มาร์คเสียงเข้ม ไม่ยอมให้ใครอ้างเสรีภาพเหนือสถาบัน ส่วนอัยการเลื่อนสั่งคดี “จักรภพ”หมิ่นเบื้องสูง อ้างสอบเพิ่มประเด็นคำแปลภาษาอังกฤษ ด้าน "จักรภพ" ยันบริสุทธิ์ ถูกกลั่นแกล้ง เตรียมทำผิดซ้ำเผยแพร่คำแปลผ่านเวบไซต์ ขณะที่“พ.ต.ท.”ผู้แจ้งจับ ยอมรับ เป็นไปได้สั่งไม่ฟ้อง เหตุพนักงานสอบสวนทำสำนวนอ่อน ระบุมีสิทธิโต้แย้ง
เมื่อวานนี้ (5 มี.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ตอบคำถามผู้สื่อข่าวระหว่างไปร่วมงานวันนักข่าวถึงกรณีที่นัก
วิชาการต่างชาติเรียกร้องให้มีการยกเลิกกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ว่า ต้องทำความเข้าใจกันเล็กน้อย เรื่องที่ภาษาอังกฤษใช้คำว่า
หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ที่จริงเราไม่ได้มีกฎหมายพิเศษ แต่เรื่องนี้อยู่ในกฎหมายอาญา เป็นกฎหมายความมั่นคงชนิดหนึ่ง และคิดว่ามี
ความจำเป็นที่ต้องมีกฎหมายนี้ เพราะเรามีสถาบันที่เทิดทูนไว้เหนือความขัดแย้ง ถ้าไม่มีกฎหมายนี้ แล้วจะมีกลไกอะไรไปคุ้มครองสถาบันจากการละเมิด ตนเคยถามเขาว่า ทำไมประเทศเขามีกฎหมายหมิ่นศาล เขาตอบผมไม่ได้ ว่าทำไมที่คุณมาขอให้ยกเลิกกฎหมายนี้ แต่ทำไมคุณมีกฎหมายไม่ให้หมิ่นศาล ดังนั้นมันก็ต้องมีกลไกลักษณะนี้ แต่ปัญหาของเราคือ การบังคับใช้ และสถานการณ์ทางการเมืองที่เข้าไปเกี่ยวข้องตรงนี้ และทำให้สถานการณ์ลุกลามไป
"สิ่งที่ผมรับไม่ได้คือ ที่ว่าใครก็ตาม ที่ได้รับข้อหาและถูกกล่าวหาแบบนี้ ต้องยกเลิกให้หมด ผมรับไม่ได้ ถ้าท่านไปยืนยันข้อ
เท็จจริง และทำให้เสื่อมเสียแก่ราชวงค์ คุณทำกับคนธรรมดายังถูกฟ้อง นักการเมืองบางคนฟ้องเป็นพันล้านบาท ไม่มีตังค์จ่ายหรอกครับ มันจึงไม่มีเหตุผลว่า อยู่ดีๆ จะไปละเมิดสถาบัน แต่ปัญหาที่ผมคิดว่า ต้องปรับปรุงแก้ไข คือใครก็ไปร้องได้ เมื่อเรื่องเข้าไปเยอะ เจ้าหน้าที่ก็ต้องปลอดภัยไว้ก่อน ผมได้คุยกับ ผบ.ตร. ว่า ต้องบังคับใช้กฎหมายให้ดี แต่ผมไม่ยอมให้ใครมาอ้างสิทธิเสรีภาพ แล้วมาทำร้ายสถาบัน ถ้ามีวาระซ่อนเร้น ผมไม่รับฟัง”นายกฯ กล่าวอย่างหนักแน่น
เมื่อถามว่าพร้อมรับมือกับสื่อนอก นายกฯ ตอบว่า “ผมรับมาเยอะแล้วครับ ตลอด 2 เดือนที่ผ่านมา ด้วยความตรงไปตรงมา
และยืนยันว่า สิ่งที่ผมคิดที่พูด เชื่อโดยสุจริตใจ และไม่ได้ฝืนหลักการประชาธิปไตยแน่นอน"
อัยการเลื่อนสั่งคดี “จักรภพ”
ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถ.รัชดาภิเษก นายจักรภพ เพ็ญแข อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และแกนนำแนวร่วม
ประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ ( นปช.) ผู้ต้องหาคดีหมิ่นเบื้องสูง พร้อมทนายความเดินทางมารายงานตัวตามที่อัยการฝ่ายคดีอาญา 3 นัดสั่งคดีหมิ่นประมาท ดูหมิ่น พระมหากษัตริย์ และรัชทายาท ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ซึ่งมีโทษจำคุกตั้งแต่ 3-15 ปี
อย่างไรก็ดี เมื่อถึงเวลาปรากฏว่า อัยการได้เลื่อนนัดสั่งคดีออกไปเป็นวันที่ 29 เม.ย. นี้ เวลา 10.00 น. เนื่องจากรอผล
สอบสวนเพิ่มเติมที่คณะทำงานอัยการ ให้กองปราบปรามดำเนินการสอบสวนเพิ่มเติมเกี่ยวกับการแปลความถ้อยคำภาษาอังกฤษ ที่นาย
จักรภพ ได้กล่าวบรรยายพิเศษเป็นภาษาอังกฤษ ที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 29 ส.ค.50
นายศักดา นพสิทธิ์ ทนายความของนายจักรภพ เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้นายจักรภพ ได้ส่งความแปลภาษา ให้คณะทำงาน
อัยการพิจารณาประกอบกับส่วนที่คณะทำงานให้คนกลางแปลความถ้อยคำด้วย เพื่อจะดูเปรียบเทียบกันว่าความหมายจากถ้อยคำที่นายจักรภพ กล่าวบรรยายนั้น เป็นการดูหมิ่นสถาบันหรือไม่
ด้านนายจักรภพ ซึ่งเดินทางมาพร้อมด้วย นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.พรรคเพื่อไทย แกนนำ นปช.และกลุ่มคนเสื้อแดง
ประมาณ 50 คน กล่าวว่า ตนเองยังยืนยันในความบริสุทธ์ การดำเนินคดีนี้เป็นการกลั่นแกล้งให้ตนต้องรับโทษเห็นได้ชัดจากการนำเอาเรื่อง
เก่า ซึ่งตนไปบรรยายไว้ตั้งแต่เมื่อครั้งบ้านเมืองไม่มีประชาธิปไตย มีการยึดอำนาจโดย คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) แต่กลับมี
คนนำเรื่องมาแจ้งความดำเนินคดีกับตนในภายหลังโดยหวังให้พ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรี ซึ่งคำบรรยายของตนในครั้งนั้นมีคนให้ความสนใจ
จำนวนมาก เนื่องจากถูกกล่าวหาว่าเข้าข่ายหมิ่นสถาบันเบื้องสูง ดังนั้นตนจะจัดทำคำแปลที่ถูกต้องลงเผยแพร่ทางเว็บไซต์ให้ประชาชนที่สนใจได้ศึกษาต่อไป
ผู้แจ้งจับลั่นไม่ฟ้องเตรียมโต้แย้ง
พ.ต.ท.วัฒนศักดิ์ มุ่งการดี พนักงานสอบสวน (สบ 2) สน.บางมด ผู้แจ้งความกับตำรวจกองปราบปราม ให้ดำเนินคดีต่อนาย
จักรภพ เพ็ญแข เปิดเผยหลังคณะทำงานอัยการพิจารณาสำนวนการสอบแล้วยังพบข้อบกพร่องบางประการเกี่ยวกับการแปลความถ้อยคำ จึงมีคำสั่งให้พนักงานสอบสวนกองปราบปรามไปทำการสอบสวนเพิ่มเติมในประเด็นดังกล่าว และเมื่อคณะทำงานพิจารณาแล้วเห็นว่า ข้อเท็จจริงในสำนวนการสอบสวนยังไม่ครบถ้วนเพียงพอที่จะพิจารณาสั่งคดีได้ และให้ทำการสอบสวนเพิ่มเติม จึงจำเป็นต้องเลื่อนนัดฟังคำสั่งคดี ออกไปเป็นวันที่ 29 เม.ย.เวลา 10.00 น.นั้นว่า ยังไม่ทราบรายละเอียดของการสั่งเลื่อนคดีครั้งนี้ แต่การแปลความถ้อยคำของนายจักรภพ นั้น ภายหลังจากที่ตนได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีแล้ว ปรากฏมีการแปลกันหลายคน แต่เชื่อว่า พนักงานสอบสวนและพนักงานอัยการจะยึดคำแปลความถ้อยคำที่เป็นกลาง ซึ่งเป็นของกองการต่างประเทศ ทั้งนี้ การที่พนักงานอัยการจะมีคำสั่งเลื่อนการสั่งคดีออกไปอีก ก็เชื่อว่า น่าจะเป็นการสั่งให้พนักงานสอบสวนไปสอบเพิ่มเติม ส่วนการที่พนักงานอัยการจะสั่งไม่ฟ้องนั้น คงต้องรอดูเหตุและผลของอัยการก่อนว่าเป็นเช่นใด
พ.ต.ท.วัฒนศักดิ์ ยอมรับว่า มีโอกาสเป็นไปได้ที่พนักงานอัยการจะสั่งไม่ฟ้องคดีนี้ เพราะพนักงานสอบสวน ทำสำนวนอ่อน
ขึ้นไป
“หากพนักงานอัยการสั่งไม่ฟ้อง ผมก็มีสิทธิที่จะโต้แย้งได้ แต่ต้องรอดูประเด็นของการสั่งไม่ฟ้องก่อนว่า เพราะเหตุผลอะไร
จึงจะดำเนินการต่อในเรื่องนี้” พ.ต.ท.วัฒนศักดิ์กล่าว.
เมื่อวานนี้ (5 มี.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ตอบคำถามผู้สื่อข่าวระหว่างไปร่วมงานวันนักข่าวถึงกรณีที่นัก
วิชาการต่างชาติเรียกร้องให้มีการยกเลิกกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ว่า ต้องทำความเข้าใจกันเล็กน้อย เรื่องที่ภาษาอังกฤษใช้คำว่า
หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ที่จริงเราไม่ได้มีกฎหมายพิเศษ แต่เรื่องนี้อยู่ในกฎหมายอาญา เป็นกฎหมายความมั่นคงชนิดหนึ่ง และคิดว่ามี
ความจำเป็นที่ต้องมีกฎหมายนี้ เพราะเรามีสถาบันที่เทิดทูนไว้เหนือความขัดแย้ง ถ้าไม่มีกฎหมายนี้ แล้วจะมีกลไกอะไรไปคุ้มครองสถาบันจากการละเมิด ตนเคยถามเขาว่า ทำไมประเทศเขามีกฎหมายหมิ่นศาล เขาตอบผมไม่ได้ ว่าทำไมที่คุณมาขอให้ยกเลิกกฎหมายนี้ แต่ทำไมคุณมีกฎหมายไม่ให้หมิ่นศาล ดังนั้นมันก็ต้องมีกลไกลักษณะนี้ แต่ปัญหาของเราคือ การบังคับใช้ และสถานการณ์ทางการเมืองที่เข้าไปเกี่ยวข้องตรงนี้ และทำให้สถานการณ์ลุกลามไป
"สิ่งที่ผมรับไม่ได้คือ ที่ว่าใครก็ตาม ที่ได้รับข้อหาและถูกกล่าวหาแบบนี้ ต้องยกเลิกให้หมด ผมรับไม่ได้ ถ้าท่านไปยืนยันข้อ
เท็จจริง และทำให้เสื่อมเสียแก่ราชวงค์ คุณทำกับคนธรรมดายังถูกฟ้อง นักการเมืองบางคนฟ้องเป็นพันล้านบาท ไม่มีตังค์จ่ายหรอกครับ มันจึงไม่มีเหตุผลว่า อยู่ดีๆ จะไปละเมิดสถาบัน แต่ปัญหาที่ผมคิดว่า ต้องปรับปรุงแก้ไข คือใครก็ไปร้องได้ เมื่อเรื่องเข้าไปเยอะ เจ้าหน้าที่ก็ต้องปลอดภัยไว้ก่อน ผมได้คุยกับ ผบ.ตร. ว่า ต้องบังคับใช้กฎหมายให้ดี แต่ผมไม่ยอมให้ใครมาอ้างสิทธิเสรีภาพ แล้วมาทำร้ายสถาบัน ถ้ามีวาระซ่อนเร้น ผมไม่รับฟัง”นายกฯ กล่าวอย่างหนักแน่น
เมื่อถามว่าพร้อมรับมือกับสื่อนอก นายกฯ ตอบว่า “ผมรับมาเยอะแล้วครับ ตลอด 2 เดือนที่ผ่านมา ด้วยความตรงไปตรงมา
และยืนยันว่า สิ่งที่ผมคิดที่พูด เชื่อโดยสุจริตใจ และไม่ได้ฝืนหลักการประชาธิปไตยแน่นอน"
อัยการเลื่อนสั่งคดี “จักรภพ”
ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถ.รัชดาภิเษก นายจักรภพ เพ็ญแข อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และแกนนำแนวร่วม
ประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ ( นปช.) ผู้ต้องหาคดีหมิ่นเบื้องสูง พร้อมทนายความเดินทางมารายงานตัวตามที่อัยการฝ่ายคดีอาญา 3 นัดสั่งคดีหมิ่นประมาท ดูหมิ่น พระมหากษัตริย์ และรัชทายาท ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ซึ่งมีโทษจำคุกตั้งแต่ 3-15 ปี
อย่างไรก็ดี เมื่อถึงเวลาปรากฏว่า อัยการได้เลื่อนนัดสั่งคดีออกไปเป็นวันที่ 29 เม.ย. นี้ เวลา 10.00 น. เนื่องจากรอผล
สอบสวนเพิ่มเติมที่คณะทำงานอัยการ ให้กองปราบปรามดำเนินการสอบสวนเพิ่มเติมเกี่ยวกับการแปลความถ้อยคำภาษาอังกฤษ ที่นาย
จักรภพ ได้กล่าวบรรยายพิเศษเป็นภาษาอังกฤษ ที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 29 ส.ค.50
นายศักดา นพสิทธิ์ ทนายความของนายจักรภพ เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้นายจักรภพ ได้ส่งความแปลภาษา ให้คณะทำงาน
อัยการพิจารณาประกอบกับส่วนที่คณะทำงานให้คนกลางแปลความถ้อยคำด้วย เพื่อจะดูเปรียบเทียบกันว่าความหมายจากถ้อยคำที่นายจักรภพ กล่าวบรรยายนั้น เป็นการดูหมิ่นสถาบันหรือไม่
ด้านนายจักรภพ ซึ่งเดินทางมาพร้อมด้วย นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.พรรคเพื่อไทย แกนนำ นปช.และกลุ่มคนเสื้อแดง
ประมาณ 50 คน กล่าวว่า ตนเองยังยืนยันในความบริสุทธ์ การดำเนินคดีนี้เป็นการกลั่นแกล้งให้ตนต้องรับโทษเห็นได้ชัดจากการนำเอาเรื่อง
เก่า ซึ่งตนไปบรรยายไว้ตั้งแต่เมื่อครั้งบ้านเมืองไม่มีประชาธิปไตย มีการยึดอำนาจโดย คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) แต่กลับมี
คนนำเรื่องมาแจ้งความดำเนินคดีกับตนในภายหลังโดยหวังให้พ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรี ซึ่งคำบรรยายของตนในครั้งนั้นมีคนให้ความสนใจ
จำนวนมาก เนื่องจากถูกกล่าวหาว่าเข้าข่ายหมิ่นสถาบันเบื้องสูง ดังนั้นตนจะจัดทำคำแปลที่ถูกต้องลงเผยแพร่ทางเว็บไซต์ให้ประชาชนที่สนใจได้ศึกษาต่อไป
ผู้แจ้งจับลั่นไม่ฟ้องเตรียมโต้แย้ง
พ.ต.ท.วัฒนศักดิ์ มุ่งการดี พนักงานสอบสวน (สบ 2) สน.บางมด ผู้แจ้งความกับตำรวจกองปราบปราม ให้ดำเนินคดีต่อนาย
จักรภพ เพ็ญแข เปิดเผยหลังคณะทำงานอัยการพิจารณาสำนวนการสอบแล้วยังพบข้อบกพร่องบางประการเกี่ยวกับการแปลความถ้อยคำ จึงมีคำสั่งให้พนักงานสอบสวนกองปราบปรามไปทำการสอบสวนเพิ่มเติมในประเด็นดังกล่าว และเมื่อคณะทำงานพิจารณาแล้วเห็นว่า ข้อเท็จจริงในสำนวนการสอบสวนยังไม่ครบถ้วนเพียงพอที่จะพิจารณาสั่งคดีได้ และให้ทำการสอบสวนเพิ่มเติม จึงจำเป็นต้องเลื่อนนัดฟังคำสั่งคดี ออกไปเป็นวันที่ 29 เม.ย.เวลา 10.00 น.นั้นว่า ยังไม่ทราบรายละเอียดของการสั่งเลื่อนคดีครั้งนี้ แต่การแปลความถ้อยคำของนายจักรภพ นั้น ภายหลังจากที่ตนได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีแล้ว ปรากฏมีการแปลกันหลายคน แต่เชื่อว่า พนักงานสอบสวนและพนักงานอัยการจะยึดคำแปลความถ้อยคำที่เป็นกลาง ซึ่งเป็นของกองการต่างประเทศ ทั้งนี้ การที่พนักงานอัยการจะมีคำสั่งเลื่อนการสั่งคดีออกไปอีก ก็เชื่อว่า น่าจะเป็นการสั่งให้พนักงานสอบสวนไปสอบเพิ่มเติม ส่วนการที่พนักงานอัยการจะสั่งไม่ฟ้องนั้น คงต้องรอดูเหตุและผลของอัยการก่อนว่าเป็นเช่นใด
พ.ต.ท.วัฒนศักดิ์ ยอมรับว่า มีโอกาสเป็นไปได้ที่พนักงานอัยการจะสั่งไม่ฟ้องคดีนี้ เพราะพนักงานสอบสวน ทำสำนวนอ่อน
ขึ้นไป
“หากพนักงานอัยการสั่งไม่ฟ้อง ผมก็มีสิทธิที่จะโต้แย้งได้ แต่ต้องรอดูประเด็นของการสั่งไม่ฟ้องก่อนว่า เพราะเหตุผลอะไร
จึงจะดำเนินการต่อในเรื่องนี้” พ.ต.ท.วัฒนศักดิ์กล่าว.