ASTVผู้จัดการรายวัน-“ประจักษ์”เผยขสมก.เปิดขายซองประมูลรถเมล์เอ็นจีวี 4,000 คันปลายมี.ค.นี้ หลังบอร์ดเห็นชอบและปรับกรอบวงเงินลงมาแล้ว
นายประจักษ์ แก้วกล้าหาญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังการหารือร่วมกับนายพิเณศวร์ พัวพัฒนกุล ผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) วานนี้ (4 มี.ค.) ว่า ขสมก.ได้รายงานความคืบหน้าของโครงการเช่ารถโดยสารปรับอากาศที่ใช้เชื้อเพลิงธรรมชาติ (เอ็นจีวี) จำนวน 4,000 คัน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการประกาศร่างการประกวดราคา (ทีโออาร์) ของโครงการลงบนเว็ปไซด์ของขสมก.เป็นครั้งที่ 7 โดยทางขสมก.ยืนยันว่า ภายในสัปดาห์นี้ทีโออาร์จะเสร็จสิ้นและจะดำเนินการเปิดขายเอกสารการประกวดราคาได้ภายในปลายเดือน มี.ค.52 นี้
ทั้งนี้ คณะกรรมการ ขสมก.ได้พิจารณาร่างทีโออาร์ของโครงการล่าสุดเมื่อวันที่ 23 ก.พ.2552 ได้มีการแก้ไขปรับกรอบวงเงินของโครงการลงเหลือ 4,794 ล้านบาท จากเดิม 4,843 ล้านบาท โดยมีการเปลี่ยนแปลงศูนย์จัดการควบคุมระบบตั๋วโดยสารอิเล็กทรอนิกส์ (อี-ทิกเก็ต) และระบบการเดินรถเขตลงเหลือ14 ศูนย์ จากเดิม 21 ศูนย์ และขณะนี้ ขสมก.อยู่ระหว่างการประกาศร่างทีโออาร์ของโครงการลงบนเว็ปไซด์ของขสมก.เป็นครั้งที่ 7 ตั้งแต่วันที่ 24 ก.พ.2552 ที่ผ่านมา
“ขสมก.ยืนยันว่าอย่างช้าที่สุดภายในปลายเดือนมี.ค.นี้จะสามารถเปิดขายซองประกวดราคาได้” นายประจักษ์ กล่าว
ส่วนการให้รถร่วมบริการขสมก. ที่สนใจจะเข้าร่วมโครงการจัดหารถเอ็นจีวีอีกประมาณ 2,000 คันหรือไม่นั้น นายประจักษ์กล่าวว่า ให้ขสมก.ไปทำรายละเอียดแนวทางการดำเนินงานที่ชัดเจนโดยเบื้องต้นต้องการให้ขสมก.ไปพิจารณาว่า รถปรับอากาศที่ขสมก.มีอยู่ จำนวน 1,800 คัน มีสภาพพร้อมที่จะสามารถนำมาปรับปรุงใช้เครื่องยนต์เอ็นจีวีได้หรือไม่ หากไม่ได้ก็ต้องขาดทอดตลาดเพื่อลดค่าใช้จ่ายซ่อมบำรุง จากนั้น ก็จะพิจารณาว่าจะให้รถร่วมฯ เข้ามาร่วมในส่วนนี้อย่างไร ภายใต้เงื่อนไขต้องเป็นรถที่ใช้เอ็นจีวีเท่านั้น
“ให้ขสมก.ไปทำแผนรายละเอียดว่าจะมีแนวทางที่เหมาะสมอย่างไรและเสนอกลับมาเร็วที่สุด โดยจะให้เริ่มดำเนินการหลังจากการประกาศขายซองในส่วนรถ 4,000 คันไปแล้ว”นายประจักษ์กล่าว
นายประจักษ์ แก้วกล้าหาญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังการหารือร่วมกับนายพิเณศวร์ พัวพัฒนกุล ผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) วานนี้ (4 มี.ค.) ว่า ขสมก.ได้รายงานความคืบหน้าของโครงการเช่ารถโดยสารปรับอากาศที่ใช้เชื้อเพลิงธรรมชาติ (เอ็นจีวี) จำนวน 4,000 คัน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการประกาศร่างการประกวดราคา (ทีโออาร์) ของโครงการลงบนเว็ปไซด์ของขสมก.เป็นครั้งที่ 7 โดยทางขสมก.ยืนยันว่า ภายในสัปดาห์นี้ทีโออาร์จะเสร็จสิ้นและจะดำเนินการเปิดขายเอกสารการประกวดราคาได้ภายในปลายเดือน มี.ค.52 นี้
ทั้งนี้ คณะกรรมการ ขสมก.ได้พิจารณาร่างทีโออาร์ของโครงการล่าสุดเมื่อวันที่ 23 ก.พ.2552 ได้มีการแก้ไขปรับกรอบวงเงินของโครงการลงเหลือ 4,794 ล้านบาท จากเดิม 4,843 ล้านบาท โดยมีการเปลี่ยนแปลงศูนย์จัดการควบคุมระบบตั๋วโดยสารอิเล็กทรอนิกส์ (อี-ทิกเก็ต) และระบบการเดินรถเขตลงเหลือ14 ศูนย์ จากเดิม 21 ศูนย์ และขณะนี้ ขสมก.อยู่ระหว่างการประกาศร่างทีโออาร์ของโครงการลงบนเว็ปไซด์ของขสมก.เป็นครั้งที่ 7 ตั้งแต่วันที่ 24 ก.พ.2552 ที่ผ่านมา
“ขสมก.ยืนยันว่าอย่างช้าที่สุดภายในปลายเดือนมี.ค.นี้จะสามารถเปิดขายซองประกวดราคาได้” นายประจักษ์ กล่าว
ส่วนการให้รถร่วมบริการขสมก. ที่สนใจจะเข้าร่วมโครงการจัดหารถเอ็นจีวีอีกประมาณ 2,000 คันหรือไม่นั้น นายประจักษ์กล่าวว่า ให้ขสมก.ไปทำรายละเอียดแนวทางการดำเนินงานที่ชัดเจนโดยเบื้องต้นต้องการให้ขสมก.ไปพิจารณาว่า รถปรับอากาศที่ขสมก.มีอยู่ จำนวน 1,800 คัน มีสภาพพร้อมที่จะสามารถนำมาปรับปรุงใช้เครื่องยนต์เอ็นจีวีได้หรือไม่ หากไม่ได้ก็ต้องขาดทอดตลาดเพื่อลดค่าใช้จ่ายซ่อมบำรุง จากนั้น ก็จะพิจารณาว่าจะให้รถร่วมฯ เข้ามาร่วมในส่วนนี้อย่างไร ภายใต้เงื่อนไขต้องเป็นรถที่ใช้เอ็นจีวีเท่านั้น
“ให้ขสมก.ไปทำแผนรายละเอียดว่าจะมีแนวทางที่เหมาะสมอย่างไรและเสนอกลับมาเร็วที่สุด โดยจะให้เริ่มดำเนินการหลังจากการประกาศขายซองในส่วนรถ 4,000 คันไปแล้ว”นายประจักษ์กล่าว
