สกศ.ระดมสมองแก้ปัญหาเด็กและเยาวชน พร้อมเสนอรัฐบาลกำหนดเป็นยุทธศาสตร์ 3 ด้าน แก้ปัญหาเด็กติดเกม ปัญหาความรุนแรงและมีเพศสัมพันธ์ในวัยเรียน หวังนำมาแก้ปัญหาในอีก 2 ปีข้างหน้า เร่งปูพื้นฐานจริยธรรมและเศรษฐกิจพอเพียง เหตุพบปัญหาเยาวชนหลายด้าน
วันนี้ (17 ก.ย.)น.ส.สุทธาสินี วัชรบูล รองเลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) เป็นประธานประชุมการติดตามผลการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์การแก้ปัญหาและพัฒนาเด็กและเยาวชน ซึ่งรัฐบาลได้มอบให้ สกศ.ดำเนินงานตั้งแต่ต้นปี 2551 และต้องกำหนดเป็นยุทธศาสตร์ใช้ดำเนินการได้ในปี 2554 โดยมีตัวแทนสถานศึกษา เขตพื้นที่การศึกษาทั่วประเทศ เจ้าหน้าที่ตำรวจ เข้าร่วมนำเสนอผลในแต่ละยุทธศาสตร์ 3 ประเด็น ได้แก่ การแก้ปัญหาเด็กติดเกม การแก้ปัญหาความรุนแรง และการแก้ปัญหาการมีเพศสัมพันธ์ในวัยเรียน
น.ส.สุทธาสินี กล่าวอีกว่า มีข้อเสนอแนะทั้งในระดับปฏิบัติและระดับนโยบายร่วมกันใน 3 ยุทธศาสตร์ ดังนี้ ให้มีมาตรการสกัดเกมไม่ดี สนับสนุนงบประมาณอย่างต่อเนื่อง จัดเนื้อหาสาระด้านเพศศึกษาให้เด็ก-เยาวชน ได้มีความรู้ความเข้าใจ ออกกฎหมายไม่ให้มีสถานบันเทิงและจำหน่ายแอลกอฮอล์ใกล้สถานศึกษา บังคับใช้กฎหมายหอพักอย่างจริงจัง สนับสนุนกิจกรรมดีของภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง เช่น เปิดพื้นที่ให้เด็กแสดงออกอย่างสร้างสรรค์ มีระบบแนะแนวและครูแนะแนวมากขึ้น และใช้อย่างจริงจัง เพราะที่ผ่านมา เด็กไม่สามารถยึดครูแนะแนวเป็นที่พึ่งได้ ให้สถานศึกษาทบทวนควบคุมความประพฤติและระเบียบลงโทษนักเรียนให้มีเครือข่ายนักเรียนปฏิบัติงานในพื้นที่ สร้างความตระหนักคุณค่าในปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อลดกระแสบริโภคนิยมหรือนิสัยชอบเสี่ยงโทษของเด็กและเยาวชน โดยมีครูเป็นแบบอย่างที่ดี ให้แรงใจเด็กว่าสามารถกลับตัวกลับใจได้ตลอดเวลา
“เสนอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สถานศึกษา และหน่วยงานต่างๆ ในพื้นที่ต้องร่วมมือกันสอดส่องดูแลเด็ก-เยาวชน สนับสนุนการวิจัยพัฒนา ประกาศยกย่องเชิดชูเกียรติเผยแพร่ความดีของเด็กที่เรียนดี ประพฤติดี ปลูกฝังคุณธรรมวิถีไทยให้เด็ก ส่งเสริมการทำให้เด็กมีเพื่อนที่มีความคิดสร้างสรรค์ เป็นเพื่อนเชิงบวก ที่ครู พ่อแม่ ผู้ปกครองต้องร่วมกัน สำหรับข้อเสนอแนะทั้งหมดใน 3 ยุทธศาสตร์ดังกล่าว สกศ.จะนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีต่อไป”
สำหรับผลการศึกษาสภาวะการเด็กและเยาวชนในปี 2547-2548 ของโครงการ CHILD WATCH ของสถาบันรามจิตติ พบว่า มีสภาวะเด็กและเยาวชนไม่ดีขึ้นในหลายประเด็น เช่น เด็กมีโทรศัพท์มือถือมากขึ้น ตั้งแต่ระดับประถมก็มีโทรศัพท์มือถือใช้แล้ว ใช้เวลาในการทำกิจกรรมที่ไม่เกิดประโยชน์นานมาก เช่น พูดโทรศัพท์ ดูทีวี เล่นอินเทอร์เน็ต เล่นเกม และพบว่าเด็กยอมรับว่าเคยมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควรถึงร้อยละ 16.08
