ไม่รู้ว่า จนถึงวันนี้การชุมนุมของ “ม็อบแดดเดียว” คนเสื้อแดงเลิกราไปแล้วหรือยัง
แต่หากพิจารณาแถลงการณ์ 4 ข้อที่กลุ่มคนเสื้อแดงใช้เป็นเงื่อนไขในการชุมนุมก็จะเห็นได้ว่า เป็นเงื่อนไขที่เลื่อนลอยเหลือเกิน แต่กลับไม่มีนักวิชาการที่ชอบตำหนิการเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯ ออกมาแสดงความเห็นทางวิชาการต่อเรื่องนี้เลย
แถลงการณ์ 4 ข้อ ของกลุ่มเสื้อแดงที่ให้ไว้เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์
1. ขอให้รัฐบาลดำเนินคดีกับแกนนำพันธมิตรฯ ที่ยึดถนนราชดำเนิน ยึดทำเนียบรัฐบาล ยึดสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที ยึดท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ ภายใน 15 วัน
2. ให้ปลดนายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และพันธมิตรฯ ที่เกี่ยวข้องตามข้อ 1 ออกจากตำแหน่งทางการเมืองของรัฐบาลนี้ทุกตำแหน่งภายใน 15 วัน
3. ให้รับร่างรัฐธรรมนูญของ คปพร. พิจารณาภายใน 15 วัน หรือยกเลิกรัฐธรรมนูญฉบับ 2550 กลับไปใช้รัฐธรรมนูญ 2540 ทันที
4. เมื่อประกาศใช้รัฐธรรมนูญใหม่แล้วให้ยุบสภาคืนอำนาจให้ประชาชนทันที โดยขีดเส้นให้รัฐบาลดำเนินการภายใน 15 วัน หากไม่ดำเนินการ ก็จะกลับมาชุมนุมอีก
หากพิจารณาข้อเรียกร้องที่ 1จะเห็นว่า ข้อเรียกร้องให้เร่งดำเนินคดีกับพันธมิตรฯเป็นเพียงวาทกรรมที่สร้างขึ้นโดยแกล้งละเลยข้อเท็จจริงของแกนนำกลุ่มเสื้อแดง เพื่อให้สอดคล้องกับนักวิชาการบางคนที่เป็นแนวร่วมออกมาขานรับเรียกร้องเป็นระยะๆ
เช่นที่ ฯพณฯ สมชาย ปรีชาศิลปกุล ผู้อุปโลกน์ตัวเองเป็นอธิการบดีมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน และรับราชการเป็นคณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เคยกล่าวว่า หากรัฐบาลไม่ทำอะไรกับพันธมิตรฯได้ก็คงไม่สามารถไปพูดคุยกับคนเสื้อแดงหรือ นปช.ได้
ฯพณฯ สมชาย กล่าวว่า ขณะนี้ กลุ่ม นปช.กำลังย้อนรอยสิ่งที่พันธมิตรฯ เคยทำไว้ด้วย ซึ่งคงไม่นำความสมานฉันท์กลับคืนมาได้ ดังนั้นทางออกคือ รัฐบาลต้องดำเนินคดีกับพันธมิตรฯ เพื่อจะได้เป็นสิ่งยืนยันกับกลุ่ม นปช.ว่าจะไม่สามารถทำตามพันธมิตรฯ ได้ เพราะเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย
ฯพณฯ สมชาย ซึ่งแบกเกียรติยศแห่งคณบดีนิติศาสตร์ของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่กลับไม่ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงเลยว่า คดีต่างๆ ของพันธมิตรฯ นั้น ถูกดำเนินการอยู่ในขณะนี้แล้วทั้งสิ้น ทั้งอยู่ในชั้นศาล ในขั้นสอบสวน หรือขั้นอัยการ และทุกคดีเป็นไปอย่างรวบรัดและรวดเร็ว
ที่สำคัญพันธมิตรฯ ไม่เคยหลีกเลี่ยงการเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม มีแต่ทักษิณกับพวกเสื้อแดงเท่านั้นที่หลบหนีและหลีกเลี่ยงการเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม และมีแต่พวกเสื้อแดงที่พยายามแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม
ในฐานะคณบดีนิติศาสตร์ ฯพณฯ สมชาย กลับไม่เคยพูดถึงกรณีถุงขนม 2 ล้านเลยว่า นี่คือ การเคารพต่อกระบวนการยุติธรรมหรือไม่ เป็นการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมหรือไม่ ไม่เคยพูดเลยว่า ทักษิณควรจะเข้ามาสู้คดีและยอมรับการพิจารณาของศาล
และ ฯพณฯ สมชาย ไม่ตั้งคำถามต่อกระบวนการยุติธรรมเลยก็คือว่า คดีต่างๆของแกนนำ นปช.นั้นไปถึงไหนแล้ว ทำไมถึงล่าช้าและยังไม่คืบหน้าเท่ากับคดีของแกนนำพันธมิตรฯ ที่เกิดขึ้นทีหลังด้วยซ้ำไป
ฯพณฯ สมชายออกมาเรียกร้องครั้งแล้วครั้งเล่าว่า ให้เร่งดำเนินคดีกับพันธมิตรฯที่ปิดสนามบินสุวรรณภูมิ เพราะทำให้เกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจ แต่ ฯพณฯ ท่านไม่เคยเร่งรัดให้ตำรวจดำเนินคดีกับกลุ่มบุคคลที่ออกมาทำร้าย ขว้างระเบิด ยิงเอ็ม 79 เข้าใส่ที่ชุมนุมพันธมิตรฯ จนทำให้มีผู้บาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก
และ ฯพณฯ สมชายแกล้งไม่รับรู้เหตุผลว่า ที่พันธมิตรฯ ต้องประกาศมาตรการตอบโต้ในการยึดสนามบินก็มาจากเหตุผลที่รัฐบาล ตำรวจ ได้ปล่อยให้อันธพาลการเมืองใช้อาวุธสงครามยิงเข้าใส่ผู้ชุมนุมฯ นั่นเอง
การแสดงความเห็นต่อพันธมิตรฯ ของ ฯพณฯ สมชายในความพยายามเอาดีกรีเกียรติยศของคณบดีนิติศาสตร์มาทิ่มตำพันธมิตรฯ ในแต่ละครั้งนั้น ทำให้ผมอดคิดต่อไปไม่ได้ว่า ท่านคณบดีจะสอนนักศึกษาหรือไม่ว่า หลักนิติธรรมนั้นจะบังคับใช้กับพันธมิตรฯ เท่านั้น แต่ไม่บังคับใช้กับกลุ่มคนเสื้อแดงและทักษิณ
ข้อเรียกร้องที่ 2 ไม่ทราบเหมือนกันว่า ท่านทูตกษิตทำความผิดอะไร ถ้าการขึ้นเวทีพันธมิตรฯ ถือว่า เป็นความผิดแล้ว สิ่งที่ นปก.กระทำอยู่ในตอนนี้คืออะไร เพราะทั้งไข่นุ้ยวีระ ไข่นุ้ยตู่ ไข่นุ้ยณัฐวุฒิ และ ไข่แม้ว เพ็ญ จักรภพ กำลังทำอยู่นั้น ก็เป็นวิธีการเดียวกับที่ท่านทูตกษิตทำอยู่บนเวทีพันธมิตรฯ แถมเนื้อหาบนเวทีพันธมิตรฯ ของท่านทูตกษิตนั้นเป็นการต่อสู้เพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ซึ่งแตกต่างกับคนเสื้อแดงที่ต่อสู้เพื่อคนคนเดียว
ไม่เชื่อก็ไปถามกลุ่มเสื้อแดงในขณะนี้สิครับว่า เขาสู้เพื่อทักษิณหรืออดีตชาติเจ้ามูลเมืองใช่หรือไม่
แล้วต้องถามต่อไปว่า หลังถูกดำเนินคดีเข้าไปนอนในคุกคลองเปรมแล้ว ทำไมกลุ่มแกนนำ นปก.จึงเข้ามาเสวยตำแหน่งทางการเมืองในรัฐบาลพรรคพลังประชาชนได้
ข้อเรียกร้องที่ 3 ขั้นตอนการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญนั้นมีกระบวนการทางรัฐสภาอยู่แล้ว ถ้ากลุ่มเสื้อแดงอ้างว่า ตัวเองเป็นนักประชาธิปไตย กระบวนการที่เรียกร้องนั้นเป็นประชาธิปไตยหรือไม่
รัฐธรรมนูญ 2550 นั้น ผ่านการลงประชามติโดยเสียงส่วนใหญ่ของประชาชนในประเทศ โดยการทำประชามติครั้งนั้นมีเพียงฝ่ายคัดค้านฝ่ายเดียวที่ออกมารณรงค์อย่างแข็งขันด้วยความร่วมมือกันของคนในระบอบทักษิณกับนักวิชาการมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน
กระทั่งนิธิ เอียวศรีวงศ์ กูรูของนักวิชาการจากมหาวิทยาลัยเที่ยงคืนในขณะนั้นออกมาร่วมรณรงค์อย่างแข็งขันกับคนในระบอบทักษิณ
จนนำมาสู่วาทะเด็ดของนิธิที่ฮือฮากันมากว่า “เงินทักษิณแล้วทำไม” “ถ้าคุณทักษิณเอาเงินกี่ล้านบาทก็แล้วแต่มาช่วยคนถูกน้ำท่วมจะไม่เอา ไม่เอา ไม่ให้คุณทักษิณช่วยหรืออย่างไร”
แต่ขบวนการทักษิณที่ผนึกกับขบวนการนิธิก็แพ้มติของประชาชนชาวไทย
ถ้าอยู่ดีจะบังคับให้รัฐบาลยกเลิกรัฐธรรมนูญ 2550 และกลับไปใช้รัฐธรรมนูญ 2540 แล้วจะเอาประชามติของประชาชนไปไว้ตรงไหน แล้วเราจะเรียกวิธีการนั้นว่า ประชาธิปไตยได้อย่างไร
แล้ว ฯพณฯ สมชายช่วยอธิบายที่ ฯพณฯ เคยกล่าวว่า รัฐธรรมนูญ 2550 เป็นรัฐธรรมนูญที่เรียกว่าเป็นหมายจับพ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ออกแบบมาเพื่อกำจัดนักการเมืองและพรรคการเมืองที่มีความเข้มแข็ง นั้นคือมาตราไหน อย่างไร
ข้อเรียกร้องที่ 4 ให้รัฐบาลยุบสภานั้นก็ตลกขบขันสิ้นดี เพราะยังไม่รู้เลยว่า รัฐบาลชุดนี้ทำผิดอะไร แต่รัฐบาลที่ทำผิดกฎหมายรัฐธรรมนูญมาตรา 190 รัฐบาลที่เข่นฆ่าประชาชน พรรคฝ่ายค้านในขณะนี้ซึ่งเป็นรัฐบาลในขณะนั้นกลับไม่เคยมีข้อเรียกร้องให้รัฐบาลของตัวเองยุบสภาหรือลาออกเลย
ผมอยากให้นักวิชาการที่เป็นแนวร่วมของระบอบทักษิณ และแนวร่วมขบวนการสยามแดงอย่างมหาวิทยาลัยเที่ยงคืนออกมาแสดงความเห็นต่อข้อเรียกร้อง 4 ข้อนี้ของกลุ่มคนเสื้อแดง อยากฟังทัศนคติทางวิชาการของพวกเขา อยากเห็นพวกเขาไปไหนมาสามวาสองศอก
เพราะทั้ง 4 ข้อนี้ล้วนสะท้อนให้เห็นว่า ข้อเรียกร้องซึ่งใช้เป็นเงื่อนไขในการชุมนุมนั้นล้วนแล้วแต่เป็นเงื่อนไขที่เลื่อนลอยทั้งสิ้น
(surawhisky@gmail.com)
แต่หากพิจารณาแถลงการณ์ 4 ข้อที่กลุ่มคนเสื้อแดงใช้เป็นเงื่อนไขในการชุมนุมก็จะเห็นได้ว่า เป็นเงื่อนไขที่เลื่อนลอยเหลือเกิน แต่กลับไม่มีนักวิชาการที่ชอบตำหนิการเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯ ออกมาแสดงความเห็นทางวิชาการต่อเรื่องนี้เลย
แถลงการณ์ 4 ข้อ ของกลุ่มเสื้อแดงที่ให้ไว้เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์
1. ขอให้รัฐบาลดำเนินคดีกับแกนนำพันธมิตรฯ ที่ยึดถนนราชดำเนิน ยึดทำเนียบรัฐบาล ยึดสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที ยึดท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ ภายใน 15 วัน
2. ให้ปลดนายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และพันธมิตรฯ ที่เกี่ยวข้องตามข้อ 1 ออกจากตำแหน่งทางการเมืองของรัฐบาลนี้ทุกตำแหน่งภายใน 15 วัน
3. ให้รับร่างรัฐธรรมนูญของ คปพร. พิจารณาภายใน 15 วัน หรือยกเลิกรัฐธรรมนูญฉบับ 2550 กลับไปใช้รัฐธรรมนูญ 2540 ทันที
4. เมื่อประกาศใช้รัฐธรรมนูญใหม่แล้วให้ยุบสภาคืนอำนาจให้ประชาชนทันที โดยขีดเส้นให้รัฐบาลดำเนินการภายใน 15 วัน หากไม่ดำเนินการ ก็จะกลับมาชุมนุมอีก
หากพิจารณาข้อเรียกร้องที่ 1จะเห็นว่า ข้อเรียกร้องให้เร่งดำเนินคดีกับพันธมิตรฯเป็นเพียงวาทกรรมที่สร้างขึ้นโดยแกล้งละเลยข้อเท็จจริงของแกนนำกลุ่มเสื้อแดง เพื่อให้สอดคล้องกับนักวิชาการบางคนที่เป็นแนวร่วมออกมาขานรับเรียกร้องเป็นระยะๆ
เช่นที่ ฯพณฯ สมชาย ปรีชาศิลปกุล ผู้อุปโลกน์ตัวเองเป็นอธิการบดีมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน และรับราชการเป็นคณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เคยกล่าวว่า หากรัฐบาลไม่ทำอะไรกับพันธมิตรฯได้ก็คงไม่สามารถไปพูดคุยกับคนเสื้อแดงหรือ นปช.ได้
ฯพณฯ สมชาย กล่าวว่า ขณะนี้ กลุ่ม นปช.กำลังย้อนรอยสิ่งที่พันธมิตรฯ เคยทำไว้ด้วย ซึ่งคงไม่นำความสมานฉันท์กลับคืนมาได้ ดังนั้นทางออกคือ รัฐบาลต้องดำเนินคดีกับพันธมิตรฯ เพื่อจะได้เป็นสิ่งยืนยันกับกลุ่ม นปช.ว่าจะไม่สามารถทำตามพันธมิตรฯ ได้ เพราะเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย
ฯพณฯ สมชาย ซึ่งแบกเกียรติยศแห่งคณบดีนิติศาสตร์ของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่กลับไม่ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงเลยว่า คดีต่างๆ ของพันธมิตรฯ นั้น ถูกดำเนินการอยู่ในขณะนี้แล้วทั้งสิ้น ทั้งอยู่ในชั้นศาล ในขั้นสอบสวน หรือขั้นอัยการ และทุกคดีเป็นไปอย่างรวบรัดและรวดเร็ว
ที่สำคัญพันธมิตรฯ ไม่เคยหลีกเลี่ยงการเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม มีแต่ทักษิณกับพวกเสื้อแดงเท่านั้นที่หลบหนีและหลีกเลี่ยงการเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม และมีแต่พวกเสื้อแดงที่พยายามแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม
ในฐานะคณบดีนิติศาสตร์ ฯพณฯ สมชาย กลับไม่เคยพูดถึงกรณีถุงขนม 2 ล้านเลยว่า นี่คือ การเคารพต่อกระบวนการยุติธรรมหรือไม่ เป็นการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมหรือไม่ ไม่เคยพูดเลยว่า ทักษิณควรจะเข้ามาสู้คดีและยอมรับการพิจารณาของศาล
และ ฯพณฯ สมชาย ไม่ตั้งคำถามต่อกระบวนการยุติธรรมเลยก็คือว่า คดีต่างๆของแกนนำ นปช.นั้นไปถึงไหนแล้ว ทำไมถึงล่าช้าและยังไม่คืบหน้าเท่ากับคดีของแกนนำพันธมิตรฯ ที่เกิดขึ้นทีหลังด้วยซ้ำไป
ฯพณฯ สมชายออกมาเรียกร้องครั้งแล้วครั้งเล่าว่า ให้เร่งดำเนินคดีกับพันธมิตรฯที่ปิดสนามบินสุวรรณภูมิ เพราะทำให้เกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจ แต่ ฯพณฯ ท่านไม่เคยเร่งรัดให้ตำรวจดำเนินคดีกับกลุ่มบุคคลที่ออกมาทำร้าย ขว้างระเบิด ยิงเอ็ม 79 เข้าใส่ที่ชุมนุมพันธมิตรฯ จนทำให้มีผู้บาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก
และ ฯพณฯ สมชายแกล้งไม่รับรู้เหตุผลว่า ที่พันธมิตรฯ ต้องประกาศมาตรการตอบโต้ในการยึดสนามบินก็มาจากเหตุผลที่รัฐบาล ตำรวจ ได้ปล่อยให้อันธพาลการเมืองใช้อาวุธสงครามยิงเข้าใส่ผู้ชุมนุมฯ นั่นเอง
การแสดงความเห็นต่อพันธมิตรฯ ของ ฯพณฯ สมชายในความพยายามเอาดีกรีเกียรติยศของคณบดีนิติศาสตร์มาทิ่มตำพันธมิตรฯ ในแต่ละครั้งนั้น ทำให้ผมอดคิดต่อไปไม่ได้ว่า ท่านคณบดีจะสอนนักศึกษาหรือไม่ว่า หลักนิติธรรมนั้นจะบังคับใช้กับพันธมิตรฯ เท่านั้น แต่ไม่บังคับใช้กับกลุ่มคนเสื้อแดงและทักษิณ
ข้อเรียกร้องที่ 2 ไม่ทราบเหมือนกันว่า ท่านทูตกษิตทำความผิดอะไร ถ้าการขึ้นเวทีพันธมิตรฯ ถือว่า เป็นความผิดแล้ว สิ่งที่ นปก.กระทำอยู่ในตอนนี้คืออะไร เพราะทั้งไข่นุ้ยวีระ ไข่นุ้ยตู่ ไข่นุ้ยณัฐวุฒิ และ ไข่แม้ว เพ็ญ จักรภพ กำลังทำอยู่นั้น ก็เป็นวิธีการเดียวกับที่ท่านทูตกษิตทำอยู่บนเวทีพันธมิตรฯ แถมเนื้อหาบนเวทีพันธมิตรฯ ของท่านทูตกษิตนั้นเป็นการต่อสู้เพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ซึ่งแตกต่างกับคนเสื้อแดงที่ต่อสู้เพื่อคนคนเดียว
ไม่เชื่อก็ไปถามกลุ่มเสื้อแดงในขณะนี้สิครับว่า เขาสู้เพื่อทักษิณหรืออดีตชาติเจ้ามูลเมืองใช่หรือไม่
แล้วต้องถามต่อไปว่า หลังถูกดำเนินคดีเข้าไปนอนในคุกคลองเปรมแล้ว ทำไมกลุ่มแกนนำ นปก.จึงเข้ามาเสวยตำแหน่งทางการเมืองในรัฐบาลพรรคพลังประชาชนได้
ข้อเรียกร้องที่ 3 ขั้นตอนการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญนั้นมีกระบวนการทางรัฐสภาอยู่แล้ว ถ้ากลุ่มเสื้อแดงอ้างว่า ตัวเองเป็นนักประชาธิปไตย กระบวนการที่เรียกร้องนั้นเป็นประชาธิปไตยหรือไม่
รัฐธรรมนูญ 2550 นั้น ผ่านการลงประชามติโดยเสียงส่วนใหญ่ของประชาชนในประเทศ โดยการทำประชามติครั้งนั้นมีเพียงฝ่ายคัดค้านฝ่ายเดียวที่ออกมารณรงค์อย่างแข็งขันด้วยความร่วมมือกันของคนในระบอบทักษิณกับนักวิชาการมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน
กระทั่งนิธิ เอียวศรีวงศ์ กูรูของนักวิชาการจากมหาวิทยาลัยเที่ยงคืนในขณะนั้นออกมาร่วมรณรงค์อย่างแข็งขันกับคนในระบอบทักษิณ
จนนำมาสู่วาทะเด็ดของนิธิที่ฮือฮากันมากว่า “เงินทักษิณแล้วทำไม” “ถ้าคุณทักษิณเอาเงินกี่ล้านบาทก็แล้วแต่มาช่วยคนถูกน้ำท่วมจะไม่เอา ไม่เอา ไม่ให้คุณทักษิณช่วยหรืออย่างไร”
แต่ขบวนการทักษิณที่ผนึกกับขบวนการนิธิก็แพ้มติของประชาชนชาวไทย
ถ้าอยู่ดีจะบังคับให้รัฐบาลยกเลิกรัฐธรรมนูญ 2550 และกลับไปใช้รัฐธรรมนูญ 2540 แล้วจะเอาประชามติของประชาชนไปไว้ตรงไหน แล้วเราจะเรียกวิธีการนั้นว่า ประชาธิปไตยได้อย่างไร
แล้ว ฯพณฯ สมชายช่วยอธิบายที่ ฯพณฯ เคยกล่าวว่า รัฐธรรมนูญ 2550 เป็นรัฐธรรมนูญที่เรียกว่าเป็นหมายจับพ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ออกแบบมาเพื่อกำจัดนักการเมืองและพรรคการเมืองที่มีความเข้มแข็ง นั้นคือมาตราไหน อย่างไร
ข้อเรียกร้องที่ 4 ให้รัฐบาลยุบสภานั้นก็ตลกขบขันสิ้นดี เพราะยังไม่รู้เลยว่า รัฐบาลชุดนี้ทำผิดอะไร แต่รัฐบาลที่ทำผิดกฎหมายรัฐธรรมนูญมาตรา 190 รัฐบาลที่เข่นฆ่าประชาชน พรรคฝ่ายค้านในขณะนี้ซึ่งเป็นรัฐบาลในขณะนั้นกลับไม่เคยมีข้อเรียกร้องให้รัฐบาลของตัวเองยุบสภาหรือลาออกเลย
ผมอยากให้นักวิชาการที่เป็นแนวร่วมของระบอบทักษิณ และแนวร่วมขบวนการสยามแดงอย่างมหาวิทยาลัยเที่ยงคืนออกมาแสดงความเห็นต่อข้อเรียกร้อง 4 ข้อนี้ของกลุ่มคนเสื้อแดง อยากฟังทัศนคติทางวิชาการของพวกเขา อยากเห็นพวกเขาไปไหนมาสามวาสองศอก
เพราะทั้ง 4 ข้อนี้ล้วนสะท้อนให้เห็นว่า ข้อเรียกร้องซึ่งใช้เป็นเงื่อนไขในการชุมนุมนั้นล้วนแล้วแต่เป็นเงื่อนไขที่เลื่อนลอยทั้งสิ้น
(surawhisky@gmail.com)