ผู้จัดการรายวัน – สวนสามพราน โรสกาเด้น ปรับแผนสู้วิกฤต ชูจุดแข็งวิถีไทยต่อยอดใจป้ำควักเงินลงทุน 20 ล้านบาทปูทางรับฟ้าใหม่ ส่วนปีนี้ทำใจขาดทุนแตะ 30 ล้านบาท
นางสุชาดา ยุวบูรณ์ ประธานบริหารสวนสามพราน โรงแรมโรสกาเด้น ริเวอร์ไซด์ เปิดเผยว่า ทางโรงแรมได้ปรับกลยุทธ์การทำงาน เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน โดยนำจุดแข็งของโรสกาเด้น ในเรื่องของวิถีไทยริมสายน้ำมาต่อยอด ทำกิจกรรมแบบเจาะลึก เปิดโครงการ “เสน่ห์ไทย ริมสายน้ำ” ให้นักท่องเที่ยวมีส่วนในการร่วมทำกิจกรรมเพิ่มมากขึ้น ประเดิมเปิดตัวต้อนรับช่วงปิดเทอม เน้นจับตลาด ครอบครัว เยาวชน และต่างชาติที่ทำงานในประเทศไทย ใช้กลยุทธ์เซเรบมาร์เก็ตติ้ง มาทดลองทำกิจกรรม เพื่อโปรโมตเชิญชวนนักท่องเที่ยว
กิจกรรมในโครงการนี้แบ่งเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ 1. อยู่อย่างไทย(Thainess) 2.จรุงใจหอมตามธาตุ(Thai Scent) และ 3.ล่องน้ำ ลุยสวน(Thai Touch) แต่ละกิจกรรมเสียค่าใช้จ่ายคนละ 100 บาท เริ่มจำหน่ายแพกเกจทัวร์นี้ในงานเที่ยวทั่วไทย ไปทั่วโลก ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ 26ก.พ.-1มี.คนี้ เริ่มใช้บริการได้ตั้งแต่วันที่ 21 มี.ค.52 เป็นต้นไป
“จากปัญหาการเมืองและเศรษฐกิจโลก ทำให้คนชะลอการจับจ่ายและประหยัดเงินเรื่องการท่องเที่ยวทำให้กำลังซื้อลดลง เราจึงคิดหาแพกเกจทัวร์ราคาถูก ที่เหมาะกับทุกวัย และเหมาะกับภาวะเศรษฐกิจมานำเสนอให้แก่ลูกค้า ซึ่งการเดินทางมาสวนสามพราน โรสกาเด้นนี้ใช้เวลาจากกรุงเทพเพียง1ชั่วโมงเศษ ”
จากประสบการณ์ที่อยู่ในธุรกิจโรงแรมมากว่า 46 ปี ยอมรับว่าวิกฤตเศรษฐกิจครั้งนี้หนักหนากว่าทุกครั้ง โดยในส่วนโรสกาเด้น ยอมรับว่า การทำงานปีนี้ไม่หวังผลกำไรและมีความเป็นไปได้ที่ผลประกอบการอาจขาดทุนได้ถึง 30 ล้านบาท เพราะ 2 เดือนแรก ขาดทุนอยู่ที่เดือนละ 2 ล้านบาท เพราะลูกค้านักท่องเที่ยวต่างชาติหายกว่า 50% ทั้งลูกค้าเดย์ทริป และ กรุ๊ปสัมมนา แต่ตลาดคนไทยยังเติบโตดี 2 เดือนแรกโต 55% จึงเป็นจุดที่เราต้องปรับแผนเพิ่มกิจกรรมรับตลาดคนไทยมากขึ้น
สำหรับผลประกอบการปี 2551 จากเป้าหมายที่คาดว่าจะได้ 250 ล้านบาท นั้นทำได้เพียง 213 ล้านบาท น้อยกว่าปี 2550 อยู่ 20 ล้านบาท เหลือกำไรสุทธิที่ 5 แสนบาท สำหรับปีนี้ตั้งเป้ารายได้เหลือแค่ 200 ล้านบาท แต่ถ้าทำได้เท่าปีก่อนก็ถือว่าดีมากๆ
ด้านแผนลงทุน ยังเดินหน้าด้วยงบประมาณ 20 ล้านบาท แบ่งเป็น 5 ล้านบาท จัดจ้างบริษัทออกาไนซ์ เพื่อทำงานในด้านโฆษณาประชาสัมพันธ์ จัดแคมเปญโปรโมชั่นและกิจกรรมตลอดปีกระตุ้นกำลังซื้อ อีก 5 ล้านบาท เพื่อลงทุนเปิดโครงการตลาดเกษตรอินทรีย์ โดยปรับที่ดินด้านหน้าติดถนนใหญ่ให้นักท่องเที่ยวที่ผ่านไปมาได้แวะเที่ยวชมซื้อสินค้าเกษตรปลอดสารพิษจากกลุ่มเกษตรกร อีก 10 ล้านบาท สำหรับปรับปรุงสถานที่ ป้ายบอกทาง และเปลี่ยนระบบเครื่องปรับอากาศ เพราะเชื่อว่าเมื่อเศรษฐกิจดีขึ้นในกลางปีหน้าจะพร้อมรับนักท่องเที่ยวได้ทันที
นางสุชาดา ยุวบูรณ์ ประธานบริหารสวนสามพราน โรงแรมโรสกาเด้น ริเวอร์ไซด์ เปิดเผยว่า ทางโรงแรมได้ปรับกลยุทธ์การทำงาน เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน โดยนำจุดแข็งของโรสกาเด้น ในเรื่องของวิถีไทยริมสายน้ำมาต่อยอด ทำกิจกรรมแบบเจาะลึก เปิดโครงการ “เสน่ห์ไทย ริมสายน้ำ” ให้นักท่องเที่ยวมีส่วนในการร่วมทำกิจกรรมเพิ่มมากขึ้น ประเดิมเปิดตัวต้อนรับช่วงปิดเทอม เน้นจับตลาด ครอบครัว เยาวชน และต่างชาติที่ทำงานในประเทศไทย ใช้กลยุทธ์เซเรบมาร์เก็ตติ้ง มาทดลองทำกิจกรรม เพื่อโปรโมตเชิญชวนนักท่องเที่ยว
กิจกรรมในโครงการนี้แบ่งเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ 1. อยู่อย่างไทย(Thainess) 2.จรุงใจหอมตามธาตุ(Thai Scent) และ 3.ล่องน้ำ ลุยสวน(Thai Touch) แต่ละกิจกรรมเสียค่าใช้จ่ายคนละ 100 บาท เริ่มจำหน่ายแพกเกจทัวร์นี้ในงานเที่ยวทั่วไทย ไปทั่วโลก ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ 26ก.พ.-1มี.คนี้ เริ่มใช้บริการได้ตั้งแต่วันที่ 21 มี.ค.52 เป็นต้นไป
“จากปัญหาการเมืองและเศรษฐกิจโลก ทำให้คนชะลอการจับจ่ายและประหยัดเงินเรื่องการท่องเที่ยวทำให้กำลังซื้อลดลง เราจึงคิดหาแพกเกจทัวร์ราคาถูก ที่เหมาะกับทุกวัย และเหมาะกับภาวะเศรษฐกิจมานำเสนอให้แก่ลูกค้า ซึ่งการเดินทางมาสวนสามพราน โรสกาเด้นนี้ใช้เวลาจากกรุงเทพเพียง1ชั่วโมงเศษ ”
จากประสบการณ์ที่อยู่ในธุรกิจโรงแรมมากว่า 46 ปี ยอมรับว่าวิกฤตเศรษฐกิจครั้งนี้หนักหนากว่าทุกครั้ง โดยในส่วนโรสกาเด้น ยอมรับว่า การทำงานปีนี้ไม่หวังผลกำไรและมีความเป็นไปได้ที่ผลประกอบการอาจขาดทุนได้ถึง 30 ล้านบาท เพราะ 2 เดือนแรก ขาดทุนอยู่ที่เดือนละ 2 ล้านบาท เพราะลูกค้านักท่องเที่ยวต่างชาติหายกว่า 50% ทั้งลูกค้าเดย์ทริป และ กรุ๊ปสัมมนา แต่ตลาดคนไทยยังเติบโตดี 2 เดือนแรกโต 55% จึงเป็นจุดที่เราต้องปรับแผนเพิ่มกิจกรรมรับตลาดคนไทยมากขึ้น
สำหรับผลประกอบการปี 2551 จากเป้าหมายที่คาดว่าจะได้ 250 ล้านบาท นั้นทำได้เพียง 213 ล้านบาท น้อยกว่าปี 2550 อยู่ 20 ล้านบาท เหลือกำไรสุทธิที่ 5 แสนบาท สำหรับปีนี้ตั้งเป้ารายได้เหลือแค่ 200 ล้านบาท แต่ถ้าทำได้เท่าปีก่อนก็ถือว่าดีมากๆ
ด้านแผนลงทุน ยังเดินหน้าด้วยงบประมาณ 20 ล้านบาท แบ่งเป็น 5 ล้านบาท จัดจ้างบริษัทออกาไนซ์ เพื่อทำงานในด้านโฆษณาประชาสัมพันธ์ จัดแคมเปญโปรโมชั่นและกิจกรรมตลอดปีกระตุ้นกำลังซื้อ อีก 5 ล้านบาท เพื่อลงทุนเปิดโครงการตลาดเกษตรอินทรีย์ โดยปรับที่ดินด้านหน้าติดถนนใหญ่ให้นักท่องเที่ยวที่ผ่านไปมาได้แวะเที่ยวชมซื้อสินค้าเกษตรปลอดสารพิษจากกลุ่มเกษตรกร อีก 10 ล้านบาท สำหรับปรับปรุงสถานที่ ป้ายบอกทาง และเปลี่ยนระบบเครื่องปรับอากาศ เพราะเชื่อว่าเมื่อเศรษฐกิจดีขึ้นในกลางปีหน้าจะพร้อมรับนักท่องเที่ยวได้ทันที
