xs
xsm
sm
md
lg

“ชวน”กังขา “สุเทพ”หนุนสมชาย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง
แนวคิดการเมืองใหม่ว่า ไม่ว่าใครจะมาเป็นรัฐบาลหากไม่สามารถแก้ปัญหาการเมือง โดยเฉพาะตัวของนักการเมืองที่ยังมีการโกง ยังมีการทุจริต มีการเล่นการเมืองเป็นธุรกิจมากเกินไป รวมทั้งมีแทรกแซงองค์กรอิสระ สร้างความไม่เป็นธรรมกับข้าราชการที่ไม่ฝักใฝ่หรือสนับสนุนพรรคการเมือง ก็จะการเรียกร้องถึงการเมืองใหม่ ซึ่งก็ขะไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ได้
นายชวน กล่าวว่า ปัญหาที่เกิดความรุนแรงที่ผ่านมาเกิดจากการที่นายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี มักจะกล่าวถึงความชอบธรรมที่ได้มาเป็นนายกรัฐมนตรี ทั้งที่เห็นว่า ได้มาด้วยความไม่ชอบธรรม เช่น โกงการเลือกตั้ง ซื้อเสียงเข้ามา แล้วอ้าง ว่า ที่ชนะการเลือกตั้งได้เพราะความชอบธรรม สร้างความวุ่นวายตามมาทุกวันนี้
ผู้สื่อข่าวถามว่าทางกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ไม่ยอมรับนายกรัฐมนตรีที่มาจากคนในพรรคพลังประชาชนนั้น นายชวน กล่าวว่า พันธมิตรฯเขาก็อยากเห็นการเมืองใหม่ ที่มีความชอบธรรม ถูกต้อง มีการเลือกตั้งที่บริสุทธิ์ ยุติธรรม ซึ่งปัญหาความรุนแรงทางการเมืองก็เพิ่งเกิดขึ้น ในช่วงรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ก็การซื้อเสียง การเปลี่ยนรัฐบาลก็เป็นไปตามปกติ ขณะนี้มีความแตกแยกของคนในชาติที่สูงมาก
ส่วนที่กลุ่มพันธมิตรฯ ยอมรับนายกรัฐมนตรีที่มาจากพรรคประชาธิปัตย์ โดยให้เหตุผลว่ามีความเลวน้อยที่สุดนั้น นายชวน กล่าวว่า ความจริงสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์เพียงแต่ไม่ทำอะไรที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายมากกว่า และเมื่อทำผิดก็ต้องยอม ให้ดำเนินคดีตามกฎหมาย ไม่ไปแทรกแซงขบวนยุติธรรม ทำให้วันนี้ประชาชน ต้องพึ่งทางศาล และเป็นความหวังของประชาชน ศาลสามารถชี้ขาดให้เรื่องถูกเป็นถูก ผิดเป็นผิด
นายชวน ยังกล่างถึงกรณีที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ สนับสนันนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ให้เป็นนายกรัฐมนตรีด้วย โดยให้เหตุผลว่าแม้จะเป็นน้องเขย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แต่ก็ไม่ได้เป็นคนที่ทำอะไรเพื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ และยังเป็นคนใต้ด้วยกันว่า คำพูดของนายสุเทพ ไม่ใช่สาระสำคัญ แต่ที่สำคัญคือ บุคคลเป็นแค่ส่วนหนึ่ง ตนเห็นว่าเมื่อพูดถึงระบอบทักษิณ ไม่ใช่กลัวแค่ พ.ต.ท.ทักษิณอย่างเดียว แต่กระบวนการแทรกแซงองค์กรอิสระ ก็ถือเป็นขบวนการระบอบทักษิณด้วย
ส่วนที่พูดกันกันว่านายสมชาย เมื่อตอนได้รับตำแหน่งปลัดกระทรวงยุติธรรม ก็ได้ในสมัยนายชวน เป็นนายกรัฐมนตรีนั้น นายชวน กล่าวว่า นี่เป็นข้อแตกต่างระหว่างสมัยที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล กับสมัยพรรคไทยรักไทยเป็นรัฐบาล เพราะสมัยเราเป็นรัฐบาลจะให้ความเป็นธรรมกับข้าราชการ ไม่ถือว่า บุคลนั้นจะเป็นญาติเป็นน้องเขยของใคร เป็นรัฐบาลที่มีคุณธรรม ถือว่า ข้าราชการทุกคน เป็นข้าราชการในองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ขณะที่นายสมชาย เป็นน้องเขยของ พ.ต.ท.ทักษิณมานานแล้ว แต่เมื่อเป็นข้าราชการ ที่มีความเป็นอาวุโส มีสิทธิที่จะเป็นปลัดกระทรวง
ส่วนนายสมชาย เหมาะที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่นั้น นายชวน กล่าวว่า นายสมชาย เป็นคนจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นคนพูดสำเนียงใต้เหมือนกับตน สามารถพูดจากันอย่างเป็นกันเอง และในวันนี้ (15 ก.ย.) ตนจะไปสอบถาม นายสุเทพเหมือนกันว่า ที่ออกมาสนับสนุนนายสมชายเป็นนายกรัฐมนตรีเพราะอะไร มีเหตุผลใดที่เห็นว่า นายสมชายเป็นนายกรัฐมนตรีได้ คงไม่ใช่เพราะเป็นคนใต้ หรือเป็นคนบ้านใกล้เรือนเคียงกับนายสุเทพ
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่าการจัดตั้งรัฐบาลโดยพรรคพลังประชาชนเป็นแกนนำว่า เป็นความพยายามของเสือหิว 2 กลุ่ม ที่แย่งชิงเศษอาหารกัน ประกอบด้วย แก๊งค์ออฟโฟร์ กับแก๊งค์รวมดาวกระจุย ที่มีสมาชิกบ้านเลขที่ 111 ส.ส.พลังประชาชนบางส่วน และแก๊งค์ต่อต้าน แก๊งค์ออฟโฟร์ ที่กำลังแย่งเศษอาหารกันผลักดันเอาคนของตัวเองเข้ามาเป็นรัฐมนตรี โดยไม่คำนึงถึงความถูกต้องชอบธรรม เพื่อให้กลุ่มของตัวเองเข้ามาเสวยสุข โดยไม่สนใจประชาชน ความพยายามตั้งนายกรัฐมนตรีคนใหม่เป็นเพียง การแต่งหน้าเค้กใหม่ แต่ไส้ในยังเหมือนเดิม
สิ่งที่เกิดขึ้นสะท้อนให้เห็นว่า พรรคพลังประชาชนไม่ได้ตระหนักเลยว่า 7 เดือนที่ผ่านมาได้สร้างความบอบช้ำให้กับประเทศชาติหลายประการ ทั้งเศรษฐกิจ สังคม และความพยายามแก้รัฐธรรมนูญช่วย พ.ต.ท.ทักษิณ และหนีคดียุบพรรค ดังนั้นการจะเลือกนายกฯใหม่จึงไม่ใช่การแก้ปัญหา เพราะโครงสร้างรัฐบาลยังเหมือนเดิม ทั้งนี้วิเคราะห์ว่าที่พรรคร่วมรัฐบาลยังจับมือกันเป็นเพราะหวงอำนาจ แต่ไม่ห่วงบ้านเมือง หวังใช้อำนาจดำเนินการในสองเรื่อง คือ สะสมเสบียงกรังในการเลือกตั้ง สร้างขุมกำลังเพิ่มจำนวน ส.ส. และใช้อำนาจรัฐโยกย้าย ข้าราชการเพื่อใช้ข้าราชการทำผิดให้เป็นถูก และปฏิบัติการลูบหน้าปะจมูกช่วยคดีของ พ.ต.ท.ทักษิณต่อไป
นายเทพไท เสนพงศ์ ผู้ช่วยเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงแคนดิเดต นายกรัฐมนตรี 3 ส. ว่า วันนี้พรรคพลังประชาชนยังไม่ตกผลึก ยังมีความขัดแย้งกันอยู่ว่าจะเอาใครมาเป็นนายกรัฐมนตรี จะเห็นโอกาส ที่พรรคพลังประชาชนเสนอน่าจะมี 2 ส. คือนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ แกงค์กากี่นั๊ง กับนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ แกงค์ซิกทีน เพราะ น.พ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เป็นคนของ นายเนวิน ชิดชอบ แกนนำ แกงค์ออฟโฟร์ ส่วนนายสมชาย ซึ่งเป็นคนละกลุ่มกัน ดังนั้นจึงเห็นว่าแกนนำหลักของพรรคพลังประชาชน ต้องการสนับสนุนนายสมชาย เป็นนายกรัฐมนตรี ขณะเดียวกันแกงค์ออฟโฟร์ก็คงไม่ยอมเสียโอกาส ดังนั้นตนมองว่าหวยน่าจะไปออกที่ นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน เพราะเป็น ส.ส.ภาคเหนือ ที่ กลุ่มกากีนั๊ง น่าจะรับได้และยังเป็นอดีตหัวหน้าส.ส.กลุ่ม 16 ทีมเดียวกับนายเนวิน จึงมีโอกาสสูงที่จะเป็น ตาอยู่
นาย เทพไท ยังกล่าวตอบโต้ ร.ท. กุเทพ ใสกระจ่าง โฆษกพรรคพลังประชาชน ที่ระบุว่าพรรคพลังประชาชนได้ขอบคุณนายสมัคร ที่ไม่รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และวิจารณ์ พรรคประชาธิปัตย์ว่าฉวยโอกาสในการชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในการประชุมสภาที่ผ่านมาว่า การที่พรรคพลังประชาชนขอบคุณนายสมัครเป็นเพียงละครฉากหนึ่งที่เล่นกันไม่แนบเนียนกับนายสมัคร โดยแกนนำพรรคไปพบ นายสมัครเพื่อขอให้ลงจากตำแหน่ง แต่ไม่มีการเตี๊ยมกันนายสมัคร จึงประกาศรับตำแหน่งไป
ส่วนที่ว่าพรรคประชาธิปัตย์ฉวยโอกาสเสนอนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค เป็นนายกรัฐมนตรีในสภานั้นยืนยันว่าไม่ได้ฉวยโอกาส ซึ่งการเข้าประชุมสภาถือว่าเป็นการทำหน้าที่ ส.ส. ตามที่ประธานสภาได้นัดประชุม และสาเหตุสำคัญที่ทำให้องค์ประชุมครบก็ไม่ได้มาจากเรา ซึ่ง มี ส.ส.เพียง 164 คนแต่กลับมี ส.ส. พรรคพลังประชาชน ร่วมลงชื่ออีก 100 คน และการที่เราเข้าร่วมประชุมเพราะไม่ต้องการให้รัฐบาลโยนความผิดให้พรรคประชาธิปัตย์ว่าเป็นส่วนหนึ่ง ที่เป็นต้นเหตุให้มีการยุบสภาซึ่งเรื่องนี้พรรคพลังประชาชนไม่มีเอกภาพมากกว่า ดังนั้นอย่ามาโทษพรรคการเมืองอื่นเพราะเราทำหน้าที่ ส.ส.ที่ต้องเข้าประชุมสภา
นพ.บุรณัชย์ สมุทรรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่าสังคมวิจารณ์ว่า หากพรรคพลังประชาชนยังเป็นแกนนำรัฐบาลก็จะไม่ทำให้สถานการณ์ดีขึ้น ดังนั้นพรรคพลังประชาชนควรยืนยันว่าจะไม่แก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อหนีคดียุบพรรค เพราะการจับขั้วเดิมเกิดจากเงื่อนไขสำคัญคือกรอบการยุบพรรคของพรรคร่วมรัฐบาล
นอกจากนี้ต้องประกาศจะไม่แทรกแซงขบวนการยุติธรรมในคดีของ พ.ต.ท.ทักษิณ และจะต้องนำตัว พ.ต.ท.ทักษิณ มาดำเนินคดี เพราะสาเหตุความขัดแย้งก็มาจากเรื่องนี้
พรรคพลังประชาชน ที่เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล จะต้องออกมาให้สัญญาประชาคม ว่าตัวเองมีความพร้อม และมีจุดยืนในการปลดชนวนวิกฤติอย่างไร ด้วยกลไกอย่างไรบ้าง
กำลังโหลดความคิดเห็น