกนี้ก็ถูกปล่อยเข้าป่าไป และขยายพันธุ์อย่างรวดเร็ว
ทั้งนี้นอกเหนือจากอูฐป่าแล้ว ในบัญชีรายชื่อสัตว์ที่ "น่าวิตกเป็นเป็นอย่างมาก" ของกรมสิ่งแวดล้อมของออสเตรเลีย ยังมี ม้า, ลา, หมู, กระต่ายป่ายุโรป, สุนัขจิ้งจอกสีแดงยุโรป, แมว, แพะ, และคางคกยักษ์