xs
xsm
sm
md
lg

TUF โกยกำไรปี51 2.2พันล.-แย้มมีปันผลงาม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - ทียูเอฟ อวดงบปี51กำไรขยับ 21% หรือ 2,200 ล้านบาท จากปีก่อนที่ทำไว้ 1,823 ล้านบาท โดยยอดขายรูปเงินเหรียญสหรัฐโตทะลุเป้า 28% ขณะที่เงินบาทเพิ่มตาม ยอดขายในรูปของเงินบาทก็เพิ่มขึ้นถึง 24% และมีกำไรสุทธิเติบโต 21% เผยผลงานโตส่งผลดีต่อการจ่ายปันผล

นายชวน ตั้งจันสิริ กรรมการ บริษัทไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์ จำกัด(มหาชน) ( TUF ) แจ้งผลงานงวดสิ้นปี 51 ว่าบริษัทมีกำไรสุทธิ 2,200 ล้านบาท ขณะที่ปีก่อนมีกำไรสุทธิ 1,823 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 20.68% โดยบริษัทมีรายได้จากการขายในรูปเงินเหรียญสหรัฐเพิ่มขึ้น 28% จากในปี 50 และมีรายได้จากการขายในรูปเงินบาทเท่ากับ 69,048.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24% เมื่อเทียบกับปีก่อนซึ่งเท่ากับ 55,507.1 ล้านบาท เนื่องจากปริมาณขายที่เพิ่มขึ้นในทุกผลิตภัณฑ์ ซึ่งสัดส่วนยอดขายตามผลิตภัณฑ์ปี 51 นี้ ผลิตภัณฑ์ปลาทูน่ายังคงเป็นสินค้าหลักที่มีสัดส่วนการส่งออกถึง 48% ของผลิตภัณฑ์ทั้งหมดของบริษัท รองลงมาคือ กุ้งแช่แข็ง 19% อาหารแมวบรรจุกระป๋อง 9% อาหารทะเลบรรจุกระป๋อง 8% อาหารกุ้ง 6%ผลิตภัณฑ์ภายในประเทศ 4% ปลาหมึกแช่แข็ง 3% และปลาซาร์ดีน/แมคเคอเรลบรรจุกระป๋อง 3%

โดยตลอดทั้งปีที่ผ่านมา ยอดขายรวมในทุกผลิตภัณฑ์ของบริษัทมีการเติบโตอยู่ในเกณฑ์ที่ดีมาก ซึ่งมีมูลค่าโดยรวมเพิ่มขึ้น 28.4% ขณะที่ปริมาณขายรวมก็เพิ่มขึ้น 13% เมื่อเทียบกับปี 2550 ส่วนตลาดส่งออกหลักนั้น ยังคงเป็น สหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป ญี่ปุ่น อัฟริกา โอเชียเนียตะวันออกกลาง เอเชีย แคนาดา และอเมริกาใต้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปีที่ผ่านมาตลาดอัฟริกา และตลาดอเมริกาใต้ มีมูลค่าการขยายตัวสูงถึง 81% และ 65% ตามลำดับ

สำหรับ แนวโน้มการดำเนินงานปี 52 ว่า บริษัทยังคงมองภาพของธุรกิจในเชิงบวกสำหรับปัจจัยต่างๆ ที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราคาปลาทูน่า คาดว่า จะมีความผันผวนไม่สูงมากนักในปีนี้ ส่วนค่าเงินบาท ขณะนี้ก็อ่อนค่าลงไปมาก ซึ่งก็เป็นผลดีกับบริษัท และสำหรับวิกฤตเศรษฐกิจโลกที่เกิดขึ้นปัจจุบัน ซึ่งตลาดหลักอย่างสหรัฐฯ คงต้องได้รับผลกระทบบ้างแต่คงไม่มากนัก เพราะธุรกิจ TUF เป็นธุรกิจอาหาร ซึ่งอาหารเป็นปัจจัยพื้นฐานในการบริโภค ที่สำคัญสินค้าTUF มีราคาไม่สูง ขณะะที่บริษัทจะขยายตลาดและหาช่องทางจำหน่ายเพิ่ม และมั่นใจว่า บริษัทยังมีศักยภาพในการดำเนินธุรกิจให้เติบโตได้อย่างต่อเนื่อง รวมถึงการสร้างอัตราผลตอบแทนให้กับกลุ่มผู้ถือหุ้นได้อย่างเหมาะสม ซึ่งจากผลประกอบการดังกล่าว น่าจะส่งผลดีต่อการจ่ายปันผลของบริษัทในงวดแรกของปีนี้
กำลังโหลดความคิดเห็น